มาเรียนา บิกโตเรียแห่งสเปน สมเด็จพระราชินีแห่งโปรตุเกส
เจ้าหญิงมาเรียนา บิกโตเรียแห่งสเปน (31 มีนาคม พ.ศ. 2261 - 15 มกราคม พ.ศ. 2324) ทรงเป็นเจ้าหญิงแห่งสเปนเมื่อครั้งประสูติและหลังจากนั้นทรงเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งโปรตุเกส ซึ่งเป็นพระมเหสีในสมเด็จพระเจ้าโจเซที่ 1 แห่งโปรตุเกส เมื่อมีพระชนมายุ 7 พรรษา ทรงหมั้นกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 แห่งฝรั่งเศส แต่ต่อมาการเตรียมการอภิเษกสมรสถูกยกเลิกและพระนางถูกส่งตัวกลับสเปน ในปีพ.ศ. 2272 ทรงอภิเษกสมรสกับพระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าจอห์นที่ 5 แห่งโปรตุเกสซึ่งก็คือ เจ้าชายโจเซแห่งบราซิล ทำให้พระนางเป็นพระราชชนนีในสมเด็จพระราชินีนาถมาเรียที่ 1 แห่งโปรตุเกส ตลอดพระชนม์ชีพของพระนางทรงเป็นที่ปรึกษาคู่พระทัยพระราชสวามีและพระราชธิดา จนกระทั่งเสด็จสวรรคตในปีพ.ศ. 2324
มาเรียนา บิกโตเรียแห่งสเปน สมเด็จพระราชินีแห่งโปรตุเกส | |
---|---|
พระบรมนามาภิไธย | มาเรียนา บิกโตเรีย |
พระปรมาภิไธย | สมเด็จพระราชินีมาเรียนา บิกโตเรียแห่งโปรตุเกส |
พระอิสริยยศ | เจ้าหญิงแห่งสเปน เจ้าหญิงแห่งบราซิล ดัสเชสแห่งบราแกนซา สมเด็จพระราชินีแห่งโปรตุเกสและอัลเกรฟ สมเด็จพระราชินี ผู้สำเร็จราชการแห่งโปรตุเกสและอัลเกรฟ สมเด็จพระราชชนนีแห่งโปรตุเกสและอัลเกรฟ |
ราชวงศ์ | บูร์บง บราแกนซา |
ข้อมูลส่วนพระองค์ | |
พระราชสมภพ | 31 มีนาคม พ.ศ. 2261 ณ พระราชวังรอยัล อัลคาซาแห่งมาดริด มาดริด ประเทศสเปน |
สวรรคต | 15 มกราคม พ.ศ. 2324 ณ พระราชวังหลวงอาจูดา ลิสบอน ประเทศโปรตุเกส (พระชนมายุ 62 พรรษา) |
พระราชบิดา | พระเจ้าเฟลีเปที่ 5 แห่งสเปน |
พระราชมารดา | ดัสเชสเอลิซาเบธ ฟาร์เนเซแห่งปาร์มา |
พระราชสวามี | สมเด็จพระเจ้าโจเซที่ 1 แห่งโปรตุเกส |
พระราชบุตร | สมเด็จพระราชินีนาถมาเรียที่ 1 แห่งโปรตุเกส เจ้าหญิงมาเรียนา ฟรานซิสกาแห่งโปรตุเกส เจ้าหญิงโดโรเธเอียแห่งโปรตุเกส เจ้าหญิงเบเนดิกตาแห่งโปรตุเกส |
ลายพระอภิไธย |
ประสูติและภูมิหลัง
เจ้าหญิงมาเรียนา บิกโตเรียประสูติ ณ พระราชวังรอยัล อัลคาซาแห่งมาดริด กรุงมาดริด ประเทศสเปน เป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ใน พระเจ้าเฟลีเปที่ 5 แห่งสเปนกับดัสเชสเอลิซาเบธ ฟาร์เนเซแห่งปาร์มา พระนาม "มาเรียนา บิกโตเรีย" ของพระนามนั้งมีที่มาจากพระนามของพระอัยยิกาฝ่ายพระราชบิดาคือ ดัสเชสมาเรีย แอนนา วิกตอเรียแห่งบาวาเรีย ผู้ซึ่งเป็นพระมเหสีในเจ้าชายหลุยส์ แกรนด์ ดอแฟงแห่งฝรั่งเศส เจ้าหญิงมาเรียนา บิกโตเรียทรงเป็นเจ้าหญิงแห่งสเปนโดยกำเนิด พระราชบิดาของพระนางเป็นพระราชนัดดาในพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส และทรงได้รับสืยทอดการครองราชบัลลังก์สเปนในปีพ.ศ. 2243 ในช่วงที่เจ้าหญิงมาเรียนา บิกโตเรียประสูติ ทรงอยู่ในลำดับที่ 5 ของการสืบราชบัลลังก์สเปน โดยทรงอยู่ถัดจาก พระเชษฐาต่างพระมารดา 3 พระองค์ ได้แก่ เจ้าชายหลุยส์แห่งอัสตูเรียส,เจ้าชายเฟอร์ดินานด์แห่งสเปนและเจ้าชายเปโดรแห่งสเปน ลำดัยที่ 4 คือ พระเชษฐาร่วมพระมารดาคือ เจ้าชายชาร์ลส์แห่งสเปน ในระหว่างทรงดำรงเป็นเจ้าหญิงแห่งสเปน ทรงได้รับพระอิศริยยศชั้น "เจ้าฟ้าหญิง"
การหมั้นกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 แห่งฝรั่งเศส
หลังจากสงครามสี่สัมพันธมิตร ฝรั่งเศสและสเปนตัดสินใจปรองดองกัน โดยการหมั้นเจ้าหญิงมาเรียนา บิกโตเรียกับพระญาติของพระนางคือ ยุวกษัตริย์พระเจ้าหลุยส์ที่ 15 แห่งฝรั่งเศส ซึ่งได้รับการจัดตั้งแผนโดยฟิลิปป์ที่ 2 ดยุกแห่งออร์เลอองส์ ผู้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แห่งฝรั่งเศสในขณะนั้น ซึ่งพระเจ้าหลุยส์มีพระชนมายุเพียง 10 พรรษา และแผนการหมั้นในครั้งนี้รวมถึงพิธีหมั้นของพระราชโอรสพระองค์โตในพระเจ้าเฟลีเปที่ 5 แห่งสเปนคือ เจ้าชายหลุยส์แห่งสเปนกับเจ้าหญิงหลุยส์ เอลิซาเบธแห่งออร์เลออง มาดาม เดอ มองเปสิเออร์ และรวมทั้งพิธีหมั้นระหว่างเจ้าหญิงฟิลิปพินส์ เอลิซาเบธแห่งออร์เลออง มาดาม เดอ โบโจลาอิสกับเจ้าชายชาร์ลส์แห่งสเปน
หลุยส์ เดอ ลูฟว์รอย,ดุ๊ก เดอ แซงค์-ซิมอน ราชทูตจากฝรั่งเศส รับเสด็จพระนางในวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2264 เป็นการแลกเปลี่ยนเจ้าหญิงมาเรียนนา วิกตอเรียกับมาดาม เดอ มองเปซิเออร์ที่เกาะพลีเซนต์ ซึ่งเคยเป็นสถานที่ที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสทรงพบกับว่าที่พระมเหสีเจ้าหญิงมาเรีย เทเรสแห่งสเปนในปีพ.ศ. 2203 เจ้าหญิงมาเรียนา บิกโตเรียเสด็จถึงกรุงปารีสในวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2265 การจัดพิธีและเฉลิมฉลองจัดขึ้นในพระราชวังลูฟว์ซึ่งเป็นที่ประทับ เจ้าหญิงทรงได้รับพระนามลำลองว่า "l'infante Reine" แปลว่า เจ้าหญิงราชินี เนื่องจากไม่ได้อภิเษกสมรสกันนับตั้งแต่เสด็จถึงฝรั่งเศสจนกระทั่งทรงเจริญพระชันษาสูงขึ้น เจ้าหญิงมาเรียนา บิกโตเรียทรงตกอยู่ภายใต้ความเกรงขามของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 และทรงเป็นที่นิยมในราชสำนักนอกเหนือจากพรเจ้าหลุยส์ทรงปฏิเสธให้พระนางเข้าเฝ้า
ตามที่เจ้าหญิงเอลิซาเบธ ชาร์ล็อตแห่งพาเลนทีน ผู้เป็นพระราชมารดาในผู้สำเร็จราชการทรงกล่าวถึงเจ้าหญิงมาเรียนาว่าเป็น "สิ่งเล็กๆที่หอมหวานและน่ารักที่สุด" และมีสติปัญญามากสำหรับพระชนมายุของเจ้าหญิง เจ้าหญิงมาเรียนา บิกโตเรียทรงได้รับการศึกษาจากมารี แอนน์ เดอ บูร์บง ผู้เป็นธิดานอกสมรสของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 กับหลุยส์ เดอ ลา วาลิแยร์ ผู้เป็นพระสนม ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2266 พระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ทรงบรรลุนิติภาวะและสามารถปกครองประเทศได้ด้วยพระองค์เอง
การประทับในฝรั่งเศสของเจ้าหญิงนั้นไม่ค่อยดี ภายใต้อิทธิพลของหลุยส์ อองรี ดยุกแห่งบูร์บง ผู้เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นกับมาดาม เดอ ปรี ผู้เป็นสนมของเขา ได้ตัดสินใจส่งเจ้าหญิงมาเรียนา บิกโตเรียซึ่งมีพระชนมายุ 7 พรรษากลับสเปนในวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2268 เนื่องจากพวกเขาต้องการที่จะรักษาอำนาจและอิทธิพลเหนือยุวกษัตริย์และได้เสนอให้พระเจ้าหลุยส์อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงเฮนเรียต หลุยส์ เดอ บูร์บง ผู้เป็นพระขนิษฐาของดยุกเองซึ่งไม่เหมือนกับเจ้าหญิงมาเรียนา บิกโตเรียตรงที่เจ้าหญิงเฮนเรียตทรงเจริญพระชันษาในช่วงที่สามารถทรงครรภ์ได้ เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ทางสเปนไม่พอใจและปฏิเสธการสนับสนุนสถานะของเจ้าหญิงหลุยส์ เอลิซาเบธแห่งออร์เลออง สมเด็จพระราชินีแห่งสเปน ซึ่งอภิเษกสมรสกับพระเจ้าหลุยส์แห่งสเปน และพระเจ้าหลุยส์แห่งสเปนได้เสด็จสวรรคตโดยปราศจากรัชทายาทหลังจากทรงครองราชย์ได้เพียง 7 เดือน ในฐานะที่อภิเษกสมรสแต่ก็ไม่ได้รับอะไรมากมาย ทางการสเปนปฏิเสธที่จะช่วยเหลือพระราชินีหลุยส์ เอลิซาเบธและมีพระราชโองการให้พระราชินีเสด็จกลับฝรั่งเศส พร้อมกับพระขนิษฐาของพระนาง เจ้าหญิงฟิลิปพินส์ เอลิซาเบธแห่งออร์เลออง ซึ่งเตรียมอภิเษกสมรสกับเจ้าชายชาร์ลส์แห่งสเปน การกระทำเช่นนี้เพื่อตอบโต้ฝรั่งเศส เจ้าหญิงมาเรียนา บิกโตเรียเสด็จออกจากพระราชวังแวร์ซายในวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2268 และเดินทางไปยังชายแดนเพื่อแลกเปลี่ยนเจ้าหญิงมาเรียนา บิกโตเรีย กับสองเจ้าหญิงแห่งออรฺเลอองคือ อดีตพระราชินีหลุยส์ เอลิซาเบธแห่งสเปนและเจ้าหญิงฟิลิปพินส์ ต่อมาพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ได้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงมารี เลสไซน์สกาแห่งโปแลนด์ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2268 และเจ้าหญิงมาเรีย เทเรซา ราฟาเอลาแห่งสเปน พระขนิษฐาในเจ้าหญิงมาเรียนาได้อภิเษกสมรสกับเจ้าชายหลุยส์ ดอแฟงแห่งฝรั่งเศส พระราชโอรสในพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ในปีพ.ศ. 2288 เพื่อกระชับความสัมพันธ์กับสเปนอีกครั้ง
การหมั้นกับพระเจ้าโจเซที่ 1
การมาถึงสเปนของเจ้าหญิงมาเรียนา บิกโตเรียเป็นเรื่องที่น่าละอายอย่างมาก ทำให้เกิดความแตกแยกระหว่างสเปนและฝรั่งเศส จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทางสเปนได้ร่วมมือกับออสเตรีย และทำสนธิสัญญาเวียนนา(1725)ในปีพ.ศ. 2268 ในขณะที่อังกฤษได้รับการสนับสนุนจากฝรั่งเศส เจ้าหญิงมาเรียนา บิกโตเรียทรงประทับอยู่ที่สเปนโดยยังมิได้อภิเษกสมรสและยังคงมีสิทธิ์ในราชบัลลังก์สเปนแต่ลำดับของเจ้าหญิงได้ถูกแทนที่โดยดยุกฟิลิปแห่งปาร์มาผู้เป็นพระอนุชาซึ่งประสูติในปีพ.ศ. 2263 ได้มีการติดต่อกับราชอาณาจักรโปรตุเกสในปีพ.ศ. 2270 ได้มีการเจรจาเรื่องการอภิเษกสมรสโดยมาควิสแห่งแอบรานเตส ราชทูตจากโปรตุเกส และเคยมีข่าวลือว่าเจ้าหญิงจะได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับซาร์ปีเตอร์ที่ 2 แห่งรัสเซีย พระราชนัดดาในซาร์ปีเตอร์ที่ 1 มหาราช การอภิเษกสมรสสองคู่ได้มีการวางแผนโดยเจ้าหญิงมาเรียนา บิกโตเรียจะต้องอภิเษกสมรสกับเจ้าชายโจเซแห่งบราซิล พระราชโอรสและรัชทายาทในสมเด็จพระเจ้าจอห์นที่ 5 แห่งโปรตุเกส และเจ้าชายเฟอร์ดินานด์แห่งอัสตูเรียส พระเชษฐาต่างมารดาของเจ้าหญิงมาเรียนา บิกโตเรียจะต้องเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงบาร์บาราแห่งโปรตุเกส ซึ่งเป็นพระเชษฐภคินีในเจ้าชายโจเซ เจ้าหญิงมาเรียนา บิกโตเรียอภิเษกสมรสกับเจ้าชายแห่งบราซิล(ตำแหน่งรัชทายาทแห่งโปรตุเกส)ในวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2272 พระราชพิธีจัดขึ้นที่แคว้นอัลวาสในโปรตุเกส เจ้าชายแห่งอัสตูเรียส(ตำแหน่งรัชทายาทแห่งสเปน)ได้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงบาร์บาราในวันถัดมาที่แคว้นบาดาจอสของสเปน ตั้งแต่อภิเษกสมรสจนกระทั่งพระสวามีขึ้นครองราชย์สมบัติในปีพ.ศ. 2293 ทรงดำรงพระอิศริยยศ "เจ้าหญิงแห่งบราซิล"
ทั้งสองพระองค์ทรงมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด ทั้งสองพระองค์โปรดการล่าลัตว์และดนตรี โดยเจ้าหญิงมาเรียนา บิกโตเรียทรงมีความสามารถในการร้องเพลง ทรงสนับสนุนนักร้องโอเปราอิตาเลียนและการละคร ทั้งสองพระองค์ทรงเค่งครัดในศาสนามาก ถึงอย่างไรก็ตามพระสวามีของเจ้าหญิงยังคงมีสนมหลายคนซึ่งทำให้พระมเหสีที่แข็งแกร่งไม่โปรด เจ้าหญิงมาเรียนา บิกโตเรียมีพระประสูติกาลพระโอรสธิดารวม 8 พระองค์แต่มีเพียงพระธิดา 4 พระองค์เท่านั้นที่ทรงดำรงพระชนม์ชีพจวบจนเจริญพระชันษา พระราชธิดาพระองค์แรกคือเจ้าหญิงมาเรีย ทรงได้รับพระอิศริยยศ "เจ้าหญิงแห่งเบย์รา" และเป็นรัชทายาทในพระราชบิดาของพระนาง พระราชธิดาสองพระองค์ของพระนางมาเรียนา บิกโตเรีย สิ้นพระชนม์โดยมิได้อภิเษกสมรส ได้แก่ เจ้าหญิงมาเรียนา ฟรานซิสกาได้เตรียมเพื่ออภิเษกสมรสกับเจ้าชายหลุยส์ ดอแฟงแห่งฝรั่งเศส แต่พระนางมาเรียนา บิกโตเรีย พระมารดาของพระนางปฏิเสธแผนการนี้อาจเนื่องมาจากความคับแค้นพระทัยที่ทรงเคยได้รับเมื่อเป็นพระคู่หมั้นในพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 พระธิดาองค์ต่อมาคือ เจ้าหญิงโดโรเธเอียได้เตรียมเพื่ออภิเษกสมรสกับหลุยส์ ฟิลิปป์ที่ 2 ดยุกแห่งออร์เลอองส์ และเป็นอีกคั้งที่พระนางปฏิเสธแผนการนี้ พระราชธิดาองค์สุดท้องคือ เจ้าหญิงเบเนดิกตาได้อภิเษกสมรสกับเจ้าชายโจเซแห่งบราซิลผู้เป็นพระนัดดา ซึ่งการอภิเษกสมรสคั้งนี้ถูกจัดขึ้นหลังการสวรรคตของพระเจ้าโจเซ
สมเด็จพระราชินีแห่งโปรตุเกส, สมเด็จพระราชินีนาถและสมเด็จพระราชชนนีแห่งโปรตุเกส
หลังจากการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระเจ้าจอห์นที่ 5 แห่งโปรตุเกส ผู้เป็นพระสัสสุระในปีพ.ศ. 2293 พระสวามีจึงขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์แห่งจักรวรรดิโปรตุเกส ที่ซึ่งครอบคลุมอาณาเขตถึงทวีปอเมริกาใต้ ในรัชสมัยของพระสวามีทรงตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของมาควิสแห่งพอมบาล ผู้ซึ่งเป็นที่ได้รับความไว้วางใจจากสมเด็จพระราชชนนีมาเรีย แอนนา พระเจ้าโจเซฟทรงมอบพระราชอำนาจในการปกครองแก่มาควิสแห่งพอมบาล และเขาได้ใช้อำนาจนี้กำจัดศัตรูทางการเมือง พระนางมาเรียนา บิกโตเรียและพระราชธิดาไม่ทรงนิยมชมชอบในพฤติกรรมและอำนาจของมาควิสแห่งพอมบาลที่มีเหนือพระเจ้าโจเซฟ ในรัชสมัยของพระสวามีได้เกิดเหตุการณ์ครั้งใหญ่ที่ร้ายแรงคือ แผ่นดินไหวในลิสบอน พ.ศ. 2298 ในวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2298 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 100,000 คน ผลจากมหันตภัยครั้งนี้ส่งผลให้พระเจ้าโจเซฟทรงพระประชวรด้วยโรคกลัวที่ปิดทึบ ซึ่งพระองึ์ไม่สามารถประทับในที่ที่ติดกับผนังได้ ทำให้พระราชวงศ์ต้องย้ายไปประทับที่เมืองอาจูดาโดยประทับในกระโจมบนเนินเขา มาควิสแห่งพอมบาลได้จัดการบูรณะกรุงลิสบอนใหม่
ในปีพ.ศ. 2302 ได้เกิดเหตุการณ์ "เรื่องอื้อฉาวทาวอรา" ซึ่งเป็นเหตุการณ์ลอบปลงพระชนม์สมเด็จพระเจ้าโจเซฟระหว่างเสด็จตามถนนในกรุงลิสบอน พระองค์ทรงถูกยิงที่พระพาหาและผู้บังคับพาหนะได้รับบาดเจ็บ แต่พระองค์ก็ทรงรอดพระชนม์ชีพมาได้ มาควิสแห่งพอมบาลได้สั่งจับกุมคนตระกูลทาวอราซึ่งมีอิทธิพลทางการเมืองที่เป็นปริปักษ์กับรัฐบาลของมาควิสในตอนนั้นและตกเป็นผู้ต้องสงสัย และเขาได้สั่งขับไล่บาทหลวงคณะเยซูอิต ที่ต้องสงสัยว่ารู้เห็นกับการลอบปลงพระชนม์ในเดือนพ.ศ. 2302 ซึ่งทั้งตระกูลทาวอราและคณะเยซูอิตล้วนยเป็นปริปักษ์กับมาควิสทั้งสิ้น มาควิสแห่งพอมบาลได้สั่งประหารตระกูลทาวอราทั้งตระกูล แต่ด้วยการแทรกแซงของพระนางมาเรียนา บิกโตเรียและเจ้าหญิงแห่งบราซิล พระธิดา ทำให้สามารถช่วยชีวิตผู้หญิงและเด็กในตระกูลนี้ได้จำนวนหนึ่ง ทำให้มาควิสไร้ซึ่งผู้ต่อต้านและเขาได้ควบคุมองค์กรสาธารณะต่างๆ และองค์การทางศาสนาและเขาได้กลายเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในประเทศ ส่วนพระเจ้าโจเซฟและพระนางมาเรียนา บิกโตเรียทรงไม่มีอำนาจในการบริหาร
ต่อมาพระสวามีทรงพระประชวรด้วยโรคเส้นพระโลหิตเลี้ยงสมองอุดตัน พระองค์ทรงแต่งตั้งพระนางมาเรียนา บิกโตเรียเป็นผูสำเร็จราชการแผ่นดินแทนพระองค์ในวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2319 และพระนางทรงดำรงพระอิศริยยศ"สมเด็จพระราชินีนาถ" เรื่อยมาจนกระทั่งพระสวามีสวรรคตในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2320 หลังจากพระสวามีสวรรคต พระราชธิดาองค์โตได้ครองราชบัลลังก์เป็นสมเด็จพระราชินีนาถพระองค์แรกในประวัติศาสตร์โปรตุเกสคือ สมเด็จพระราชินีนาถมาเรียที่ 1 แห่งโปรตุเกส พระนางทรงให้คำปรึกษาแก่พระราชธิดาทุกเรื่องโดยเฉพาะการปกครอง ช่วงต้นของรัชกาลพระนางมาเรียได้เนรเทศมาควิสแห่งพอมบาลออกจากประเทศ
เมื่อพระราชธิดาครองราชสมบัติ พระนางมาเรียนา บิกโตเรียทรงพัฒนาความสัมพันธ์กับสเปนซึ่งพระมหากษัตริย์สเปนในครั้งนั้นเป็นพระเชษฐาของพระนางคือ พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสเปน สองประเทศได้ลงนามทางการค้าร่วมกันประเทศอาณานิคมแถบอเมริกา พระนางเสด็จออกจากโปรตุเกสในวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2320 โดยเสด็จประพาสสเปนและประทับที่มาดริดในพระราชวังหลวงอลันฮูเลสเป็นเวลาปีกว่า พระนางทรงกระชับความสัมพันธ์กับสเปนโดยให้พระราชนัดดาอภิเษกสมรสกับราชวงศ์สเปน โดยเจ้าชายกาเบรียลแห่งสเปน พระราชโอรสในพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงมาเรียนา บิกโตเรียแห่งโปรตุเกส พระราชนัดดา และเจ้าหญิงคาร์ลอตา โจวควินาแห่งสเปน อภิเษกสมรสกับเจ้าชายจอห์นแห่งโปรตุเกส พระนางมาเรียนา บิกโตเรียทรงพระประชวรด้วยโรคไขข้ออักเสบโดยต้องทรงประทับรถเข็นบางครั้งในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2321 พระนางเสด็จกลับโปรตุเกสในเดือนพฤศจิกายน ปีเดียวกัน พระนางทรงพระประชวรด้วยโรคพระหทัยวายและเสด็จสวรรคต ณ พระราชวังหลวงอาจูดา กรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส สิริพระชนมายุ 62 พรรษา พระศพฝังที่มหาวิหารเซา วิเซนเต
รัชทายาท
พระนาม | ประสูติ | สิ้นพระชนม์ | คู่สมรส และพระโอรส-ธิดา | |
สมเด็จพระราชินีนาถมาเรียที่ 1 แห่งโปรตุเกส | พ.ศ. 2277 | 17 ธันวาคมพ.ศ. 2359 | 20 มีนาคมอภิเษกสมรส 6 มิถุนายน พ.ศ. 2303 เจ้าชายเปโดรแห่งโปรตุเกส ผู้เป็นพระปิตุลา มีรัชทายาท 6 พระองค์ ได้แก่ เจ้าชายโจเซแห่งบราซิล เจ้าชายโจอาว ฟรานซิสโกแห่งโปรตุเกส เจ้าหญิงมาเรีย อิซาเบลแห่งโปรตุเกส สมเด็จพระเจ้าจอห์นที่ 6 แห่งโปรตุเกส เจ้าหญิงมาเรียนา บิกโตเรียแห่งโปรตุเกส เจ้าหญิงมาเรีย คลีเมนทีนาแห่งโปรตุเกส | |
เจ้าหญิงมาเรียนา ฟรานซิสกาแห่งโปรตุเกส | พ.ศ. 2279 | 7 ตุลาคมพ.ศ. 2356 | 6 พฤษภาคมเตรียมเพื่ออภิเษกสมรสกับเจ้าชายหลุยส์ ดอแฟงแห่งฝรั่งเศส แต่พระมารดาของพระนางปฏิเสธแผนการนี้ สิ้นพระชนม์โดยไม่ได้อภิเษกสมรส | |
เจ้าหญิงโดโรเธเอียแห่งโปรตุเกส | พ.ศ. 2282 | 21 กันยายนพ.ศ. 2314 | 14 มกราคมเตรียมเพื่ออภิเษกสมรสกับหลุยส์ ฟิลิปป์ที่ 2 ดยุกแห่งออร์เลอองส์ แต่พระนางทรงปฏิเสธที่จะอภิเษกสมรสกับดยุก สิ้นพระชนม์โดยไม่ได้อภิเษกสมรส | |
เจ้าหญิงเบเนดิกตาแห่งโปรตุเกส | พ.ศ. 2289 | 25 กรกฎาคมพ.ศ. 2372 | 18 สิงหาคมอภิเษกสมรส 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2320 เจ้าชายโจเซแห่งบราซิล ผู้เป็นพระนัดดา ไม่มีรัชทายาท |
พระราชตระกูล
16. พระเจ้าหลุยส์ที่ 13 แห่งฝรั่งเศส | ||||||||||||||||
8. พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส | ||||||||||||||||
17. อาร์คดัสเชสแอนน์แห่งออสเตรีย | ||||||||||||||||
4. เจ้าชายหลุยส์ แกรนด์ ดอแฟงแห่งฝรั่งเศส | ||||||||||||||||
18. พระเจ้าเฟลีเปที่ 4 แห่งสเปน | ||||||||||||||||
9. เจ้าหญิงมาเรีย เทเรสแห่งสเปน | ||||||||||||||||
19. เจ้าหญิงเอลิซาเบธแห่งฝรั่งเศส | ||||||||||||||||
2. พระเจ้าเฟลีเปที่ 5 แห่งสเปน | ||||||||||||||||
20. แม็กซิมิลเลียนที่ 1 อิเล็กเตอร์แห่งบาวาเรีย | ||||||||||||||||
10. เฟอร์ดินานด์ มาเรีย อิเล็กเตอร์แห่งบาวาเรีย | ||||||||||||||||
21. อาร์คดัสเชสมาเรีย แอนนาแห่งออสเตรีย อิเล็กเตรสแห่งบาวาเรีย | ||||||||||||||||
5. ดัสเชสมาเรีย แอนนา วิกตอเรียแห่งบาวาเรีย | ||||||||||||||||
22. วิคเตอร์ อมาเดอุสที่ 1 ดยุกแห่งซาวอย | ||||||||||||||||
11. เจ้าหญิงเฮนเรียต อเดเลดแห่งซาวอย | ||||||||||||||||
23. เจ้าหญิงคริสทิน มารีแห่งฝรั่งเศส | ||||||||||||||||
1. มาเรียนา บิกโตเรียแห่งสเปน สมเด็จพระราชินีแห่งโปรตุเกส | ||||||||||||||||
24. โอโดอาร์โดที่ ฟาร์เนเช ดยุกแห่งพาร์มา | ||||||||||||||||
12. รานูชิโอที่ 2 ฟาร์เนเช ดยุกแห่งปาร์มา | ||||||||||||||||
25. มาร์เกริตา เดอ เมดิชี | ||||||||||||||||
6. โอโดอาร์โดที่ 2 ดยุกแห่งพาร์มา | ||||||||||||||||
26. ฟรานซิสดกที่ 1 เดอ เอสเต ดยุกแห่งโมเดนา | ||||||||||||||||
13. เจ้าหญิงอิซาเบลลาแห่งโมเดนา | ||||||||||||||||
27. มาเรีย คาทารีนา ฟาร์เนเช ดัสเชสแห่งโมเดนา | ||||||||||||||||
3. ดัสเชสเอลิซาเบธ ฟาร์เนเซแห่งปาร์มา | ||||||||||||||||
28. โวล์ฟกัง วิลเลียม เคานท์ พาลาทีนแห่งเนาบูร์ก | ||||||||||||||||
14. ฟิลิป วิลเลียม อีเล็กเตอร์ พาเลนทีน | ||||||||||||||||
29. ดัสเชสแม็กดาเลนแห่งบาวาเรีย | ||||||||||||||||
7. มาเรีย อันนา ดัชเชสแห่งบาวาเรีย | ||||||||||||||||
30. จอร์จที่ 2 แลนด์เกรฟแห่งเฮสส์-ดัมสตัดท์ | ||||||||||||||||
15. แลนด์เกรฟวีนเอลิซาเบธ อเมลีแห่งเฮสส์-ดัมสตัดท์ | ||||||||||||||||
31. เจ้าหญิงโซเฟีย เอเลโอนอร์แห่งแซ็กโซนี | ||||||||||||||||
พระอิศริยยศและตราอาร์ม
พระอิศริยยศ
- 31 มีนาคม พ.ศ. 2261 - 19 มกราคม พ.ศ. 2272 : เจ้าหญิงมาเรียนา บิกโตเรียแห่งสเปน
- 19 มกราคม พ.ศ. 2272 - 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2293 : เจ้าหญิงแห่งบราซิล, ดัสเชสแห่งบราแกนซา
- 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2293 - 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2319 : สมเด็จพระราชินีแห่งโปรตุเกสและอัลเกรฟ
- 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2319 - 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2320 : สมเด็จพระราชินีนาถโปรตุเกสและอัลเกรฟ
- 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2320 - 15 มกราคม พ.ศ. 2324 : สมเด็จพระชนนีแห่งโปรตุเกสและอัลเกรฟ
ตราอาร์ม
ทรงดำรงตราอาร์มแห่งราชวงศ์บูร์บงและราชวงศ์บราแกนซา
รายการอ้างอิง
- Armstrong, หน้า 243
- Armstrong, หน้า 265
- ↑ van de Pas, Leo. "Infanta Mariana Victoria of Spain". Genealogics .org. สืบค้นเมื่อ 2010-09-21.
- Armstrong, p 243
- ↑ François Velde (4 July 2005). "The Abdication of the throne of Spain by Felipe V (1724)". heraldica.org. สืบค้นเมื่อ 2010-09-25.
- Pevitt, p 288
- Pevitt, p 284
- Armstrong, p 264
- Armstrong, p 265
- Roberts, p 53
- ↑ Roberts, p 51
- Roberts, p 65
- Roberts, p 62
เว็บไซต์อ้างอิง
วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ Mariana Victoria of Spain
- http://en.wikipedia.org/wiki/Mariana_Victoria_of_Spain
ก่อนหน้า | มาเรียนา บิกโตเรียแห่งสเปน สมเด็จพระราชินีแห่งโปรตุเกส | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
อาร์คดัสเชสมาเรีย แอนนาแห่งออสเตรีย | สมเด็จพระราชินีแห่งโปรตุเกสและอัลเกรฟ (31 กรกฎาคม พ.ศ. 2293 - 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2320) | ว่าง ตำแหน่งถัดไป เจ้าหญิงคาร์ลอตา โจวควินาแห่งสเปน |