fbpx
วิกิพีเดีย

ธาตุก่องข้าวน้อย

ธาตุก่องข้าวน้อย หรือที่นิยมเรียกกันว่า พระธาตุถาดทอง หรือ พระธาตุตาดทอง ตั้งอยู่ในกลางทุ่งนาของบ้านตาดทอง ตำบลตาดทอง อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 9 กิโลเมตร ไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 23 (สายยโสธร-อุบลราชธานี) กิโลเมตรที่ 194 เลี้ยวซ้ายไปอีก 1 กิโลเมตร

ธาตุก่องข้าวน้อย
ชื่อสามัญพระธาตุตาดทอง , พระธาตุถาดทอง
ที่ตั้งถนนธรรมาภินันท์ ตำบลตาดทอง อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร 35000
พระพุทธรูปสำคัญพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูนโบราณ
จุดสนใจธาตุก่องข้าวน้อย และสถูปพระพุทธรุปก่ออิฐถือปูนโบราณ
กิจกรรมงานสรงน้ำธาตุก่องข้าวน้อย
ส่วนหนึ่งของสารานุกรมพระพุทธศาสนา

ประวัติ

บ้านตาดทองเป็นชุมชนโบราณตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์มาจนถึงสมัยทวาราวดี ตามตำนานอุรังคนิทาน (พระธาตุพนม) มีข้อความว่า ชาวสะเดาตาดทองได้นำของมาช่วย พบหลักฐานการอยู่อาศัยเป็นแหล่งฝังศพและมีเศษภาชนะแบบที่พบในทุ่งกุลาร้องไห้ มีเนินดินขนาดราว ๕๐๐ X ๖๕๐ เมตรรูปวงรี มีคูน้ำล้อมรอบ แต่ปัจจุบันทางหลวงตัดผ่านกลางเนิน จนแบ่งออกเป็นสองฟากและมีบ้านเรือนตั้งอยู่หนาแน่น

พระธาตุตาดทองจากรูปแบบสถาปัตยกรรมสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 24 และอาจจะมีความเกี่ยวเนื่องกับนิทานพื้นบ้านเล่าสืบกันมาว่า เมื่อผู้คนในแถบอำเภอรัตนบุรีทราบข่าวการบูรณะพระธาตุพนม จึงพร้อมใจกันรวบรวมวัตถุมงคลสิ่งมีค่าเพื่อนำไปบรรจุไว้ในพระธาตุพนม แต่เมื่อเดินทางถึงบ้านตาดทองได้พบกับชาวบ้านสะเดา ตำบลตาดทอง ที่ไปช่วยบูรณะพระธาตุเดินทางกลับมาบ้านเพราะการบูรณะพระธาตุพนมได้เสร็จสิ้นแล้ว ผู้คนเหล่านั้นจึงพร้อมใจกันสร้างเจดีย์บรรจุของมีค่าที่ตนนำมา ชาวบ้านสะเดาจึงนำถาดทองที่ใช้อัญเชิญของมีค่านำไปบรรจุในพระธาตุพนม มารองรับของมีค่าที่ชาวอำเภอรัตนบุรีที่จะนำไปบรรจุไว้ในเจดีย์ที่กำลังสร้าง จึงเรียก พระธาตุตาดทอง หรือ พระธาตุถาดทอง

ลักษณะสถาปัตยกรรม

พระธาตุตาดทอง เป็นเจดีย์ทรงมณฑปยอดบัวเหลี่ยมในผังสี่เหลี่ยมจัตุรัส สร้างก่ออิฐถือปูน รูปทรงแปลกไปจากเจดีย์โดยทั่วไป ส่วนฐานตอนล่างเป็นฐานเขียงรองรับชั้นชุดฐานบัวท้องไม้ลูกแก้วอกไก่ ฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างด้านละ 2 เมตร ก่อสูงขึ้นไปประมาณ 1 เมตร ช่วงกลางขององค์ธาตุมีลวดลายทำเป็นซุ้มประตูทั้งสี่ด้าน ถัดจากช่วงนี้ไปเป็นส่วนยอดของเจดีย์ที่ค่อยๆ สอบเข้าหากัน ส่วนยอดรอบนอกของธาตุก่องข้าวน้อยมีกำแพงอิฐล้อมรอบขนาด 5x5 เมตร ส่วนมณฑปทำย่อเก็จมีซุ้มพระทั้ง 4 ด้าน เดิมคงมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ ยอดซุ้มโค้งแบบซุ้มหน้านางภายในประดับปูนปั้นลายพรรณพฤกษา เสาซุ้มทำลายแสงตาเวน(ตะวัน)ประดับกระจก ส่วนยอดเป็นบัวเหลี่ยมทำย่อเก็จเป็นรูปบัวเหลี่ยมมีเครื่องยอดซ้อนกัน 3 ชั้นยอดแหลม โดยรอบมีใบเสมาสมัยทวารวดี และกลุ่มเจดีย์รายจำลองทรงบัวเหลี่ยม ด้านหน้าพระธาตุตาดทองมีอูบมุงแบบพื้นถิ่นอีสานในผังเหลี่ยมจัตุรัส ลักษณะเป็นห้องสี่เหลี่ยมหลังคาโดมเอนลาดสอบเข้าหากัน สันหลังคาประดับปูนปั้นรูปนาค ยอดหลังคาในตอนกลางเป็นเจดีย์ขนาดเล็ก ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยฝีมือช่างพื้นถิ่นอีสาน นับถือว่าศักดิ์สิทธิ์มาก และในช่วงเดือนเมษายนจะมีประเพณีสรงน้ำพระและปิดทอง เชื่อกันว่าถ้าไม่ทำเช่นนี้ฝนจะแล้งในปีนั้น

โบราณคดี

เอกลักษณ์ของพระธาตุตาดทอง คือ การออกแบบรูปทรงเจดีย์ที่สวยงาม และเป็นพระธาตุแห่งหนึ่งที่อาจจะเกี่ยวข้องนิทานเรื่องก่องข้าวน้อยฆ่าแม่ อีกทั้งมีประวัติอ้างอิงเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์การสร้างพระธาตุพนม กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานพระธาตุตาดทอง ในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 27 กันยายน 2479 และประกาศกำหนดเขตที่ดิน ในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 15 มกราคม 2552 เนื้อที่ 1 ไร่ 1 งาน 59 ตารางวา โบราณสถานแห่งนี้ได้รับการบูรณะครั้งหลังสุดในปี พ.ศ. 2545 ผู้ใดบุกรุกทำลายโบราณสถานมีความผิดตามกฎหมาย

นอกจากนี้แล้วบริเวณโดยรอบองค์พระธาตุตาดทอง กรมศิลปากรได้ค้นพบหลักฐานทางโบราณคดีต่าง ๆ บริเวณแห่งนี้คาดว่าเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ของไทย และภาพเขียนสียุคเดียวกับโบราณสถานบ้านเชียงด้วย อนึ่งชื่อที่ถูกต้องของธาตุองค์นี้ ควรจะเรียกว่า "ธาตุก่องข้าวน้อย" มากกว่า "พระธาตุก่องข้าวน้อย" เพราะภายในบรรจุอัฐิบุคคลธรรมดา มิใช่เป็นอัฐิพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เหมือนเช่นพระธาตุ หรือพระบรมธาตุทั่วไป[ต้องการแหล่งอ้างอิงดีกว่านี้]

นิทานก่องข้าวน้อยฆ่าแม่

ประวัติของการสร้างธาตุแห่งนี้แตกต่างไปจากธาตุอื่น ๆ ที่มักเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา โดยเป็นนิทานพื้นบ้านเล่าว่า มีชายหนุ่มชาวนา (บ้างว่าชื่อ ทอง) ที่ได้ทำนาทั้งชีวิต วันหนึ่งเขาออกไปไถนา ในเวลาเที่ยงเขาเหนื่อยล้า รู้สึกเกิดอาการร้อนรนและหิวโซ มารดาของหนุ่มชาวนามาส่งข้าว แต่มาช้ากว่าเวลาปกติ ชายหนุ่มเห็นว่าก่องข้าวที่มารดาถือมาให้นั้นก่องเล็กมาก เขาโกรธมารดามาก จึงทำร้ายมารดาด้วยความหิวเเลโมโห จึงเอาคันไถนาฟาดไปที่มารดา จนมารดาล้มและเสียชีวิต หลังจากนั้นเขากินข้าวที่มารดานำมาให้ แต่ก็กินเท่าไรข้าวก่องน้อยนั้นก็ไม่หมดก่อง ลูกชายเริ่มได้สติ หันมาเห็นมารดานอนเสียชีวิตบนพื้น จึงรู้สึกเสียใจมากที่ได้ทำผิดไป จึงได้สร้างธาตุก่องข้าวน้อยแห่งนี้ขึ้นมาด้วยมือเพื่อชดใช้บาปกรรม

ข้อเท็จจริง

ปัจจุบันได้มีการค้นพบธาตุเก่าแก่ที่วัดทุ่งสะเดา บ้านสะเดา ตำบลตาดทอง อำเภอเมืองยโสธร ซึ่งกรมศิลปากรได้สันนิษฐานว่า ธาตุดังกล่าวมีความสัมพันธ์กับนิทานพื้นบ้านเรื่องก่องข้าวน้อยฆ่าแม่ ที่เล่ากันในพื้นถิ่นอีสานว่าลูกชายคนหนึ่งได้ฆ่าแม่ของตน เพราะความหิวและความโกรธที่แม่นำข้าวมาส่งช้าและน้อยเกินไป แต่เมื่อความหิวและความโกรธคลายลง ประกอบกับข้าวที่แม่นำมาส่งที่ตนคิดว่ามีปริมาณน้อยนั้น ยังเหลืออยู่จึงเกิดความรู้สึกผิดที่ได้กระทำบาปกับแม่ จึงได้สร้างเจดีย์ขึ้นในบริเวณที่แม่เสียชีวิตเพื่อเป็นการไถ่โทษ ปัจจุบันชาวบ้านเรียกเจดีย์องค์นี้ว่า ธาตุลูกฆ่าแม่ ตั้งอยู่ภายในวัดทุ่งสะเดา นิทานพื้นบ้านที่มีเนื้อหาในลักษณะเช่นนี้ ยังถูกใช้เล่าประกอบประวัติพระธาตุตาดทองที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า ธาตุก่องข้าวน้อย

โบราณสถานสำคัญภายในวัดทุ่งสะเดา ประกอบด้วยเจดีย์ก่ออิฐถือปูน จำนวน 2 องค์ ตั้งอยู่ใกล้กัน องค์แรกมีสภาพสมบูรณ์ องค์ที่สองเหลือเพียงส่วนฐาน จากการขุดค้นทางโบราณคดีพบฐานแท่นบูชาของเจดีย์องค์ที่สองยื่นเข้าไปใต้ฐานเจดีย์องค์แรก อันเป็นหลักฐานว่า เจดีย์องค์ที่เหลือเพียงฐานนั้น ได้สร้างขึ้นมาก่อน ภายหลังพังทลายไปจึงมีการสร้างเจดีย์องค์ที่สองทับลงไปบนส่วนฐานของเจดีย์ นอกจากนี้ในปี พ.ศ. 2525 ชาวบ้านยังได้ขุดพบโบราณวัตถุในไหจำนวน 4 ไหใต้ฐานเจดีย์องค์แรก เป็นพระพุทธรูปไม้แกะสลัก พระพุทธรูปบุเงิน พระพุทธรูปปางมารวิชัย พระพุทธรูปสำริด พระพุทธรูปตะกั่ว พระพุทธรูปดินเผาสีแดงชาดปิดทอง พระพุทธรูปปางสมาธิ พระพิมพ์ เศษกระดูก กล้องยาสูบ และเครื่องถ้วยจีน ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่วัดทุ่งสะเดา

ลักษณะสถาปัตยกรรมของเจดีย์ที่มีสภาพสมบูรณ์นั้น เป็นทรงบัวเหลี่ยมในผังแปดเหลี่ยม ตามแบบศิลปะพื้นถิ่นอีสาน กำหนดอายุในพุทธศตวรรษที่ 23 มีส่วนฐานเป็นชั้นหน้ากระดานขนาดเล็กเรียงลดหลั่นกัน รับฐานบัว และมีชั้นคล้ายบัวหงายขนาดใหญ่ ถัดขึ้นมาเป็นบัวแปดเหลี่ยมรับปลียอดและฉัตร อันเป็นลักษณะเจดีย์ที่นิยมสร้างในเมืองหลวงพระบางและเวียงจันทน์ด้วยเช่นเดียวกัน

เอกลักษณ์ของเจดีย์วัดทุ่งสะเดาหรือธาตุลูกฆ่าแม่ คือ การผูกนิทานพื้นบ้านให้เข้ากับประวัติความเป็นมาของเจดีย์ กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานพระธาตุก่องข้าวน้อย วัดทุ่งสะเดา ในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 27 กันยายน 2479 โดยเจดีย์องค์ที่มีสภาพสมบูรณ์(องค์ลูก)ได้รับการบูรณะครั้งหลังสุดในปี พ.ศ. 2555 ส่วนเจดีย์องค์ที่เหลือเพียงส่วนฐาน(องค์แม่)ได้รับการบูรณะครั้งหลังสุดในปี พ.ศ. 2537 ผู้ใดบุกรุกทำลายโบราณสถานมีความผิดตามกฎหมาย

ดังนั้นจึงสันนิษฐานใหม่ว่า ธาตุวัดทุ่งสะเดา น่าจะเป็นธาตุก่องข้าวน้อยฆ่าแม่ ตามตำนานเล่าขาน เพราะมีขนาดเล็ก คนๆ เดียวสามารถสร้างได้ ส่วนธาตุก่องข้าวน้อย หรือ พระธาตุตาดทอง บ้านตาดทอง มีขนาดใหญ่พอๆ กับพระธาตุอานนท์ วัดมหาธาตุ ซึ่งมีสถาปัตยกรรมที่มีรูปแบบเฉพาะตัว บุคคลคนเดียวไม่มีความรู้เรื่องช่างไม่สามารถทำได้ จึงสมควรเรียกขานธาตุก่องข้าวน้อยที่บ้านตาดทองเสียใหม่ว่า พระธาตุตาดทอง หรือ พระธาตุถาดทอง

อ้างอิง

  1. . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2013-07-24. สืบค้นเมื่อ 2013-02-17.
  2. เที่ยวอีสานหน้าฮ้อน ออนซอนแท้เด้อ, "สมุดโคจร". รายการทางช่อง 5: อาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน 2556
  3. http://www.qrcode.finearts.go.th/index.php/th/historic-site/hs-ya-sothon/thadtadthong
  4. http://www.qrcode.finearts.go.th/index.php/th/historic-site/hs-ya-sothon/item/439-hs-yasothon-008

แหล่งข้อมูลอื่น

  • แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ ธาตุก่องข้าวน้อย
    • ภาพถ่ายดาวเทียมจากวิกิแมเปีย หรือกูเกิลแมปส์
    • แผนที่จากมัลติแมป หรือโกลบอลไกด์
    • ภาพถ่ายทางอากาศจากเทอร์ราเซิร์ฟเวอร์

พิกัดภูมิศาสตร์: 15°45′49″N 104°12′25″E / 15.763515°N 104.207039°E / 15.763515; 104.207039

ธาต, องข, าวน, อย, หร, อท, ยมเร, ยกก, นว, พระธาต, ถาดทอง, หร, พระธาต, ตาดทอง, งอย, ในกลางท, งนาของบ, านตาดทอง, ตำบลตาดทอง, อำเภอเม, องยโสธร, งหว, ดยโสธร, างจากต, วจ, งหว, ดประมาณ, โลเมตร, ไปตามทางหลวงแผ, นด, นหมายเลข, สายยโสธร, บลราชธาน, โลเมตรท, เล, ยวซ, ายไป. thatukxngkhawnxy hruxthiniymeriykknwa phrathatuthadthxng hrux phrathatutadthxng tngxyuinklangthungnakhxngbantadthxng tabltadthxng xaephxemuxngyosthr cnghwdyosthr hangcaktwcnghwdpraman 9 kiolemtr iptamthanghlwngaephndinhmayelkh 23 sayyosthr xublrachthani kiolemtrthi 194 eliywsayipxik 1 kiolemtrthatukxngkhawnxychuxsamyphrathatutadthxng phrathatuthadthxngthitngthnnthrrmaphinnth tabltadthxng xaephxemuxngyosthr cnghwdyosthr 35000phraphuththrupsakhyphraphuththrupkxxiththuxpunobrancudsnicthatukxngkhawnxy aelasthupphraphuththrupkxxiththuxpunobrankickrrmngansrngnathatukxngkhawnxyswnhnungkhxngsaranukrmphraphuththsasna enuxha 1 prawti 2 lksnasthaptykrrm 3 obrankhdi 4 nithankxngkhawnxykhaaem 5 khxethccring 6 xangxing 7 aehlngkhxmulxunprawti aekikhbantadthxngepnchumchnobrantngaetsmykxnprawtisastrmacnthungsmythwarawdi tamtananxurngkhnithan phrathatuphnm mikhxkhwamwa chawsaedatadthxngidnakhxngmachwy phbhlkthankarxyuxasyepnaehlngfngsphaelamiessphachnaaebbthiphbinthungkularxngih mienindinkhnadraw 500 X 650 emtrrupwngri mikhunalxmrxb aetpccubnthanghlwngtdphanklangenin cnaebngxxkepnsxngfakaelamibaneruxntngxyuhnaaennphrathatutadthxngcakrupaebbsthaptykrrmsrangkhuninphuththstwrrsthi 24 aelaxaccamikhwamekiywenuxngkbnithanphunbanelasubknmawa emuxphukhninaethbxaephxrtnburithrabkhawkarburnaphrathatuphnm cungphrxmicknrwbrwmwtthumngkhlsingmikhaephuxnaipbrrcuiwinphrathatuphnm aetemuxedinthangthungbantadthxngidphbkbchawbansaeda tabltadthxng thiipchwyburnaphrathatuedinthangklbmabanephraakarburnaphrathatuphnmidesrcsinaelw phukhnehlanncungphrxmicknsrangecdiybrrcukhxngmikhathitnnama chawbansaedacungnathadthxngthiichxyechiykhxngmikhanaipbrrcuinphrathatuphnm marxngrbkhxngmikhathichawxaephxrtnburithicanaipbrrcuiwinecdiythikalngsrang cungeriyk phrathatutadthxng hrux phrathatuthadthxnglksnasthaptykrrm aekikhphrathatutadthxng epnecdiythrngmnthpyxdbwehliyminphngsiehliymcturs srangkxxiththuxpun rupthrngaeplkipcakecdiyodythwip swnthantxnlangepnthanekhiyngrxngrbchnchudthanbwthxngimlukaekwxkik thansiehliymcturs kwangdanla 2 emtr kxsungkhunippraman 1 emtr chwngklangkhxngxngkhthatumilwdlaythaepnsumpratuthngsidan thdcakchwngniipepnswnyxdkhxngecdiythikhxy sxbekhahakn swnyxdrxbnxkkhxngthatukxngkhawnxymikaaephngxithlxmrxbkhnad 5x5 emtr swnmnthpthayxekcmisumphrathng 4 dan edimkhngmiphraphuththruppradisthanxyu yxdsumokhngaebbsumhnanangphayinpradbpunpnlayphrrnphvksa esasumthalayaesngtaewn tawn pradbkrack swnyxdepnbwehliymthayxekcepnrupbwehliymmiekhruxngyxdsxnkn 3 chnyxdaehlm odyrxbmiibesmasmythwarwdi aelaklumecdiyraycalxngthrngbwehliym danhnaphrathatutadthxngmixubmungaebbphunthinxisaninphngehliymcturs lksnaepnhxngsiehliymhlngkhaodmexnladsxbekhahakn snhlngkhapradbpunpnrupnakh yxdhlngkhaintxnklangepnecdiykhnadelk phayinpradisthanphraphuththruppunpnpangmarwichyfimuxchangphunthinxisan nbthuxwaskdisiththimak aelainchwngeduxnemsayncamipraephnisrngnaphraaelapidthxng echuxknwathaimthaechnnifncaaelnginpinnobrankhdi aekikhexklksnkhxngphrathatutadthxng khux karxxkaebbrupthrngecdiythiswyngam aelaepnphrathatuaehnghnungthixaccaekiywkhxngnithaneruxngkxngkhawnxykhaaem xikthngmiprawtixangxingekiywkhxngkbehtukarnkarsrangphrathatuphnm krmsilpakrprakaskhunthaebiynobransthanphrathatutadthxng inrachkiccanuebksa wnthi 27 knyayn 2479 aelaprakaskahndekhtthidin inrachkiccanuebksa wnthi 15 mkrakhm 2552 enuxthi 1 ir 1 ngan 59 tarangwa obransthanaehngniidrbkarburnakhrnghlngsudinpi ph s 2545 phuidbukrukthalayobransthanmikhwamphidtamkdhmaynxkcakniaelwbriewnodyrxbxngkhphrathatutadthxng krmsilpakridkhnphbhlkthanthangobrankhditang briewnaehngnikhadwaepnthixyuxasykhxngmnusyyukhkxnprawtisastrkhxngithy aelaphaphekhiynsiyukhediywkbobransthanbanechiyngdwy 1 xnungchuxthithuktxngkhxngthatuxngkhni khwrcaeriykwa thatukxngkhawnxy makkwa phrathatukxngkhawnxy ephraaphayinbrrcuxthibukhkhlthrrmda miichepnxthiphrabrmsaririkthatukhxngsmedcphrasmmasmphuththeca ehmuxnechnphrathatu hruxphrabrmthatuthwip 2 3 txngkaraehlngxangxingdikwani nithankxngkhawnxykhaaem aekikhprawtikhxngkarsrangthatuaehngniaetktangipcakthatuxun thimkekiywkhxngkbphuththsasna odyepnnithanphunbanelawa michayhnumchawna bangwachux thxng thiidthanathngchiwit wnhnungekhaxxkipithna inewlaethiyngekhaehnuxyla rusukekidxakarrxnrnaelahiwos mardakhxnghnumchawnamasngkhaw aetmachakwaewlapkti chayhnumehnwakxngkhawthimardathuxmaihnnkxngelkmak ekhaokrthmardamak cungtharaymardadwykhwamhiweelomoh cungexakhnithnafadipthimarda cnmardalmaelaesiychiwit hlngcaknnekhakinkhawthimardanamaih aetkkinethairkhawkxngnxynnkimhmdkxng lukchayerimidsti hnmaehnmardanxnesiychiwitbnphun cungrusukesiyicmakthiidthaphidip cungidsrangthatukxngkhawnxyaehngnikhunmadwymuxephuxchdichbapkrrmkhxethccring aekikhpccubnidmikarkhnphbthatuekaaekthiwdthungsaeda bansaeda tabltadthxng xaephxemuxngyosthr sungkrmsilpakridsnnisthanwa thatudngklawmikhwamsmphnthkbnithanphunbaneruxngkxngkhawnxykhaaem thielakninphunthinxisanwalukchaykhnhnungidkhaaemkhxngtn ephraakhwamhiwaelakhwamokrththiaemnakhawmasngchaaelanxyekinip aetemuxkhwamhiwaelakhwamokrthkhlaylng prakxbkbkhawthiaemnamasngthitnkhidwamiprimannxynn yngehluxxyucungekidkhwamrusukphidthiidkrathabapkbaem cungidsrangecdiykhuninbriewnthiaemesiychiwitephuxepnkarithoths pccubnchawbaneriykecdiyxngkhniwa thatulukkhaaem tngxyuphayinwdthungsaeda nithanphunbanthimienuxhainlksnaechnni yngthukichelaprakxbprawtiphrathatutadthxngthieriykknodythwipwa thatukxngkhawnxyobransthansakhyphayinwdthungsaeda prakxbdwyecdiykxxiththuxpun canwn 2 xngkh tngxyuiklkn xngkhaerkmisphaphsmburn xngkhthisxngehluxephiyngswnthan cakkarkhudkhnthangobrankhdiphbthanaethnbuchakhxngecdiyxngkhthisxngyunekhaipitthanecdiyxngkhaerk xnepnhlkthanwa ecdiyxngkhthiehluxephiyngthannn idsrangkhunmakxn phayhlngphngthlayipcungmikarsrangecdiyxngkhthisxngthblngipbnswnthankhxngecdiy nxkcakniinpi ph s 2525 chawbanyngidkhudphbobranwtthuinihcanwn 4 ihitthanecdiyxngkhaerk epnphraphuththrupimaekaslk phraphuththrupbuengin phraphuththruppangmarwichy phraphuththrupsarid phraphuththruptakw phraphuththrupdinephasiaedngchadpidthxng phraphuththruppangsmathi phraphimph esskraduk klxngyasub aelaekhruxngthwycin pccubnekbrksaiwthiwdthungsaedalksnasthaptykrrmkhxngecdiythimisphaphsmburnnn epnthrngbwehliyminphngaepdehliym tamaebbsilpaphunthinxisan kahndxayuinphuththstwrrsthi 23 miswnthanepnchnhnakradankhnadelkeriyngldhlnkn rbthanbw aelamichnkhlaybwhngaykhnadihy thdkhunmaepnbwaepdehliymrbpliyxdaelachtr xnepnlksnaecdiythiniymsranginemuxnghlwngphrabangaelaewiyngcnthndwyechnediywknexklksnkhxngecdiywdthungsaedahruxthatulukkhaaem khux karphuknithanphunbanihekhakbprawtikhwamepnmakhxngecdiy krmsilpakrprakaskhunthaebiynobransthanphrathatukxngkhawnxy wdthungsaeda inrachkiccanuebksa wnthi 27 knyayn 2479 odyecdiyxngkhthimisphaphsmburn xngkhluk idrbkarburnakhrnghlngsudinpi ph s 2555 swnecdiyxngkhthiehluxephiyngswnthan xngkhaem idrbkarburnakhrnghlngsudinpi ph s 2537 phuidbukrukthalayobransthanmikhwamphidtamkdhmaydngnncungsnnisthanihmwa thatuwdthungsaeda nacaepnthatukxngkhawnxykhaaem tamtananelakhan ephraamikhnadelk khn ediywsamarthsrangid swnthatukxngkhawnxy hrux phrathatutadthxng bantadthxng mikhnadihyphx kbphrathatuxannth wdmhathatu sungmisthaptykrrmthimirupaebbechphaatw bukhkhlkhnediywimmikhwamrueruxngchangimsamarththaid cungsmkhwreriykkhanthatukxngkhawnxythibantadthxngesiyihmwa phrathatutadthxng hrux phrathatuthadthxng 4 xangxing aekikh phrathatukxngkhawnxy khlngkhxmuleka ekbcak aehlngedim emux 2013 07 24 subkhnemux 2013 02 17 ethiywxisanhnahxn xxnsxnaethedx smudokhcr raykarthangchxng 5 xathitythi 2 mithunayn 2556 http www qrcode finearts go th index php th historic site hs ya sothon thadtadthong http www qrcode finearts go th index php th historic site hs ya sothon item 439 hs yasothon 008aehlngkhxmulxun aekikhaephnthiaelaphaphthaythangxakaskhxng thatukxngkhawnxy phaphthaydawethiymcakwikiaemepiy hruxkuekilaemps aephnthicakmltiaemp hruxoklbxlikd phaphthaythangxakascakethxrraesirfewxrphikdphumisastr 15 45 49 N 104 12 25 E 15 763515 N 104 207039 E 15 763515 104 207039ekhathungcak https th wikipedia org w index php title thatukxngkhawnxy amp oldid 9646183, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม