fbpx
วิกิพีเดีย

วัดขนอน

วัดขนอน [ขะ-หฺนอน] เป็นวัดสำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย จัดเป็นวัดที่อนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรมการแสดงหนังใหญ่ และได้รับรางวัลการขึ้นทะเบียนทางยูเนสโก เป็นมรดกทางวัฒนธรรมโลกของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ACCU) เมื่อ มิถุนายน พ.ศ. 2550 และวันที่ 8 มิถุนายน 2550 ทางคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญของยูเนสโกประกาศให้ "การสืบทอดและฟื้นฟูหนังใหญ่วัดขนอน" ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 6 ชุมชนดีเด่นของโลกที่มีผลงานในการอนุรักษ์ฟื้นฟูมรดกวัฒนธรรมเชิงนามธรรม (The safeguarding of Intagible Cultural Heritage : ICH)

วัดขนอน
พระอุโบสถ
ชื่อสามัญวัดขนอนหนังใหญ่
ที่ตั้งเลขที่ 1 หมู่ที่ 4 ตำบลสร้อยฟ้า อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี 70120
ประเภทวัดราษฎร์
นิกายเถรวาท มหานิกาย
พระประธานพระพุทธศิลาศักยมุนี
จุดสนใจพระอุโบสถ พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดขนอน และศูนย์วัฒนธรรมเฉลิมราชหนังใหญ่วัดขนอน
กิจกรรมการแสดงหนังใหญ่
การถ่ายภาพถ่ายภาพพิพิธภัณฑ์ ส่วนภายในอาคาร บางอาคารห้ามถ่ายภาพ ควรสังเกตป้าย
เว็บไซต์[1]
ส่วนหนึ่งของสารานุกรมพระพุทธศาสนา

ประวัติ

ก่อนจะมาเป็น "วัดขนอน"

วัดขนอน แต่เดิมสร้างมาสมัยใดไม่ปรากฏหลักฐาน จากคำบอกเล่ากล่าวว่าบริเวณริมแม่น้ำซึ่งเป็นหน้าวัดเป็นที่ตั้งด่านเก็บภาษีอากรมีพื้นที่ค้าขายและตลาดแลกเปลี่ยนสินค้า ภายในบริเวณวัดมีนกนานาชนิด โดยเฉพาะ นก กา ลิงและชะนีตลอดจนสัตว์ป่าต่าง ๆ บริเวณโดยรอบวัดเป็นป่าไม้เต็ง ไม้แดง ไม้ยางขึ้นรกครึ้มพอค่ำลงบรรดานก กา ลิง ค่าง ก็จะพากันมาเกาะกิ่งไม้เต็มไปหมด ชาวบ้านจึงพากันเรียกว่า “วัดกานอนโปราวาส” ในปี พ.ศ. ๒๔๕๒ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสต้น ณ มณฑลราชบุรี ทรงบันทึกไว้ในพระราชหัตถเลขา ฉบับที่ ๒ เมื่อวันที่ ๒ กันยายน ร.ศ. ๑๒๘ ตอนหนึ่งความว่า.......พระราชหัตถเลขาตอนนี้แสดงให้เห็นถึงสภาพของวัดวาอารามต่าง ๆ ในมณฑลเมืองราชบุรี ยกเว้นในเมืองราชบุรีซึ่งไม่ถูกผลกระทบของสงคราม คงจะรกร้างหรือเกือบร้าง หรือพังทลายเสียหาย ทิ้งรกรุงรังเป็นส่วนใหญ่ ชาวบ้านเองคงปลูกบ้านห่างวัดมาก และคงไม่ค่อยมีใครสนใจหรืออยากเข้าไปใกล้วัดร้างด้วยเหตุผลของ ความกลัว และวัดร้างในลักษณะนี้ นก กา ลิง ค่าง บ่าง ชะนี หรือแม้แต่สัตว์ป่า จึงกล้ากรายเข้ามาใกล้หรืออาศัยหลับนอน นานไปผู้คนก็คงจะลืมเลือนแม้กระทั่งชื่อวัด โดยเฉพาะวัดขนอนที่รกร้างมากว่า ๑๐๐ ปี สันนิษฐานวาชาวบ้านคงเรียกตามสภาพที่เห็นว่า “วัดกานอนโปราวาส” หรือ “กานอน” เข้าใจง่ายว่าเป็นที่กานอน ส่วนคำว่า โปราวาส (หมายถึงสถานที่โบราณ) มาเติมเป็นสร้อยข้างท้ายนั่นคือ “วัดกานอนโปราวาส” และคงไม่ใช่ชื่อจริงของวัดอย่างแน่นอน

วัดขนอนสร้างขึ้นในปีพุทธศักราช ๒๓๒๗ หรือก่อนหน้านั้น เดิมชื่อวัด "กานอน" แต่ชาวบ้านนิยมเรียกว่า วัดกานอน ด้วยเหตุที่มีชื่อเช่นนี้เพราะว่า ที่ดินบริเวณนี้มีป่าไม้แดง ไม้ยาง และมีสัตว์นานาชนิดอาศัยอยู่ ได้แก่ เสือ เก้ง กวาง เม่น ลิง ค่าง บ่าง ชะนี นกพันธุ์ต่าง ๆ เช่น นกอ้ายงั่ว นกกาบบัว เป็นต้น แต่มีนกชนิดหนึ่งซึ่งมีจำนวนมากคือ นกกา ในเวลากลางวันจะบินไปอาหารตามลำน้ำแม่กลอง และพักเกาะตามต้นไม้ในวัดซึ่งอยู่ใต้วัดขนอนนี้ประมาณ ๒ กิโลเมตร ในตอนเย็นมักจะกลับมานอนที่วัดขนอน ผู้คนจึงเรียกวัดที่นกกาไปเกาะนี้ว่า วัดกาเกาะ และวัดที่กาไปนอนนี้ว่า "วัดกานอน"

ต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มักมีข้าราชการทั้งผู้น้อยผู้ใหญ่มาสำรวจและว่าออกว่าราชการในพื้นที่แถบอำเภอโพธารามบ่อย ๆ และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจะเสด็จประพาสต้นทางชลมารค จากไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรีเสด็จตามลำน้ำแม่กลอง ผ่านตลาดบ้านโป่งผ่าน ตลาดโพธารามจนถึงเมืองราชบุรี ท่านพระครูศรัทธาสุนทร (หลวงปู่กล่อม) เจ้าอาวาสวัดขนอน ในขณะนั้นได้กล่าวว่า "อายหลวงท่านว่า ชื่อวัดวาอารามยังเอาชื่อสัตว์มาตั้ง เห็นควรให้เปลี่ยนชื่อจะดีกว่า" ดังนั้นด้วยเหตุนี้ "วัดกานอน" จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดขนอนโปราวาส" ตามสถานที่ที่คอยดักเก็บอากรที่ผ่านเขตซึ่งอยู่ติดกับวัดนั่นเอง ประกอบกับชื่อ "ขนอน" ออกเสียใกล้เคียงกับคำเรียกเดิมจึงไม่มีผู้ใดคัดค้าน และชาวบ้านมักเรียกสั้น ๆ ว่า "วัดขนอน" และวัดกาเกาะ ก็เปลี่ยนเป็นวัดเกาะในปัจจุบัน

สิ่งก่อสร้างภายในวัด

อุโบสถ กว้าง ๒๙ เมตร ยาว ๕๘ เมตร สร้างเมื่อ ประมาณสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน หลังคาไม้ทรงไทยลด ๓ ชั้น ประดับด้วยช่อฟ้าใบระกา มีวิหารคดรอบอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปจำนวน ๑๒๐ องค์
ศาลาการเปรียญ กว้าง ๒๐ เมตร ยาว ๒๕.๕๐ เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๔ เป็นอาคารไม้ทรงไทย
หอสวดมนต์ กว้าง ๑๑ เมตร ยาว ๒๒ เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. - เป็นอาคารไม้ทรงไทย
กุฏิสงฆ์ เป็นอาคารไม้ทรงไทย ๓ หลัง
ศาลาไทย เป็นอาคารไม้ทรงไทย กว้าง ๙.๕๐ เมตร ยาว ๑๔.๕๐ เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๓
ศาลาบำเพ็ญกุศล กว้าง ๒๑ เมตร ยาว ๔๐ เมตร สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ๑ หลัง
พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดขนอน แบบเรือนไม้ทรงไทย กว้าง ๑๗ เมตร ยาว ๒๓ เมตร
พิพิธภัณฑ์วัดขนอน (โบราณวัตถุ) แบบเรือนไม้ทรงไทย กว้าง ๑๕.๕๐ เมตร ยาว ๑๙ เมตร

เขตวัดขนอน

ชื่อวัดขนอน มาจากการที่เคยเป็นจุดตั้งด่านเก็บภาษีอากร เปลี่ยนชื่อเมื่อ พ.ศ ๒๔๔๗ ตั้งวัดเมื่อ ก่อน พ.ศ. ๒๓๐๐ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อก่อน พ.ศ. ๒๓๐๐

การตั้งวัด ที่ตั้ง วัดมีเนื้อที่ ๕๕ ไร่ - งาน ๔๐ ตารางวา อาณาเขต
ทิศเหนือ ยาว ๑๑ เส้น ๑ วา จด
ทิศใต้ ยาว ๘ เส้น ๑๓ วา จด
ทิศตะวันออก ยาว ๕ เส้น ๕ วา จด แม่น้ำแม่กลอง
ทิศตะวันตก ยาว ๖ เส้น ๑ วา จด

ลักษณะพื้นที่ตั้งวัดและบริเวณโดยรอบพื้นที่วัดเป็นลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้า แบ่งออกเป็น ๓ ส่วน คือ ส่วนที่เป็นวัด ส่วนที่เป็นโรงเรียน และส่วนที่เป็นลานปฏิบัติธรรมและป่าไม้

การศึกษา ได้มีการเปิดสอน
๑. โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกธรรม เปิดสอนเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๓
๒. โรงเรียนประถมศึกษา ตั้งอยู่ในที่ดินวัด เนื้อที่ ๖ ไร่ ๒ งาน

สาธารณประโยชน์แก่ชุมชน
๑.ห้องสมุดประจำวัด
๒.ห้องสมุดประจำโรงเรียน
๓.หน่วย อ.ป.ต.(หน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล)

ศาลาการเปรียญ

ศาลาการเปรียญ กว้าง ๒๐ เมตร ยาว ๒๕.๕๐ เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๔ เป็นอาคารไม้ทรงไทย

เขตพระอุโบสถ

เขตพระอุโบสถเป็นเขตที่สถาปนาขึ้นใหม่ในสมัยในรัชกาลที่ 5 โดยจำลองสถาปัตย์วิหารหลวงวัดสุทัศน์

พระอุโบสถ

อุโบสถ แต่เดิมอุโบสถมีรูปแบบลักษณะใดไม่มีหลักฐานปรากฏ ต่อมาหลวงปู่กล่อมหรือพระครูศรัทธาสุนทร (จนฺทโชโต) ได้บูรณปฏิสังขรณ์ช่อม-สร้าง เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๐ ได้เริ่มทำการก่อสร้างใหม่โดยมีช่างชาวจีนเป็นแม่งาน ในการก่อสร้างหลวงปู่กล่อม เป็นผู้ออกแบบคิดประดิษฐ์ผูกลายประตู หน้าต่าง หน้าบัน ฯลฯ โบสถ์ใหม่ที่หลวงปู่กล่อมสร้างขึ้นนั้น มีลักษณะคล้ายกับพระวิหารหลวงของวัดสุทัศน์เทพวราราม

ลักษณะของพระอุโบสถเป็นอาคารทรงไทย ก่ออิฐถือปูน หลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้องลดชั้น ๓ ชั้น ซ้อนกันชั้นละ ๓ ตับ มีมุขลดทั้งด้านหน้าและด้านหลังด้านละ ๑ ห้อง โดยมีเสาสี่เหลี่ยม ๔ ต้น รองรับโครงหลังคา ด้านข้างมีชายคาปีกนกคลุมมีเสาสี่เหลี่ยมรองรับด้าน ๆ ละ ๙ ต้น ช่อฟ้าใบระกาปูนปั้นประดับกระจก หน้าบันปูนปั้นลวดลายพันธุ์พฤกษาตรงกลางเป็นรูปวงกลม ฐานพระอุโบสถยกพื้น ๒ ชั้น ชั้นแรกอยู่ในแนวเดียวกับเสารองรับชายคา ปีกนก ตั้งซุ้มใบเสมาปูนปั้นย่อมุมไม้สิบสอง

ผนังด้านหน้าและด้านหลังก่ออิฐถือปูนเรียบ มีประตูทางเข้าด้านละ ๒ ประตู ซุ้มประตูปูนปั้นทรงเจดีย์ บานประตูไม้แกะสลักลงรักปิดทองประดับกระจก ลวดลายดอกไม้กลมส่วนล่างเป็นภาพทวารบาลยืนถืออาวุธ ซุ้มประตูด้านหลังบริเวณมุมซุ้มด้านขวาตอนบน มีจารึกภาษาไทย คำว่า “เจกหัว” ซึ่งอาจจะหมายถึงชื่อของนายช่างชาวจีน ผนังด้านข้างก่ออิฐถือปูนมีช่องหน้าต่างด้านละ ๗ ช่อง บานหน้าต่างไม้แกะสลักลงรักปิดทองประดับกระจก ลวดลายตอนบนเป็นลายตาข่ายดอกไม้ ตอนล่างเป็นลายรูปสัตว์ ลวดลายของบานหน้าต่างแต่ละบานจะไม่ซ้ำกัน ด้านหน้าพระอุโบสถมีบันไดเตี้ย ๆ ขึ้นทางด้านข้าง เสาบันไดมีภาพจิตรกรรมจีนและอักษรจีน ด้านหนึ่งมีอักษรภาษาไทยว่า “โบษเจ๊กทำงาม”

ภายในพระอุโบสถประดิษฐาน พระพุทธรูปศิลาแลงประทับนั่ง แสดงปางมารวิชัย ศิลปะสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย – ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ด้านข้างซ้าย-ขวามีพระอัครสาวกยืนพนมมือ ฐานชุกชีด้านหลังพระประธานประดิษฐาน พระพุทธรูปปูนปั้นประทับนั่ง แสดงปางมารวิชัย และปางสมาธิ ศิลปะรัตนโกสินทร์ สมัยรัชกาลที่ ๕ อีก ๑๐ องค์ และ พระอัครสาวกยืนพนมมือ

ภายนอกพระอุโบสถมีระเบียงคตก่ออิฐถือปูนล้อมรอบ มีซุ้มประตูทางเข้าอยู่ทั้งสี่ทิศ ภายในระเบียงมีพระพุทธรูปปูนปั้น ปางมารวิชัย จำนวน ๑๒๐ องค์ ประดิษฐานรายรอบเจดีย์ราย ตั้งอยู่ด้านหน้า พระอุโบสถเรียงกันเป็นแถวจำนวน ๖ องค์ ลักษณะเป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนย่อมุมไม้ สิบสอง ฐานเจดีย์เป็นฐานสิงห์ซ้อนกัน สองชั้น องค์ระฆังขนาดเล็กมีบัวรองรับปากระฆัง ส่วนยอดมีบัลลังก์สี่เหลี่ยมรองรับชุดบัวคลุ่มเถาและปลียอด ด้านหลังพระอุโบสถมีเจดีย์ทรงระฆังก่ออิฐถือปูนขนาดใหญ่ ฐานเจดีย์เป็นฐานบัวทรง สี่เหลี่ยม รองรับฐานบัวกลมและชุดมาลัยเถาโดยที่ชั้นมาลัยเถานี้จะมีซุ้มพระ ๘ ซุ้ม ซ้อนกันเป็นสองชั้นชั้นละ ๔ ซุ้ม องค์ระฆังกลมมีสายสังวาลรัด ส่วนยอดมีบัลลังก์สี่เหลี่ยมรองรับบัวและปลียอด ลักษณะของส่วนยอดคล้ายกับเจดีย์มอญ

อีกด้านหนึ่งของถนนด้านหน้าวัด มีเจดีย์อยู่ ๑ องค์ ลักษณะเป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนทรงระฆังสีขาวนวล ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมมีกำแพงสี่เหลี่ยมทึบเตี้ยๆ ล้อมรอบ ฐานด้านล่างเป็นฐานบัวกลมซ้อนกัน๓ ชั้นองค์ระฆังมีการตกแต่งปูนปั้นรูปใบโพธิ์ทั้ง ๔ ด้านส่วนยอดเป็นมาลัยเถาและปลียอด

พระเจดีย์

เจดีย์ในอุโบสถ์ประการด้วยเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองจำนวน 5 องค์ พระปรางค์ 1 องค์

พระมหาเจดีย์

พระมหาเจดีย์ฐานเดียว สร้างขึ้นในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 มีพระพุทธรูปในซุ้มเจดีย์ทั้ง 8 ทิศ บรรจุพระธาตุ


ประวัติความเป็นมาของพิพิธภัณฑ์ “ด่านขนอน” (โดยย่อ) วัดขนอนเป็นสถานที่ ที่เคยเป็นด่านเก็บภาษีอากรที่เรียกว่า “ด่านขนอน” มาตั้งแต่สมัยโบราณ จึงเป็นแหล่งการศึกษาเกี่ยวกับเศรษฐกิจกับสังคมในยุคก่อน ทั้งวัดขนอนยังมีทรัพย์สินที่เหลือจากการส่งเข้าท้องพระคลัง ซึ่งนายด่านขนอนถวายเอาไว้ให้เป็นสมบัติของวัดก่อนที่จะมีการเลิกด่านขนอนไป โดยมากเป็นสินค้าที่ได้มากจากการเก็บจังกอบชนิด “ สิบหยิบหนึ่ง ” หรือ“ ภาษีถ้วยโถโอชาม” มีเครื่องลายคราม เครื่องเบญจรงค์ และโบราณวัตถุเป็นจำนวนมาก จึงเหมาะกับการเป็นสถานที่เรียนรู้ทั้งทางด้านเศรษฐกิจสังคม ประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรม ในสมัยโบราณได้เป็นอย่างดี

ประวัติความเป็นมาของพิพิธภัณฑ์ (โดยย่อ) หนังใหญ่วัดขนอน สร้างขึ้นเมื่อสมัยรัชการที่ ๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์โดยเป็นลักษณะของหนังราษฎร์(หนังชาวบ้าน) โดยท่านพระครูศรัทธาสุนทร (หลวงปู่กล่อม) ได้ชักชวนช่างพื้นบ้านร่วมกับช่างหลวงประจำจังหวัดราชบุรีมาร่วมสร้างขึ้น เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับรามเกียรติ์ ออกแสดงตามงานต่าง ๆโดยเป็นมหรสพของวัดขนอนภายหลังยุคสงครามโลกครั้งที่สอง วัฒนธรรมตะวันตกเข้ามามีอิทธิพลไม่ว่าจะเป็น ภาพยนตร์ดนตรี ฯลฯ หนังใหญ่จึงหายไปจากสังคมไทย ต่อมาเมื่อสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เสด็จเยี่ยมชมวัดขนอนจึงได้มีพระราชดำริให้ทางวัดขนอนได้จัดทำหนังใหญ่ชุดใหม่ขึ้นใช้แทนชุดเก่า และโครงการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์เก็บรักษาหนังใหญ่ชุดเดิมเอาไว้ วัดขนอนจึงได้ร่วมมือกับหน่วยงานราชการต่าง ๆ โดยมีมหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่ง คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ ขณะนั้นท่านดำรงตำแหน่ง อธิการบดี เป็นกำลังสำคัญในการจัดทำหนังใหญ่ชุดใหม่ โดยใช้งบบริจาค ๒ ล้านบาทเศษ ผศ.สน สีมาตรัง เป็นฝ่ายดูแลและควบคุมการทำหนังใหญ่ฯ เมื่อปีพ.ศ. ๒๕๓๘ ดำเนินการจัดทำแล้วเสร็จ จึงได้นำขึ้นถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี พระองค์ทรงพระราชทานให้ วัดขนอนไว้ใช้ในการแสดงสืบไป และทรงให้ทางวัดขนอนส่งเสริมการฝึกหัดเยาวชนเชิดหนังใหญ่เล่นดนตรีไทยและแกะสลักหนังใหญ่เอาไว้ด้วยส่วนตัวเรือนพิพิธภัณฑ์ ทางวัดได้ผาติกรรมหอสวดมนต์เก่าของวัดซึ่งเป็นเรือนไม้ทรงไทยมาสร้างโดยได้รับงบสนับสนุนครั้งแรกจากรัฐบาล เป็นจำนวนเงิน ๕ ล้านบาท ซึ่งออกแบบตัวเรือนพิพิธภัณฑ์โดย ผศ.สมใจ นิ่มเล็ก และการตกแต่งภายในใช้งบประมาณจากมหาวิทยาลัยศิลปากรจำนวน ๑ ล้านบาท ออกแบบโดย รศ.พงศ์ศักดิ์ อารยางกูร จัดสร้างแล้วเสร็จเมื่อปีพ.ศ. ๒๕๔๒ รายนามเจ้าอาวาสตั้งแต่รูปแรกจนถึงปัจจุบัน รูปที่ ๑. พระอาจารย์คงหรือ หลวงพ่อช้าง พ.ศ - ถึง พ.ศ - รูปที่ ๒. พระครูศรัทธาสุนทร พ.ศ - ถึง พ.ศ. ๒๔๘๕ รูปที่ ๓. พระครูสุวรรณรัตนากร พ.ศ ๒๔๘๖ ถึง พ.ศ ๒๕๑๒ รูปที่ ๔. พระมหาเตี่ยน จตฺตภโย พ.ศ ๒๕๑๓ ถึง พ.ศ. ๒๕๑๕ รูปที่ ๕. พระอธิการจวน ทนฺตจิตโต พ.ศ ๒๕๑๕ ถึง พ.ศ. ๒๕๒๒ รูปที่ ๖. พระอธิการทองอยู่ ธมฺมโชโต พ.ศ ๒๕๒๓ ถึง พ.ศ. ๒๕๒๕ รูปที่ ๗. พระปลัดเจริญ จิรปญฺโญ พ.ศ ๒๕๒๕ ถึง พ.ศ. ๒๕๓๑ รูปที่ ๘. พระครูสังฆบริบาล อาจิตฺตธมฺโม พ.ศ ๒๕๓๓ ถึง พ.ศ. ๒๕๔๒ รูปที่ ๙. พระครูพิทักษ์ศิลปาคม(นุชิต วชิรวุฑฺโฒ) พ.ศ ๒๕๔๒ ถึง ปัจจุบัน

เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๗ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงนำกำลังพลเสือป่ามาพักประทับแรมที่วัดขนอน ๑ คืน เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๔ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จทรงนำนักเรียนนายร้อยมาศึกษาด่านขนอนและหนังใหญ่วัดขนอน

การศึกษา

โรงเรียนภายในวัด

โรงเรียนวัดขนอน เปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับอนุบาล 1 - มัธยมศึกษาปีที่ 3

ในวัดมีการแสดงหนังใหญ่โดยนักเรียนวัดขนอนและคนในชุมชน ซึ่งโรงมหรสพจะอยู่ทางทิศตะวันออกของพระอุโบสถ

ดขนอน, ขะ, นอน, เป, นว, ดสำค, ญแห, งหน, งของประเทศไทย, ดเป, นว, ดท, อน, กษ, ลปะว, ฒนธรรมการแสดงหน, งใหญ, และได, บรางว, ลการข, นทะเบ, ยนทางย, เนสโก, เป, นมรดกทางว, ฒนธรรมโลกของภ, ภาคเอเช, ยแปซ, accu, เม, นายน, 2550, และว, นท, นายน, 2550, ทางคณะกรรมการผ, เช, ยวช. wdkhnxn kha h nxn epnwdsakhyaehnghnungkhxngpraethsithy cdepnwdthixnurkssilpawthnthrrmkaraesdnghnngihy aelaidrbrangwlkarkhunthaebiynthangyuensok epnmrdkthangwthnthrrmolkkhxngphumiphakhexechiyaepsifik ACCU emux mithunayn ph s 2550 aelawnthi 8 mithunayn 2550 thangkhnakrrmkarphuechiywchaykhxngyuensokprakasih karsubthxdaelafunfuhnngihywdkhnxn idrbkarykyxngihepn 1 in 6 chumchndiednkhxngolkthimiphlnganinkarxnurksfunfumrdkwthnthrrmechingnamthrrm The safeguarding of Intagible Cultural Heritage ICH wdkhnxnphraxuobsthchuxsamywdkhnxnhnngihythitngelkhthi 1 hmuthi 4 tablsrxyfa xaephxophtharam cnghwdrachburi 70120praephthwdrasdrnikayethrwath mhanikayphraprathanphraphuththsilaskymunicudsnicphraxuobsth phiphithphnthhnngihywdkhnxn aelasunywthnthrrmechlimrachhnngihywdkhnxnkickrrmkaraesdnghnngihykarthayphaphthayphaphphiphithphnth swnphayinxakhar bangxakharhamthayphaph khwrsngektpayewbist 1 swnhnungkhxngsaranukrmphraphuththsasna enuxha 1 prawti 2 singkxsrangphayinwd 2 1 ekhtwdkhnxn 2 1 1 salakarepriyy 2 2 ekhtphraxuobsth 2 2 1 phraxuobsth 2 2 2 phraecdiy 2 2 3 phramhaecdiy 3 karsuksa 3 1 orngeriynphayinwdprawti aekikhkxncamaepn wdkhnxn wdkhnxn aetedimsrangmasmyidimprakthlkthan cakkhabxkelaklawwabriewnrimaemnasungepnhnawdepnthitngdanekbphasixakrmiphunthikhakhayaelatladaelkepliynsinkha phayinbriewnwdminknanachnid odyechphaa nk ka lingaelachanitlxdcnstwpatang briewnodyrxbwdepnpaimetng imaedng imyangkhunrkkhrumphxkhalngbrrdank ka ling khang kcaphaknmaekaakingimetmiphmd chawbancungphakneriykwa wdkanxnoprawas inpi ph s 2452 phrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw esdcpraphastn n mnthlrachburi thrngbnthukiwinphrarachhtthelkha chbbthi 2 emuxwnthi 2 knyayn r s 128 txnhnungkhwamwa phrarachhtthelkhatxnniaesdngihehnthungsphaphkhxngwdwaxaramtang inmnthlemuxngrachburi ykewninemuxngrachburisungimthukphlkrathbkhxngsngkhram khngcarkranghruxekuxbrang hruxphngthlayesiyhay thingrkrungrngepnswnihy chawbanexngkhngplukbanhangwdmak aelakhngimkhxymiikhrsnichruxxyakekhaipiklwdrangdwyehtuphlkhxng khwamklw aelawdranginlksnani nk ka ling khang bang chani hruxaemaetstwpa cungklakrayekhamaiklhruxxasyhlbnxn nanipphukhnkkhngcalumeluxnaemkrathngchuxwd odyechphaawdkhnxnthirkrangmakwa 100 pi snnisthanwachawbankhngeriyktamsphaphthiehnwa wdkanxnoprawas hrux kanxn ekhaicngaywaepnthikanxn swnkhawa oprawas hmaythungsthanthiobran maetimepnsrxykhangthaynnkhux wdkanxnoprawas aelakhngimichchuxcringkhxngwdxyangaennxnwdkhnxnsrangkhuninpiphuththskrach 2327 hruxkxnhnann edimchuxwd kanxn aetchawbanniymeriykwa wdkanxn dwyehtuthimichuxechnniephraawa thidinbriewnnimipaimaedng imyang aelamistwnanachnidxasyxyu idaek esux ekng kwang emn ling khang bang chani nkphnthutang echn nkxayngw nkkabbw epntn aetminkchnidhnungsungmicanwnmakkhux nkka inewlaklangwncabinipxahartamlanaaemklxng aelaphkekaatamtniminwdsungxyuitwdkhnxnnipraman 2 kiolemtr intxneynmkcaklbmanxnthiwdkhnxn phukhncungeriykwdthinkkaipekaaniwa wdkaekaa aelawdthikaipnxnniwa wdkanxn txmainrchsmykhxngphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw mkmikharachkarthngphunxyphuihymasarwcaelawaxxkwarachkarinphunthiaethbxaephxophtharambxy aelaphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhwcaesdcpraphastnthangchlmarkh cakithroykh cnghwdkaycnburiesdctamlanaaemklxng phantladbanopngphan tladophtharamcnthungemuxngrachburi thanphrakhrusrththasunthr hlwngpuklxm ecaxawaswdkhnxn inkhnannidklawwa xayhlwngthanwa chuxwdwaxaramyngexachuxstwmatng ehnkhwrihepliynchuxcadikwa dngnndwyehtuni wdkanxn cungidepliynchuxepn wdkhnxnoprawas tamsthanthithikhxydkekbxakrthiphanekhtsungxyutidkbwdnnexng prakxbkbchux khnxn xxkesiyiklekhiyngkbkhaeriykedimcungimmiphuidkhdkhan aelachawbanmkeriyksn wa wdkhnxn aelawdkaekaa kepliynepnwdekaainpccubnsingkxsrangphayinwd aekikhxuobsth kwang 29 emtr yaw 58 emtr srangemux pramansmykrungsrixyuthyatxnplayepnxakharkxxiththuxpun hlngkhaimthrngithyld 3 chn pradbdwychxfaibraka miwiharkhdrxbxuobsthpradisthanphraphuththrupcanwn 120 xngkh salakarepriyy kwang 20 emtr yaw 25 50 emtr srangemux ph s 2454 epnxakharimthrngithy hxswdmnt kwang 11 emtr yaw 22 emtr srangemux ph s epnxakharimthrngithy kutisngkh epnxakharimthrngithy 3 hlng salaithy epnxakharimthrngithy kwang 9 50 emtr yaw 14 50 emtr srangemux ph s 2543 salabaephykusl kwang 21 emtr yaw 40 emtr srangdwykhxnkritesrimehlk 1 hlng phiphithphnthhnngihywdkhnxn aebberuxnimthrngithy kwang 17 emtr yaw 23 emtr phiphithphnthwdkhnxn obranwtthu aebberuxnimthrngithy kwang 15 50 emtr yaw 19 emtr ekhtwdkhnxn aekikh chuxwdkhnxn macakkarthiekhyepncudtngdanekbphasixakr epliynchuxemux ph s 2447 tngwdemux kxn ph s 2300 idrbphrarachthanwisungkhamsima emuxkxn ph s 2300kartngwd thitng wdmienuxthi 55 ir ngan 40 tarangwa xanaekht thisehnux yaw 11 esn 1 wa cd thisit yaw 8 esn 13 wa cd thistawnxxk yaw 5 esn 5 wa cd aemnaaemklxng thistawntk yaw 6 esn 1 wa cdlksnaphunthitngwdaelabriewnodyrxbphunthiwdepnlksnasiehliymphunpha aebngxxkepn 3 swn khux swnthiepnwd swnthiepnorngeriyn aelaswnthiepnlanptibtithrrmaelapaimkarsuksa idmikarepidsxn 1 orngeriynphrapriytithrrmaephnkthrrm epidsxnemux ph s 2493 2 orngeriynprathmsuksa tngxyuinthidinwd enuxthi 6 ir 2 ngansatharnpraoychnaekchumchn 1 hxngsmudpracawd 2 hxngsmudpracaorngeriyn 3 hnwy x p t hnwyxbrmprachachnpracatabl salakarepriyy aekikh salakarepriyy kwang 20 emtr yaw 25 50 emtr srangemux ph s 2454 epnxakharimthrngithy ekhtphraxuobsth aekikh ekhtphraxuobsthepnekhtthisthapnakhunihminsmyinrchkalthi 5 odycalxngsthaptywiharhlwngwdsuthsn phraxuobsth aekikh xuobsth aetedimxuobsthmirupaebblksnaidimmihlkthanprakt txmahlwngpuklxmhruxphrakhrusrththasunthr cn thochot idburnptisngkhrnchxm srang emuxpi ph s 2450 iderimthakarkxsrangihmodymichangchawcinepnaemngan inkarkxsranghlwngpuklxm epnphuxxkaebbkhidpradisthphuklaypratu hnatang hnabn l obsthihmthihlwngpuklxmsrangkhunnn milksnakhlaykbphrawiharhlwngkhxngwdsuthsnethphwraramlksnakhxngphraxuobsthepnxakharthrngithy kxxiththuxpun hlngkhaekhruxngimmungkraebuxngldchn 3 chn sxnknchnla 3 tb mimukhldthngdanhnaaeladanhlngdanla 1 hxng odymiesasiehliym 4 tn rxngrbokhrnghlngkha dankhangmichaykhapiknkkhlummiesasiehliymrxngrbdan la 9 tn chxfaibrakapunpnpradbkrack hnabnpunpnlwdlayphnthuphvksatrngklangepnrupwngklm thanphraxuobsthykphun 2 chn chnaerkxyuinaenwediywkbesarxngrbchaykha piknk tngsumibesmapunpnyxmumimsibsxngphnngdanhnaaeladanhlngkxxiththuxpuneriyb mipratuthangekhadanla 2 pratu sumpratupunpnthrngecdiy banpratuimaekaslklngrkpidthxngpradbkrack lwdlaydxkimklmswnlangepnphaphthwarbalyunthuxxawuth sumpratudanhlngbriewnmumsumdankhwatxnbn micarukphasaithy khawa eckhw sungxaccahmaythungchuxkhxngnaychangchawcin phnngdankhangkxxiththuxpunmichxnghnatangdanla 7 chxng banhnatangimaekaslklngrkpidthxngpradbkrack lwdlaytxnbnepnlaytakhaydxkim txnlangepnlayrupstw lwdlaykhxngbanhnatangaetlabancaimsakn danhnaphraxuobsthmibnidetiy khunthangdankhang esabnidmiphaphcitrkrrmcinaelaxksrcin danhnungmixksrphasaithywa obseckthangam phayinphraxuobsthpradisthan phraphuththrupsilaaelngprathbnng aesdngpangmarwichy silpasmykrungsrixyuthyatxnplay tnkrungrtnoksinthr dankhangsay khwamiphraxkhrsawkyunphnmmux thanchukchidanhlngphraprathanpradisthan phraphuththruppunpnprathbnng aesdngpangmarwichy aelapangsmathi silpartnoksinthr smyrchkalthi 5 xik 10 xngkh aela phraxkhrsawkyunphnmmuxphaynxkphraxuobsthmiraebiyngkhtkxxiththuxpunlxmrxb misumpratuthangekhaxyuthngsithis phayinraebiyngmiphraphuththruppunpn pangmarwichy canwn 120 xngkh pradisthanrayrxbecdiyray tngxyudanhna phraxuobstheriyngknepnaethwcanwn 6 xngkh lksnaepnecdiykxxiththuxpunyxmumim sibsxng thanecdiyepnthansinghsxnkn sxngchn xngkhrakhngkhnadelkmibwrxngrbpakrakhng swnyxdmibllngksiehliymrxngrbchudbwkhlumethaaelapliyxd danhlngphraxuobsthmiecdiythrngrakhngkxxiththuxpunkhnadihy thanecdiyepnthanbwthrng siehliym rxngrbthanbwklmaelachudmalyethaodythichnmalyethanicamisumphra 8 sum sxnknepnsxngchnchnla 4 sum xngkhrakhngklmmisaysngwalrd swnyxdmibllngksiehliymrxngrbbwaelapliyxd lksnakhxngswnyxdkhlaykbecdiymxyxikdanhnungkhxngthnndanhnawd miecdiyxyu 1 xngkh lksnaepnecdiykxxiththuxpunthrngrakhngsikhawnwl tngxyubnthansiehliymmikaaephngsiehliymthubetiy lxmrxb thandanlangepnthanbwklmsxnkn3 chnxngkhrakhngmikartkaetngpunpnrupibophthithng 4 danswnyxdepnmalyethaaelapliyxd phraecdiy aekikh ecdiyinxuobsthprakardwyecdiyyxmumimsibsxngcanwn 5 xngkh phraprangkh 1 xngkh phramhaecdiy aekikh phramhaecdiythanediyw srangkhuninrchsmyrchkalthi 5 miphraphuththrupinsumecdiythng 8 this brrcuphrathatuprawtikhwamepnmakhxngphiphithphnth dankhnxn odyyx wdkhnxnepnsthanthi thiekhyepndanekbphasixakrthieriykwa dankhnxn matngaetsmyobran cungepnaehlngkarsuksaekiywkbesrsthkickbsngkhminyukhkxn thngwdkhnxnyngmithrphysinthiehluxcakkarsngekhathxngphrakhlng sungnaydankhnxnthwayexaiwihepnsmbtikhxngwdkxnthicamikarelikdankhnxnip odymakepnsinkhathiidmakcakkarekbcngkxbchnid sibhyibhnung hrux phasithwyothoxcham miekhruxnglaykhram ekhruxngebycrngkh aelaobranwtthuepncanwnmak cungehmaakbkarepnsthanthieriynruthngthangdanesrsthkicsngkhm prawtisastraelasilpwthnthrrm insmyobranidepnxyangdiprawtikhwamepnmakhxngphiphithphnth odyyx hnngihywdkhnxn srangkhunemuxsmyrchkarthi 5 aehngkrungrtnoksinthrodyepnlksnakhxnghnngrasdr hnngchawban odythanphrakhrusrththasunthr hlwngpuklxm idchkchwnchangphunbanrwmkbchanghlwngpracacnghwdrachburimarwmsrangkhun epneruxngrawekiywkbramekiyrti xxkaesdngtamngantang odyepnmhrsphkhxngwdkhnxnphayhlngyukhsngkhramolkkhrngthisxng wthnthrrmtawntkekhamamixiththiphlimwacaepn phaphyntrdntri l hnngihycunghayipcaksngkhmithy txmaemuxsmedcphraethphrtnrachsudasyambrmrachkumari esdceyiymchmwdkhnxncungidmiphrarachdariihthangwdkhnxnidcdthahnngihychudihmkhunichaethnchudeka aelaokhrngkarcdsrangphiphithphnthekbrksahnngihychudedimexaiw wdkhnxncungidrwmmuxkbhnwynganrachkartang odymimhawithyalysilpakr sung khunhyingikhsri srixrun khnannthandarngtaaehnng xthikarbdi epnkalngsakhyinkarcdthahnngihychudihm odyichngbbricakh 2 lanbathess phs sn simatrng epnfayduaelaelakhwbkhumkarthahnngihy emuxpiph s 2538 daeninkarcdthaaelwesrc cungidnakhunthwaysmedcphraethphrtnrachsudasyambrmrachkumari phraxngkhthrngphrarachthanih wdkhnxniwichinkaraesdngsubip aelathrngihthangwdkhnxnsngesrimkarfukhdeyawchnechidhnngihyelndntriithyaelaaekaslkhnngihyexaiwdwyswntweruxnphiphithphnth thangwdidphatikrrmhxswdmntekakhxngwdsungepneruxnimthrngithymasrangodyidrbngbsnbsnunkhrngaerkcakrthbal epncanwnengin 5 lanbath sungxxkaebbtweruxnphiphithphnthody phs smic nimelk aelakartkaetngphayinichngbpramancakmhawithyalysilpakrcanwn 1 lanbath xxkaebbody rs phngsskdi xaryangkur cdsrangaelwesrcemuxpiph s 2542 raynamecaxawastngaetrupaerkcnthungpccubn rupthi 1 phraxacarykhnghrux hlwngphxchang ph s thung ph s rupthi 2 phrakhrusrththasunthr ph s thung ph s 2485 rupthi 3 phrakhrusuwrrnrtnakr ph s 2486 thung ph s 2512 rupthi 4 phramhaetiyn ct tphoy ph s 2513 thung ph s 2515 rupthi 5 phraxthikarcwn thn tcitot ph s 2515 thung ph s 2522 rupthi 6 phraxthikarthxngxyu thm mochot ph s 2523 thung ph s 2525 rupthi 7 phrapldecriy cirpy oy ph s 2525 thung ph s 2531 rupthi 8 phrakhrusngkhbribal xacit tthm om ph s 2533 thung ph s 2542 rupthi 9 phrakhruphithkssilpakhm nuchit wchirwuth oth ph s 2542 thung pccubnemux ph s 2457 phrabathsmedcphramngkuteklaecaxyuhw thrngnakalngphlesuxpamaphkprathbaermthiwdkhnxn 1 khun emux ph s 2534 smedcphraethphrtnrachsuda syambrmrachkumari esdcthrngnankeriynnayrxymasuksadankhnxnaelahnngihywdkhnxnkarsuksa aekikhorngeriynphayinwd aekikh orngeriynwdkhnxn epidkareriynkarsxntngaetradbxnubal 1 mthymsuksapithi 3inwdmikaraesdnghnngihyodynkeriynwdkhnxnaelakhninchumchn sungorngmhrsphcaxyuthangthistawnxxkkhxngphraxuobsthekhathungcak https th wikipedia org w index php title wdkhnxn amp oldid 8421859, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม