fbpx
วิกิพีเดีย

ลิเก

ลิเก เกิดขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา หรือต้นกรุงรัตนโกสินทร์ คำว่า ลิเก เพี้ยนมาจากคำว่า ذکر (เษกรฺ) ในภาษาเปอร์เซีย ที่ยืมมาจากคำว่า ذِكْر (ษิกรฺ) ในภาษาอาหรับ อันหมายถึงการอ่านบทสรรเสริญเป็นการรำลึกถึงอัลลอหฺพระเจ้าในศาสนาอิสลาม พระครูศรีมหาโพธิคณารักษ์ก็ได้กล่าวถึงลิเกไว้ ว่า พวกมุสลิมนิกายชีอะห์ หรือเจ้าเซ็นจากเปอร์เซีย นำสวดลิเกที่เรียกว่า ดิเกร์ เข้า มาในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย กรมพระยาดำรงราชานุภาพก็ทรง บันทึกว่า ยี่เกนั้น เพี้ยนมาจาก จิเก

การแสดงลิเก
ลิเกนิยมแต่งตัวด้วยเครื่องประดับสวยงาม เลียนแบบเครื่องทรงกษัตริย์ จึงเรียกว่าลิเกทรงเครื่อง บางครั้งก็ลดเครื่องแต่งกายที่แพรวพราวลงไป

มีบันทึกว่า พวกแขกเจ้าเซ็นได้สวดถวายตัวในการบำเพ็ญพระราชกุศล เมื่อ พ.ศ. 2423 ต่อมาคิดสวดแผลงเป็นลำนำต่าง ๆ คิดลูกหมดเข้าแกมสวด ร้องเป็นเพลงต่างภาษา และทำตัวหนังเชิด โดยเอารำมะนาเป็นจอก็มี ลิเกจึงกลายเป็นการเล่นขึ้น ต่อมามีผู้คิดเล่นลิเกอย่างละคร คือ เริ่มร้องเพลงแขก แล้วต่อไปเล่นอย่างละครรำ และใช้ปี่พาทย์อย่างละคร

ชนิดของลิเก

  1. ลิเกบันตน เริ่มด้วยร้องเพลงบันตน(เพี้ยนจาก ปันตน)เป็นภาษามลายู ต่อมาก็แทรกคำไทยเข้าไปบ้าง ดนตรีก็ใช้รำมะนา จากนั้นก็แสดงเป็นชุด ๆ ต่างภาษา เช่น แขก ลาว มอญ พม่า ต้องเริ่มด้วยชุดแขกเสมอ ผู้แสดงแต่งตัวเป็นชาติต่าง ๆ ร้องเอง พวกตีรำมะนาเป็นลูกคู่ มีการร้องเพลงบันตนแทรกระหว่างการแสดงแต่ละชุด
  2. ลิเกลูกบท คือ การแสดงผสมกับการขับร้องและบรรเลงเพลงลูกบท ร้องและรำไปตามกระบวนเพลง ใช้ปี่พาทย์ประกอบแทนรำมะนา แต่งกายตามที่นิยมในสมัยนั้นๆ แต่สีฉูดฉาด ผู้แสดงเป็นชายล้วน เมื่อแสดงหมดแต่ละชุด ปี่พาทย์จะบรรเลงเพลง 3 ชั้นที่เป็นแม่บทขึ้นอีก และออกลูกหมดเป็นภาษาต่าง ๆ ชุดอื่น ๆ ต่อไปใหม่
  3. ลิเกทรงเครื่อง เป็นการผสมผสาน ระหว่างลิเกบันตนและลิเกลูกบท มีท่ารำเป็นแบบแผน แต่งตัวคล้ายละครรำ แสดงเป็นเรื่องยาวๆ อย่างละคร เริ่มด้วยโหมโรงและบรรเลงเพลงภาษาต่างๆ เรียกว่า "ออกภาษา" หรือ "ออกสิบสองภาษา" เพลงสุดท้ายเป็นเพลงแขก พอปี่พาทย์หยุด พวกตีรำมะนาก็ร้องเพลงบันตน แล้วแสดงชุดแขก เป็นการคำนับครู ใช้ปี่พาทย์รับ ต่อจากนั้นก็แสดงตามเนื้อเรื่อง ลิเกที่แสดงในปัจจุบันเป็นลิเกทรงเครื่อง
  4. ลิเกป่า เป็นศิลปะการแสดงที่เคยได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในจังหวัดสุราษฎร์ธานีและ จังหวัดทางภาคใต้ทั่ว ๆ ไป แต่ในปัจจุบันลิเกป่ามีเหลืออยู่น้อยมาก ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่า เดิมลิเกป่าจะมีแสดง ให้ดูทุกงาน ไม่ว่าจะเป็นบวชนาค งานวัด หรืองานศพ ลิเกป่ามีเครื่องดนตรีประกอบการแสดง 3 อย่าง คือ กลองรำมะนา 1-2 ใบ ฉิ่ง 1 คู่ กรับ 1 คู่ บางคณะอาจจะมีโหม่ง และทับด้วย ลิเกป่ามีนายโรงเช่นเดีวกับหนังตะลุง และมโนราห์ และโร สำหรับการแสดงก็คล้ายกับโรงมโนราห์ ผู้แสดงลิเกป่า คณะหนี่งมีประมาณ 6-8 คน ถ้ารวมลูกคู่ด้วยก็จะมีจำนวนคนพอ ๆ กับมโนราห์หนึ่งคณะ การแสดงจะเริ่มด้วยการโหมโรง "เกริ่นวง" ต่อจากเกริ่นวงแขกขาวกับแขกแดงจะออกมาเต้นและร้องประกอบ โดยลูกคู่จะรับไปด้วย หลังจากนั้นจะมีผู้ออกมาบอกเรื่อง แล้วก็จะเริ่มแสดงเลย

ส่วนประกอบในการแสดง

วิธีแสดง เดินเรื่องรวดเร็ว ตลกขบขัน การแสดงเริ่มด้วยโหมโรง 3 ลา จบแล้วบรรเลงเพลงสาธุการ ให้ผู้แสดงไหว้ครู แล้วจึงออกแขก บอกเรื่องที่จะแสดง ในอดีตมีการรำถวายมือหรือรำเบิกโรง แล้วจึงดำเนินเรื่อง ต่อมาการรำถวายมือก็เลิกไป ออกแขกแล้วก็จับเรื่องทันที การร่ายรำน้อยลงไปจนเกือบไม่เหลือเลย คงมีเพียงบางคณะที่ยังยึดศิลปะการรำอยู่

ผู้แสดง เดิมใช้ผู้ชายล้วน ต่อมานายดอกดิน เสือสง่า ให้บุตรสาวชื่อละออง แสดงเป็นตัวนางประจำคณะ ต่อมาคณะอื่นก็เอาอย่างบ้าง บางคณะให้ผู้หญิงเป็นพระเอก เช่น คณะกำนันหนู บ้านผักไห่ อยุธยา การแสดงชายจริงหญิงแท้นั้น คณะ หอมหวล นาคศิริ เริ่มเป็นคณะแรก ผู้แสดงต้องมีปฏิภาณในการร้องและเจรจา ดำเนินเรื่องโดยไม่มีการบอกบทเลย หัวหน้าคณะจะเล่าให้ฟังก่อนเท่านั้น นอกจากนี้ การเจรจาต้องดัดเสียงให้ผิดปกติ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ ของลิเก แต่ตัวสามัญชนและตัวตลกพูดเสียงธรรมดา ในยุคหลังจากนั้นก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยโดยการเกิดรายการลิเกทางโทรทัศน์ขึ้นมาเช่น ลิเกรวมดาวของ คุณ วิญูญู จันทร์เจ้า โดยมี สมศักดิ์ ภักดี เป็นพระเอกลิเกคนแรกของประเทศไทยที่ได้ออกโทรทัศน์ และต่อมาก็เริ่มมีคณะลิเกรุ่นใหม่ๆรวมถึงลิเกเด็กเกิดขี้นมาตามลำดับเช่น คณะลิเกไชยา มิตรชัย คณะลิเก กุ้ง สุทธิราช วงศ์เทวัญ คณะลิเกเด็กวัดสวนแก้ว คณะลิเก ศรราม-น้ำเพชร ฯลฯ

เพลงและดนตรี ดำเนินเรื่องใช้เพลงหงส์ทองชั้นเดียว แต่ดัดแปลงให้ด้นได้เนื้อความมาก ๆ แล้วจึงรับด้วยปี่พาทย์ แต่ถ้าเล่นเรื่องต่างภาษา ก็ใช้เพลงที่มีสำเนียงภาษานั้นๆ ตามท้องเรื่อง แต่ด้นให้คล้ายหงส์ทอง ต่อมานายดอกดิน เสือสง่า ได้ดัดแปลงเพลงมอญครวญของลิเกบันตนที่ใช้กับบทโศก มาเป็นเพลงแสดงความรัก

เรื่องที่แสดง นิยมใช้เรื่องละครนอก ละครใน และเรื่องพงศาวดารจีน มอญ ญวน เช่น สามก๊ก ราชาธิราช ฉันใดเวือง

การแต่งกาย แต่งตัวด้วยเครื่องประดับสวยงาม เลียนแบบเครื่องทรงกษัตริย์ จึงเรียกว่าลิเกทรงเครื่อง บางครั้งก็ลดเครื่องแต่งกายที่แพรวพราวลงไป โดยตัวนายโรงยังแต่งเลียนแบบเครื่องทรงของกษัตริย์ในส่วนที่มิใช่เครื่องต้น เช่น นุ่งผ้ายกทอง สวมเสื้อเข้มขาบหรือเยียรบับ แขนใหญ่ถึงข้อมือ คาดเข็มขัดนอกเสื้อ ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่าง ๆ แต่ดัดแปลงเสียใหม่ เช่น เครื่องสวมศีรษะ เครื่องประดับหน้าอก สายสะพาย เครื่องประดับไหล่ ตัวนางนุ่งจีบยกทอง สวมเสื้อแขนกระบอกยาว ห่มสไบปักแพรวพราว สวมกระบังหน้าต่อยอดมงกุฎ ที่แปลกกว่าการแสดงอื่น ๆ คือสวมถุงเท้ายาวสีขาวแทนการผัดฝุ่นอย่างละคร แต่ไม่สวมรองเท้า

สถานที่แสดง ลานวัด ตลาด สนามกว้าง ในโทรทัศน์ ฯลฯ โดยปลูกเพิงสูงระดับตา ด้านหน้าเป็นที่แสดง ด้านหลังเป็นที่พักที่แต่งตัว มีฉากเป็นภาพเมือง วัง หรือป่าเขาลำเนาไพร

อ้างอิง

  1. วารสารสังคมศาสตร์ปริทัศน์ ปีที่ 3 ฉบับที่ 1 หน้า 43
  2. ดร.สุรพล วิรุฬห์รักษ์, ลิเก

แหล่งข้อมูลอื่น

  •   วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ ลิเก

เก, เก, ดข, นในสม, ยกร, งศร, อย, ธยา, หร, อต, นกร, งร, ตนโกส, นทร, คำว, เพ, ยนมาจากคำว, ذکر, เษกร, ในภาษาเปอร, เซ, มมาจากคำว, กร, ในภาษาอาหร, นหมายถ, งการอ, านบทสรรเสร, ญเป, นการรำล, กถ, งอ, ลลอห, พระเจ, าในศาสนาอ, สลาม, พระคร, ศร, มหาโพธ, คณาร, กษ, ได, กล, าว. liek ekidkhuninsmykrungsrixyuthya hruxtnkrungrtnoksinthr khawa liek ephiynmacakkhawa ذکر eskr inphasaepxresiy thiyummacakkhawa ذ ك ر sikr inphasaxahrb xnhmaythungkarxanbthsrresriyepnkarralukthungxllxh phraecainsasnaxislam phrakhrusrimhaophthikhnarkskidklawthungliekiw 1 wa phwkmuslimnikaychixah hruxecaesncakepxresiy naswdliekthieriykwa diekr ekha mainsmyrchkalphrabathsmedcphraphuththelishlanphaly 2 krmphrayadarngrachanuphaphkthrng bnthukwa yieknn ephiynmacak ciekkaraesdngliek liekniymaetngtwdwyekhruxngpradbswyngam eliynaebbekhruxngthrngkstriy cungeriykwaliekthrngekhruxng bangkhrngkldekhruxngaetngkaythiaephrwphrawlngip mibnthukwa phwkaekhkecaesnidswdthwaytwinkarbaephyphrarachkusl emux ph s 2423 txmakhidswdaephlngepnlanatang khidlukhmdekhaaekmswd rxngepnephlngtangphasa aelathatwhnngechid odyexaramanaepncxkmi liekcungklayepnkarelnkhun txmamiphukhidelnliekxyanglakhr khux erimrxngephlngaekhk aelwtxipelnxyanglakhrra aelaichpiphathyxyanglakhr enuxha 1 chnidkhxngliek 2 swnprakxbinkaraesdng 3 xangxing 4 aehlngkhxmulxunchnidkhxngliek aekikhliekbntn erimdwyrxngephlngbntn ephiyncak pntn epnphasamlayu txmakaethrkkhaithyekhaipbang dntrikichramana caknnkaesdngepnchud tangphasa echn aekhk law mxy phma txngerimdwychudaekhkesmx phuaesdngaetngtwepnchatitang rxngexng phwktiramanaepnlukkhu mikarrxngephlngbntnaethrkrahwangkaraesdngaetlachud lieklukbth khux karaesdngphsmkbkarkhbrxngaelabrrelngephlnglukbth rxngaelaraiptamkrabwnephlng ichpiphathyprakxbaethnramana aetngkaytamthiniyminsmynn aetsichudchad phuaesdngepnchaylwn emuxaesdnghmdaetlachud piphathycabrrelngephlng 3 chnthiepnaembthkhunxik aelaxxklukhmdepnphasatang chudxun txipihm liekthrngekhruxng epnkarphsmphsan rahwangliekbntnaelalieklukbth mitharaepnaebbaephn aetngtwkhlaylakhrra aesdngepneruxngyaw xyanglakhr erimdwyohmorngaelabrrelngephlngphasatang eriykwa xxkphasa hrux xxksibsxngphasa ephlngsudthayepnephlngaekhk phxpiphathyhyud phwktiramanakrxngephlngbntn aelwaesdngchudaekhk epnkarkhanbkhru ichpiphathyrb txcaknnkaesdngtamenuxeruxng liekthiaesdnginpccubnepnliekthrngekhruxng liekpa epnsilpakaraesdngthiekhyidrbkhwamniymxyangkwangkhwangincnghwdsurasdrthaniaela cnghwdthangphakhitthw ip aetinpccubnliekpamiehluxxyunxymak phuethaphuaekelawa edimliekpacamiaesdng ihduthukngan imwacaepnbwchnakh nganwd hruxngansph liekpamiekhruxngdntriprakxbkaraesdng 3 xyang khux klxngramana 1 2 ib ching 1 khu krb 1 khu bangkhnaxaccamiohmng aelathbdwy liekpaminayorngechnediwkbhnngtalung aelamonrah aelaor sahrbkaraesdngkkhlaykborngmonrah phuaesdngliekpa khnahningmipraman 6 8 khn tharwmlukkhudwykcamicanwnkhnphx kbmonrahhnungkhna karaesdngcaerimdwykarohmorng ekrinwng txcakekrinwngaekhkkhawkbaekhkaedngcaxxkmaetnaelarxngprakxb odylukkhucarbipdwy hlngcaknncamiphuxxkmabxkeruxng aelwkcaerimaesdngelyswnprakxbinkaraesdng aekikhwithiaesdng edineruxngrwderw tlkkhbkhn karaesdngerimdwyohmorng 3 la cbaelwbrrelngephlngsathukar ihphuaesdngihwkhru aelwcungxxkaekhk bxkeruxngthicaaesdng inxditmikarrathwaymuxhruxraebikorng aelwcungdaenineruxng txmakarrathwaymuxkelikip xxkaekhkaelwkcberuxngthnthi karrayranxylngipcnekuxbimehluxely khngmiephiyngbangkhnathiyngyudsilpakarraxyuphuaesdng edimichphuchaylwn txmanaydxkdin esuxsnga ihbutrsawchuxlaxxng aesdngepntwnangpracakhna txmakhnaxunkexaxyangbang bangkhnaihphuhyingepnphraexk echn khnakannhnu banphkih xyuthya karaesdngchaycringhyingaethnn khna hxmhwl nakhsiri erimepnkhnaaerk phuaesdngtxngmiptiphaninkarrxngaelaecrca daenineruxngodyimmikarbxkbthely hwhnakhnacaelaihfngkxnethann nxkcakni karecrcatxngddesiyngihphidpkti sungepnexklksn khxngliek aettwsamychnaelatwtlkphudesiyngthrrmda inyukhhlngcaknnkidekidkarepliynaeplngiptamyukhsmyodykarekidraykarliekthangothrthsnkhunmaechn liekrwmdawkhxng khun wiyuyu cnthreca odymi smskdi phkdi epnphraexkliekkhnaerkkhxngpraethsithythiidxxkothrthsn aelatxmakerimmikhnaliekrunihmrwmthungliekedkekidkhinmatamladbechn khnaliekichya mitrchy khnaliek kung suththirach wngsethwy khnaliekedkwdswnaekw khnaliek srram naephchr lephlngaeladntri daenineruxngichephlnghngsthxngchnediyw aetddaeplngihdnidenuxkhwammak aelwcungrbdwypiphathy aetthaelneruxngtangphasa kichephlngthimisaeniyngphasann tamthxngeruxng aetdnihkhlayhngsthxng txmanaydxkdin esuxsnga idddaeplngephlngmxykhrwykhxngliekbntnthiichkbbthosk maepnephlngaesdngkhwamrkeruxngthiaesdng niymicheruxnglakhrnxk lakhrin aelaeruxngphngsawdarcin mxy ywn echn samkk rachathirach chnidewuxngkaraetngkay aetngtwdwyekhruxngpradbswyngam eliynaebbekhruxngthrngkstriy cungeriykwaliekthrngekhruxng bangkhrngkldekhruxngaetngkaythiaephrwphrawlngip odytwnayorngyngaetngeliynaebbekhruxngthrngkhxngkstriyinswnthimiichekhruxngtn echn nungphaykthxng swmesuxekhmkhabhruxeyiyrbb aekhnihythungkhxmux khadekhmkhdnxkesux pradbekhruxngrachxisriyaphrntang aetddaeplngesiyihm echn ekhruxngswmsirsa ekhruxngpradbhnaxk saysaphay ekhruxngpradbihl twnangnungcibykthxng swmesuxaekhnkrabxkyaw hmsibpkaephrwphraw swmkrabnghnatxyxdmngkud thiaeplkkwakaraesdngxun khuxswmthungethayawsikhawaethnkarphdfunxyanglakhr aetimswmrxngethasthanthiaesdng lanwd tlad snamkwang inothrthsn l odyplukephingsungradbta danhnaepnthiaesdng danhlngepnthiphkthiaetngtw michakepnphaphemuxng wng hruxpaekhalaenaiphrxangxing aekikh warsarsngkhmsastrprithsn pithi 3 chbbthi 1 hna 43 dr surphl wirulhrks liekaehlngkhxmulxun aekikh wikimiediykhxmmxnsmisuxekiywkb liekekhathungcak https th wikipedia org w index php title liek amp oldid 9040911, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม