fbpx
วิกิพีเดีย

เจ้าพระยามหาเสนา (ปลี)

เจ้าพระยามหาเสนา (? - พ.ศ. 2337) นามเดิม ปลี เป็นสมุหกลาโหมคนแรกในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เป็นแม่ทัพผู้มีบทบาทในสงครามเก้าทัพและสงครามตีเมืองทวาย

เจ้าพระยามหาเสนา
(ปลี)
เกิดปลี
เสียชีวิตมกราคม พ.ศ. 2337
ตำแหน่งสมุหกลาโหม
วาระพ.ศ. 2325 – มกราคม พ.ศ. 2337
ผู้ดำรงตำแหน่งก่อนพระยามหาเสนา (กรุงธนบุรี)
ผู้สืบตำแหน่งเจ้าพระยาอรรคมหาเสนา (บุนนาค)
ศาสนาพุทธ
บิดามารดาเจ้าพระยากลาโหมคลองแกลบ

เจ้าพระยามหาเสนา (ปลี) เกิดเมื่อปีใดไม่ปรากฏ เป็นบุตรชายของเจ้าพระยากลาโหมคลองแกลบ สมุหกลาโหมในรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เจ้าพระยามหาเสนา (ปลี) มีพี่สาวต่างมารดาคือ ท้าววรจันทร์ (แจ่ม) และน้องชายต่างมารดาชื่อคุ้ม ซึ่งนายคุ้มต่อมาได้รับตำแหน่งเป็นพระยาสุรเสนาในรัชกาลที่ 1 และมีฉายาว่า"พระยาสุรเสนาแขนทิ้ง"

ในสมัยธนบุรี เจ้าพระยามหาเสนา (ปลี) ดำรงตำแหน่งเป็นพระพลเมืองพิษณุโลก จากนั้นเลื่อนขึ้นเป็นพระยาเพชรบูรณ์ เจ้าเมืองเพชรบูรณ์ ในพ.ศ. 2321 เมื่อสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกยกทัพไปตีเมืองเวียงจันทน์ เจ้าสุริยวงศ์เจ้าเมืองหลวงพระบางขอสวามิภักดิ์ต่อสยาม สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกจึงมีคำสั่งให้พระยาเพชรบูรณ์ (ปลี) คุมกองทัพเมืองหลวงพระบาง ยกเข้าโจมตีเมืองเวียงจันทน์จากทางเหนือ ในขณะที่สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกยกทัพเข้าโจมตีจากทางใต้ จนสามารถยึดเมืองเวียงจันทน์ได้ในที่สุด

เมื่อสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกในพ.ศ. 2325 ทรงแต่งตั้งพระยาเพชรบูรณ์ (ปลี) ขึ้นเป็นเจ้าพระยามหาเสนา สมุหกลาโหมคนแรกของกรุงรัตนโกสินทร์ ดังในคำปรึกษาตั้งข้าราชการว่า

พระยาเพชรบูรณ์สัตย์ซื่อ สู้เสียชีวิตทำราชการสงครามตามเสด็จใต้ละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระอนุชาธิราชเจ้า (กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท) แต่เดิมมา มีความชอบมาก แล้วก็เป็นบุตรพระยากลาโหมแต่ก่อน ขอพระราชทานตั้งให้เป็น เจ้าพระยามหาเสนา...

นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯยังทรงให้ย้ายการปกครองหัวเมืองฝ่ายใต้ ซึ่งถูกย้ายไปขึ้นกับกรมท่าตั้งแต่รัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ย้ายกลับมาขึ้นกับสมุหกลาโหมดังเช่นแต่ก่อนอีกด้วย

ในพ.ศ. 2328 สงครามเก้าทัพ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯมีพระราชโองการให้เจ้าพระยามหาเสนา (ปลี) ติดตามสมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์ เสด็จยกทัพไปตั้งรับพม่าทางเหนือที่นครสวรรค์ เจ้าพระยามหาเสนา (ปลี) ยกทัพไปตั้งรับพม่าที่พิจิตร จากนั้นกรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์ฯมีพระบัญชาให้เจ้าพระยามหาเสนายกทัพเข้าตีทัพของเนเมียวสีหซุยที่ค่ายปากพิงฝั่งตะวันออก นำไปสู่การรบที่ปากพิง เจ้าพระยามหาเสนาสามารถเอาชนะทัพพม่าขับทัพพม่าออกไปได้สำเร็จ จากนั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกจึงมีพระราชโองการให้เจ้าพระยามหาเสนา (ปลี) ยกทัพขึ้นเหนือไปพร้อมกับสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงจักรเจษฎา เพื่อช่วยเหลือเจ้ากาวิละแห่งเมืองลำปางซึ่งกำลังถูกทัพพม่าของสะโดศิริมหาอุจนาล้อมเมืองอยู่ เจ้าพระยามหาเสนาและกรมหลวงจักรเจษฎาฯสามารถขับทัพพม่าที่ล้อมเมืองลำปางอยู่ออกไปได้สำเร็จ

ในสงครามตีเมืองทวายในพ.ศ. 2330 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯมีพระราชโองการให้จัดทัพเข้ายกไปโจมตีเมืองทวายผ่านทางด่านวังปอ (ทางตำบลปิล็อก อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี) เจ้าพระยามหาเสนา (ปลี) และเจ้าพระยารัตนาพิพิธ (สน สนธิรัตน์) สมุหนายกเป็นทัพหน้า เจ้าพระยาทั้งสองยกทัพเข้าโจมตีทัพพม่าที่ด่านวังปอ โดยเจ้าพระยามหาเสนาส่งพระยาสุรเสนานำทัพไปก่อน หลังจากที่พระยาสุรเสนาถูกปืนพม่าเสียชีวิตในที่รบ เจ้าพระยามหาเสนาและเจ้าพระยารัตนพิพิธ (สน) จึงยกทัพเข้าตีด่านวังปอได้สำเร็จ จากนั้นยึดเมืองกลิอ่องต่อและยกทัพเข้าประชิดเมืองทวาย ฝ่ายไทยไม่สามารถเข้ายึดเมืองทวายได้หลังจากประชิดเมืองอยู่ครึ่งเดือน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯมีพระราชโองการให้เลิกทัพถอยกลับ

หลังจากได้เมืองทวายแล้ว ในพ.ศ. 2336 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯมีพระราชดำริที่จะยกทัพล่วงต่อจากเมืองทวายไปยังเขตแดนเมืองพม่าตอนล่าง จึงมีพระราชโองการให้เจ้าพระยามหาเสนา (ปลี) และเจ้าพระยารัตนาพิพิธ (สน) ยกทัพหน้าไปสมทบกับทัพของพระยายมราช (บุนนาค) ที่ทวาย ในขณะนั้นเองพระเจ้าปดุงได้ส่งทัพมายึดเมืองทวายคืน เจ้าพระยามหาเสนา เจ้าพระยารัตนาพิพิธ และพระยายมราช ตั้งค่ายอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองทวาย ฝ่ายพม่าตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ในปีพ.ศ. 2337 ชาวเมืองทวายเป็นกบฏลุกฮือขึ้นต่อต้านการปกครองของไทย เจ้าพระยามหาเสนา (ปลี) มีคำสั่งให้นำตัวหวุ่นทอก ชาวเมืองทวายผู้นำในการต่อต้านไปลงโทษด้วยการเฆี่ยน หวุ่นทอกจึงปลุกระดมชาวเมืองทวายให้ลุกฮือขึ้นและร่วมกับทัพพม่าเข้าโจมตีทัพของไทยทางตะวันออก เสนาบดีทั้งสามไม่สามารถต้านทานทัพพม่าได้ ถอยทัพไปยังค่ายของพระอภัยรณฤทธิ์ ซึ่งเป็นทัพหน้าของทัพหลวง เสนาบดีทั้งสามขอเข้าไปในค่ายของพระอภัยรณฤทธิ์ แต่พระอภัยรณฤทธิ์ปฏิเสธไม่ให้เข้าเกรงว่าหากทัพพม่ายกติดตามเสนาบดีทั้งสามเข้ามาในค่ายและทัพหน้าของพระอภัยรณฤทธิ์แตกพ่ายไป ทัพหลวงจะได้รับอันตราย เสนาบดีทั้งสามจึงสู้กับพม่าอยู่หน้าค่ายของพระอภัยรณฤทธิ์ เจ้าพระยารัตนาพิพิธและพระยายมราชสามารถรอดไปได้ แต่เจ้าพระยามหาเสนา (ปลี) สูญหายในที่รบ ไม่สามารถค้นหาศพของเจ้าพระยามหาเสนากลับมาได้ ในขณะพงศาวดารพม่าว่าเจ้าพระยามหาเสนาถูกสังหารในที่รบ และสามารถนำศีรษะของเจ้าพระยามหาเสนา (ปลี) ไปได้

ไม่ปรากฏว่าเจ้าพระยามหาเสนา (ปลี) มีบุตรหลานรับราชการสืบต่อเนื่องมาเป็นอย่างไรต่อไปถึงปัจจุบัน

อ้างอิง

  1. สมมตอมรพันธุ์, พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระ. เรื่องตั้งเจ้าพระยาในกรุงรัตนโกสินทร์. กรุงเทพ : กรมศิลปากร, 2545.
  2. ลำดับสกุลเก่าบางสกุล ภาคที่ 3 สกุลเฉกอหมัด ฉะบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์. พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ พระตำรวจเอก เจ้าพระยาราชศุภมิตร (อ๊อต ศุภมิตร) ณ เมรุวัดเบญจมบพิตร เมื่อปีมะเมีย พ.ศ. ๒๔๗๓.
  3. เอียวศรีวงศ์, นิธิ. การเมืองไทยสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี. กรุงเทพฯ; มติชน, พ.ศ. 2550.
  4. พระราชพงษาวดารกรุงเก่า (ฉบับหมอบรัดเล).
  5. ทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค), เจ้าพระยา. พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑. พิมพ์ครั้งที่ ๖.
  6. ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จกรมพระยา. พงษาวดารเรื่องเรารบพม่า ครั้งกรุงธน ฯ แลกรุงเทพ ฯ.
  7. Phraison Salarak (Thien Subindu), Luang. Intercourse between Burma and Siam as recorded in Hmannan Yazawindawgyi. Bangkok; July 25, 1919.


เจ, าพระยามหาเสนา, ปล, เจ, าพระยามหาเสนา, 2337, นามเด, ปล, เป, นสม, หกลาโหมคนแรกในสม, ยกร, งร, ตนโกส, นทร, ในร, ชกาลพระบาทสมเด, จพระพ, ทธยอดฟ, าจ, ฬาโลก, เป, นแม, พผ, บทบาทในสงครามเก, าท, พและสงครามต, เม, องทวายเจ, าพระยามหาเสนา, ปล, เก, ดปล, เส, ยช, ตมกราคม, . ecaphrayamhaesna ph s 2337 namedim pli epnsmuhklaohmkhnaerkinsmykrungrtnoksinthrinrchkalphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolk epnaemthphphumibthbathinsngkhramekathphaelasngkhramtiemuxngthwayecaphrayamhaesna pli ekidpliesiychiwitmkrakhm ph s 2337taaehnngsmuhklaohmwaraph s 2325 mkrakhm ph s 2337phudarngtaaehnngkxnphrayamhaesna krungthnburi phusubtaaehnngecaphrayaxrrkhmhaesna bunnakh sasnaphuththbidamardaecaphrayaklaohmkhlxngaeklbecaphrayamhaesna pli ekidemuxpiidimprakt epnbutrchaykhxngecaphrayaklaohmkhlxngaeklb 1 2 smuhklaohminrchsmyphraecaxyuhwbrmoks ecaphrayamhaesna pli miphisawtangmardakhux thawwrcnthr aecm aelanxngchaytangmardachuxkhum sungnaykhumtxmaidrbtaaehnngepnphrayasuresnainrchkalthi 1 aelamichayawa phrayasuresnaaekhnthing 1 insmythnburi ecaphrayamhaesna pli darngtaaehnngepnphraphlemuxngphisnuolk 3 caknneluxnkhunepnphrayaephchrburn ecaemuxngephchrburn inph s 2321 emuxsmedcecaphrayamhakstriysukykthphiptiemuxngewiyngcnthn ecasuriywngsecaemuxnghlwngphrabangkhxswamiphkditxsyam smedcecaphrayamhakstriysukcungmikhasngihphrayaephchrburn pli khumkxngthphemuxnghlwngphrabang 4 ykekhaocmtiemuxngewiyngcnthncakthangehnux inkhnathismedcecaphrayamhakstriysukykthphekhaocmticakthangit cnsamarthyudemuxngewiyngcnthnidinthisudemuxsmedcecaphrayamhakstriysukkhunkhrxngrachsmbtiepnphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkinph s 2325 thrngaetngtngphrayaephchrburn pli khunepnecaphrayamhaesna smuhklaohmkhnaerkkhxngkrungrtnoksinthr dnginkhapruksatngkharachkarwaphrayaephchrburnstysux suesiychiwittharachkarsngkhramtamesdcitlaxxngthuliphrabathsmedcphraxnuchathiracheca krmphrarachwngbwrmhasursinghnath aetedimma mikhwamchxbmak aelwkepnbutrphrayaklaohmaetkxn khxphrarachthantngihepn ecaphrayamhaesna 3 nxkcakniphrabathsmedcphraphuththyxdfayngthrngihyaykarpkkhrxnghwemuxngfayit sungthukyayipkhunkbkrmthatngaetrchsmyphraecaxyuhwbrmoks yayklbmakhunkbsmuhklaohmdngechnaetkxnxikdwyinph s 2328 sngkhramekathph phrabathsmedcphraphuththyxdfamiphrarachoxngkarihecaphrayamhaesna pli tidtamsmedcphraecahlanethx ecafakrmhlwngxnurksethewsr esdcykthphiptngrbphmathangehnuxthinkhrswrrkh ecaphrayamhaesna pli ykthphiptngrbphmathiphicitr caknnkrmhlwngxnurksethewsrmiphrabychaihecaphrayamhaesnaykthphekhatithphkhxngenemiywsihsuythikhaypakphingfngtawnxxk naipsukarrbthipakphing ecaphrayamhaesnasamarthexachnathphphmakhbthphphmaxxkipidsaerc caknnphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkcungmiphrarachoxngkarihecaphrayamhaesna pli ykthphkhunehnuxipphrxmkbsmedcphraecanxngyaethx ecafakrmhlwngckrecsda 5 ephuxchwyehluxecakawilaaehngemuxnglapangsungkalngthukthphphmakhxngsaodsirimhaxucnalxmemuxngxyu ecaphrayamhaesnaaelakrmhlwngckrecsdasamarthkhbthphphmathilxmemuxnglapangxyuxxkipidsaercinsngkhramtiemuxngthwayinph s 2330 phrabathsmedcphraphuththyxdfamiphrarachoxngkarihcdthphekhaykipocmtiemuxngthwayphanthangdanwngpx thangtablpilxk xaephxthxngphaphumi cnghwdkaycnburi ecaphrayamhaesna pli aelaecaphrayartnaphiphith sn snthirtn smuhnaykepnthphhna ecaphrayathngsxngykthphekhaocmtithphphmathidanwngpx odyecaphrayamhaesnasngphrayasuresnanathphipkxn hlngcakthiphrayasuresnathukpunphmaesiychiwitinthirb ecaphrayamhaesnaaelaecaphrayartnphiphith sn cungykthphekhatidanwngpxidsaerc caknnyudemuxngklixxngtxaelaykthphekhaprachidemuxngthway fayithyimsamarthekhayudemuxngthwayidhlngcakprachidemuxngxyukhrungeduxn phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmiphrarachoxngkarihelikthphthxyklbhlngcakidemuxngthwayaelw inph s 2336 phrabathsmedcphraphuththyxdfamiphrarachdarithicaykthphlwngtxcakemuxngthwayipyngekhtaednemuxngphmatxnlang cungmiphrarachoxngkarihecaphrayamhaesna pli aelaecaphrayartnaphiphith sn ykthphhnaipsmthbkbthphkhxngphrayaymrach bunnakh thithway inkhnannexngphraecapdungidsngthphmayudemuxngthwaykhun ecaphrayamhaesna ecaphrayartnaphiphith aelaphrayaymrach tngkhayxyuthangthistawnxxkkhxngemuxngthway fayphmatngxyuthangthistawntk inpiph s 2337 chawemuxngthwayepnkbtlukhuxkhuntxtankarpkkhrxngkhxngithy ecaphrayamhaesna pli mikhasngihnatwhwunthxk chawemuxngthwayphunainkartxtaniplngothsdwykarekhiyn 5 hwunthxkcungplukradmchawemuxngthwayihlukhuxkhunaelarwmkbthphphmaekhaocmtithphkhxngithythangtawnxxk esnabdithngsamimsamarthtanthanthphphmaid thxythphipyngkhaykhxngphraxphyrnvththi sungepnthphhnakhxngthphhlwng esnabdithngsamkhxekhaipinkhaykhxngphraxphyrnvththi aetphraxphyrnvththiptiesthimihekhaekrngwahakthphphmayktidtamesnabdithngsamekhamainkhayaelathphhnakhxngphraxphyrnvththiaetkphayip thphhlwngcaidrbxntray 5 esnabdithngsamcungsukbphmaxyuhnakhaykhxngphraxphyrnvththi ecaphrayartnaphiphithaelaphrayaymrachsamarthrxdipid aetecaphrayamhaesna pli suyhayinthirb imsamarthkhnhasphkhxngecaphrayamhaesnaklbmaid inkhnaphngsawdarphmawaecaphrayamhaesnathuksngharinthirb 6 aelasamarthnasirsakhxngecaphrayamhaesna pli ipid 7 impraktwaecaphrayamhaesna pli mibutrhlanrbrachkarsubtxenuxngmaepnxyangirtxipthungpccubnxangxing aekikh 1 0 1 1 smmtxmrphnthu phraecabrmwngsethx krmphra eruxngtngecaphrayainkrungrtnoksinthr krungethph krmsilpakr 2545 ladbskulekabangskul phakhthi 3 skulechkxhmd chabbecaphrayathiphakrwngs phimphinnganphrarachthanephlingsph phratarwcexk ecaphrayarachsuphmitr xxt suphmitr n emruwdebycmbphitr emuxpimaemiy ph s 2473 3 0 3 1 exiywsriwngs nithi karemuxngithysmyphraecakrungthnburi krungethph mtichn ph s 2550 phrarachphngsawdarkrungeka chbbhmxbrdel 5 0 5 1 5 2 thiphakrwngs kha bunnakh ecaphraya phrarachphngsawdarkrungrtnoksinthr rchkalthi 1 phimphkhrngthi 6 darngrachanuphaph smedckrmphraya phngsawdareruxngerarbphma khrngkrungthn aelkrungethph Phraison Salarak Thien Subindu Luang Intercourse between Burma and Siam as recorded in Hmannan Yazawindawgyi Bangkok July 25 1919 ekhathungcak https th wikipedia org w index php title ecaphrayamhaesna pli amp oldid 9475740, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม