หลวงไพเราะเสียงซอ (อุ่น ดูรยะชีวิน)
บทความนี้ต้องการข้อความอธิบายความสำคัญที่กระชับ และสรุปเนื้อหาไว้ย่อหน้าแรกของบทความ |
หลวงไพเราะเสียงซอ (อุ่น ดูรยะชีวิน) นักดนตรีไทยที่มีความชำนาญในการบรรเลงเครื่องดนตรีไทยประเภทเครื่องสี ทั้งซอด้วง ซออู้ และซอสามสาย เป็นอดีตข้าราชการในสังกัดกรมพิณพาทย์หลวง และกรมศิลปากร
ประวัติ
หลวงไพเราะเสียงซอเดิมชื่ออุ่น ดูรยะชีวิน เกิดเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2435 ณ ตำบลหน้าไม้ อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นบุตรของนายพยอมและนางเทียบ เมื่ออายุ 11 ปีท่านได้บวชเป็นสามเณรที่วัดหน้าต่างนอก ภายหลังบิดามารดาย้ายเข้ากรุงเทพมหานครท่านจึงย้ายไปเรียนที่วัดปริณายก โดยเริ่มแรกท่านเรียนซอด้วงจากบิดาของท่าน
เวลาต่อมาท่านถวายตัวเข้าเป็นมหาดเล็กในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งยังทรงดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมงกุฎราชกุมาร ท่านจึงมีโอกาสศึกษาดนตรีไทยกับพระยาประสานดุริยะศัพท์ (แปลก ประสานศัพท์) ต่อมามีการก่อตั้งกองเครื่องสายฝรั่งหลวงในกรมมหรสพ ท่านได้รับเลือกให้ฝึกหัดไวโอลิน และท่านได้เข้ารับราชการในกองดนตรีเมื่อปี พ.ศ. 2448
เมื่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯเสด็จขึ้นเถลิงราชสมบัติเป็นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวแล้ว ท่านจึงได้เลื่อนขั้นเป็นมหาดเล็กประจำ ต่อมารัชกาลที่หกมีพระราชประสงค์ให้มีวงดนตรีตามเสด็จพระราชดำเนินเมื่อแปรพระราชฐานตามหัวเมือง เรียกกันว่า"วงตามเสด็จ"ประกอบด้วยข้าราชการที่มีฝีมือทางด้านดนตรี ท่านเป็นผู้หนึ่งในวงตามเสด็จได้รับพระราชทาน บรรดาศักดิ์ เป็นขุนดนตรีบรรเลง รองหุ้มแพรมหาดเล็ก ถือศักดินา ๓๐๐ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2458ในที่สุดท่านได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นหลวงไพเราะเสียงซอ ถือศักดินา ๔๐๐ เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2460
ครั้นสมัยรัชกาลที่ 7 หลวงไพเราะเสียงซอได้มีโอกาสเป็นพระอาจารย์สอนเครื่องสายถวายเจ้านาย ในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว อันมี พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี กรมหมื่นอนุวัตรจาตุรนต์ กรมหมื่นอนุพงศ์จักรพรรดิ์ หม่อมเจ้าถาวรมงคล จักรพันธุ์และหม่อมเจ้าแววจักร จักรพันธุ์ นอกจากนี้ท่านได้สอนถวายพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมเขตรมงคลและข้าหลวงอีกด้วย ภายหลังกรมศิลปากรได้เชิญท่านสอนประจำที่วิทยาลัยนาฏศิลป์ และท่านยังได้สอนและปรับปรุงวงดนตรีไทยของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จนทำให้วงดนตรีของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นที่รู้จักในเวลาต่อมา
หลวงไพเราะเสียงซอถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2518 ณ โรงพยาบาลศิริราช สิริอายุ 84 ปี
ชีวิตครอบครัว
หลวงไพเราะเสียงซอสมรสกับนางนวม มัธยมจันทร์ มีบุตรธิดา 8 เวลาต่อมาท่านได้สมรสครั้งที่สองกับหม่อมเจ้ากริณานฤมล สุริยง มีบุตรธิดาอีก 5 คน
ลูกศิษย์
หลวงไพเราะเสียงซอ มีลูกศิษย์มากมายหลายคน ที่สำคัญคือ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี อนันต์ ดูรยะชีวิน ไปล่ วรรณเขจร ปลั่ง วรรณเขจร เจริญใจ สุนทรวาทิน (ศิลปินแห่งชาติ) ประเวช กุมุท (ศิลปินแห่งชาติ) วรยศ ศุขสายชล โกวิทย์ ขันธศิริ วิพรรณ จารุดุล เชวงศักดิ์ โพธิสมบัติ จีรพล เพชรสม
ผลงาน
ผลงานของหลวงไพเราะเสียงซอนั้นมีปรากฏในราชการมากมาย อาทิวงขับไม้ในพระราชพิธีสมโภชต่างๆในสมัยรัชกาลที่ 6 เช่นพระราชพิธีฉัตรมงคล พระราชพิธีขึ้นระวางพระคชาธารเป็นต้น และในสมัยรัชกาลที่ 7 เพลงคลื่นโหมโรงกระทบฝั่งซึ่งเป็นบทพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 7 ก็มีที่มาจากคำกราบบังคมทูลของหลวงไพเราะฯ เมื่อครั้งตามเสด็จประพาสสัตหีบเมื่อปี พ.ศ. 2474
ยศ
- รองหุ้มแพร
- 30 ธันวาคม พ.ศ. 2465 หุ้มแพร
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. ๒๔๕๙ – เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา (ร.ด.ม.(ศ))
อ้างอิง
- ห้องสมุดดนตรีสมเด็จพระเทพรัตน์
- พระราชทานบรรดาศักดิ์
- พระราชทานบรรดาศักดิ์ (หน้า ๒๕๙๐)
- เว็บไซต์ดนตรีไทย ปฏากรณ์ดอตคอม
- พระราชทานยศ
- พระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา