ขุนหลวงพระยาไกรสี สุภาวภักดี ศรีมนธาตุราช อำมาตยคณาการ (เปล่ง เวภาระ) เป็นนักกฎหมายชาวไทยคนแรกที่สำเร็จการศึกษาเป็นเนติบัณฑิตจากประเทศอังกฤษ อดีตอธิบดีกรมอัยการคนแรกของประเทศสยาม อดีตผู้ดำรงตำแหน่งลูกขุน ณ ศาลหลวง และอดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลพระราชอาญา
ขุนหลวงพระยาไกรสี
(เปล่ง เวภาระ) |
|---|
|
| เกิด | 27 ตุลาคม พ.ศ. 2405 |
|---|
| เสียชีวิต | 29 เมษายน พ.ศ. 2444 (38 ปี) |
|---|
| ถิ่นพำนัก | จังหวัดพระนคร ประเทศสยาม |
|---|
| คู่สมรส | พระสุทธิสารวินิจฉัย (มะลิ บุนนาค)
คุณสฤษดิ์พร |
|---|
| บุตร | 4 คน |
|---|
คำว่าขุนหลวงในที่นี้มีที่มาจากตำแหน่งลูกขุน ณ ศาลหลวง ซึ่งมีหน้าที่ด้านการรักษาตัวบทกฎหมายมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมข้าราชการผู้ดำรงตำแหน่งนี้มีบรรดาศักดิ์ชั้นพระ ปรากฏนามในทำเนียบศักดินาว่า "ขุนหลวงพระไกรสี" ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้เลื่อนบรรดาศักดิ์ของข้าราชการตำแหน่งดังกล่าวจากชั้นพระเป็นพระยา จึงเรียกชื่อขุนนางตำแหน่งนี้ใหม่ว่า "ขุนหลวงพระยาไกรสี" ซึ่งขุนหลวงพระยาไกรสี (เปล่ง เวภาระ) เป็น 1 ใน 2 คนที่ปรากฏหลักฐานว่าได้ดำรงตำแหน่งลูกขุน ณ ศาลหลวง ในบรรดาศักดิ์ชั้นพระยา
ประวัติ ขุนหลวงพระยาไกรสี สุภาวภักดี ศรีมนธาตุราช อำมาตยคณาการ มีนามเดิมว่า เปล่ง เวภาระ เกิดเมื่อวันจันทร์ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 12 ปีจอ จุลศักราช 1224 ตรงกับวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2405 ที่บ้านของหม่อมเจ้าหญิงประดับ ตำบลบางลำพู ริมวัดบวรนิเวศวิหาร บิดาเป็นมหาดเล็กหลวงชื่อนายหริ่ง ซึ่งเป็นบุตรคนที่ 9 ของเจ้าพระยาพลเทพ (ฉิม) มารดาชื่อ แก้ว
เริ่มเรียนหนังสือไทยเมื่ออายุได้ 9 ขวบ กับสำนักพระครูปริตโกศล (แปร่ม) วัดบวรนิเวศวิหาร เรียนได้ปีเศษ ก็มาเรียนกับป้าชื่อแสง ซึ่งเป็นบุตรีของเจ้าพระยาพลเทพ (ฉิม) เรียนทั้งหนังสือไทย หนังสือขอมและภาษาบาลี จนอายุได้ 13 ปี ก็ไปเป็นศิษย์เรียนหนังสือไทย หนังสือขอม ภาษาบาลีและวิชาเลข อยู่กั่บพระอริยมุนี (เอม) แต่เมื่อยังเป็นพระครูพุทธมนต์ปรีชา ที่วัดบวรนิเวศวิหาร
จนอายุได้ 15 ปี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าคัคณางคยุคล กรมหลวงพิชิตปรีชากร ได้ทรงเอาไปบำรุงเลี้ยง และทรงสั่งสอนและฝึกหัดกฎหมายไทยและขนบธรรมเนียมราชการอยู่ 2 ปีเศษ จึงโปรดส่งให้ไปเล่าเรียนที่โรงเรียนพระราชวังนันทอุทยาน ซึ่งเป็นโรงเรียนชายล้วนสอนภาษาอังกฤษ มีหมอแมคฟาร์แลนด์ (S.G. Mcfarland) เป็นอาจารย์ใหญ่ และ แหม่มโคล (Miss Edna S.Cole) เป็นครูสอน
พออายุได้ 20 ปี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ส่งตัวไปเรียนกฎหมายที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เรียนกฎหมายโรมัน กฎหมายอังกฤษ กฎหมายระหว่างประเทศ ฯลฯ และฝึกหัดว่าความ จนจบเป็นเนติบัณฑิตในปี พ.ศ. 2431 นับเป็นคนไทยคนแรกที่ไปเรียนกฎหมายสำเร็จเป็นเนติบัณฑิตอังกฤษ จากสำนักมิดเดิลเทมเปิล (Middle Temple) แห่งกรุงลอนดอน ได้รับพระราชทานเงินรางวัลเรียนดีชั้นที่ 1 จากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นเงิน 50 ปอนด์ และได้รับพระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา หลังจากนั้นจึงได้เริ่มรับราชการที่กรมท่า (กระทรวงการต่างประเทศในปัจจุบัน) เป็นแห่งแรก และมีความเจริญก้าวหน้าในทางราชการมาตามลำดับ
ขุนหลวงพระยาไกรสี (เปล่ง เวภาระ) มีบุตรกับคุณหญิงทองคำ 4 คน คือ คุณชื่นจิต คุณสฤษดิ์ลาภ คุณผ่องศรี (สมรสกับ พระสุทธิสารวินิจฉัย (มะลิ บุนนาค)) และคุณสฤษดิ์พร
ขุนหลวงพระยาไกรสี (เปล่ง เวภาระ) ป่วยเป็นโรคมานกษัย ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2444 อายุได้ 38 ปี 6 เดือน แต่ศพของท่านได้ถูกเก็บไว้ที่วัดกัลยาณมิตร ฝั่งธนบุรี โดยไม่มีผู้ใดทราบ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2525 มีผู้ไปพบศพและแจ้งให้นายมารุต บุนนาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในขณะนั้น (ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานตาของท่าน) ทราบ จึงได้ดำเนินการขอพระราชทานเพลิงศพตามประเพณี โดยประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ ณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาส เมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2526
การรับราชการ - พ.ศ. 2431 - เริ่มรับราชการที่กระทรวงต่างประเทศ มีหน้าที่ร่างหนังสือโต้ตอบกับราชทูตและกงสุลต่างๆ
- พ.ศ. 2432 - รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ เป็น หลวงรัตนาญัป์ติ ศักดินา 800 ไร่ เป็นตัวแทนรัฐบาลไปนั่งชำระความในศาลกงสุลต่างประเทศ
- พ.ศ. 2435 - รับราชการในตำแหน่ง เจ้ากรมสารบบ
- พ.ศ. 2436 - ได้รับแต่งตั้งเป็นอธิบดีกรมอัยการคนแรก
- พ.ศ. 2437 - ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ "ขุนหลวงพระไกรสี" ตำแหน่งลูกขุน ณ ศาลหลวง
- พ.ศ. 2439 - ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นอธิบดีผู้พิพากษาศาลพระราชอาญา
- พ.ศ. 2441 - ได้รับโปรดเกล้าฯ เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น "ขุนหลวงพระยาไกรสี สุภาวภักดีศรีมนธาตุราช อำมาตยคณาการ" ดำรงตำแหน่งอธิบดีผู้พิพากษาศาลพระราชอาญา จนกระทั่งถึงแก่อนิจกรรมในปี พ.ศ. 2444
ผลงานโดยสังเขป - รวบรวมและจัดพิมพ์ พระราชบัญญัติ พระราชกำหนดกฎหมายที่ตราขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 รวม 492 ฉบับ
- จัดทำสารบบความขึ้นเป็นครั้งแรก แบบคำฟ้อง คำให้การ ที้ใช้ในงานราชการ
- เป็นอาจารย์สอนกฎหมายที่โรงเรียนกฎหมายกระทรวงยุติธรรม
- เป็นกรรมการสอบเนติบัณฑิต
- ทำการช่วยเหลือวิ่งเต้นขอพระราชทานอภัยโทษให้ได้สำเร็จ หลังจากเทียนวรรณถูกจำคุกเป็นเวลาถึง ๑๗ ปี
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อ้างอิง - ราชกิจจานุเบกษา, ข่าวตายในกรุง, เล่ม 18, ตอน 5, 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2444, หน้า 70
- ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิศริยาภรณ์, เล่ม 7, ตอน 44, 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2433, หน้า 339
- ราชกิจจานุเบกษา, ข่าวฉลองพระประจำพระชนม์พรรษา และพระราชทานเหรียญดุษฎีมาลานายเปล่ง, เล่ม 4, ตอน 23, 16 กันยายน พ.ศ. 2430, หน้า 180
- ราชกิจจานุเบกษา, นักเรียนสยามกลับจากยุโรป เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท แลเรื่องนายเปล่ง, เล่ม 4, ตอน 21, 1 กันยายน พ.ศ. 2430, หน้า 163
ดูเพิ่ม - ประวัติขุนหลวงพระยาไกรสี (เปล่ง เวภาระ) จากพิพิธภัณฑ์ศาลไทยและหอจดหมายเหตุ
- หนังสืออนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ ขุนหลวงพระยาไกรสี (เปล่ง เวภาระ) ม.ม., ท.ช., ร.ด.ม. ณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาส วันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2526, พิมพ์ที่โรงพิมพ์รุ่งเรืองธรรม เลขที่ 47 ถนนเฟื่องนคร หลังกระทรวงมหาดไทย กรุงเทพฯ, โทร 2221746
นหลวงพระยาไกรส, เปล, เวภาระ, สำหร, บความหมายอ, นหลวงพระยาไกรส, นหลวงพระยาไกรส, ภาวภ, กด, ศร, มนธาต, ราช, อำมาตยคณาการ, เปล, เวภาระ, เป, นน, กกฎหมายชาวไทยคนแรกท, สำเร, จการศ, กษาเป, นเนต, ณฑ, ตจากประเทศอ, งกฤษ, อด, ตอธ, บด, กรมอ, ยการคนแรกของประเทศสยาม, อด, ตผ,. sahrbkhwamhmayxun duthi khunhlwngphrayaikrsi khunhlwngphrayaikrsi suphawphkdi srimnthaturach xamatykhnakar eplng ewphara epnnkkdhmaychawithykhnaerkthisaerckarsuksaepnentibnthitcakpraethsxngkvs xditxthibdikrmxykarkhnaerkkhxngpraethssyam xditphudarngtaaehnnglukkhun n salhlwng aelaxditxthibdiphuphiphaksasalphrarachxayakhunhlwngphrayaikrsi eplng ewphara ekid27 tulakhm ph s 2405esiychiwit29 emsayn ph s 2444 38 pi thinphankcnghwdphrankhr praethssyamkhusmrsphrasuththisarwinicchy mali bunnakh khunsvsdiphrbutr4 khnkhawakhunhlwnginthinimithimacaktaaehnnglukkhun n salhlwng sungmihnathidankarrksatwbthkdhmaymatngaetsmykrungsrixyuthya edimkharachkarphudarngtaaehnngnimibrrdaskdichnphra praktnaminthaeniybskdinawa khunhlwngphraikrsi insmyrchkalthi 5 ideluxnbrrdaskdikhxngkharachkartaaehnngdngklawcakchnphraepnphraya cungeriykchuxkhunnangtaaehnngniihmwa khunhlwngphrayaikrsi sungkhunhlwngphrayaikrsi eplng ewphara epn 1 in 2 khnthiprakthlkthanwaiddarngtaaehnnglukkhun n salhlwng inbrrdaskdichnphraya enuxha 1 prawti 2 karrbrachkar 3 phlnganodysngekhp 4 ekhruxngrachxisriyaphrn 5 xangxing 6 duephimprawti aekikhkhunhlwngphrayaikrsi suphawphkdi srimnthaturach xamatykhnakar minamedimwa eplng ewphara ekidemuxwncnthrkhun 5 kha eduxn 12 picx culskrach 1224 trngkbwnthi 27 tulakhm ph s 2405 thibankhxnghmxmecahyingpradb tablbanglaphu rimwdbwrniewswihar bidaepnmhadelkhlwngchuxnayhring sungepnbutrkhnthi 9 khxngecaphrayaphlethph chim mardachux aekwerimeriynhnngsuxithyemuxxayuid 9 khwb kbsankphrakhrupritoksl aeprm wdbwrniewswihar eriynidpiess kmaeriynkbpachuxaesng sungepnbutrikhxngecaphrayaphlethph chim eriynthnghnngsuxithy hnngsuxkhxmaelaphasabali cnxayuid 13 pi kipepnsisyeriynhnngsuxithy hnngsuxkhxm phasabaliaelawichaelkh xyukbphraxriymuni exm aetemuxyngepnphrakhruphuththmntpricha thiwdbwrniewswiharcnxayuid 15 pi phraecabrmwngsethx phraxngkhecakhkhnangkhyukhl krmhlwngphichitprichakr idthrngexaipbarungeliyng aelathrngsngsxnaelafukhdkdhmayithyaelakhnbthrrmeniymrachkarxyu 2 piess cungoprdsngihipelaeriynthiorngeriynphrarachwngnnthxuthyan sungepnorngeriynchaylwnsxnphasaxngkvs mihmxaemkhfaraelnd S G Mcfarland epnxacaryihy aela aehmmokhl Miss Edna S Cole epnkhrusxnphxxayuid 20 pi phrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwthrngphrakrunaoprdekla ihsngtwiperiynkdhmaythikrunglxndxn praethsxngkvs eriynkdhmayormn kdhmayxngkvs kdhmayrahwangpraeths l aelafukhdwakhwam cncbepnentibnthitinpi ph s 2431 nbepnkhnithykhnaerkthiiperiynkdhmaysaercepnentibnthitxngkvs caksankmidedilethmepil Middle Temple aehngkrunglxndxn idrbphrarachthanenginrangwleriyndichnthi 1 cakphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw epnengin 50 pxnd aelaidrbphrarachthanehriyydusdimala ekhmsilpwithya hlngcaknncungiderimrbrachkarthikrmtha krathrwngkartangpraethsinpccubn epnaehngaerk aelamikhwamecriykawhnainthangrachkarmatamladbkhunhlwngphrayaikrsi eplng ewphara mibutrkbkhunhyingthxngkha 4 khn khux khunchuncit khunsvsdilaph khunphxngsri smrskb phrasuththisarwinicchy mali bunnakh aelakhunsvsdiphrkhunhlwngphrayaikrsi eplng ewphara pwyepnorkhmanksy thungaekxnickrrmemuxwnthi 29 emsayn ph s 2444 1 xayuid 38 pi 6 eduxn aetsphkhxngthanidthukekbiwthiwdklyanmitr fngthnburi odyimmiphuidthrab cnkrathnginpi ph s 2525 miphuipphbsphaelaaecngihnaymarut bunnakh rthmntriwakarkrathrwngyutithrrminkhnann sungmiskdiepnhlantakhxngthan thrab cungiddaeninkarkhxphrarachthanephlingsphtampraephni odyprakxbphithiphrarachthanephlingsph n emruwdethphsirinthrawas emuxwnthi 20 mkrakhm ph s 2526karrbrachkar aekikhph s 2431 erimrbrachkarthikrathrwngtangpraeths mihnathiranghnngsuxottxbkbrachthutaelakngsultang ph s 2432 rbphrarachthanbrrdaskdi epn hlwngrtnaypti skdina 800 ir epntwaethnrthbalipnngcharakhwaminsalkngsultangpraeths ph s 2435 rbrachkarintaaehnng ecakrmsarbb ph s 2436 idrbaetngtngepnxthibdikrmxykarkhnaerk ph s 2437 idrbphrarachthanbrrdaskdi khunhlwngphraikrsi taaehnnglukkhun n salhlwng ph s 2439 idrboprdekla epnxthibdiphuphiphaksasalphrarachxaya ph s 2441 idrboprdekla eluxnbrrdaskdiepn khunhlwngphrayaikrsi suphawphkdisrimnthaturach xamatykhnakar darngtaaehnngxthibdiphuphiphaksasalphrarachxaya cnkrathngthungaekxnickrrminpi ph s 2444phlnganodysngekhp aekikhrwbrwmaelacdphimph phrarachbyyti phrarachkahndkdhmaythitrakhuninsmyrchkalthi 5 rwm 492 chbb cdthasarbbkhwamkhunepnkhrngaerk aebbkhafxng khaihkar thiichinnganrachkar epnxacarysxnkdhmaythiorngeriynkdhmaykrathrwngyutithrrm epnkrrmkarsxbentibnthit thakarchwyehluxwingetnkhxphrarachthanxphyothsihidsaerc hlngcakethiynwrrnthukcakhukepnewlathung 17 piekhruxngrachxisriyaphrn aekikhimrabupi mnthnaphrnmngkutsyam m m pccubnkhux tritaphrnmngkutithy ph s 2433 thiphyaphrnchangephuxk th ch pccubnkhux ebycmaphrnchangephuxk 2 ph s 2430 ehriyydusdimala ekhmsilpwithya r d m s 3 4 ph s 2436 ehriyyrchdaphieskmalaxangxing aekikh rachkiccanuebksa khawtayinkrung elm 18 txn 5 5 phvsphakhm ph s 2444 hna 70 rachkiccanuebksa phrarachthanekhruxngrachxisriyaphrn elm 7 txn 44 1 kumphaphnth ph s 2433 hna 339 rachkiccanuebksa khawchlxngphrapracaphrachnmphrrsa aelaphrarachthanehriyydusdimalanayeplng elm 4 txn 23 16 knyayn ph s 2430 hna 180 rachkiccanuebksa nkeriynsyamklbcakyuorp ekhaefathullxxngthuliphrabath aeleruxngnayeplng elm 4 txn 21 1 knyayn ph s 2430 hna 163duephim aekikhprawtikhunhlwngphrayaikrsi eplng ewphara cakphiphithphnthsalithyaelahxcdhmayehtu hnngsuxxnusrninnganphrarachthanephlingsph khunhlwngphrayaikrsi eplng ewphara m m th ch r d m n emruwdethphsirinthrawas wnthi 20 mkrakhm ph s 2526 phimphthiorngphimphrungeruxngthrrm elkhthi 47 thnnefuxngnkhr hlngkrathrwngmhadithy krungethph othr 2221746ekhathungcak https th wikipedia org w index php title khunhlwngphrayaikrsi eplng ewphara amp oldid 9488722, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,
บทความ
, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม
.jpg.html){kind=link}
_ribbon.svg.html){kind=link}
_ribbon.svg.html){kind=link}
.svg.html){kind=link}
.png.html){kind=link}