fbpx
วิกิพีเดีย

พญาโคตรตะบอง

พญาโคตรตะบอง หรือชาวลาวเรียกว่า ท้าวศรีโคตร พระยาศรีโคตรบอง หรือ ศรีโคตร เขมรเรียก พระยาตะบองขยุง เป็นตำนานเก่าแก่ที่แพร่หลายในไทย ลาว และเขมร เรื่องเล่าปรากฏตั้งแต่ดินแดนลุ่มแม่น้ำโขง (ประเทศลาวและในจังหวัดริมฝั่งขวาแม่น้ำโขงตั้งแต่จังหวัดหนองคายไปจนถึงจังหวัดอุบลราชธานีในภาคอีสานของไทย) ลุ่มแม่น้ำน่าน (จังหวัดพิจิตร ลพบุรี ภาคกลางของประเทศไทย) และบริเวณเมืองพระตะบอง (ประเทศกัมพูชา)

อนุสาวรีย์พญาตะบองขยุง

เรื่องราวของพญาโคตรตะบองปรากฏใน พงศาวดารเหนือ ซึ่งรัชกาลที่ 2 โปรดให้พระวิเชียรปรีชา (น้อย) รวบรวมมาจากหนังสือหลายเรื่องที่มีมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ยังปรากฏในนิทานประจำถิ่นของชาวพิจิตร มาแต่โบราณ ใน พงศาวดารเหนือ สันนิษฐานว่าพญาโคตรตะบองเป็นกษัตริย์ชาวพุทธของชนพื้นเมืองลุ่มน้ำเจ้าพระยาก่อนตั้งกรุงศรีอยุธยา แต่พญาโคตรตะบองเทวราชของเมืองพิจิตร ผู้ครองนครไชยวานน่าจะเป็นขอม (พราหมณ์) เพราะปรากฏว่าตอนตั้งเมืองนั้นมีการเขนงและมีพิธีโล้ชิงช้าถวายพระอิศวร พระนารายณ์ ชาวพิจิตรเรียกว่า "พ่อปู่" เชื่อกันว่าเป็นผู้ก่อตั้งเมืองพิจิตร ปัจจุบันรูปปั้นพญาโคตรตะบองประดิษฐานอยู่ด้านล่างของศาลหลักเมืองพิจิตร ในประเทศลาว ได้สร้างอนุสาวรีย์พระยาศรีโคตรบองไว้ที่เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน ซึ่งอยู่ด้านหน้าของพระธาตุศรีโคตรบองซึ่งเป็นพระธาตุสำคัญ

พระยาโคตรตะบอง มีภาพสลักขบวนแห่ของพล (เมือง) ละโว้บนปราสาทนครวัด สำหรับเมืองพระตะบอง หรือชื่อกัมพูชาว่า บัดตัมบอง หรือ บัตดอมบอง แปลว่า "ตะบองหาย" ก็มีตำนานที่ต่อเนื่องจากเรื่องพญาโคตรตะบอง

เนื้อหา

พงศาวดารเหนือ

พญาโคตรตะบอง เป็นโอรสของพญาโคดมเชื้อสายพระมหาพุทธสาครผู้ครองอาณาจักรอยู่ริมเกาะหนองโสนตรงที่เป็นวัดเดิม (ปัจจุบัน คือวัดอโยธยา) พญาโคตรตะบองเป็นกษัตริย์มีพละกำลังมาก มีตะบองเป็นอาวุธคู่มือ ไม่มีอาวุธใดจะสังหารพระองค์ได้ วันหนึ่งโหรหลวงทำนายว่าจะมีผู้มีบุญมาเกิดในเมืองของพระองค์ พระองค์จึงสั่งให้ฆ่าหญิงมีครรภ์เสียทั้งหมด จนโหรทำนายต่อว่า ผู้มีบุญได้เกิดมาแล้ว พระองค์จึงสั่งให้จับเด็กทารกมาเผาไฟ แต่มีทารกผู้หนึ่งรอด เพราะพระภิกษุรูปหนึ่งไปพบเข้าจึงนำไปเลี้ยงไว้ที่ วัดโพธิ์ผีให้ ผ่านมา 17 ปี ทารกเติบโตเป็นหนุ่มแต่พิการเดินไม่ได้เพราะถูกไฟคลอกมือ และเท้างอมาแต่เล็ก จะไปไหนก็ต้องลากเท้าเสียงดังแกรก ๆ คนจึงเรียกว่านายแกรก และมีข่าวลือว่า ผู้มีบุญกำลังมาแล้ว นายแกรกจึงพยายามไปดูผู้มีบุญ พระอินทร์ได้แปลงตัวเป็นชายชราจูงม้า มาฝากไว้และบอกว่าจะไปดูแล้วกลับมาเล่าให้ฟัง ถ้าหิวข้าว ก็ให้เอาข้าวที่ห่อไว้กินไป นายแกรกรออยู่นานจนหิวก็เอาข้าว มากิน เมื่อกินแล้วเกิดมีกำลัง ในห่อนั้นยังมีขวดน้ำมันอยู่ด้วย จึงเอาน้ำมันมาทาตัว แขนขาที่งอหงิกก็หายเป็นปลิดทิ้ง จึงขึ้น ม้าสวมเครื่องกกุธภัณฑ์ที่พระอินทร์มอบไว้ ม้าก็เหาะมาที่พระตำหนัก

พญาโคตรตะบองเห็นก็ตกใจจึงหยิบตะบองขว้างใส่ แต่พลาดไปตกที่เมืองล้านช้าง พญาโคตรตะบองจึงหนีตามตะบองไปที่เมืองล้านช้าง ฝ่ายนายแกรกก็ได้ขึ้นครองเมือง โดยอภิเษกกับเชื้อสายของพญาโคตรตะบอง มีชื่อว่าพระเจ้าสินธพอมรินทร์ ฝ่ายพญาล้านช้างกลัวอำนาจพญาโคตรตะบองจึงยก พระราชธิดาให้เป็นมเหสี แต่ใจก็คิดกำจัดอยู่ตลอดเวลา จึงสั่งให้พระธิดาสอบถามจุดอ่อนเพื่อจะหาทางฆ่าพญาโคตรตะบองให้ตาย พญาโคตรตะบองหลงกลมเหสีได้หลุดปากบอกความลับไปว่าไม่มีอาวุธใดประหารพระองค์ได้ นอกจากใช้ไม้เสียบ ทวารหนักเท่านั้น

พญาล้านช้างจึงทำกลโดยทำกาจับหลักไว้ที่พระบังคน เอาหอกขัดเข้าไว้ ครั้นเมื่อพญาเข้าที่บังคน จึงถูกหอกลั่น สวนทวารเข้าไป พญาโคตรตะบองเสียใจที่เสียรู้สตรีจึงหนีกลับเมืองตน พอมาถึงพระนครก็สวรรคต พระเจ้าสินธพอมรินทร์จึงจัดการพระศพและสร้าง พระอาราม ณ สถานที่พระราชทานเพลิงให้ชื่อว่าวัดศพสวรรค์ (ปัจจุบันคือ วัดสวนหลวงสบสวรรค์)

สำนวนของกลุ่มล้านช้าง

พระยาศรีโคตรบองเป็นสามัญชน ในวัยเด็กได้รับความลำบาก บิดามารดาต้องนำไปบวชเป็นสามเณร แต่เกียจคร้าน วันหนึ่งทางวัดได้ให้ชาวบ้านช่วยตัดไม้มาสร้างศาลา เณรศรีโคตรบองมีหน้าที่หุงข้าว เมื่อข้าวจะสุกเณรศรีโคตรบองได้ใช้ไม้งิ้วดำคนข้าวทำให้ข้าวมีสีดำจึงกลัวความผิด เณรศรีโคตรบองจึงกินข้าวดำหมดหม้อและรู้สึกว่ามีกำลังมาก จากนั้นจึงหุงข้าวใหม่อีกครั้งหนึ่ง ต่อมาตอนเย็นเณรศรีโคตรบองจึงไปแบก ต้นไม้มาไว้ที่วัดคนเดียวจนเสร็จ จนทำให้หลวงพ่อตกใจ ต่อมาที่เวียงจันทน์มีข่าวเกี่ยวกับช้างเข้ามาทำลายสิ่งของ พระยาอนุพาวันดีจึงประกาศหาคนปราบช้างพร้อมกับยลูกสาวและเมืองให้ ศรีโคตรบองเมื่อสึกแล้ว จึงรับอาสาและปราบช้างได้ จึงได้ครองเมืองเวียงจันทน์และได้นางเขียวค่อมเป็นเมีย ต่อมาพระยาอนุพาวันกลัวว่าพระยาศรีโคตรบองจะครองเมืองทั้งหมด เพราะเป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์ จึงออกอุบายถามความลับกับนางเขียวค่อม จึงได้รู้ความจริงในการปราบพระยาศรีโคตรบอง วันหนึ่งพระยาอนุพาวันดีจึงเชิญพระยาศรีโคตรเข้ามากินข้าว เมื่อพระยาศรีโคตรบองจะขับถ่าย จึงถูกหอกยนต์แทงทะลุทวารถึงปาก ก่อนจะตายได้สาปแช่งชาวเมืองเวียงจันทน์ไว้ไม่ให้เจริญรุ่งเรือง พระยาศรีโคตรบองจึงเหาะกลับไปตายที่เมืองเปงจาน

สำนวนเมืองพระตะบอง

พระยาตะบองขยุงถูกเกณฑ์แรงงานไปตัดฟืนเพื่อมาทำเมรุให้กับเจ้าเมืองที่พึ่งเสียชีวิตไป แต่ถูกจัดให้อยู่ฝ่ายอาหาร เมื่อเวลาหุงข้าวเมื่อข้าวจะสุกใช้ไม้สีดำคนข้าวทำให้ข้าวดำ ตะบองขยุง กลัวเพื่อนว่าจึงกินข้าวดำหมดหม้อ และหุงใหม่ เมื่อสุกแล้วจึงแขวนหม้อข้าวไว้ที่กิ่งไม้ พอเพื่อน ๆ มาจึงเหนี่ยวกิ่งไม้ลงมาเพื่อนำหม้อข้าวมาให้ พวกกลุ่มตัดไม้เห็นดังนั้นจึงคิดว่าอัศจรรย์นัก จึงกล่าวว่าน่าจะเป็นเจ้าเมือง หลังจากนั้นตะบองขยุงจึงได้นำพรรคพวกเข้ารบกับเจ้าเมืองจนสู้ไม่ได้จึงยอมยกเมืองให้กับตะบองขยุงเป็นเจ้าเมือง

อ้างอิง

  1. สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคกลาง. กรุงเทพฯ: มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์. 2542. ISBN 9748365301. Check date values in: |date= (help)
  2. จังหวัดพิจิตร จัดงานบวงสรวงพ่อปู่ บูชาเสาหลักเมือง และรดน้ำผู้สูงอายุ
  3. "พระยาศรีโคตรบอง".
  4. สุจิตต์ วงษ์เทศ : ‘พระยาแกรก’ สัญลักษณ์พุทธเถรวาท ขัดแย้งพราหมณ์และมหายาน
  5. "พระตะบอง ตระกูลอภัยวงศ์และประวัติศาสตร์นอกตำรา". สารคดี.

พญาโคตรตะบอง, หร, อชาวลาวเร, ยกว, าวศร, โคตร, พระยาศร, โคตรบอง, หร, ศร, โคตร, เขมรเร, ยก, พระยาตะบองขย, เป, นตำนานเก, าแก, แพร, หลายในไทย, ลาว, และเขมร, เร, องเล, าปรากฏต, งแต, นแดนล, มแม, ำโขง, ประเทศลาวและในจ, งหว, ดร, มฝ, งขวาแม, ำโขงต, งแต, งหว, ดหนองคายไป. phyaokhtrtabxng hruxchawlaweriykwa thawsriokhtr phrayasriokhtrbxng hrux sriokhtr ekhmreriyk phrayatabxngkhyung epntananekaaekthiaephrhlayinithy law aelaekhmr eruxngelaprakttngaetdinaednlumaemnaokhng praethslawaelaincnghwdrimfngkhwaaemnaokhngtngaetcnghwdhnxngkhayipcnthungcnghwdxublrachthaniinphakhxisankhxngithy lumaemnanan cnghwdphicitr lphburi phakhklangkhxngpraethsithy aelabriewnemuxngphratabxng praethskmphucha xnusawriyphyatabxngkhyung eruxngrawkhxngphyaokhtrtabxngpraktin phngsawdarehnux sungrchkalthi 2 oprdihphrawiechiyrpricha nxy rwbrwmmacakhnngsuxhlayeruxngthimimaaetkhrngkrungsrixyuthya yngpraktinnithanpracathinkhxngchawphicitr maaetobran in phngsawdarehnux snnisthanwaphyaokhtrtabxngepnkstriychawphuththkhxngchnphunemuxnglumnaecaphrayakxntngkrungsrixyuthya aetphyaokhtrtabxngethwrachkhxngemuxngphicitr phukhrxngnkhrichywannacaepnkhxm phrahmn ephraapraktwatxntngemuxngnnmikarekhnngaelamiphithiolchingchathwayphraxiswr phranarayn 1 chawphicitreriykwa phxpu echuxknwaepnphukxtngemuxngphicitr pccubnruppnphyaokhtrtabxngpradisthanxyudanlangkhxngsalhlkemuxngphicitr 2 inpraethslaw idsrangxnusawriyphrayasriokhtrbxngiwthiemuxngthaaekhk aekhwngkhamwn sungxyudanhnakhxngphrathatusriokhtrbxngsungepnphrathatusakhy 3 phrayaokhtrtabxng miphaphslkkhbwnaehkhxngphl emuxng laowbnprasathnkhrwd 4 sahrbemuxngphratabxng hruxchuxkmphuchawa bdtmbxng hrux btdxmbxng aeplwa tabxnghay kmitananthitxenuxngcakeruxngphyaokhtrtabxng 5 enuxha 1 enuxha 1 1 phngsawdarehnux 1 2 sanwnkhxngklumlanchang 1 3 sanwnemuxngphratabxng 2 xangxingenuxha aekikhphngsawdarehnux aekikh phyaokhtrtabxng epnoxrskhxngphyaokhdmechuxsayphramhaphuththsakhrphukhrxngxanackrxyurimekaahnxngosntrngthiepnwdedim pccubn khuxwdxoythya phyaokhtrtabxngepnkstriymiphlakalngmak mitabxngepnxawuthkhumux immixawuthidcasngharphraxngkhid wnhnungohrhlwngthanaywacamiphumibuymaekidinemuxngkhxngphraxngkh phraxngkhcungsngihkhahyingmikhrrphesiythnghmd cnohrthanaytxwa phumibuyidekidmaaelw phraxngkhcungsngihcbedktharkmaephaif aetmitharkphuhnungrxd ephraaphraphiksuruphnungipphbekhacungnaipeliyngiwthi wdophthiphiih phanma 17 pi tharketibotepnhnumaetphikaredinimidephraathukifkhlxkmux aelaethangxmaaetelk caipihnktxnglakethaesiyngdngaekrk khncungeriykwanayaekrk aelamikhawluxwa phumibuykalngmaaelw nayaekrkcungphyayamipduphumibuy phraxinthridaeplngtwepnchaychracungma mafakiwaelabxkwacaipduaelwklbmaelaihfng thahiwkhaw kihexakhawthihxiwkinip nayaekrkrxxyunancnhiwkexakhaw makin emuxkinaelwekidmikalng inhxnnyngmikhwdnamnxyudwy cungexanamnmathatw aekhnkhathingxhngikkhayepnplidthing cungkhun maswmekhruxngkkuthphnththiphraxinthrmxbiw makehaamathiphratahnkphyaokhtrtabxngehnktkiccunghyibtabxngkhwangis aetphladiptkthiemuxnglanchang phyaokhtrtabxngcunghnitamtabxngipthiemuxnglanchang faynayaekrkkidkhunkhrxngemuxng odyxphieskkbechuxsaykhxngphyaokhtrtabxng michuxwaphraecasinthphxmrinthr fayphyalanchangklwxanacphyaokhtrtabxngcungyk phrarachthidaihepnmehsi aetickkhidkacdxyutlxdewla cungsngihphrathidasxbthamcudxxnephuxcahathangkhaphyaokhtrtabxngihtay phyaokhtrtabxnghlngklmehsiidhludpakbxkkhwamlbipwaimmixawuthidpraharphraxngkhid nxkcakichimesiyb thwarhnkethannphyalanchangcungthaklodythakacbhlkiwthiphrabngkhn exahxkkhdekhaiw khrnemuxphyaekhathibngkhn cungthukhxkln swnthwarekhaip phyaokhtrtabxngesiyicthiesiyrustricunghniklbemuxngtn phxmathungphrankhrkswrrkht phraecasinthphxmrinthrcungcdkarphrasphaelasrang phraxaram n sthanthiphrarachthanephlingihchuxwawdsphswrrkh pccubnkhux wdswnhlwngsbswrrkh sanwnkhxngklumlanchang aekikh phrayasriokhtrbxngepnsamychn inwyedkidrbkhwamlabak bidamardatxngnaipbwchepnsamenr aetekiyckhran wnhnungthangwdidihchawbanchwytdimmasrangsala enrsriokhtrbxngmihnathihungkhaw emuxkhawcasukenrsriokhtrbxngidichimngiwdakhnkhawthaihkhawmisidacungklwkhwamphid enrsriokhtrbxngcungkinkhawdahmdhmxaelarusukwamikalngmak caknncunghungkhawihmxikkhrnghnung txmatxneynenrsriokhtrbxngcungipaebk tnimmaiwthiwdkhnediywcnesrc cnthaihhlwngphxtkic txmathiewiyngcnthnmikhawekiywkbchangekhamathalaysingkhxng phrayaxnuphawndicungprakashakhnprabchangphrxmkbyluksawaelaemuxngih sriokhtrbxngemuxsukaelw cungrbxasaaelaprabchangid cungidkhrxngemuxngewiyngcnthnaelaidnangekhiywkhxmepnemiy txmaphrayaxnuphawnklwwaphrayasriokhtrbxngcakhrxngemuxngthnghmd ephraaepnphumixiththivththi cungxxkxubaythamkhwamlbkbnangekhiywkhxm cungidrukhwamcringinkarprabphrayasriokhtrbxng wnhnungphrayaxnuphawndicungechiyphrayasriokhtrekhamakinkhaw emuxphrayasriokhtrbxngcakhbthay cungthukhxkyntaethngthaluthwarthungpak kxncatayidsapaechngchawemuxngewiyngcnthniwimihecriyrungeruxng phrayasriokhtrbxngcungehaaklbiptaythiemuxngepngcan sanwnemuxngphratabxng aekikh phrayatabxngkhyungthukeknthaerngnganiptdfunephuxmathaemruihkbecaemuxngthiphungesiychiwitip aetthukcdihxyufayxahar emuxewlahungkhawemuxkhawcasukichimsidakhnkhawthaihkhawda tabxngkhyung klwephuxnwacungkinkhawdahmdhmx aelahungihm emuxsukaelwcungaekhwnhmxkhawiwthikingim phxephuxn macungehniywkingimlngmaephuxnahmxkhawmaih phwkklumtdimehndngnncungkhidwaxscrrynk cungklawwanacaepnecaemuxng hlngcaknntabxngkhyungcungidnaphrrkhphwkekharbkbecaemuxngcnsuimidcungyxmykemuxngihkbtabxngkhyungepnecaemuxngxangxing aekikh saranukrmwthnthrrmithy phakhklang krungethph mulnithisaranukrmwthnthrrmithy thnakharithyphanichy 2542 ISBN 9748365301 Check date values in date help cnghwdphicitr cdnganbwngsrwngphxpu buchaesahlkemuxng aelardnaphusungxayu phrayasriokhtrbxng sucitt wngseths phrayaaekrk sylksnphuththethrwath khdaeyngphrahmnaelamhayan phratabxng trakulxphywngsaelaprawtisastrnxktara sarkhdi ekhathungcak https th wikipedia org w index php title phyaokhtrtabxng amp oldid 9456511, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม