ฮัมซะฮ์ อิบน์ อับดุลมุฏฏอลิบ
ฮัมซะฮ์ อิบน์ อับดุลมุฏฏอลิบ (อาหรับ: حمزة ابن عبد المطّلب) (ค.ศ.570–625):4 เป็นเศาะฮะบะฮ์ และเป็นลุงของศาสดา (نَـبِي) มุฮัมมัด
ฮัมซะฮ์ حمزة | |
---|---|
อะมีร อะซาดุลลอฮ์ (ราชสีห์ของอัลลอฮ์) เศาะฮะบะฮ์ ผู้พลีชีพเพื่อศาสนา | |
เลขาธิการแห่งสงครามของรัฐอิสลามประจำเมืองมะดีนะฮ์ | |
ถัดไป | คอลิด อิบน์ อัลวะลีด |
คู่อภิเษก | Salma Daughter of Al-Milla Khawla bint Qays |
พระราชบุตร | Umama Amir ibn Hamaza Yaala ibn Hamza Umara ibn Hamza และอีกมากมาย |
ราชวงศ์ | บนูฮาชิม |
พระราชบิดา | อับดุลมุฏฏอลิบ อิบน์ ฮาชิม |
พระราชมารดา | ฮาละฮ์ บินต์ วูฮัยบ์ |
ประสูติ | ค.ศ.570 มักกะฮ์, แคว้นฮิญาซ, อาระเบีย ฮัมซะฮ์ อิบน์ อับดุลมุฏฏอลิบ |
สวรรคต | 22 ธันวาคม ค.ศ.624 ในช่วงสงครามอุฮุด ภูเขาอูฮุด |
ศาสนา | อิสลาม ก่อนหน้านั้น พหุเทวนิยมอาหรับ |
อาชีพ | เศาะฮะบะฮ์ Military officer |
ชื่อตอนที่ยังอยู่ในวัยเด็กคือ "อบูอุมามะฮ์":2 (أَبُو عُمَارَةَ) และ "อบูยะอฺลา":3 (أَبُو يَعْلَى). โดยมีสมญานามว่า ราชสีห์ของอัลลอฮ์:2 (أسد الله) และ ราชสีห์แห่งสวรรค์ (أسد الجنّة) ส่วนศาสดามุฮัมมัดได้ให้สมญานามว่า ซัยยิดุช-ชุฮาดา’ (سَـيِّـدُ الـشُّـهَـدَاء "หัวหน้าของผู้สละชีพ")
ครอบครัว
บิดามารดา
พ่อของฮัมซะฮ์ชื่อว่าอับดุลมุฏฏอลิบ อิบน์ ฮาชิม อิบน์ อับดุลมะนาฟ อิบน์ กุซ็อย จากเผ่ากุเรชในเมืองมักกะฮ์:2 แม่ของชื่อว่า ฮาละฮ์ บินต์ วะฮับ จากกลุ่มบนูซุครอของเผ่ากุเรช:2
ฮัมซะฮ์แก่กว่ามุฮัมหมัด 4 ปี:4 แต่ซุบัยร์แย้งในฮะดีษว่า "ตุวัยบะฮได้เลื้ยงดูทั้งฮัมซะฮ์และมุฮัมหมัด" อิบน์ ซัยยิด จึงสรุปว่าฮัมซะฮ์แก่กว่ามุฮัมหมัดแค่ 2 ปี โดยหลังจากนั้นเขาพูดว่า "มีแต่พระองค์เท่านั้นที่รู้" อิบน์ ฮะญัร บันทึกว่า: "ฮัมซะฮ์เกิดก่อนมูฮัมหมัดประมาณ 2 - 4 ปี"
ฮัมซะฮ์มีความสามารถในการต่อสู้, ยิงธนู และศึกสงคราม
การแต่งงานและลูกหลาน
ฮัมซะฮ์แต่งงานสามครั้งและมีลูกหกคนได้แก่:3
- ซัลมา บินต์ อุมัยส์
- อุมามะฮ์ บินต์ ฮัมซะฮ์
- ซัยนับ บินต์ อัล-มิลลา
- อามีร อิบน์ ฮัมซะฮ์
- บักร์ อิบน์ ฮัมซะฮ์ เสียชีวิตตั้งแต่เด็ก
- เคาละฮ์ บินต์ ก็อยส์
- ยาลา อิบน์ ฮัมซะฮ์
- อุมามะฮ์ อิบน์ ฮัมซะฮ์
- อะตีกะฮ์ บินต์ ฮัมซะฮ์
- บัรรา บินต์ ฮัมซะฮ์
เข้ารับอิสลาม
เขาเข้ารับอิสลามในช่วงปลายปี 615 หรือต้นปี 616:3 ในขณะที่เขากลับมาจากการล่าสัตว์ในทะเลทราย แล้วเขาได้คนบอกว่าอบูญะฮัลได้ "ทำร้ายและต่อว่าท่านศาสดา":3 "ต่อว่าศาสนาของท่านและพยายามทำให้ท่านขายหน้า" แต่มุฮัมหมัดก็ไม่ทำอะไรทั้งสิ้น:131 ฮัมซะฮ์จึง "รู้สึกแค้น" และ "รีบไปหาอบูญะฮัล"ที่กะอ์บะฮ์ ขณะที่อบูญะฮัลกำลังนั่งอยู่กับผู้อาวุโส เขาจึงชกอบูญะฮัลด้วยธนูของเขา แล้วพูดว่า "เจ้าจะทำร้ายเขามั้ย ถ้าฉันอยู่ในศาสนาของเขาและพูดเหมือนอย่างที่เขาพูดล่ะ? ชกฉันสิถ้าเจ้ากล้า!":132 คนข้าง ๆ อบูญะฮัลพยายามจะช่วยเขา แต่อบูญะฮัลพูดว่า "ปล่อยให้อบูอุมารา [ฮัมซะฮ์] อยู่คนเดียวเถอะ ขอสาบานต่อพระเจ้า ข้าได้ดูถูกหลานชายของเขาอย่างมาก":132 หลังจากอุบัติเหตุครั้งนั้น ฮัมซะฮ์ได้เข้าไปในบ้านอัล-อัรกอมและเข้าอิสลาม:3
ประสบการทางทหาร
ครั้งแรก
มุฮัมมัดได้ส่งฮัมซะฮ์พร้อมกับคนขี่ม้า 30 คนไปที่อ่าวแถวแคว้นญุฮัยนะฮ์เพื่อหยุดคารวานชาวกุเรชที่กลับจากซีเรีย ฮัมซะฮ์ได้พบอบูญะฮัลที่กำลังคุมกองคารวานพร้อมกับคนขี่ม้า 300 คนที่ชายหาด มัจดี อิบน์ อัมร์ อัล-ญุฮัยมีได้พูดแทรกว่า "สำหรับเขาคือสันติภาพทั้งคู่" และทั้งสองกลุ่มจึงแยกจากกันโดยไม่มีการต่อสู้ใด ๆ ทั้งสิ้น:4:283
เสียชีวิต
ฮัมซะฮ์พลีชีพในสงครามอุฮุดเมื่อวันที่ 22 มีนาคม ค.ศ.625 (3 เชาวาล ฮ.ศ.3) ขณะที่มีอายุ 59 ปี (จันทรคติ)
ฮัมซะฮ์ถูกฆ่าโดยวะฮ์ชี อิบน์ ฮัรบ์ทาสชาวอบิสสิเนียของฮินด์ บินต์ อุตบะฮ์ภายใต้สัญญาว่าเขาจะเป็นอิสระถ้าเขาฆ่าฮัมซะฮ์ได้ เนื่องจากเธอแค้นที่ฮัมซะฮ์ฆ่าลุงของเธอที่สงครามบะดัร
หลังจากนั้นวะฮ์ชีได้เปิดท้องและนำตับให้ฮินด์ บินต์ อุตบะฮ์ และเธอเคี้ยวตับของเขาแล้วคายทิ้ง "จากนั้นเธอทำลายร่างกายของฮัมซะฮ์โดยนำบางส่วนจากร่างกายมาทำสร้อยข้อเท้า, สร้อยคอ และจี้ แล้วนำมันกลับไปที่มักกะฮ์"
มุฮัมมัดได้กล่าวว่า "ฉันเห็นมลาอิกะฮ์ (เทวทูต) กำลังอาบน้ำให้ฮัมซะฮ์ในสวรรค์"
ดูเพิ่ม
- อับดุลมุฏฏอลิบ
- บนูฮาชิม
- กุเรช
- เดอะ เมสเซจ
อ้างอิง
- "Companions of The Prophet", Vol.1, By: Abdul Wahid Hamid
- ↑ Muhammad ibn Saad. Kitab al-Tabaqat al-Kabair vol. 3. Translated by Bewley, A. (2013). The Companions of Badr. London: Ta-Ha Publishers.
- ↑ "Prophetmuhammadforall.org" (PDF). www.prophetmuhammadforall.org.
- Ibn Sayyid al-Nas, Uyun al-Athar.
- Ibn Hajar al-Asqalani, Finding the Truth in Judging the Companions.
- Al-Jibouri, Yasin T. "Descendants of the Prophet's Paternal Uncles". Muhammad, Messenger of Peace and Tolerance. Qum: Ansariyan Publications.
- Muhammad ibn Saad. Kitab al-Tabaqat al-Kabir vol. 8. Translated by Bewley, A. (1995). The Women of Madina, p. 288. London: Ta-Ha Publishers.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อIshaq