ชาวรีวกีว
รีวกีว (ญี่ปุ่น: 琉球民族 โรมาจิ: Ryūkyū minzoku; โอกินาวะ: Ruuchuu minzuku) หรือ โอกินาวะ (ญี่ปุ่น: 沖縄人 โรมาจิ: Okinawa jin; โอกินาวะ: Uchinaanchu) ปรากฏในเอกสารต้นกรุงรัตนโกสินทร์ว่า ลิชี่ว (ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์) หรือ ลิ่วขิ่ว (โคลงภาพคนต่างภาษา) เป็นชนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่บนหมู่เกาะรีวกีว ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างคีวชูกับไต้หวัน ซึ่งปัจจุบันคือที่ตั้งของจังหวัดโอกินาวะและคาโงชิมะของประเทศญี่ปุ่น ภาษาของพวกเขาจัดอยู่ในตระกูลภาษาย่อยรีวกีว หนึ่งในสองตระกูลภาษาย่อยของตระกูลภาษาญี่ปุ่น และถูกนับว่าเป็นสำเนียงหนึ่งของภาษาญี่ปุ่น
ชายชาวรีวกีวในเครื่องแต่งกายพื้นเมืองช่วงยุคเมจิ | |
ประชากรทั้งหมด | |
---|---|
1.9 ล้านคน | |
ภูมิภาคที่มีประชากรอย่างมีนัยสำคัญ | |
จังหวัดโอกินาวะ - 1.3 ล้านคน จังหวัดคาโงชิมะ (อามามิ) | |
ภูมิภาคที่มีประชากรอย่างสำคัญ | |
ญี่ปุ่น | 300,000หมายเหตุ |
สหรัฐ | -หมายเหตุ |
บราซิล | -หมายเหตุ |
เปรู | -หมายเหตุ |
โบลิเวีย | -หมายเหตุ |
ไต้หวัน | -หมายเหตุ |
จีน | -หมายเหตุ |
ฟิลิปปินส์ | -หมายเหตุ |
แคนาดา | -หมายเหตุ |
เม็กซิโก | -หมายเหตุ |
อาร์เจนตินา | -หมายเหตุ |
เอกวาดอร์ | -หมายเหตุ |
ปารากวัย | -หมายเหตุ |
คิวบา | -หมายเหตุ |
ไมโครนีเซีย | -หมายเหตุ |
นิวแคลิโดเนีย | -หมายเหตุ |
ปาเลา | -หมายเหตุ |
ภาษา | |
รีวกีว, ญี่ปุ่น | |
ศาสนา | |
พื้นเมืองรีวกีว, พุทธ, ชินโต, คริสต์ | |
กลุ่มชาติพันธุ์ที่เกี่ยวข้อง | |
ยามาโตะ, ไอนุ, โจมง | |
^ 1. ชาวรีวกีวที่อาศัยในญี่ปุ่นนอกหมู่เกาะรีวกีว นับเป็นคนพลัดถิ่น ^ 2. จำนวนของชาวรีวกีวในต่างประเทศนั้นไม่เป็นที่ทราบ เพราะหลักฐานตามสำมะโนครัวประชากรจะนับว่าเป็นชาวญี่ปุ่นหรือเอเชีย |
ชาวรีวกีวไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นชนกลุ่มน้อยในญี่ปุ่น เนื่องจากเจ้าหน้าที่จากทางการนับว่าชาวรีวกีวเป็นกลุ่มย่อยของชาวญี่ปุ่น ทำนองเดียวกับชาวยามาโตะและไอนุ กระนั้นถ้าหากว่าชาวรีวกีวเป็นชนกลุ่มน้อย ก็ถือเป็นชนกลุ่มน้อยที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น เพียงแค่จังหวัดโอกินาวะก็มีชาวรีวกีวมากถึง 1.3 ล้านคนอาศัยอยู่ นอกจากนี้ยังมีชาวรีวกีวจำนวนไม่น้อยกว่า 600,000 คน อาศัยกระจายไปยังส่วนอื่น ทั้งภายในประเทศญี่ปุ่นเองและประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก โดยมากจะอาศัยอยู่ในรัฐฮาวาย
ผลการศึกษาด้านพันธุกรรมและมานุษยวิทยาพบว่าชาวรีวกีวมีความสัมพันธ์กับชาวไอนุเป็นพิเศษ และมีบรรพบุรุษร่วมกันช่วงยุคก่อนประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นหรือยุคโจมง (10,000-1,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช) ซึ่งอพยพมาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อนจะผสมข้ามเผ่าพันธุ์กับชาวยามาโตะในยุคยาโยอิ (1,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช – ค.ศ. 300) ซึ่งอพยพมาจากเอเชียตะวันออก (โดยเฉพาะจากจีนและคาบสมุทรเกาหลี) ชาวรีวกีวมีวัฒนธรรมเป็นของตนเอง เช่น ความเชื่อ ศาสนา หรือแม้แต่อาหาร โดยมีการเพาะปลูกข้าวเพื่อบริโภคครั้งแรกราวศตวรรษที่ 12 ประชากรอาศัยอยู่ตามหมู่เกาะอย่างโดดเดี่ยวเป็นเวลาหลายศตวรรษ ราวศตวรรษที่ 14 ได้มีการรวมสามอาณาจักรเป็นรัฐเดียวคืออาณาจักรรีวกีว (ค.ศ. 1429–1879) ซึ่งโดดเด่นด้านการค้าทางทะเลและมีสถานะเป็นรัฐบรรณาการของจีนยุคราชวงศ์หมิงเป็นต้นมา กระทั่ง ค.ศ. 1609 อาณาจักรรีวกีวถูกแคว้นซัตสึมะรุกราน แต่ยังมีอิสระในฐานะรัฐประเทศราช
กระทั่งในยุคเมจิ อาณาจักรรีวกีวถูกยุบเป็นแคว้นรีวกีว (1872–1879) หลังถูกจักรวรรดิญี่ปุ่นยึดครอง ในปี ค.ศ. 1879 มีการผนวกดินแดนรวมเข้ากับประเทศญี่ปุ่น แล้วจัดตั้งจังหวัดโอกินาวะ ส่วนพระเจ้าโช ไท พระมหากษัตริย์พระองค์สุดท้ายของรีวกีวถูกเนรเทศไปโตเกียวหลังจากนั้น ค.ศ. 1895 ประเทศจีนอ้างสิทธิเหนือหมู่เกาะรีวกีว ในช่วงเวลานี้ทางการญี่ปุ่นได้ทำการปราบปรามประเพณี วัฒนธรรม และภาษาพื้นเมืองของชาวรีวกีวเพื่อกลืนเป็นชาวญี่ปุ่นหรือชาวยามาโตะ หลังสงครามโลกครั้งที่สอง หมู่เกาะรีวกีวถูกสหรัฐเข้าปกครองในปี ค.ศ. 1945–1950 และ ค.ศ. 1950–1972 ช่วงเวลานี้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนรีวกีวจำนวนมาก อันก่อให้เกิดความไม่พอใจทั้งรัฐบาลญี่ปุ่นและหน่วยงานทหารของสหรัฐที่ประจำการในโอกินาวะอย่างรุนแรง ดังจะเห็นได้จากการเกิดขบวนการรีวกีวอิสระ (Ryukyu independence movement)
อ้างอิง
- เชิงอรรถ
- Rabson, Steve. The Okinawan Diaspora in Japan: Crossing the Borders Within. Honolulu: University of Hawaii Press, 2012. 2.
- ↑ Nakasone, Ronald. Okinawan Diaspora. Honolulu: University of Hawaii Press, 2002.
- ↑ Yuka Suzuki (2012-12-02). "Ryukyuan, Ainu People Genetically Similar Read more from Asian Scientist Magazine". Asian Scientist. สืบค้นเมื่อ 7 February 2017.
- สุจิตต์ วงษ์เทศ. กรุงเทพฯ มาจากไหน?. กรุงเทพฯ : มติชน. 2548, หน้า 192
- สุจิตต์ วงษ์เทศ. กรุงเทพฯ มาจากไหน?. กรุงเทพฯ : มติชน. 2548, หน้า 199
- ↑ Minahan, James B. (2014), Ethnic Groups of North, East, and Central Asia: An Encyclopedia, ABC-CLIO, pp. 231–233, ISBN 978-1-61069-018-8
- ↑ Masami Ito (12 May 2009). "Between a rock and a hard place". The Japan Times. สืบค้นเมื่อ 5 February 2017.
- Noguchi 2001, p. 69.
- Hendrickx 2007, p. 65.
- Serafim 2008, p. 98.
- Robbeets 2015, p. 26.
- . web.archive.org. สืบค้นเมื่อ 2017-08-20.
- "Yayoi linked to Yangtze area". www.trussel.com. สืบค้นเมื่อ 2017-08-20.
- Kumar, Ann. (2009). Globalizing the Prehistory of Japan: Language, Genes and Civilisation. London and New York: Routledge Taylor & Francis Group. Page 79 & 88. Retrieved January 23, 2018, from link.
- Loo 2014, p. 1–2.
- Rabson 2007, p. 3.
- Caprio 2014, p. 61.
- Dubinsky, Davies 2013, p. 12.
- Christy 2004, p. 173–175.
- Rabson 2007, p. 4.
- Dubinsky, Davies 2013, p. 15–16.
- Caprio 2014, p. 49–50, 63, 66–67.
- Inoue 2017, p. 3.
- Inoue 2017, p. 4, 50–51.
- "List of Main Crimes Committed and Incidents Concerning the U.S. Military on Okinawa - Excerpts". Okinawa Times. 1995-10-12. สืบค้นเมื่อ 12 February 2017.
- Hendrickx 2007, p. 65–66.
- บรรณานุกรม
- Hendrickx, Katrien (2007), The Origins of Banana-fibre Cloth in the Ryukyus, Japan, Leuven University Press, ISBN 978-90-5867-614-6
- Steve Rabson (February 2008), "Okinawan Perspectives on Japan's Imperial Institution", The Asia-Pacific Journal, 6 (2), สืบค้นเมื่อ 8 February 2017
- Serafim, Leon (2008), "The uses of Ryukyuan in understanding Japanese language history", ใน Bjarke Frellesvig; John Whitman (บ.ก.), Proto-Japanese: Issues and Prospects, John Benjamins Publishing, ISBN 90-272-4809-5
- Caprio, Mark (2014), Japanese Assimilation Policies in Colonial Korea, 1910-1945, University of Washington Press, ISBN 978-0-295-99040-8
- Loo, Tze May (2014), Heritage Politics: Shuri Castle and Okinawa’s Incorporation into Modern Japan, 1879–2000, Lexington Books, ISBN 978-0-7391-8249-9
- Inoue, Masamichi S. (2017), Okinawa and the U.S. Military: Identity Making in the Age of Globalization, Columbia University Press, ISBN 978-0-231-51114-8