fbpx
วิกิพีเดีย

ออร์เคสตรา

ออร์เคสตรา (orchestra) หรือ วงดุริยางค์ ในภาษาไทย เป็นคำศัพท์เกี่ยวกับดนตรี มีประวัติมาช้านาน และมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปตามยุคสมัย เพื่อสนองความต้องการของผู้ประพันธ์ในการถ่ายทอดความรู้สึกของดนตรีในแต่ละยุค วงออร์เคสตราเป็นวงดนตรีที่มีวิวัฒนาการเริ่มขึ้นราว ค.ศ.1600 ลักษณะที่สำคัญของวงออร์เคสตราคือ เป็นกลุ่มของนักดนตรี ที่เล่นเครื่องดนตรีหลักทั้ง 4 ประเภท ได้แก่ เครื่องดนตรีประเภทเครื่องสาย เครื่องเป่าลมไม้ เครื่องลมทองเหลือง และเครื่องกระทบ โดยบรรเลงภายใต้การควบคุมของผู้อำนวยเพลง

วง เมลเบิร์น ซิมโฟนี ออร์เคสตรา

ประวัติ

ออร์เคสตรา เป็นาษเยอรมัน ตามความหมายรูปศัพท์ หมายถึง สถานที่เต้นรำ ซึ่งหมายถึง ส่วนหน้าของโรงละครสมัยกรีกโบราณ ที่ใช้เป็นที่เต้นรำและร้องเพลง ของพวกนักร้องประสานเสียง สำหรับดนตรีตะวันตก ออร์เคสตรา มีความหมายถึง วงซิมโฟนี ออร์เคสตรา ได้แก่ วงดนตรีที่ประกอบด้วยเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสาย รวมกับเครื่องลมไม้ เครื่องทองเหลือง และเครื่องกระทบ

ต่อมาในกลางศตวรรษที่ 18 คำว่า ออร์เคสตรา หมายถึง การแสดงของวงดนตรี ซึ่งเป็นความหมายที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามคำนี้ยังคงใช้ในอีกความหมายหนึ่ง คือ พื้นที่ระดับต่ำที่เป็นที่นั่งอยู่หน้าเวทีละคร และโรงคอนเสิร์ต

ระยะต่อมาในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 เมื่อเริ่มกำหนดจำนวนเครื่องดนตรีลงในบทเพลง การพัฒนาวงออร์เคสตราจึงเริ่มมีขึ้น ซึ่งในระยะแรกเป็นลักษณะของวงเครื่องสาย (String Orchestra) ซึ่งมีจำนวนผู้เล่นประมาณ 10 ถึง 25 คน โดยบางครั้งอาจจะมีมากกว่านี้ตามความต้องการของผู้ประพันธ์เพลง ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 วงออร์เคสตรามีการเพิ่มเครื่องลมไม้ และตอนปลายของยุคบาโรค (ประมาณ ค.ศ. 1750) ผู้ประพันธ์เพลงนิยมบอกจำนวนเครื่องดนตรีไว้ในบทเพลงโดยละเอียด นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มเครื่องลมทองเหลือง และเครื่องกระทบในวงออร์เคสตรา

ราวกลางศตวรรษที่ 18 วงออร์เคสตราเป็นรูปแบบขึ้นมาจนได้มาตรฐานในยุคนี้ คือ ยุคคลาสสิก ซึ่งเหตุผลประการหนึ่ง คือ บทเพลงประเภทซิมโฟนีเป็นรูปแบบขึ้นมาในยุคนี้ จึงทำให้ต้องมีการจัดวงออร์เคสตราให้มีมาตรฐานเพื่อใช้เล่นเพลงซิมโฟนี นอกจากนี้การบรรเลงบทเพลงประเภทคอนแชร์โต้ อุปรากร และเพลงร้องเกี่ยวกับศาสนาก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การพัฒนาวงออร์เคสตราเป็นแบบแผนขึ้น

กลางศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นยุคโรแมนติก มีการเพิ่มจำนวนเครื่องดนตรีเข้าไปในวงออร์เคสตรา ทำให้วงมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น เนื่องจากในยุคโรแมนติกนั้น นิยมเล่นบทเพลงประเภทดนตรีบรรยายเรื่องราว รวมถึงอุปรากร บัลเล่ต์ และบทเพลงร้องประสานเสียง ล้วนมีผลให้วงออร์เคสตราเพิ่มขนาดขึ้นเพื่อความยิ่งใหญ่และความสมจริงสมจัง เพื่อให้สามารถบรรยายเรื่องราวให้ได้ตรงตามที่ผู้ประพันธ์เพลงตั้งใจไว้

แม้ว่าวงซิมโฟนีออร์เคสตราในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 ยังคงมีบทบาทสำคัญในดนตรีตะวันตก ปัจจัยทางเศรษฐกิจก็มีส่วนในการกำหนดขนาดวงออร์เคสตรา หรือแนวทางการประพันธ์เพลงเพื่อใช้กับวงออร์เคสตรา แต่สิ่งนี้ก็มิได้กีดกั้นการสร้างสรรค์ผลงานประเภทที่ใช้วงออร์เคสตราของผู้ประพันธ์เพลงแต่อย่างใด

เครื่องดนตรี

เครื่องดนตรีที่ใช้ในวงออร์เคสตรา โดยธรรมดาแล้ว จะมีสัดส่วนดังนี้

อ้างอิง

  • สุทธจิตต์, ณรุทธ์. สังคีตนิยม ความซาบซึ้งในดนตรีตะวันตก. สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ISBN 974-13-3341-2.

ออร, เคสตรา, orchestra, หร, วงด, ยางค, ในภาษาไทย, เป, นคำศ, พท, เก, ยวก, บดนตร, ประว, มาช, านาน, และม, การเปล, ยนแปลงร, ปแบบไปตามย, คสม, เพ, อสนองความต, องการของผ, ประพ, นธ, ในการถ, ายทอดความร, กของดนตร, ในแต, ละย, วงเป, นวงดนตร, ฒนาการเร, มข, นราว, 1600, กษณะ. xxrekhstra orchestra hrux wngduriyangkh inphasaithy epnkhasphthekiywkbdntri miprawtimachanan aelamikarepliynaeplngrupaebbiptamyukhsmy ephuxsnxngkhwamtxngkarkhxngphupraphnthinkarthaythxdkhwamrusukkhxngdntriinaetlayukh wngxxrekhstraepnwngdntrithimiwiwthnakarerimkhunraw kh s 1600 lksnathisakhykhxngwngxxrekhstrakhux epnklumkhxngnkdntri thielnekhruxngdntrihlkthng 4 praephth idaek ekhruxngdntripraephthekhruxngsay ekhruxngepalmim ekhruxnglmthxngehluxng aelaekhruxngkrathb odybrrelngphayitkarkhwbkhumkhxngphuxanwyephlngwng emlebirn simofni xxrekhstraprawti aekikhxxrekhstra epnphaseyxrmn tamkhwamhmayrupsphth hmaythung sthanthietnra sunghmaythung swnhnakhxngornglakhrsmykrikobran thiichepnthietnraaelarxngephlng khxngphwknkrxngprasanesiyng sahrbdntritawntk xxrekhstra mikhwamhmaythung wngsimofni xxrekhstra idaek wngdntrithiprakxbdwyekhruxngdntripraephthekhruxngsay rwmkbekhruxnglmim ekhruxngthxngehluxng aelaekhruxngkrathbtxmainklangstwrrsthi 18 khawa xxrekhstra hmaythung karaesdngkhxngwngdntri sungepnkhwamhmaythiichxyuinpccubn xyangirktamkhaniyngkhngichinxikkhwamhmayhnung khux phunthiradbtathiepnthinngxyuhnaewthilakhr aelaorngkhxnesirtrayatxmainklangkhriststwrrsthi 16 emuxerimkahndcanwnekhruxngdntrilnginbthephlng karphthnawngxxrekhstracungerimmikhun sunginrayaaerkepnlksnakhxngwngekhruxngsay String Orchestra sungmicanwnphuelnpraman 10 thung 25 khn odybangkhrngxaccamimakkwanitamkhwamtxngkarkhxngphupraphnthephlng inkhriststwrrsthi 17 wngxxrekhstramikarephimekhruxnglmim aelatxnplaykhxngyukhbaorkh praman kh s 1750 phupraphnthephlngniymbxkcanwnekhruxngdntriiwinbthephlngodylaexiyd nxkcakniyngmikarephimekhruxnglmthxngehluxng aelaekhruxngkrathbinwngxxrekhstrarawklangstwrrsthi 18 wngxxrekhstraepnrupaebbkhunmacnidmatrthaninyukhni khux yukhkhlassik sungehtuphlprakarhnung khux bthephlngpraephthsimofniepnrupaebbkhunmainyukhni cungthaihtxngmikarcdwngxxrekhstraihmimatrthanephuxichelnephlngsimofni nxkcaknikarbrrelngbthephlngpraephthkhxnaechrot xuprakr aelaephlngrxngekiywkbsasnakepnsaehtuhnungthithaihkarphthnawngxxrekhstraepnaebbaephnkhunklangstwrrsthi 19 sungepnyukhoraemntik mikarephimcanwnekhruxngdntriekhaipinwngxxrekhstra thaihwngmikhnadthiihykhun enuxngcakinyukhoraemntiknn niymelnbthephlngpraephthdntribrryayeruxngraw rwmthungxuprakr blelt aelabthephlngrxngprasanesiyng lwnmiphlihwngxxrekhstraephimkhnadkhunephuxkhwamyingihyaelakhwamsmcringsmcng ephuxihsamarthbrryayeruxngrawihidtrngtamthiphupraphnthephlngtngiciwaemwawngsimofnixxrekhstrainchwngplaystwrrsthi 20 yngkhngmibthbathsakhyindntritawntk pccythangesrsthkickmiswninkarkahndkhnadwngxxrekhstra hruxaenwthangkarpraphnthephlngephuxichkbwngxxrekhstra aetsingnikmiidkidknkarsrangsrrkhphlnganpraephththiichwngxxrekhstrakhxngphupraphnthephlngaetxyangidekhruxngdntri aekikhekhruxngdntrithiichinwngxxrekhstra odythrrmdaaelw camisdswndngni ekhruxnglmim 2 4 flut 1 2 pikhokhol flutkhnthi 3 kb 4 2 4 oxob 1 2 xinglichhxrn oxobkhnthi 3 kb 4 2 4 khlarient 1 2 ebskhlarient khlarientkhnthi 3 kb 4 2 4 bassun 1 2 khxnthrabassun bassunkhnthi 3 kb 4 ekhruxnglmthxngehluxng 2 thung 8 hxrn 2 thung 8 thrmept 2 4 thrxmobn 1 2 ebs thrxmobn 1 thuba ekhruxngkrathb klxngthimpani klxngihy klxngelk chab aethm aethm king aethmburin marakhs khastaenth blxkim rakhng klxkekhnchpil isolofn echelsta l ekhruxngsay harp 16 thung 30 hruxmakkwa iwoxlin 8 thung 12 hruxmakkwa wioxla 8 thung 12 hruxmakkwa echlol 5 thung 8 hruxmakkwa dbebilebs aela ekhruxnglimniw epiyonbangkhrngkcamikarichekhruxngepainaenwxunxikechn aeskosofn aela yuofeniymxangxing aekikhsuththcitt nruthth sngkhitniym khwamsabsungindntritawntk sankphimphaehngculalngkrnmhawithyaly ISBN 974 13 3341 2 ekhathungcak https th wikipedia org w index php title xxrekhstra amp oldid 8988470, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม