fbpx
วิกิพีเดีย

การล้อมอยุธยา (พ.ศ. 2309–2310)

สำหรับการปิดล้อมอยุธยาครั้งอื่น ดูที่ การปิดล้อมอยุธยา
บทความนี้เกี่ยวกับยุทธการที่นำไปสู่การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง สำหรับการทัพที่นำไปสู่การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง ดูที่ การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง

การปิดล้อมอยุธยา ระหว่างปี พ.ศ. 2309 - พ.ศ. 2310 เป็นการปิดล้อมระยะเวลานานกว่า 14 เดือนระหว่างสงครามคราวเสียกรุงครั้งที่สอง ตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าเอกทัศของอาณาจักรอยุธยา และพระเจ้ามังระของอาณาจักรโกนบอง

การปิดล้อมอยุธยา (2309-2310)
เป็นส่วนหนึ่งของ การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง

กองทัพพม่าจุดไฟสุมรากกำแพงกรุงศรีอยุธยาจนทรุดถล่มลงมา ในคืนซึ่งกรุงศรีอยุธยาเสียแก่กองทัพพม่า
วันที่ กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2309 - 7 เมษายน พ.ศ. 2310
สถานที่ แม่น้ำเจ้าพระยา อาณาจักรอยุธยา
ผลลัพธ์ อาณาจักรพม่าได้รับชัยชนะ
  • อาณาจักรอยุธยาล่มสลาย
  • กองทัพพม่าเข้าปล้นกรุงและกวาดต้อนผู้คนกลับพม่า
คู่ขัดแย้ง
อาณาจักรอยุธยา อาณาจักรโกนบอง
ผู้บัญชาการหรือผู้นำ
พระเจ้าเอกทัศ
เนเมียวสีหบดี
(แม่ทัพฝ่ายเหนือ)

มังมหานรธา
(แม่ทัพฝ่ายใต้)

กำลัง
ทหารอยุธยาและทหารอาสาชาวต่างชาติไม่ทราบจำนวน

เบื้องหลัง

เมื่อสงครามคราวเสียกรุงเริ่มขึ้น กองทัพของอาณาจักรพม่า ภายใต้การบัญชาการของเนเมียวสีหบดีและมังมหานรธา ยกมาจากทางทวายและลำปาง ราวเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2309 กองกำลังภายใต้แม่ทัพทั้งสองก็เข้าปิดล้อมกรุงศรีอยุธยาได้สำเร็จในระยะไม่เกิน 1.25 ไมล์จากกำแพงพระนคร (ในพงศาวดารไทยบันทึกไว้ว่า ตอกระออมและดงรักหนองขาว)

บทวิเคราะห์

ในอดีตกรุงศรีอยุธยามีการป้องกันพระนครโดยมีป้อมปราการเป็นกำแพงอิฐและสูงล้อมรอบตัวเมืองที่กว้าง ดังนั้นจึงสามารถกันมิให้ข้าศึกเข้าจู่โจมตีได้อย่างสะดวก ถึงแม้กองทัพพม่าได้รุกล้อมรอบพระนคร อย่างไรก็ตามการป้องพระนครก็กระทำกันอย่างเหนียวแน่นแข็งแรง แต่ยุทธศาสตร์ที่อาศัยพระนครเป็นปราการสำหรับให้ข้าศึกเข้าล้อม รอเวลาที่ทัพจากหัวเมืองมาช่วยตีกระหนาบนั้นใช้ไม่ได้มานานแล้ว ยุทธศาสตร์ใหม่ในการป้องกันตนเอง อย่างที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้ทรงใช้นั้นเป็นที่ยอมรับ นั่นก็คือต้องผลักดันมิให้ข้าศึกเข้ามาประชิดพระนคร สงครามคราวเสียกรุงในปี พ.ศ. 2310 เป็นศึกครั้งแรกและครั้งเดียว ที่ผู้นำอยุธยาสามารถรักษากรุงไว้ได้ จนถึงฤดูน้ำหลากตามแผนที่วางไว้ โดยที่ตัวพระนครไม่ต้องตกอยู่ในสภาพบอบช้ำ และราษฎรที่หลบภัยสงครามในกำแพงเมืองไม่ต้องเผชิญกับความฝืดเคืองด้านเสบียงอาหาร

ลำดับเหตุการณ์

การเตรียมการต่อสู้ของอยุธยา

 
แผนที่สังเขปแสดงที่ตั้งของกองกำลังฝ่ายเหนือ พ.ศ. 2309

การวางแนวปะทะได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้กองทัพพม่าซึ่งล้อมกรุงมาเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 10 เดือนนับแต่เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2309 ไม่สามารถแม้แต่จะบุกเข้าใกล้ตัวกำแพงพระนคร หรือตั้งป้อมประชิดกำแพงเพื่อใช้ปืนใหญ่ระดมยิง เหมือนกับที่เคยเคยทำได้ในศึกอลองพญา พม่าทำได้อย่างมากก็แต่เพียงตั้งค่ายล้อมพระนครอยู่ไกล ๆ เช่น ทางทิศตะวันตกเข้ามาได้ไม่เกินวัดท่าการ้อง ขณะที่กำลังส่วนใหญ่ยังคงติดอยู่กลางทุ่งประเชต และทุ่งวัดภูเขาทอง ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เข้ามาได้ไม่ถึงวัดไชยวัฒนาราม เพราะทางอยุธยาตั้งค่ายใหญ่กันไว้ ทางด้านตะวันออกเข้าได้ ไม่ถึงวัดพิชัย และเป็นไปได้ว่าตลอดลำคูขื่อหน้าจากหัวรอถึงปากน้ำแม่เบี้ย และคลองสวนพลูยังเป็นเขตปลอดจากการยึดครองของพม่า ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้และทิศใต้จากคลองสวนพลู วัดโปรตุเกส ตลอดไปจนถึงวัดพุทไธศวรรย์ และวัดเซนต์โยเซฟยังตกอยู่ภายใต้การยึดครองของอยุธยา ส่วนทางทิศเหนือพม่าเข้าได้ไม่ไกลไปกว่าโพธิ์สามต้นและปากน้ำประสบ

การรบทางเรือ

บาทหลวงชาวฝรั่งเศสสรุปความสามารถของทหารอยุธยาที่ป้องกันพระนครว่า

"… เมื่อไทยออกต่อสู้พม่าคราวใด ก็สำหรับส่งอาวุธให้ข้าศึกเท่านั้น …"

พวกแม่ทัพนายกองของพม่าร้องทุกข์ต่อมังมหานรธาให้เลิกทัพกลับไปก่อน เพราะฝนตกชุกเดี๋ยวน้ำเหนือก็จะหลากมา แต่มังมหานรธาไม่เห็นด้วย และว่ากรุงศรีอยุธยาขัดสนเสบียงอาหาร และกระสุนดินดำจนอ่อนกำลังจวนจะตีได้อยู่แล้ว ฝ่ายกองทัพพม่าก็ได้ตระเตรียมทำไร่ทำนาหาอัตคัตสิ่งใดไม่ ถ้าเลิกทัพกลับไป อยุธยาจะได้ช่องทางหากำลังมาเพิ่มเติม เตรียมรักษาบ้านเมืองกวดขันกว่าแต่ก่อน ถึงยกมาตีอีกที่ไหนจะตีง่ายเหมือนครั้งนี้ มังมหานรธาจึงไม่ยอมให้ทัพกลับ ให้เที่ยวตรวจหาที่ดอนตามโคกตามวัดอันมีอยู่รอบพระนคร แล้วแบ่งหน้าที่กันให้กองทัพแยกออกไปตั้งค่ายสำหรับที่จะอยู่เมื่อถึงฤดูน้ำ และให้ผ่อนช้างม้าพาหนะไปเลี้ยงตามที่ดอนในหัวเมืองใกล้เคียง แล้วให้เที่ยวรวบรวมเรือใหญ่น้อยมาไว้ใช้ในกองทัพ เป็นจำนวนมาก

หลังจากที่หมดฤดูน้ำหลาก มังมหานรธาก็ล้มป่วยลงและถึงแก่กรรมที่ค่ายบ้านสีกุก แต่สาเหตุที่มังมหานรธาถึงแก่กรรมกลับโทษฝ่ายอยุธยา ด้วยแต่ก่อนมากองทัพพม่าฝ่ายเหนือ กับกองทัพพม่าฝ่ายใต้มักแก่งแย่งกัน ด้วยต่างฝ่ายต่างก็เป็นอิสระมิได้ขึ้นแก่กัน ครั้นมังมหานรธาถึงแก่กรรมลง

หลังจากที่มังมหานรธาถึงแก่กรรมแล้ว เนเมียวสีหบดีก็ได้เป็นแม่ทัพใหญ่ขึ้นบังคับบัญชากองทัพทั้งหมดเพียงผู้เดียว ส่งผลให้กองทัพทั้งฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้สมทบกันเข้าล้อมกรุงศรีอยุธยา ตัวเนเมียวสีหบดีได้ย้ายจากค่ายปากน้ำประสบมาอยู่ที่ค่ายโพธิ์สามต้น

การตั้งค่ายของอยุธยา

ต่อมาฝ่ายไทยได้มีคำสั่งให้ข้ามออกไปตั้งค่ายป้องกันพระนครไว้ทุกด้าน ดังนี้

ทิศเหนือ ตั้งค่ายที่วัดพระเมรุแห่งหนึ่ง ตั้งที่เพนียดแห่งหนึ่ง
ทิศใต้ ตั้งค่ายที่บ้านสวนพลูแห่งหนึ่ง ให้หลวงอภัยพิพัฒน์ ขุนนางจีนคุมชาวจีนบ้านนายค่าย (บางฉบับเรียกนายก่าย) 2,000 คน ให้พวกคริสตังตั้งค่ายที่วัดพุทไธสวรรย์แห่งหนึ่ง
ทิศตะวันออก ตั้งค่ายที่วัดเกาะแก้วแห่งหนึ่ง ตั้งที่วัดมณฑปแห่งหนึ่ง ตั้งที่วัดพิชัยแห่งหนึ่งในบังคับของพระยาวชิรปราการ (สิน)
ทิศตะวันตก ให้กรมอาสาหกเหล่า ตั้งค่ายที่วัดไชยวัฒนารามแห่งหนึ่ง

กองทัพอยุธยาที่รักษาพระนครนั้นเริ่มระส่ำระสายด้วยรู้กันว่าหมดช่องทางที่จะเอาชนะพม่าได้ พวกจีนในกองทัพที่ไปตั้งค่ายอยู่ที่บ้านสวนพลู คิดจะเอาตัวรอดก่อนคบคิดกันประมาณ 300 คน พากันไปยังพระพุทธบาทไปลอกทองคำที่หุ้มพระมณฑปน้อย และแผ่นเงินที่ดาดพื้นพระมณฑปใหญ่มาแบ่งปันกันเป็น อาณาประโยชน์ แล้วเอาไฟเผาพระมณฑปพระพุทธบาทต่อมาค่ายจีนที่บ้านสวนพลูก็เสียแก่พม่า

ต่อมาพม่ายกเข้าตีค่ายที่เพนียดได้ เนเมียวสีหบดีแม่ทัพพม่าก็เข้ามาตั้งอยู่ที่เพนียด แล้วให้กองทัพพม่าเข้าตีค่าย ทหารอยุธยาที่ออกไปตั้งค่ายป้องกันพระนครข้างด้านเหนือ ถูกตีแตกกลับเข้ามาในกรุงหมดทุกค่าย พม่าเข้ามาตั้งค่ายประชิดพระนคร ด้านเหนือ ที่วัดกุฎีดาว วัดสามพิหาร วัดศรีโพธิ์ วัดนางชี วัดแม่นางปลื้ม วัดมณฑป แล้วให้ปลูกหอรบ เอาปืนขึ้นจังก้ายิงเข้าไปในพระนครทุกวันมิได้ขาด

ส่วนแม่ทัพข้างใต้ก็ยกเข้ามาตีไทยที่วัดพุทไธสวรรย์ แล้วไปตีค่ายที่วัดชัยวัฒนาราม รบกันอยู่ได้ 8-9 วันก็เสียค่ายแก่พม่า แต่ที่ค่ายของพระยาตากสินที่วัดพิชัยนั้น พระยาตากทิ้งค่ายไปเสียก่อนที่พม่าจะยกเข้ามาตี

การขุดอุโมงค์ (อยุธยา หัวรอ พ.ศ. 2309)

หลังจากนายทัพพม่ารู้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า กองทัพของทางกรุงศรีอยุธยาอ่อนกำลังลงมาก และประชาชนในเมืองก็อยู่ในสภาพอดยาก จึงตกลงใจเริ่มขุดอุโมงค์ลอดตัวกำแพงอยุธยาทางด้านหัวรอ ซึ่งเป็นจุดที่แคบที่สุดของคูเมือง อุโมงค์ที่ขุดมีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 5 อุโมงค์ ในจำนวนนั้น 2 อุโมงค์เป็นอุโมงค์ที่ขุดมาหยุดลงตรงใต้ฐานกำแพง จากนั้นก็ขยายแนวขุดไปตามแนวกำแพงทั้งสองด้านเป็นขนาดความยาวประมาณ 350 หลา ด้านใต้อุโมงค์ใช้ไม้ทำขื่อรับฐานกำแพงไว้อีกชั้นหนึ่ง

ส่วนอุโมงค์ที่เหลืออีก 3 อุโมงค์นั้นขุดลอดฐานกำแพงเข้าไปในตัวพระนคร แต่ยังคงเหลือชั้นดินปิดไว้ประมาณ 2 ฟุต การปฏิบัติการขุดอุโมงค์ดังกล่าวมิได้เป็นไปอย่างราบรื่น เพราะปกติทางฝ่ายอยุธยาบนเชิงเทินใช้ปืนยิงกลุ่มพม่า ที่เข้ามาใกล้แนวกำแพงอยู่ตลอดเวลา เป็นเหตุให้พม่าต้องดำเนินการเป็นขั้นตอนคือ การสร้างสะพานในชั้นต้นทำสะพานข้ามคูก่อน จากนั้นจึงสร้างค่ายใหม่ขึ้นอีก 3 ค่ายประชิดแนวคูเมืองด้านทิศเหนือเสร็จแล้วจึงเริ่มขุดอุโมงค์ ในขณะที่ฝ่ายอยุธยาไม่ได้เพิกเฉยต่อการปฏิบัติการดังกล่าว ในครั้งนี้พระมหามนตรี ได้อาสาออกไปตีค่ายพม่าที่เข้ามาตั้งประชิดทั้ง 3 ค่าย พระเจ้าเอกทัศจึงโปรดให้จัดพลออกไป 50,000 คน ช้าง 500 เชือก ปรากฏว่าในครั้งนี้พระมหามนตรีได้ทำการรบอย่างอาจหาญ สามารถยึดค่ายพม่าได้ทั้ง 3 ค่าย แต่ภายหลังพม่าได้ส่งกำลังหนุนออกมาโอบล้อมทัพไทย จนเป็นเหตุให้พระมหามนตรีต้องนำกำลังถอนกลับเข้าเมือง

ต่อมาพม่ายกเข้ามาเผาพระที่นั่งเพนียด แล้วตั้งค่าย ณ เพนียดคล้องช้างและวัดสามวิหาร วัดมณฑป จากนั้นก็ทำสะพานข้ามทำนบ รอเข้ามาขุดอุโมงค์ที่เชิงกำแพงและตั้งป้อมศาลาดิน ตั้งค่ายวัดแม่นางปลื้ม ต่อป้อมสูงเอาปืนใหญ่ขึ้นยิง แล้วจึงตั้งค่ายเพิ่มขึ้นอีกค่ายหนึ่งที่วัดศรีโพธิ์

กลยุทธ์การเข้าตีพระนครของฝ่ายพม่า

กลยุทธ์ที่พม่านำมาใช้ในการรบคราวนี้ก็คือ ปิดล้อมกรุงไว้ แม้น้ำจะท่วมก็ไม่ถอย จัดการดำเนินการ

  1. ยึดและรวบรวมเสบียงเท่าที่จะหาได้รอบ ๆ บริเวณนั้นไว้สำรอง
  2. รวบรวมวัวควายที่ยึดมาได้ ทำการเพาะปลูกในพื้นที่รอบ ๆ
  3. ผ่อนช้างม้าไปไว้ในพื้นที่ที่หญ้าอุดมสมบูรณ์
  4. ทหารที่ล้อมกรุงศรีอยุธยาให้สร้างป้อมค่ายในพื้นที่ที่น้ำท่วมไม่ถึง
  5. จัดกองระวังป้องกันระหว่างป้อมเป็นระยะๆ
  6. ถ้ามีกำลังภายนอกเข้ามาก็ช่วยสกัดกั้นไว้

กลยุทธ์ในการเข้าตีกรุงขั้นสุดท้าย พม่าเปลี่ยนจากการเอาบันไดพาดปีนข้ามกำแพง มา เป็นการขุดอุโมงค์มุดลงใต้กำแพง โดยดำเนินการเป็นขั้น ๆ ดังนี้

  1. การสร้างสะพาน
  2. การสร้างป้อมค่าย
  3. การขุดอุโมงค์

การสร้างป้อมค่ายขึ้นใหม่ 3 ป้อมนี้ มีความมุ่งหมายสำคัญ 3 ประการ คือ

  1. เพื่อประสานงานกับฝ่ายขุดอุโมงค์ ป้องกันมิให้ทหารอยุธยาที่อยู่บนเชิงเทินยิงทำร้าย ทหารพม่าที่กำลังขุดอุโมงค์ได้ถนัด
  2. เพื่อเป็นการเพิ่มการทำลายฝ่ายอยุธยาที่อยู่ในพระนครให้มากขึ้น โดยการยิงถล่มเข้าไป
  3. เพื่อการสนับสนุนทหารที่จะบุกเข้าปีนกำแพงหรือลอดอุโมงค์เข้าไปในพระนคร

การที่กรุงศรีอยุธยามีข้าศึกเข้ามาประชิดติดพันก็นับว่าเป็นภัยร้ายแรงอยู่แล้ว ซ้ำยังมาเกิดอัคคีภัยไหม้บ้านเรือนอีก ความอัตคัดขาดแคลนที่มีอยู่เป็นทุนเดิมก็กลับโถมทับทวียิ่งขึ้น ราษฎรต่างก็ได้รับความทุกข์ยากแสนสาหัส บ้านเรือนไหม้ไปกว่า 10,000 หลัง ทำให้ราษฎรไม่มีที่พักอาศัยหลายหมื่นคน เมื่อเห็นว่าราษฎรต้องเผชิญกับความตาย ไร้ที่อยู่ทั้งขาดแคลนอาหาร กำลังใจและกำลังกายก็ถดถอยลง สมเด็จพระเจ้าเอกทัศ จึงเจรจากับพม่าขอเลิกรบ ยอมเป็นเมืองขึ้นต่อพระเจ้าอังวะ แต่แม่ทัพพม่าไม่ยอมเลิก

พม่ายังดำรงความมุ่งหมายเดิมในการรบครั้งนี้ไว้อย่างเหนียวแน่น ตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งบัดนี้ ซึ่งน่าจะยุติการรบได้แล้ว ฝ่ายอยุธยาเห็นว่าสภาพการณ์ต่าง ๆ คับขันถึงที่สุดแล้วก็ขอยอมแพ้เป็นเมืองขึ้นของพม่าอย่างที่เคยทำกันมาแต่โบราณกาล แต่พม่าปฏิเสธไม่ยอมรับ เพราะการที่อยุธยายอมแพ้นั้นมิใช่ความมุ่งหมายของฝ่ายพม่า พม่าจึงไม่สนใจเสีย

กรุงแตก

ในวันที่กรุงแตกนั้น เวลาประมาณบ่ายสามโมง พม่าจุดไฟสุมรากกำแพงเมืองตรงหัวรอที่ริมป้อมมหาชัย และยิงปืนใหญ่ระดมเข้าไปในพระนคร จากบรรดาค่ายที่รายล้อมทุกค่าย พอเพลาพลบค่ำกำแพงเมืองตรงที่เอาไฟสุมทรุดลง เวลา 2 ทุ่ม แม่ทัพพม่ายิงปืนเป็นสัญญาณให้ทหารเข้าพระนครพร้อมกันทุกด้าน พม่าเอาบันไดปีนพาดเข้ามาได้ตรงที่กำแพงทรุดนั้นก่อน ทหารอยุธยาที่รักษาหน้าที่เหลือกำลังจะต่อสู้ พม่าก็สามารถเข้าพระนครได้ในเวลาค่ำวันนั้นทุกทาง

ผลที่ตามมา

 
สถานที่ภายในพระราชวังหลวงหรือพระราชวังโบราณ
 
พระที่นั่งตรีมุข
 
สภาพวัดไชยวัฒนารามในปัจจุบัน

หลังจากที่เสียกรุงศรีอยุธยาแล้ว พวกพม่าได้บุกเข้ามายังตัวพระนครในตอนกลางคืน แล้วจุดไฟเผาบ้านเรือนของชาวบ้าน ตลอดจนปราสาทราชมณเทียร ทำให้ไฟไหม้ลุกลามแสงเพลิงสว่างดังกลางวัน เมื่อพม่าเห็นว่าไม่มีผู้ใครมาขัดขวางแล้ว ก็เที่ยวฉกชิงและเก็บรวบรวมทรัพย์จับผู้คนอลหม่านทั่วไปทั้งพระนคร แต่ด้วยเป็นเวลากลางคืน ชาวเมืองจึงหนีรอดไปได้มาก พม่าจับได้ประมาณ 30,000 คน พร้อมทั้งเจ้านายทั้งข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย และพระภิกษุสามเณรทั้งหลายที่หนีไม่พ้น พม่าก็จับเอารวมไปคุมไว้ที่ค่ายโพธิ์สามต้น ส่วนผู้คนพลเมืองที่จับได้ก็แจกจ่ายกันไปคุมไว้ตามค่ายของแม่ทัพนายกอง

หลังจากที่กองทัพพม่ายึดกรุงศรีอยุธยาสำเร็จแล้ว จึงพักอยู่ประมาณ 10 วัน พม่าใช้เวลาจุดไฟเผาบ้านเมืองเป็นเวลา 9 วัน 9 คืน จนรวบรวมเชลยและทรัพย์สมบัติเสร็จแล้วจึงยกทัพกลับไป โดยกวาดต้อนผู้คน ช้าง ม้า และนำสมเด็จพระเจ้าอุทุมพรไปด้วย เนเมียวสีหบดีได้แต่งตั้งให้สุกี้เป็นนายทัพให้มองญาพม่าเป็นปลัดทัพคุมพลรวม 3,000 คนตั้งค่ายอยู่ที่ค่ายโพธิ์สามต้น คอยสืบจับผู้คนและเก็บทรัพย์สิ่งของส่งตามไป แล้วตั้งนายทองอินให้เป็นเจ้าเมืองธนบุรี แล้วแบ่งแยกกองทัพออกเป็น 3 กองทัพ กองทัพทางเหนือ มีเนเมียวสีหบดีแม่ทัพคุม เจ้านายและข้าราชการที่เป็นเชลยกับทรัพย์สิ่งของที่ดีมีราคามากมาย ยกกลับไปทางด่านแม่ละเมาะ กองทัพทางใต้ให้เจ้าเมืองพุกามเป็นนายทัพคุมพวกเรือบรรทุก บรรดาทรัพย์สิ่งของอันเป็นของใหญ่หนัก ๆ ไปทางเมืองธนบุรีและท่าจีน แม่กลองกองหนึ่ง อีกกองหนึ่งยกเป็นกองทัพบกไปเมืองสุพรรณบุรีไปสมทบกับกองเรือที่เมือง กาญจนบุรี รวมกันยกกลับไปทางด่านพระเจดีย์สามองค์ ในครั้งนั้นพม่าได้ปืนใหญ่ 1,200 กระบอก ปืนเล็กหลายหมื่นกระบอก รวมทั้งได้ปืนคู่แฝดหล่อด้วยทองสำริด ขนาดยาว 12 ศอก และเรือพระที่นั่งกิ่งอีก 4 ลำด้วย

สำหรับปืนพระพิรุณแสนห่านั้นมีขนาดใหญ่มาก เมื่อตอนใกล้กรุงจะแตกหมดความหวังที่จะชนะพม่าแล้ว ปืนกระบอกนี้ก็ถูกทิ้งลงในสระแก้วในพระราชวังกรุงเก่า ภายหลังพม่าทราบเรื่องเข้า จึงได้นำขึ้นมาจากสระ แล้วตัวปกันหวุ่นแม่ทัพภาคใต้ขนไปทางเรือ จุดหมายปลายทาง คือ เมืองกาญจนบุรี โดยไปบรรจบกับกองทัพบกที่นั่น ครั้นมาถึงตลาดแก้วเมืองนนทบุรี เห็นว่าปืนใหญ่พระพิรุณแสนห่านี้หนักเหลือกำลังที่จะเอาไปเมืองอังวะได้ ปกันหวุ่นจึงให้เข็นชักขึ้นจากเรือที่วัดเขมา ให้เอาดินดำบรรจุเต็มกระบอก จุดเพลิงระเบิดเสีย และขนชิ้นส่วนที่เป็นทองสำริดกลับไปเมืองอังวะ โดยที่ทัพพม่าออกจากกรุงศรีอยุธยาทั้งหมด เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2310 หลังจากตีกรุงได้แล้วร่วม 2 เดือน

พม่าได้เชลยไทยจำนวน 30,000 คนเศษ พม่าแยกเชลยออกเป็น 2 พวก

  • พวกที่ 1 สมเด็จพระเจ้าอุทุมพรกับพระบรมวงศานุวงศ์และชาวเมือง เนเมียวสีหบดีให้กองทัพคุมตัวไปทางเหนือ
  • พวกที่ 2 ราษฎรที่เหลือและพวกมิชชันนารี ให้ปกันหวุ่นแม่ทัพทางใต้คุมไปทั้งทางบกและทางเรือ ล่องใต้ไปทางเมืองทวาย แล้วไปบรรจบกับพวกแรกที่ทางเหนือของกรุงอังวะ

ส่วนเรื่องเชลยนั้นพม่าจับเชลยคนไทยได้มากเกินกว่าจะมีเครื่องพันธนาการเพียงพอ จึงเจาะบริเวณเอ็นเหนือส้นเท้าแล้วร้อยด้วยหวายติดกันเป็นพวง เพื่อกวาดต้อนเชลยไทยให้เดินทางไปยังกรุงอังวะ ประเทศพม่า นับแต่นั้นมาคนไทยเรียกบริเวณเอ็นเหนือส้นเท้าว่า “เอ็นร้อยหวาย ” ในปัจจุบัน เชลยศึกชาวไทยที่ถูกพม่ากวาดต้อนไปครั้งนั้น ได้ไปตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บริเวณปองเลไต๊ (ตึกปองเล) ใกล้คลองชะเวตาชอง หรือคลองทองคำ แถบระแหงโม่งตีส หรือตลาดระแหง ห่างจากเมืองมัณฑะเลย์ ประมาณ 13 กิโลเมตร มีวัดระไห่ เป็นศูนย์กลางของหมู่บ้าน มีตลาดโยเดีย และมีการรำโยเดียที่มีท่ารำชั้นสูง เช่น พรหมสี่หน้าของไทย ในเมืองพม่าปัจจุบันด้วย

พระเจ้าอุทุมพรถูกพระเจ้ามังระบังคับให้ลาผนวช แล้วให้ตั้งตำหนักอยู่ที่เมืองจักกาย (สแคง) ตรงหน้าเมืองอังวะ พร้อมด้วยเจ้านายและข้าราชการอยุธยาก็รวบรวมอยู่ที่นั่นเป็นส่วนมาก พม่าได้ซักถามเรื่องพงศาวดารและแบบแผนราชประเพณีกรุงศรีอยุธยาจดลงในจดหมายเหตุ คือ เอกสารที่ฝ่ายไทยได้ฉบับมาแปลพิมพ์เรียกว่า "คำให้การขุนหลวงหาวัด" หรือ "คำให้การชาวกรุงเก่า" แต่ส่วนพวกราษฎรที่ถูกกวาดต้อนไปจำนวนมากนั้น พม่าแจกจ่ายไปอยู่ตามที่ต่าง ๆ ภายหลังหนีคืนมาบ้านเมืองได้บ้างก็มี แต่ก็สาบสูญไปในพม่าเสียเป็นส่วนมาก พระเจ้าอุทุมพรไม่เสด็จกลับมาอยุธยาอีก และสิ้นพระชนม์ที่เมืองจักกาย (สแคง)ในปี พ.ศ. 2329 หลักฐานสุดท้ายของเจ้านายพระองค์นี้ที่เหลืออยู่ก็คือ เจดีย์ที่เมืองจักกายเท่านั้น

บันทึกของผู้ที่เห็นเหตุการณ์ปล้นสะดมพระนคร

แอนโทนี โกยาตัน ชาวอาร์เมเนียน อดีต Head of the Foreign Europeans ในสยามและ The Arabian Priest Seyed Ali ซึ่งแต่ก่อนได้พำนักอยู่ในกรุงสยามได้เล่าเรื่องราวให้ Shabandar [ชาแบนดาร์] พี แวนเดอร์วูร์ต ฟังดังนี้:

"... หลังจากที่คนรับใช้ของกษัตริย์ได้ออกไปแล้วในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2308 ไม่นานนัก พม่าก็เข้าล้อมกรุงสยามในเดือนกรกฎาคมหรือสิงหาคม พ.ศ. 2309 หลังจากที่ได้ทำลายเมืองต่าง ๆ ที่อยู่รอบ ๆ ได้แล้ว และพม่าได้วางที่ตั้งยิงปืนใหญ่ขนาดเล็กขึ้นโดยรอบกรุงเพื่อมิให้ผู้ใดเข้าหรือออกได้ สภาพเช่นนี้เป็นไปจนกระทั่งถึงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2310 ในเวลาที่น้ำขึ้นท่วมรอบกรุง พม่าได้เคลื่อนที่เข้าไปใกล้กรุง ในเวลากลางคืนด้วยเรือหลายลำ ใช้บันไดพาดกำแพงหลายแห่ง และโยนหม้อดินที่บรรจุดินปืนเข้าไปภายในกำแพงที่ถูกล้อม ครั้นเมื่อยึดกรุงได้แล้ว พวกพม่าได้ช่วยกันทำลายเมืองลงเป็นเถ้าถ่า หมด การปฏิบัติในครั้งนี้พวกพม่าได้รับการช่วยเหลือเป็นอย่างมากจากพวกเพื่อนร่วมชาติของตนที่อยู่ภายในกรุง ซึ่งมีจำนวนประมาณห้าร้อยคน กับพวกพม่าที่ทำการรุกเข้าไปที่สามารถทำการติดต่อกันได้ เรื่องได้มีต่อไปว่า หลังจากที่ได้สังหารประชาชนส่วนมากผู้ซึ่งหนีความโกลาหลไปแล้ว พวกพม่าก็แบ่งคนออกเป็นพวก ๆ ตามจำนวนของผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ ออกเป็นหลายพวกแล้วนำพวกเหล่านี้ไป หลังจากที่ได้ทำการวางเพลิง Lodge of the Company ที่ทำการของบริษัทแล้ว ส่วนกษัตริย์หนุ่มด้วยพระบรมวงศานุวงศ์เช่นเดียวกันกับ Berquelang ก็รวมอยู่ในหมู่ประชาชนที่ถูกนำไปด้วย ในระหว่างทาง กษัตริย์หนุ่มได้ประชวรสวรรคต และ Berquelang ก็ถึงแก่กรรมด้วยการวางยาพิษตนเอง ผู้ให้การได้กล่าวด้วยว่า กษัตริย์องค์ที่สูงด้วยวัยถูกลอบปลงพระชนม์ ในคืนเดียวกันโดยชาวสยามด้วยกัน..."

ผู้ที่บันทึกพร้อมกับเพื่อนในคณะ ซึ่งมีจำนวนประมาณหนึ่งพันคนประกอบด้วยชาวโปรตุเกส อาร์มีเนีย มอญ สยาม และมลายู ทั้งชาย หญิง และเด็ก ได้ถูกนำตัวมุ่งหน้าไปยังพะโคภายใต้การควบคุมของชาวพม่ากลุ่มเล็ก ๆ เพียงสิบห้าคนเท่านั้น ในระหว่างครึ่งทาง พวกเขาประสบโอกาสจับพวกที่ควบคุมไว้ได้ และพากันหลบหนีมา หลังจากที่ได้บุกป่าฝ่าดงมาแล้ว พวกเขาก็กลับมาถึงแม่น้ำสยามอีกครั้งหนึ่ง

อ้างอิง

  1. สุเนตร ชุตันธรานนท์. หน้า 39-40.
  2. ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 39. หน้า 409-414.
  3. นิธิ เอียวศรีวงศ์. กรุงแตก, พระเจ้าตากฯ และประวัติศาสตร์ไทย ว่าด้วยประวัติศาสตร์และประวัติศาสตร์นิพนธ์. กรุงเทพฯ : มติชน, 2539 หน้าที่ 136-137 ISBN 974-7120-82-8
  4. นิธิ เอียวศรีวงศ์. กรุงแตก, พระเจ้าตากฯ และประวัติศาสตร์ไทย ว่าด้วยประวัติศาสตร์และประวัติศาสตร์นิพนธ์. กรุงเทพฯ : มติชน, 2539 หน้าที่ 137 ISBN 974-7120-82-8
  5. กรมศิลปากร. ประชุมพงศวดาร ภาคที่ ๓๙. หน้า ๕๘-๖๐.
  6. การศาสนา,กรม. ประวัติวัดทั่วราชอาณาจักร เล่ม ๔. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์การศาสนา,๒๕๒๘. หน้า ๗
  7. กรมศิลปากร, พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา (พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานบรรจุศพ คุณพ่อไต้ล้ง พรประภา วันที่ ๔ กันยายน ๒๕๑๑) หน้า ๖๐๓-๖๐๔
  8. ภัทรธาดา. เอกสารบรรยายพระราชประวัติสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี (ชลบุรี:พฤษภาคม ๒๕๒๔) หน้า ๙-๑๐.
  9. นิธิ เอียวศรีวงศ์. หนังสืองานพระราชทานเพลิงศพ พลตรีสหวัฏ (อุดม) ปัญญาสุข. 21 พฤษภาคม 2540 หน้า140
  10. คุรุสภา. ประชุมพงศาวดาร เล่ม ๖. พระนคร : คุรุสภา ๒๕๑๖, หน้า ๑๘๘.
  11. คุรุสภา. ประชุมพงศาวดาร เล่ม ๖. พระนคร : คุรุสภา ๒๕๑๖, หน้า ๑๘๘-๑๘๙.
  12. ๕๓ พระมหากษัตริย์ไทย : ธ ครองใจไทยทั้งชาติ. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์, ๒๕๔๓. หน้า ๒๕๒. (ISBN 9742777519)
  13. รวมศักดิ์ ไชยโกมินทร์, พลโท. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ยอดนาวิกโยธินไทย ในผ่านศึกฉบับพิเศษ : วันทหารผ่านศึก 3 กุมภาพันธ์ 2537 หน้า 17
  14. รวมศักดิ์ ไชยโกมินทร์, พลโท. สงครามประวัติศาสตร์. กรุงเทพฯ : มติชน, 2541 หน้า 17-18 ISBN 9743213074
  15. รวมศักดิ์ ไชยโกมินทร์, พลโท. สงครามประวัติศาสตร์. กรุงเทพฯ : มติชน, 2541 หน้า 18 ISBN 9743213074
  16. มูลนิธิกตเวทินในพระบรมราชูปถัมป์. ประวัติศาสตร์ชาติไทย, กรุงเทพฯ : อมรินทร์พริ้นติ้งแอนพับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน), 2547 หน้า 79-80 ISBN 974-92746-2-8
  17. ศิลปากร,กรม. พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา เล่ม ๑. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์คลังวิทยา, ๒๕๑๖.
  18. สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ, ไทยรบกับพม่าฉบับรวมเล่ม (พระนคร : ศิลปาบรรณาคาร ๒๕๒๔) หน้า ๓๑๐
  19. มูลนิธิกตเวทินในพระบรมราชูปถัมป์. ประวัติศาสตร์ชาติไทย, กรุงเทพฯ : อมรินทร์พริ้นติ้งแอนพับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน), 2547 หน้า 83. ISBN 974-92746-2-8
  20. กรมศิลปากร. จดหมายเหตุและบาดหลวงฝรั่งเศสในแผ่นดินพระเจ้าเอกทัศ กรุงธนบุรีและรัตนโกสินทร์ตอนต้น, 2511 หน้า 85
  21. กรมศิลปากร. จดหมายเหตุและบาดหลวงฝรั่งเศสในแผ่นดินพระเจ้าเอกทัศกรุงธนบุรีและรัตนโกสินทร์ตอนต้น, 2511 หน้า 86
  22. กรมศิลปากร. จดหมายเหตุและบาดหลวงฝรั่งเศสในแผ่นดินพระเจ้าเอกทัศกรุงธนบุรีและรัตนโกสินทร์ตอนต้น. 2511 หน้า 87
  23. กฎหมายตราสามดวง เล่ม 1. (พระนคร : องค์การค้าครุสภา, 2505). 123.-127
  24. กฎหมายตราสามดวง เล่ม 1. (พระนคร : องค์การค้าครุสภา, 2505), 135-137
  25. จรรยา ประชิตโรมรัน. หน้า 169.
  26. พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์. สามกรุง. พระนคร : คลังวิทยา, ๒๕๑๑ หน้า ๑๒๑-๑๒๒
  27. อาทร จันทวิมล. ประวัติของแผ่นดินไทย. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์จุฬาฯ, 2546 หน้า 230 ISBN 9749179706
  28. ขจร สุขพานิช. ข้อมูลประวัติศาสตร์ : สมัยบางกอก. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, 2531. หน้า 270
  29. แปลโดย ส.ศิวรักษ์. History of the Kingdom of Siam, สังคมศาสตร์ปริทัศน์. ปีที่ 4 ฉบับที่ 4, 2510 หน้า 58-65
  30. ชนสวัสดิ์ ชมพูนุท, ม.ร.ว.. พระราชประวัติ ๙ มหาราช. พระนคร : พิทยาคาร ๒๕๑๔, หน้า ๒๖๖.
  31. จรรยา ประชิตโรมรัน, พลตรี. การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง พ.ศ. 2310. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์จุฬาฯ, 2536 หน้า 185 - 186 ISBN 974-584-663-5
  32. สุเนตร ชุตินธรานนท์. สงครามคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง (พ.ศ 2310) : ศึกษาจากพงศาวดารพม่าฉบับราชวงศ์คองบอง. กรุงเทพฯ : ศยาม, 2544 หน้า 112 ISBN 974-315-313-6
  33. กรมศิลปากร. จดหมายเหตุและบาทหลวงฝรั่งเศสในแผ่นดินพระเจ้าเอกทัศ กรุงธนบุรีและรัตนโกสินทร์ตอนต้น, 2511 หน้า 82

การล, อมอย, ธยา, 2309, 2310, สำหร, บการป, ดล, อมอย, ธยาคร, งอ, การป, ดล, อมอย, ธยา, บทความน, เก, ยวก, บย, ทธการท, นำไปส, การเส, ยกร, งศร, อย, ธยาคร, งท, สอง, สำหร, บการท, พท, นำไปส, การเส, ยกร, งศร, อย, ธยาคร, งท, สอง, การเส, ยกร, งศร, อย, ธยาคร, งท, สอง, การป. sahrbkarpidlxmxyuthyakhrngxun duthi karpidlxmxyuthya bthkhwamniekiywkbyuththkarthinaipsukaresiykrungsrixyuthyakhrngthisxng sahrbkarthphthinaipsukaresiykrungsrixyuthyakhrngthisxng duthi karesiykrungsrixyuthyakhrngthisxng karpidlxmxyuthya rahwangpi ph s 2309 ph s 2310 epnkarpidlxmrayaewlanankwa 14 eduxnrahwangsngkhramkhrawesiykrungkhrngthisxng trngkbrchsmysmedcphraecaexkthskhxngxanackrxyuthya aelaphraecamngrakhxngxanackroknbxngkarpidlxmxyuthya 2309 2310 epnswnhnungkhxng karesiykrungsrixyuthyakhrngthisxngkxngthphphmacudifsumrakkaaephngkrungsrixyuthyacnthrudthlmlngma inkhunsungkrungsrixyuthyaesiyaekkxngthphphmawnthi kumphaphnth ph s 2309 7 emsayn ph s 2310sthanthi aemnaecaphraya xanackrxyuthyaphllphth xanackrphmaidrbchychnaxanackrxyuthyalmslay kxngthphphmaekhaplnkrungaelakwadtxnphukhnklbphmakhukhdaeyngxanackrxyuthya xanackroknbxngphubychakarhruxphunaphraecaexkths phrayaphlethph phrayataksin thxntw phrayathiebsrpriyti phrayaephchrburi phrayait phrayaphranris enemiywsihbdi aemthphfayehnux mngmhanrtha aemthphfayit kalngthharxyuthyaaelathharxasachawtangchatiimthrabcanwn enuxha 1 ebuxnghlng 2 bthwiekhraah 3 ladbehtukarn 3 1 karetriymkartxsukhxngxyuthya 3 2 karrbthangerux 3 3 kartngkhaykhxngxyuthya 3 4 karkhudxuomngkh xyuthya hwrx ph s 2309 3 5 klyuththkarekhatiphrankhrkhxngfayphma 3 6 krungaetk 4 phlthitamma 4 1 bnthukkhxngphuthiehnehtukarnplnsadmphrankhr 5 xangxingebuxnghlng aekikhemuxsngkhramkhrawesiykrungerimkhun kxngthphkhxngxanackrphma phayitkarbychakarkhxngenemiywsihbdiaelamngmhanrtha ykmacakthangthwayaelalapang raweduxnkumphaphnth ph s 2309 kxngkalngphayitaemthphthngsxngkekhapidlxmkrungsrixyuthyaidsaercinrayaimekin 1 25 imlcakkaaephngphrankhr 1 inphngsawdarithybnthukiwwa txkraxxmaeladngrkhnxngkhaw 2 bthwiekhraah aekikhinxditkrungsrixyuthyamikarpxngknphrankhrodymipxmprakarepnkaaephngxithaelasunglxmrxbtwemuxngthikwang dngnncungsamarthknmiihkhasukekhacuocmtiidxyangsadwk thungaemkxngthphphmaidruklxmrxbphrankhr xyangirktamkarpxngphrankhrkkrathaknxyangehniywaennaekhngaerng 3 aetyuththsastrthixasyphrankhrepnprakarsahrbihkhasukekhalxm rxewlathithphcakhwemuxngmachwytikrahnabnnichimidmananaelw yuththsastrihminkarpxngkntnexng xyangthismedcphranerswrmharachidthrngichnnepnthiyxmrb nnkkhuxtxngphlkdnmiihkhasukekhamaprachidphrankhr 4 sngkhramkhrawesiykrunginpi ph s 2310 epnsukkhrngaerkaelakhrngediyw thiphunaxyuthyasamarthrksakrungiwid cnthungvdunahlaktamaephnthiwangiw odythitwphrankhrimtxngtkxyuinsphaphbxbcha aelarasdrthihlbphysngkhraminkaaephngemuxngimtxngephchiykbkhwamfudekhuxngdanesbiyngxahar 5 ladbehtukarn aekikhkaretriymkartxsukhxngxyuthya aekikh aephnthisngekhpaesdngthitngkhxngkxngkalngfayehnux ph s 2309 karwangaenwpathaidxyangmiprasiththiphaph thaihkxngthphphmasunglxmkrungmaepnewlaimtakwa 10 eduxnnbaeteduxnkumphaphnth ph s 2309 imsamarthaemaetcabukekhaikltwkaaephngphrankhr hruxtngpxmprachidkaaephngephuxichpunihyradmying ehmuxnkbthiekhyekhythaidinsukxlxngphya phmathaidxyangmakkaetephiyngtngkhaylxmphrankhrxyuikl echn thangthistawntkekhamaidimekinwdthakarxng 6 khnathikalngswnihyyngkhngtidxyuklangthungpraecht aelathungwdphuekhathxng thangthistawntkechiyngitekhamaidimthungwdichywthnaram ephraathangxyuthyatngkhayihykniw thangdantawnxxkekhaid imthungwdphichy aelaepnipidwatlxdlakhukhuxhnacakhwrxthungpaknaaemebiy aelakhlxngswnphluyngepnekhtplxdcakkaryudkhrxngkhxngphma thangthistawnxxkechiyngitaelathisitcakkhlxngswnphlu wdoprtueks tlxdipcnthungwdphuthithswrry aelawdesntoyesfyngtkxyuphayitkaryudkhrxngkhxngxyuthya swnthangthisehnuxphmaekhaidimiklipkwaophthisamtnaelapaknaprasb 7 8 karrbthangerux aekikh bathhlwngchawfrngesssrupkhwamsamarthkhxngthharxyuthyathipxngknphrankhrwa emuxithyxxktxsuphmakhrawid ksahrbsngxawuthihkhasukethann 9 phwkaemthphnaykxngkhxngphmarxngthukkhtxmngmhanrthaihelikthphklbipkxn ephraafntkchukediywnaehnuxkcahlakma aetmngmhanrthaimehndwy aelawakrungsrixyuthyakhdsnesbiyngxahar aelakrasundindacnxxnkalngcwncatiidxyuaelw faykxngthphphmakidtraetriymthairthanahaxtkhtsingidim thaelikthphklbip xyuthyacaidchxngthanghakalngmaephimetim etriymrksabanemuxngkwdkhnkwaaetkxn thungykmatixikthiihncatingayehmuxnkhrngni mngmhanrthacungimyxmihthphklb ihethiywtrwchathidxntamokhktamwdxnmixyurxbphrankhr aelwaebnghnathiknihkxngthphaeykxxkiptngkhaysahrbthicaxyuemuxthungvduna aelaihphxnchangmaphahnaipeliyngtamthidxninhwemuxngiklekhiyng aelwihethiywrwbrwmeruxihynxymaiwichinkxngthph epncanwnmak 10 hlngcakthihmdvdunahlak mngmhanrthaklmpwylngaelathungaekkrrmthikhaybansikuk aetsaehtuthimngmhanrthathungaekkrrmklbothsfayxyuthya dwyaetkxnmakxngthphphmafayehnux kbkxngthphphmafayitmkaekngaeyngkn dwytangfaytangkepnxisramiidkhunaekkn khrnmngmhanrthathungaekkrrmlng 11 hlngcakthimngmhanrthathungaekkrrmaelw enemiywsihbdikidepnaemthphihykhunbngkhbbychakxngthphthnghmdephiyngphuediyw sngphlihkxngthphthngfayehnuxaelafayitsmthbknekhalxmkrungsrixyuthya twenemiywsihbdiidyaycakkhaypaknaprasbmaxyuthikhayophthisamtn 12 kartngkhaykhxngxyuthya aekikh txmafayithyidmikhasngihkhamxxkiptngkhaypxngknphrankhriwthukdan dngni thisehnux tngkhaythiwdphraemruaehnghnung tngthiephniydaehnghnungthisit tngkhaythibanswnphluaehnghnung ihhlwngxphyphiphthn khunnangcinkhumchawcinbannaykhay bangchbberiyknaykay 2 000 khn ihphwkkhristngtngkhaythiwdphuthithswrryaehnghnungthistawnxxk tngkhaythiwdekaaaekwaehnghnung tngthiwdmnthpaehnghnung tngthiwdphichyaehnghnunginbngkhbkhxngphrayawchirprakar sin thistawntk ihkrmxasahkehla tngkhaythiwdichywthnaramaehnghnungkxngthphxyuthyathirksaphrankhrnnerimrasarasaydwyruknwahmdchxngthangthicaexachnaphmaid phwkcininkxngthphthiiptngkhayxyuthibanswnphlu khidcaexatwrxdkxnkhbkhidknpraman 300 khn phaknipyngphraphuththbathiplxkthxngkhathihumphramnthpnxy aelaaephnenginthidadphunphramnthpihymaaebngpnknepn xanapraoychn aelwexaifephaphramnthpphraphuththbath 13 txmakhaycinthibanswnphlukesiyaekphmatxmaphmaykekhatikhaythiephniydid enemiywsihbdiaemthphphmakekhamatngxyuthiephniyd aelwihkxngthphphmaekhatikhay thharxyuthyathixxkiptngkhaypxngknphrankhrkhangdanehnux thuktiaetkklbekhamainkrunghmdthukkhay phmaekhamatngkhayprachidphrankhr danehnux thiwdkudidaw wdsamphihar wdsriophthi wdnangchi wdaemnangplum wdmnthp aelwihplukhxrb exapunkhuncngkayingekhaipinphrankhrthukwnmiidkhad 14 swnaemthphkhangitkykekhamatiithythiwdphuthithswrry aelwiptikhaythiwdchywthnaram rbknxyuid 8 9 wnkesiykhayaekphma 15 aetthikhaykhxngphrayataksinthiwdphichynn phrayatakthingkhayipesiykxnthiphmacaykekhamati karkhudxuomngkh xyuthya hwrx ph s 2309 aekikh hlngcaknaythphphmaruepnthiaenchdaelwwa kxngthphkhxngthangkrungsrixyuthyaxxnkalnglngmak aelaprachachninemuxngkxyuinsphaphxdyak cungtklngicerimkhudxuomngkhlxdtwkaaephngxyuthyathangdanhwrx sungepncudthiaekhbthisudkhxngkhuemuxng xuomngkhthikhudmixyudwyknthngsin 5 xuomngkh incanwnnn 2 xuomngkhepnxuomngkhthikhudmahyudlngtrngitthankaaephng caknnkkhyayaenwkhudiptamaenwkaaephngthngsxngdanepnkhnadkhwamyawpraman 350 hla danitxuomngkhichimthakhuxrbthankaaephngiwxikchnhnung 16 swnxuomngkhthiehluxxik 3 xuomngkhnnkhudlxdthankaaephngekhaipintwphrankhr aetyngkhngehluxchndinpidiwpraman 2 fut karptibtikarkhudxuomngkhdngklawmiidepnipxyangrabrun ephraapktithangfayxyuthyabnechingethinichpunyingklumphma thiekhamaiklaenwkaaephngxyutlxdewla epnehtuihphmatxngdaeninkarepnkhntxnkhux karsrangsaphaninchntnthasaphankhamkhukxn caknncungsrangkhayihmkhunxik 3 khayprachidaenwkhuemuxngdanthisehnuxesrcaelwcungerimkhudxuomngkh 17 inkhnathifayxyuthyaimidephikechytxkarptibtikardngklaw inkhrngniphramhamntri idxasaxxkiptikhayphmathiekhamatngprachidthng 3 khay phraecaexkthscungoprdihcdphlxxkip 50 000 khn chang 500 echuxk praktwainkhrngniphramhamntriidthakarrbxyangxachay samarthyudkhayphmaidthng 3 khay aetphayhlngphmaidsngkalnghnunxxkmaoxblxmthphithy cnepnehtuihphramhamntritxngnakalngthxnklbekhaemuxng 18 txmaphmaykekhamaephaphrathinngephniyd aelwtngkhay n ephniydkhlxngchangaelawdsamwihar wdmnthp caknnkthasaphankhamthanb rxekhamakhudxuomngkhthiechingkaaephngaelatngpxmsaladin tngkhaywdaemnangplum txpxmsungexapunihykhunying aelwcungtngkhayephimkhunxikkhayhnungthiwdsriophthi 19 klyuththkarekhatiphrankhrkhxngfayphma aekikh klyuthththiphmanamaichinkarrbkhrawnikkhux pidlxmkrungiw aemnacathwmkimthxy cdkardaeninkar 20 yudaelarwbrwmesbiyngethathicahaidrxb briewnnniwsarxng rwbrwmwwkhwaythiyudmaid thakarephaaplukinphunthirxb phxnchangmaipiwinphunthithihyaxudmsmburn thharthilxmkrungsrixyuthyaihsrangpxmkhayinphunthithinathwmimthung cdkxngrawngpxngknrahwangpxmepnraya thamikalngphaynxkekhamakchwyskdkniwklyuththinkarekhatikrungkhnsudthay phmaepliyncakkarexabnidphadpinkhamkaaephng ma epnkarkhudxuomngkhmudlngitkaaephng odydaeninkarepnkhn dngni 21 karsrangsaphan karsrangpxmkhay karkhudxuomngkhkarsrangpxmkhaykhunihm 3 pxmni mikhwammunghmaysakhy 3 prakar khux 22 ephuxprasanngankbfaykhudxuomngkh pxngknmiihthharxyuthyathixyubnechingethinyingtharay thharphmathikalngkhudxuomngkhidthnd ephuxepnkarephimkarthalayfayxyuthyathixyuinphrankhrihmakkhun odykaryingthlmekhaip ephuxkarsnbsnunthharthicabukekhapinkaaephnghruxlxdxuomngkhekhaipinphrankhrkarthikrungsrixyuthyamikhasukekhamaprachidtidphnknbwaepnphyrayaerngxyuaelw sayngmaekidxkhkhiphyihmbaneruxnxik khwamxtkhdkhadaekhlnthimixyuepnthunedimkklbothmthbthwiyingkhun rasdrtangkidrbkhwamthukkhyakaesnsahs baneruxnihmipkwa 10 000 hlng thaihrasdrimmithiphkxasyhlayhmunkhn emuxehnwarasdrtxngephchiykbkhwamtay irthixyuthngkhadaekhlnxahar kalngicaelakalngkaykthdthxylng smedcphraecaexkths cungecrcakbphmakhxelikrb yxmepnemuxngkhuntxphraecaxngwa aetaemthphphmaimyxmelik 23 phmayngdarngkhwammunghmayediminkarrbkhrngniiwxyangehniywaenn tngaeterimtncnkrathngbdni sungnacayutikarrbidaelw fayxyuthyaehnwasphaphkarntang khbkhnthungthisudaelwkkhxyxmaephepnemuxngkhunkhxngphmaxyangthiekhythaknmaaetobrankal aetphmaptiesthimyxmrb ephraakarthixyuthyayxmaephnnmiichkhwammunghmaykhxngfayphma phmacungimsnicesiy 24 krungaetk aekikh inwnthikrungaetknn ewlapramanbaysamomng phmacudifsumrakkaaephngemuxngtrnghwrxthirimpxmmhachy aelayingpunihyradmekhaipinphrankhr cakbrrdakhaythiraylxmthukkhay phxephlaphlbkhakaaephngemuxngtrngthiexaifsumthrudlng ewla 2 thum aemthphphmayingpunepnsyyanihthharekhaphrankhrphrxmknthukdan phmaexabnidpinphadekhamaidtrngthikaaephngthrudnnkxn thharxyuthyathirksahnathiehluxkalngcatxsu phmaksamarthekhaphrankhridinewlakhawnnnthukthang 25 phlthitamma aekikh sthanthiphayinphrarachwnghlwnghruxphrarachwngobran phrathinngtrimukh sphaphwdichywthnaraminpccubn hlngcakthiesiykrungsrixyuthyaaelw phwkphmaidbukekhamayngtwphrankhrintxnklangkhun aelwcudifephabaneruxnkhxngchawban tlxdcnprasathrachmnethiyr thaihifihmluklamaesngephlingswangdngklangwn emuxphmaehnwaimmiphuikhrmakhdkhwangaelw kethiywchkchingaelaekbrwbrwmthrphycbphukhnxlhmanthwipthngphrankhr aetdwyepnewlaklangkhun chawemuxngcunghnirxdipidmak phmacbidpraman 30 000 khn phrxmthngecanaythngkharachkarphuihyphunxy aelaphraphiksusamenrthnghlaythihniimphn phmakcbexarwmipkhumiwthikhayophthisamtn swnphukhnphlemuxngthicbidkaeckcayknipkhumiwtamkhaykhxngaemthphnaykxng 26 hlngcakthikxngthphphmayudkrungsrixyuthyasaercaelw cungphkxyupraman 10 wn phmaichewlacudifephabanemuxngepnewla 9 wn 9 khun cnrwbrwmechlyaelathrphysmbtiesrcaelwcungykthphklbip odykwadtxnphukhn chang ma aelanasmedcphraecaxuthumphripdwy enemiywsihbdiidaetngtngihsukiepnnaythphihmxngyaphmaepnpldthphkhumphlrwm 3 000 khntngkhayxyuthikhayophthisamtn khxysubcbphukhnaelaekbthrphysingkhxngsngtamip aelwtngnaythxngxinihepnecaemuxngthnburi aelwaebngaeykkxngthphxxkepn 3 kxngthph kxngthphthangehnux mienemiywsihbdiaemthphkhum ecanayaelakharachkarthiepnechlykbthrphysingkhxngthidimirakhamakmay ykklbipthangdanaemlaemaa kxngthphthangitihecaemuxngphukamepnnaythphkhumphwkeruxbrrthuk brrdathrphysingkhxngxnepnkhxngihyhnk ipthangemuxngthnburiaelathacin aemklxngkxnghnung xikkxnghnungykepnkxngthphbkipemuxngsuphrrnburiipsmthbkbkxngeruxthiemuxng kaycnburi rwmknykklbipthangdanphraecdiysamxngkh inkhrngnnphmaidpunihy 1 200 krabxk punelkhlayhmunkrabxk rwmthngidpunkhuaefdhlxdwythxngsarid khnadyaw 12 sxk aelaeruxphrathinngkingxik 4 ladwy 27 sahrbpunphraphirunaesnhannmikhnadihymak emuxtxniklkrungcaaetkhmdkhwamhwngthicachnaphmaaelw punkrabxknikthukthinglnginsraaekwinphrarachwngkrungeka phayhlngphmathraberuxngekha cungidnakhunmacaksra aelwtwpknhwunaemthphphakhitkhnipthangerux cudhmayplaythang khux emuxngkaycnburi odyipbrrcbkbkxngthphbkthinn khrnmathungtladaekwemuxngnnthburi ehnwapunihyphraphirunaesnhanihnkehluxkalngthicaexaipemuxngxngwaid pknhwuncungihekhnchkkhuncakeruxthiwdekhma ihexadindabrrcuetmkrabxk cudephlingraebidesiy aelakhnchinswnthiepnthxngsaridklbipemuxngxngwa odythithphphmaxxkcakkrungsrixyuthyathnghmd emuxwnthi 6 mithunayn ph s 2310 hlngcaktikrungidaelwrwm 2 eduxn 28 phmaidechlyithycanwn 30 000 khness phmaaeykechlyxxkepn 2 phwk phwkthi 1 smedcphraecaxuthumphrkbphrabrmwngsanuwngsaelachawemuxng enemiywsihbdiihkxngthphkhumtwipthangehnux phwkthi 2 rasdrthiehluxaelaphwkmichchnnari ihpknhwunaemthphthangitkhumipthngthangbkaelathangerux lxngitipthangemuxngthway aelwipbrrcbkbphwkaerkthithangehnuxkhxngkrungxngwaswneruxngechlynnphmacbechlykhnithyidmakekinkwacamiekhruxngphnthnakarephiyngphx cungecaabriewnexnehnuxsnethaaelwrxydwyhwaytidknepnphwng ephuxkwadtxnechlyithyihedinthangipyngkrungxngwa praethsphma nbaetnnmakhnithyeriykbriewnexnehnuxsnethawa exnrxyhway inpccubn 29 echlysukchawithythithukphmakwadtxnipkhrngnn idiptngbaneruxnxyuthibriewnpxngelit tukpxngel iklkhlxngchaewtachxng hruxkhlxngthxngkha aethbraaehngomngtis hruxtladraaehng hangcakemuxngmnthaely praman 13 kiolemtr miwdraih epnsunyklangkhxnghmuban mitladoyediy aelamikarraoyediythimitharachnsung echn phrhmsihnakhxngithy inemuxngphmapccubndwy 30 phraecaxuthumphrthukphraecamngrabngkhbihlaphnwch aelwihtngtahnkxyuthiemuxngckkay saekhng trnghnaemuxngxngwa phrxmdwyecanayaelakharachkarxyuthyakrwbrwmxyuthinnepnswnmak phmaidskthameruxngphngsawdaraelaaebbaephnrachpraephnikrungsrixyuthyacdlngincdhmayehtu khux exksarthifayithyidchbbmaaeplphimpheriykwa khaihkarkhunhlwnghawd hrux khaihkarchawkrungeka aetswnphwkrasdrthithukkwadtxnipcanwnmaknn phmaaeckcayipxyutamthitang phayhlnghnikhunmabanemuxngidbangkmi aetksabsuyipinphmaesiyepnswnmak phraecaxuthumphrimesdcklbmaxyuthyaxik aelasinphrachnmthiemuxngckkay saekhng inpi ph s 2329 hlkthansudthaykhxngecanayphraxngkhnithiehluxxyukkhux ecdiythiemuxngckkayethann 31 32 bnthukkhxngphuthiehnehtukarnplnsadmphrankhr aekikh aexnothni okyatn chawxaremeniyn xdit Head of the Foreign Europeans insyamaela The Arabian Priest Seyed Ali sungaetkxnidphankxyuinkrungsyamidelaeruxngrawih Shabandar chaaebndar phi aewnedxrwurt fngdngni hlngcakthikhnrbichkhxngkstriyidxxkipaelwineduxnphvscikayn ph s 2308 imnannk phmakekhalxmkrungsyamineduxnkrkdakhmhruxsinghakhm ph s 2309 hlngcakthiidthalayemuxngtang thixyurxb idaelw aelaphmaidwangthitngyingpunihykhnadelkkhunodyrxbkrungephuxmiihphuidekhahruxxxkid sphaphechnniepnipcnkrathngthungeduxnminakhm ph s 2310 inewlathinakhunthwmrxbkrung phmaidekhluxnthiekhaipiklkrung inewlaklangkhundwyeruxhlayla ichbnidphadkaaephnghlayaehng aelaoynhmxdinthibrrcudinpunekhaipphayinkaaephngthithuklxm khrnemuxyudkrungidaelw phwkphmaidchwyknthalayemuxnglngepnethatha hmd karptibtiinkhrngniphwkphmaidrbkarchwyehluxepnxyangmakcakphwkephuxnrwmchatikhxngtnthixyuphayinkrung sungmicanwnpramanharxykhn kbphwkphmathithakarrukekhaipthisamarththakartidtxknid eruxngidmitxipwa hlngcakthiidsngharprachachnswnmakphusunghnikhwamoklahlipaelw phwkphmakaebngkhnxxkepnphwk tamcanwnkhxngphuthiyngmichiwitxyu xxkepnhlayphwkaelwnaphwkehlaniip hlngcakthiidthakarwangephling Lodge of the Company thithakarkhxngbristhaelw swnkstriyhnumdwyphrabrmwngsanuwngsechnediywknkb Berquelang krwmxyuinhmuprachachnthithuknaipdwy inrahwangthang kstriyhnumidprachwrswrrkht aela Berquelang kthungaekkrrmdwykarwangyaphistnexng phuihkaridklawdwywa kstriyxngkhthisungdwywythuklxbplngphrachnm inkhunediywknodychawsyamdwykn 33 phuthibnthukphrxmkbephuxninkhna sungmicanwnpramanhnungphnkhnprakxbdwychawoprtueks xarmieniy mxy syam aelamlayu thngchay hying aelaedk idthuknatwmunghnaipyngphaokhphayitkarkhwbkhumkhxngchawphmaklumelk ephiyngsibhakhnethann inrahwangkhrungthang phwkekhaprasboxkascbphwkthikhwbkhumiwid aelaphaknhlbhnima hlngcakthiidbukpafadngmaaelw phwkekhakklbmathungaemnasyamxikkhrnghnungxangxing aekikh suentr chutnthrannth hna 39 40 prachumphngsawdar phakhthi 39 hna 409 414 nithi exiywsriwngs krungaetk phraecatak aelaprawtisastrithy wadwyprawtisastraelaprawtisastrniphnth krungethph mtichn 2539 hnathi 136 137 ISBN 974 7120 82 8 nithi exiywsriwngs krungaetk phraecatak aelaprawtisastrithy wadwyprawtisastraelaprawtisastrniphnth krungethph mtichn 2539 hnathi 137 ISBN 974 7120 82 8 krmsilpakr prachumphngswdar phakhthi 39 hna 58 60 karsasna krm prawtiwdthwrachxanackr elm 4 krungethph orngphimphkarsasna 2528 hna 7 krmsilpakr phrarachphngsawdar chbbphrarachhtthelkha phimphepnxnusrninnganbrrcusph khunphxitlng phrprapha wnthi 4 knyayn 2511 hna 603 604 phthrthada exksarbrryayphrarachprawtismedcphraecakrungthnburi chlburi phvsphakhm 2524 hna 9 10 nithi exiywsriwngs hnngsuxnganphrarachthanephlingsph phltrishwt xudm pyyasukh 21 phvsphakhm 2540 hna140 khuruspha prachumphngsawdar elm 6 phrankhr khuruspha 2516 hna 188 khuruspha prachumphngsawdar elm 6 phrankhr khuruspha 2516 hna 188 189 53 phramhakstriyithy th khrxngicithythngchati krungethph oxediynsotr 2543 hna 252 ISBN 9742777519 rwmskdi ichyokminthr phloth smedcphraecataksinmharach yxdnawikoythinithy inphansukchbbphiess wnthharphansuk 3 kumphaphnth 2537 hna 17 rwmskdi ichyokminthr phloth sngkhramprawtisastr krungethph mtichn 2541 hna 17 18 ISBN 9743213074 rwmskdi ichyokminthr phloth sngkhramprawtisastr krungethph mtichn 2541 hna 18 ISBN 9743213074 mulnithiktewthininphrabrmrachupthmp prawtisastrchatiithy krungethph xmrinthrphrintingaexnphblichching cakd mhachn 2547 hna 79 80 ISBN 974 92746 2 8 silpakr krm phrarachphngsawdarchbbphrarachhtthelkha elm 1 krungethph sankphimphkhlngwithya 2516 smedc krmphrayadarngrachanuphaph ithyrbkbphmachbbrwmelm phrankhr silpabrrnakhar 2524 hna 310 mulnithiktewthininphrabrmrachupthmp prawtisastrchatiithy krungethph xmrinthrphrintingaexnphblichching cakd mhachn 2547 hna 83 ISBN 974 92746 2 8 krmsilpakr cdhmayehtuaelabadhlwngfrngessinaephndinphraecaexkths krungthnburiaelartnoksinthrtxntn 2511 hna 85 krmsilpakr cdhmayehtuaelabadhlwngfrngessinaephndinphraecaexkthskrungthnburiaelartnoksinthrtxntn 2511 hna 86 krmsilpakr cdhmayehtuaelabadhlwngfrngessinaephndinphraecaexkthskrungthnburiaelartnoksinthrtxntn 2511 hna 87 kdhmaytrasamdwng elm 1 phrankhr xngkhkarkhakhruspha 2505 123 127 kdhmaytrasamdwng elm 1 phrankhr xngkhkarkhakhruspha 2505 135 137 crrya prachitormrn hna 169 phrarachwrwngsethx krmhmunphithyalngkrn samkrung phrankhr khlngwithya 2511 hna 121 122 xathr cnthwiml prawtikhxngaephndinithy krungethph sankphimphcula 2546 hna 230 ISBN 9749179706 khcr sukhphanich khxmulprawtisastr smybangkxk krungethph orngphimphkhurusphaladphraw 2531 hna 270 aeplody s siwrks History of the Kingdom of Siam sngkhmsastrprithsn pithi 4 chbbthi 4 2510 hna 58 65 chnswsdi chmphunuth m r w phrarachprawti 9 mharach phrankhr phithyakhar 2514 hna 266 crrya prachitormrn phltri karesiykrungsrixyuthyakhrngthisxng ph s 2310 krungethph sankphimphcula 2536 hna 185 186 ISBN 974 584 663 5 suentr chutinthrannth sngkhramkhrawesiykrungsrixyuthyakhrngthisxng ph s 2310 suksacakphngsawdarphmachbbrachwngskhxngbxng krungethph syam 2544 hna 112 ISBN 974 315 313 6 krmsilpakr cdhmayehtuaelabathhlwngfrngessinaephndinphraecaexkths krungthnburiaelartnoksinthrtxntn 2511 hna 82ekhathungcak https th wikipedia org w index php title karlxmxyuthya ph s 2309 2310 amp oldid 9493518, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม