เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (หม่อมราชวงศ์หลาน กุญชร)
มหาอำมาตย์เอก นายพันเอก เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ นามเดิม หม่อมราชวงศ์หลาน กุญชร เป็นพระโอรสในพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงค์ฤทธิ์ กับหม่อมสุด กุญชร ณ อยุธยาเกิดเมื่อวันพฤหัสบดี เดือนอ้าย ขึ้น ๗ ค่ำ ปีชวด ตรงกับวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2395 มีพี่น้องต่างมารดาคือ หม่อมราชวงศ์กระจ่าง เป็นพี่สาว และ หม่อมราชวงศ์กระจัด เป็นน้องสาว เจ้าพระยาเทเวศร์ฯ เคยรับราชการในตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่งเช่นผู้บัญชาการกรมม้าและกรมมหรสพ เสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ เสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ ถึงแก่อสัญกรรมลงเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2465 สิริอายุ 69 ปี 1 เดือน 15 วันพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระราชทานเพลิงศพที่ท้องสนามหลวงเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2465
มหาอำมาตย์เอก เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (หม่อมราชวงศ์หลาน กุญชร) ป.จ., ป.ช., ป.ม. | |
---|---|
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2395 |
เสียชีวิต | 1 มกราคม พ.ศ. 2465 (69 ปี) |
บิดา | พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงค์ฤทธิ์ |
มารดา | หม่อมสุด กุญชร ณ อยุธยา |
การรับราชการ
เป็นมหาดเล็กในรัชกาลที่ ๔
เมื่ออายุได้ 13 ปี พระองค์เจ้าสิงหนาทฯ จัดงานโกนจุกขึ้นที่วังบ้านหม้อ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินมาพระราชทานน้ำสังข์และทรงตัดจุก พระราชทานทองเหรียญเป็นของขวัญ แล้วถวายตัวเป็นมหาดเล็ก ได้รับพระราชทานเบี้ยหวัด 10 ตำลึง พออายุได้ 14 ปี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บรรพชาเป็นสามเณรนาคหลวงในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ได้พระราชทานบริขารเท่าหม่อมเจ้า สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ เมื่อครั้งยังเป็นกรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธุ์เป็นพระอุปัชฌาย์ หม่อมเจ้าพระธรรมุณหิศธาดา (สีขเรศ วุฑฺฒิสฺสโร) ให้ศีล แล้วจำพรรษาอยู่ที่วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร ในสำนักสมเด็จพระวันรัต (แดง สีลวฑฺฒโน)
รับราชการในสมัยรัชกาลที่ ๕
ถึงปีมะเส็ง เอกศก จุลศักราช 1231 (พ.ศ. 2412) เป็นมหาดเล็กสารถีขับรถพระที่นั่ง ครั้นเมื่อปีมะเมีย โทศก จุลศักราช 1232 (พ.ศ. 2413) เป็นนายกวดหุ้มแพรมหาดเล็กเวรฤทธิ์ ปีมะแม ตรีศก จุลศักราช 1233 (พ.ศ. 2414) เป็นจ่ายงเวรศักดิ์ รับพระราชทานเบี้ยหวัด ๒ ชั่ง ครั้นถึงปีวอกได้รับพระราชทานเบี้ยหวัด 2 ชั่ง 10 ตำลึง ปีระกา เบญจศก จุลศักราช 1235 (พ.ศ. 2416) ได้รับ ๓ ชั่ง เงินเดือน ๆ ละ ๑๐ ตำลึง แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นนาคหลวงอุปสมบทในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ได้รับพระราชทานบริขารเท่าหม่อมเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ เมื่อยังทรงดำรงพระยศเป็นกรมพระเป็นพระอุปัชฌาย์ หม่อมเจ้าพระธรรมุณหิศธาดา (สีขเรศ วุฑฺฒิสฺสโร) กับสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) เมื่อครั้งเป็นพระสาสนโสภณที่พระธรรมวโรดม เป็นคู่สวด แล้วจำพรรษาอยู่ที่วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม (เจ้าพระยาเทเวศรวงศ์วิวัฒน์, ๒๔๖๖: ข - ข)
ต่อมาปีขาล สมฤทธิศก จุลศักราช 1240 (พ.ศ. 2421) เป็นหลวงเดชนายเวรมหาดเล็กเวรเดช รับพระราชทานเบี้ยหวัด 3 ชั่ง 10 ตำลึง ถึงวันอังคาร เดือนเจ็ด ขึ้นเจ็ดค่ำ ปีเถาะเอกศก จุลศักราช 1241 (พ.ศ. 2422) เป็นเจ้าหมื่นสรรพเพธภักดี หัวหมื่นมหาดเล็กเวรศักดิ์ ถือศักดินา ๑๐๐๐ได้หีบทอง ได้รับพระราชทานเบี้ยหวัด ๔ ชั่ง ถึงวันพฤหัสบดี เดือนสี่ ขึ้นสิบเอ็ดค่ำ ปีมะโรงโทศก จุลศักราช ๑๒๔๒ (พ.ศ. ๒๔๒๓) พระองค์เจ้าสิงหนาทฯ สิ้นพระชนม์ ได้รับพระราชทานตราจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย ได้ว่าการกรมมหรสพ กรมหุ่น กรมรถ กรมรถม้า แต่ราชการกรมรถม้านั้น ตระกูลนี้ได้ว่ามาแต่รัชกาลที่ 2 ติดเนื่องกัน 4 ชั่วคน ไม่มีตระกูลอื่นแทรกเลย แล้วได้ตรามงกุฏชั้น 4 ต่อมา 2 หรือ 3 ปี ได้ตรามงกุฏชั้น ๓ และได้โต๊ะทอง กาทอง เป็นองคมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๒๖ มิถุนายน ร.ศ. ๑๐๘ (พ.ศ. ๒๔๓๒) เป็นจางวางมหาดเล็ก ได้พานทองกลม ตราทุติยจุลจอมเกล้าและตราช้างเผือกชั้น ๓ ได้รับพระราชทานเบี้ยหวัด ๘ ชั่ง ต่อมาได้ ๑๐ ชั่ง เงินเดือน ๆ ละ ๑๐ ตำลึง (เจ้าพระยาเทเวศรวงศ์วิวัฒน์, ๒๔๖๖: ค) ถึงวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2432 ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น "พระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์" จางวางมหาดเล็ก ถือศักดินา ๓๐๐๐
ร.ศ. 111 (พ.ศ. 2435) ได้รับตราจุลจอมเกล้าวิเศษแลพานทองเป็นครั้งที่ 2 แลตรามงกุฎชั้นที่ 3 เป็นพระอภิบาลสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามบรมราชกุมาร ร.ศ. 112 (พ.ศ. 2436) ได้เป็นข้าหลวงไปปักปันเขตแดนเมืองสงขลากับเมืองพัทลุง ต่อมาเป็นพระยายืนชิงช้า แล้วได้ว่าราชการกรมโขนหุ่น กรมรำโคม กรมพิณพาทย์ (เจ้าพระยาเทเวศรวงศ์วิวัฒน์, ๒๔๖๖: ค)
เป็นสภานายกรัฐมนตรี
ร.ศ. 111 (พ.ศ. 2435) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งกระทรวงมุรธาธรขึ้นเป็นกระทรวง 1 ใน 12 กระทรวง สำหรับกระทรวงมุรธาธรนั้น ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวมตำแหน่งสภานายกรัฐมนตรีเข้าอยู่ในกระทรวงมุรธาธรด้วย แต่เนื่องจากต่อมากระทรวงมุรธาธรมีราชการน้อย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยุบกระทรวงมุรธาธรเสียเมื่อ พ.ศ. 2439 ให้คงมีแต่สภานายกรัฐมนตรีบังคับบัญชาราชการอยู่ทั่วไปตามหน้าที่เสนาบดี กระทรวงมุรธาธรได้เคยบังคับบัญชามาก่อน และให้สภานายกรัฐมนตรีขึ้นอยู่ในกรมราชเลขานุการและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาเทเวศร์ฯ ซึ่งเวลานั้นยังเป็นพระยาอยู่ ดำรงตำแหน่งสภานายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 23 กันยายน ร.ศ. 115 (พ.ศ. 2439)
เป็นอธิบดีกรมสุขาภิบาล
เมื่อ ร.ศ.116 (พ.ศ. 2440) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาเทเวศร์ฯ เป็นอธิบดีกรมสุขาภิบาล เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ร.ศ. 116 (พ.ศ. 2440) ได้เงินเดือน ๆ ละ 1,000 บาท ต่อมาพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ร.ศ. 126 (พ.ศ. 2450) เพราะเนื่องด้วยสุขภาพไม่แข็งแรง ไม่สามารถทำราชการได้ดีอย่างแต่ก่อน
เป็นเสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ
กระทรวงโยธาธิการ เมื่อแรกตั้งเป็นกระทรวงเสนาบดี เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2435 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงโยธาธิการเป็นพระองค์แรก เพราะพระองค์ทรงเป็นอธิบดีกรมโยธาธิการอยู่แต่เดิม ต่อมาพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ เมื่อยังทรงดำรงพระยศเป็นกรมหมื่นได้ทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงโยธาธิการเป็นพระองค์ที่สอง ต่อมากรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์เสด็จไปเป็นข้าหลวงต่างพระองค์ประจำ ณ เมืองอุบลราชธานี เวลานั้นพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนพิทยลาภพฤฒิธาดา ได้ทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงโยธาธิการต่อมาเป็นพระองค์ที่สาม ต่อมาเมื่อย้ายกรมขุนทิพยลาภพฤฒิธาดาไปเป็นเสนาบดีกระทรวงวัง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้เจ้าพระยาเทเวศร์ฯ มาดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงโยธาธิการเมื่อวันที่ 12 กันยายน ร.ศ. 117 (พ.ศ. 2441) ต่อมาพ้นจากตำแหน่งอธิบดีกรมสุขาภิบาลเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ร.ศ. 126 (พ.ศ. 2450) เพื่อไปดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ
เป็นเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ
ก่อนตั้งกระทรวงเสนาบดีในรัชกาลที่ 5 นั้น หน้าที่กระทรวงเกษตราธิการอยู่ในจตุสดมภ์กรมนา เมื่อตั้งเป็นกระทรวงเสนาบดีในรัชกาลที่ 5 นั้น เรียกว่า กระทรวงเกษตร์พาณิชยการ เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) เวลานั้นเป็นพระยาได้ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงเกษตร์พาณิชยการเป็นคนแรก ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายท่านไปเป็นเสนาบดีกระทรวงธรรมการ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ จอมพล เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง-ชูโต) มาเป็นเสนาบดีกระทรวงเกษตร์พาณิชยการ เป็นคนที่สอง ต่อมาในปี พ.ศ.2439 ท่านได้กราบถวายบังคมลาออกจากตำแน่งเสนาบดีกระทรงเกษตร์พาณิชยการ แล้วยกราชการในกระทรวงพาณิชยการไปรวมกับกระทรวงพระคลังมหาสมบัติคราวหนึ่ง ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แยกตั้งเป็นกระทรวงขึ้นใหม่ เรียกว่ากระทรวงเกษตราธิการ มีเสนาบดีบังคับบัญชาการคือ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาเทเวศรวงศืวิวัฒน์เป็นเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการเป็นคนแรก เมื่อวันที่ 2 กันยายน ร.ศ. 118 (พ.ศ. 2442) และพ้นตำแหน่งเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ร.ศ. 128 (พ.ศ. 2452) เพราะเนื่องด้วยสุขภาพไม่แข็งแรง ไม่สามารถทำราชการได้ดีอย่างแต่ก่อน
เป็นเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์
ต่อมาเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2443 ขณะเมื่อดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการอยู่นั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนพระยาเทเวศร์ฯ ขึ้นเป็นเจ้าพระยา ดังประกาศพระบรมราชโองการที่ว่า
“ทรงพระราชดำริว่า พระยาเทเวศรวงศวิวัฒน์ ได้รับราชการในกรมมหาดเล็ก ได้รับตำแหน่งโดยลำดับจนถึง เป็นจางวาง และเป็นผู้บัญชาการกรมม้าและกรมมหรสพ ราชการในระหว่างนั้นได้มีหน้าที่ต่าง ๆ อันเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยสนิทเป็นอันมาก ได้เป็นกรรมการฎีกาและกรรมการเรื่องที่นา และได้รับราชการไปเจริญทางพระราชไมตรีกรุงรัสเซีย พร้อมด้วยพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงดำรงราชานุภาพ ที่เมืองลิวาเดีย และได้เป็นข้าหลวงไปปักปันเขตแดนเมืองพัทลุง เมืองสงขลา แล้วได้รับตำแหน่งพระอภิบาลสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ภายหลังได้เป็นอุปนายกรัฐมนตรีแล้วเลื่อนขึ้นเป็นสภานายก ครั้นเมื่อเริ่มจัดการกรมสุขาภิบาลก็ได้รับตำแหน่งเป็นอธิบดีในกรมนั้น แล้วเป็นเสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ ภายหลังจึงย้ายมาเป็นเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ พระยาเทเวศรวงศ์วิวัฒน์ เป็นผู้ได้สนิทชิดชอบพระราชอัธยาศัยตั้งแต่เยาว์มา ประกอบด้วยสติปัญญาสามารถมีปฏิภาณปรีชาว่องไวในราชกิจทั้งปวง เมื่อได้รับราชการในหน้าที่ใดก็ได้ตั้งใจฉลองพระเดชพระคุณ โดยความเอื้อเฟื้อมิได้ย่อหย่อน ได้ดำรงราชการในหน้าที่เสนาบดีมาจนบัดนี้ สมควรที่จะเลื่อนยศบรรดาศักดิ์ขึ้นเป็นเจ้าพระยาผู้หนึ่งได้
จึงมีพระบรมราชโองการดำรัสสั่ง ให้สถาปนาพระยาเทเวศรวงศวิวัฒน์ ขึ้นเป็นเจ้าพระยา มีสมญาจารึกในสุพรรณบัฏว่า เจ้าพระยาเทเวศรวงศวิวัฒน์ บรมขัติยราชสวามิภักดิ์ สมบูรณศักดิสุขุมชาติ มธุรวาทวิจิตร สรรพราชกิจพิจารณ์ มโหฬารคุญสมบัติ กัลยาณวัตรมหามาตยาธิบดี พุทธาทิศรีรัตนธาดา เมตตาชวาธยาศรัย อภัยพิริยบรากรมพาหุ นาคนาม ดำรงศักดินา ๑๐๐๐๐ จงเจริญทฤฆชนมายุพรรณ สุขสิริสวัสดิพัฒนมงคล ธนสารสมบัติ บริวารสมบูรณ์ทุกประการ”
ว่าราชการกรมมหรสพ กรมโขน กรมพิณพาทย์ กรมรำโคม และกรมหุ่น
นอกจากการรับราชการในตำแหน่งทั่วไปแล้ว เจ้าพระยาเทเวศรฯ ยังมีหน้าที่ในการควบคุมกรมที่เกี่ยวกับการแสดงต่าง ๆ ถึง ๕ ได้แก่ กรมมหรสพ กรมโขน กรมพิณพาทย์ กรมรำโคม และกรมหุ่น และด้วยในสมัยนั้นมีต่างชาติเข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศไทยอยู่เป็นประจำ จึงมีหน้าที่ในการจัดการแสดงสำหรับต้อนรับพระราชอาคันตุกะ ในการนี้ท่านจึงได้ทูลเชิญสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ร่วมเป็นที่ปรึกษาสำหรับจัดการแสดงต้อนรับพระราชอาคันตุกะ โดยพยายามคิดการแสดงใหม่ขึ้น มีการบรรเลงคอนเสิร์ต การแสดงละครดึกดำบรรพ์ โดยเฉพาะละครดึกดำบรรพ์นอกจากจะเล่นสำหรับต้อนรับพระราชอาคันตุกะแล้ว ท่านยังได้ลงทุนทำเป็นกิจการ เปิดการแสดงภายในวังบ้านหม้อของท่านเอง กิจการของท่านดำเนินไปด้วยดีเป็นระยะเวลา ๑๐ ปี ในภายหลังท่านเกิดอาการป่วยจนต้องออกจากราชการ กิจการละครดึกดำบรรพ์และการแสดงอื่น ๆ ที่ท่านดูแลจึงยกเลิกไปหมด
ด้วยราชสกุลของเจ้าพระยาเทเวศร์ฯ ท่านสืบเชื้อสายมาจากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (ทวด) พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระพิทักษ์เทเวศร์ (ปู่) และพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงค์ฤทธิ์ (พ่อ) ทุกพระองค์ล้วนมีความสนใจในการแสดงละครฟ้อนรำเป็นอย่างมาก มีการจัดตั้งคณะละครขึ้นเล่นและเป็นมรดกตกทอดสืบมาถึงเจ้าพระยาเทเวศร์ฯ ตลอดจนเจ้าจอมมารดาและหม่อม (ภรรยา) ในราชสกุลต่างก็มีความสามารถในการละครฟ้อนรำและดนตรีขับร้อง จึงทำให้ราชสกุลกุญชรเป็นราชสกุลที่มีความสามารถในการละครฟ้อนรำและดนตรีขับร้องเป็นอย่างยิ่ง
ด้วยเจ้าพระยาเทเวศร์ฯ มีคณะละครที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ และได้รับราชการในการควบคุมกรมมหรสพหลวง จึงทำให้คณะละครและกรมมหรสพซึ่งท่านเป็นผู้ควบคุมอยู่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก มีนักดนตรีนักร้องและนักแสดงที่มีชื่อเสียงหลายคน นักดนตรี เช่น พระประดิษฐไพเราะ (ตาด) หลวงเสนาะดุริยางค์ (ทองดี) หลวงบำรุงจิตรเจริญ (ธูป สาตนะวิลัย) พระยาเสนาะดุริยางค์ (แช่ม สุนทรวาทิน) ฯลฯ นักร้อง เช่น หม่อมเจริญ หม่อมมาลัย หม่อมจันทร์ แม่แป้น วัชโรบล แม่แจ๋ว แม่ชม แม่ชื่น ฯลฯ นักแสดง เช่น หม่อมเข็ม กุญชร ณ อยุธยา คุณหญิงนัฏกานุรักษ์ (เทศ สุวรรณภารต) หม่อมต่วน (ศุภลักษณ์ ภัทรนาวิก) ฯลฯ
ลาออกจากราชการและถึงอสัญกรรม
ในบั้นปลายชีวิตของท่าน เริ่มป่วยทุลพลภาพ จึงไปรักษาตัวในตำบลต่าง ๆ พักอยู่ที่เมืองชลบุรี สำนักวัดป่า แล้วมาอยู่ที่บ้านคลองเตย จังหวัดนครเขื่อนขันธ์ ครั้น ร.ศ. 128 (พ.ศ. 2452) อาการป่วยไม่ทุเลาลง เจ้าพระยาเทเวศร์ฯ จึงกราบบังคมขอลาออกจากราชการ รับพระราชทานเบี้ยบำนาญเดือนละ ๑,๐๐๐ บาท ต่อมาเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2465 เวลา 09.25 น. เจ้าพระยาเทเวศร์ฯ ได้ถึงอสัญกรรมลงด้วยโรคหัวใจพิการ ที่บ้านคลองเตย สิริอายุรวมได้ 69 ปีเศษ 1 เดือน 1 วัน ถึงเวลา 21.00 น. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช เสด็จแทนพระองค์มาพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ สวมลอมพอกโหมดพระราชทาน แล้วเจ้าพนักงานยกลองในตั้งบนแท่น ๒ ชั้น ประกอบโกศมณฑป มีพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม ๑๕ วัน
ภรรยาและบุตรธิดา
เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์มีภรรยาและบุตรธิดาหลายคนดังนี้
- คุณนายช่วง ในหนังสืออนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ หม่อมหลวงสำลี อิศรพงศ์พิพัฒน์ กล่าวถึงคุณนายช่วงไว้ตอนหนึ่งว่า “เจ้าพระยาเทเวศรฯ ได้แต่งงานกับหญิงสาวชื่อช่วง มีเชื้อสายจีน ในบ้านมักจะเล่ากันว่า “เป็นลูกสาวเจ้าสัวโรงกะทะ” คนในบ้านเรียกกันอย่างยกย่องว่า คุณนายช่วง ภรรยาที่แต่งงานนี้ มีบิดามารดาเป็นคนมั่งคั่ง หม่อมสุดมารดาซึ่งมีเชื้อสายจีน เป็นผู้ไปสู่ขอมาให้ลูกชายคนเดียวของท่าน โดยที่เจ้าพระยาเทเวศรฯ มิได้มีความรักแลปรารถนา เมื่อแต่งงานแล้วก็ไม่ค่อยไปเยี่ยมเยือน ต้องให้หม่อมสุดเป็นผู้เตือนอยู่บ่อยๆ คุณนายช่วงเป็นหญิงที่ไม่ค่อยจะมีโชคดีนัก มีลูกหญิงกับเจ้าพระยาเทเวศรฯ คนหนึ่ง แล้วตัวท่านกับลูกท่านก็เสียชีวิตไปในเวลาใกล้เคียงกัน”
- หม่อมเผื่อน กุญชร ณ อยุธยา เชื้อสายราชินิกุล ณ บางช้าง มีบุตรธิดากับเจ้าพระยาเทเวศร์ฯ คือ
- หม่อมหลวงจรูญ กุญชร (ชาย)
- หม่อมหลวงเจริญ กุญชร
- หม่อมหลวงอึ่งอ่าง กุญชร
- พระยาเทวศร์วงศ์วิวัฒน์ (หม่อมหลวงวราห์ กุญชร) (ชาย) (19 ธันวาคม พ.ศ. 2421 – 14 มีนาคม พ.ศ. 2500) มีภรรยาและบุตรธิดาดังนี้
- คุณหญิงประยงค์ เทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (ธิดานายจำเริญ ไกรฤกษ์) มีธิดากับพระยาเทเวศร์ฯ คือ ฉันทนา ศรีศักดิธำรง และนฤมล อัศวฤทธิ์
- หม่อมราชวงศ์สุภาธร มีบุตรธิดากับพระยาเทเวศร์ฯ คือ ศิววงศ์ กุญชร ณ อยุธยา, พงษ์สุลี กุญชร ณ อยุธยา และหม่อมอนุวงศ์ จิรประวัติ ณ อยุธยา (หม่อมของหม่อมเจ้าชายนิทัศนาธร จิรประวัติ)
- นิน่า หรือ น้อยหน่า (ถึงแก่กรรม) แต่ไม่มีบุตรธิดา
- นวล มีธิดากับพระยาเทเวศร์ฯ คือ กุญชรี กุญชร ณ อยุธยา
- สำเนียง มีธิดากับพระยาเทเวศร์ฯ คือ อัมพวัน สุริยกุล ณ อุยธยา
- คุณหญิงเพชรดา ณ ป้อมเพชร์ (หม่อมหลวงจิตรกุล กุญชร) (หญิง) ได้สมรสกับมหาอำมาตย์โท พระยาเพชรดา (สะอาด ณ ป้อมเพชร์)
- หม่อมนวล กุญชร ณ อยุธยา (ไม่ทราบปีที่เกิด - พ.ศ. 2458) ปีที่ถึงแก่กรรมคำนวนจากปีที่ หม่อมหลวงบุญเหลือ เทพยสุวรรณ กำพร้ามารดา คือตั้งแต่อายุ ๔ ปี หรือปี พ.ศ.๒๔๕๘ หม่อมนวลเป็นนักแสดงตัวนางของวังบ้านหม้อ และเป็นครูของหลวงไพจิตรนันทการ (ทองแล่ง สุวรรณภารต) มีธิดากับเจ้าพระยาเทเวศร์ฯ คือ
- หม่อมหลวงบุญเหลือ เทพยสุวรรณ (หญิง) (๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๔ - ๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๔) ได้สมรสกับ นายแพทย์ชม เทพยสุวรรณ แต่ไม่มีบุตรและธิดา
- หม่อมจันทร์ กุญชร ณ อยุธยา (พ.ศ. ๒๔๒๔ - ไม่ทราบปีที่ถึงแก่กรรม) น้องสาวหม่อมเนย ซึ่งเป็นหม่อมของเจ้าพระยาเทเวศร์ฯ เช่นกัน หม่อมจันทร์ได้ฝึกหัดการรำกับหม่อมวันและหม่อมเข็มตั้งแต่ยังเล็ก โดยฝึกหัดเป็นตัวพระ รวมทั้งต่อเพลงร้องสำหรับการแสดงละครในและละครดึกดำบรรพ์ จนได้เป็นนักร้องและนักแสดงคนสำคัญของวังบ้านหม้อ มีฝีมือทางด้านการแสดงตัวคาวีเป็นที่ดีเยี่ยม และมีผลงานการบันทึกเสียงมากมาย ภายหลังได้ออกจากวังบ้านหม้อไปอยู่ในราชสำนักของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง แล้วย้ายมาเป็นนักร้องในกรมมหรสพ ต่อมาได้ใช้ชีวิตร่วมกับขุนนิมิตราชฐาน หม่อมจันทร์มีบุตรกับเจ้าพระยาเทเวศร์ฯ คือ
- พลโท หม่อมหลวงขาบ กุญชร (ชาย) (๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๔๘ - ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๙) มีภรรยาและบุตรธิดาดังนี้
- นางสาวเทียบ ฤทธาคนี [ธิดานายพันโท พระยาทัพพสาธก์เสนา (นวม ฤทธาคนี) กับคุณหญิงเนย] มีบุตรธิดากับพลโท หม่อมหลวงขาบ กุญชร คือ ทวีวัฒน์ กุญชร ณ อยุธยา, พันตำรวจเอก (พิเศษ) วรวัฒน์ กุญชร ณ อยุธยา, อุรัชช์ ลอเรนส์, พลโท วิวัฒน์ กุญชร ณ อยุธยา, กนิษฐา วิลสัน และเทียมแข จรูญโรจน์ ณ อยุธยา
- สินีนาฏ โพธิเวช มีธิดากับพลโท หม่อมหลวงขาบ กุญชร คือ เตือนใจ ดีเทศน์, เพ็ญแข กุญชร ณ อยุธยา และพิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา
- หม่อมมาลัย กุญชร ณ อยุธยา (พ.ศ.๒๔๓๐ - ๒๔๖๕) เป็นนักแสดงและนักร้องเสียงดีของวังบ้านหม้อ มีผลงานการบันทึกเสียงมากมาย เมื่อแสดงละครดึกดำบรรพ์มักได้รับเลือกแสดงเป็นตัวเอกเสมอ ได้ฝึกหัดการรำกับหม่อมเข็ม หัดร้องเพลงกับหม่อมเปรม หม่อมในพระองค์เจ้าสิงหนาทฯ ต่อเพลงร้องละครกับนายสิน สินธุนาคร รวมทั้งได้ต่อเพลงร้องกับหม่อมเนยและหม่อมเจริญด้วย ต่อมาหนีออกจากวังบ้านหม้อ แล้วไปชอบพอกับนายห้างฝรั่งชื่อ “ริกันตี” จึงกลับไปวังบ้านหม้อเพื่อขอหนังสือหย่า แต่เจ้าพระยาเทเวศร์ฯ ไม่ยินยอม จากนั้นได้เลือกใช้ชีวิตคู่ร่วมกับนายทหารเรือผู้หนึ่งจนมีธิดา ๑ คน แต่ญาติฝ่ายชายรังเกียจจึงจัดให้แยกทางกัน ภายหลังสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราไชย จัดให้มีคณะละครที่วังเพชรบูรณ์ ทรงทราบว่าหม่อมมาลัยเป็นผู้มีความรู้ความสามารถทั้งกระบวนการร้องและรำจึงให้เข้ามาเป็นครูสอน ในบั้นปลายชีวิตได้ชีวิตร่วมกับนายเจริญ ศัพท์โสภณ นักระนาดฝีมือดี หัวหน้านักดนตรีของวังเพชรบูรณ์ แต่ไม่มีบุตรร่วมกัน และป่วยตายด้วยโรควัณโรคที่วังเพชรบูรณ์ หม่อมมาลัยมีธิดากับเจ้าพระยาเทเวศร์ฯ คือ
- หม่อมหลวงบุปผา นิมมานเหมินท์ (หญิง) (๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๔๘ - ๑๗ มกราคม พ.ศ.๒๕๐๖) เจ้าของนามปากกาดอกไม้สด ได้สมรสกับศาสตราจารย์สุกิจ นิมมานเหมินท์ แต่ไม่มีบุตรและธิดา
- หม่อมเคลือบ กุญชร ณ อยุธยา เป็นนักร้องของวังบ้านหม้อ ต่อเพลงจากหม่อมศิลาในพระองค์เจ้าสิงหนาทฯ ลีลาการขับร้องติดตลกคล้ายแหล่เทศน์ของผู้ชาย หม่อมเคลือบมีธิดากับเจ้าพระยาเทเวศร์ฯ คือ
- หม่อมหลวงแถม จักรพันธ์ุ (หญิง) ได้สมรสกับหม่อมเจ้าแววจักร จักรพันธุ์ มีธิดาบุญธรรมคือ แพทย์หญิงระทวย วีระแกล้ว
- หม่อมเพื่อน กุญชร ณ อยุธยา เป็นธิดาของจมื่นราชนาคา (แย้ม) กับนางป้อม บุตรีพระยามหาอรรคนิกร (เม่น) มีบุตรกับเจ้าพระยาเทเวศร์ฯ คือ
- หม่อมหลวงประยูร กุญชร (ชาย) ถึงแก่กรรม ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อคราวตามเสด็จประพาสยุโรป พ.ศ.๒๔๔๐
- หม่อมวัน กุญชร ณ อยุธยา ในหนังสืองานศพ หม่อมหลวงวงษ์ กมลาสน์ เขียนไว้ว่า “วรรณ” เป็นตัวละครรุ่นใหญ่ของเจ้าพระยาเทวศร์วงศ์วิวัฒน์ ในหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพคุณหญิงเทศ นัฏกานุรักษ์ กล่าวถึงหม่อมวันไว้ตอนหนึ่งว่า “ส่วนครูนางนั้น ก็คือหม่อมเลื่อน และหม่อมวัน มีชื่อเสียงว่าเป็นตัวบุษบาที่สวยมากทั้งในขบวนรำและในรูปโฉมทั้งสองคน ” หม่อมวันมีลูกศิษย์ที่มีชื่อเสียงคือ ขุนวาดพิศวง (แถม ศิลปชีวิน) มีบุตรธิดากับเจ้าพระยาเทเวศร์ฯ คือ
- พระยาวิชิตชลธาร (หม่อมหลวงเวศร์ กุญชร) (ชาย) (๒๗ ธันวาคม ๒๔๓๑ - ๒๐ ธันวาคม ๒๔๗๕) ได้สมรสกับคุณหญิงผิว วิชิตชลธาร มีบุตรธิดาร่วมกัน คือ นายกันต์ กุญชร ณ อยุธยา นายจินต์ กุญชร ณ อยุธยา นางสาวเกศินี กุญชร ณ อยุธยา นางสาวมันทนา กุญชร ณ อยุธยา และนายสุมน กุญชร ณ อยุธยา
- หม่อมหลวงวงษ์ กมลาสน์ (หญิง) (๑๗ กันยายน พ.ศ.๒๔๓๗ - ๑ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๗๓) เจ้าพระยาเทเวศร์ฯ ยกให้เป็นบุตรของหม่อมเลื่อน หม่อมท่านหนึ่งของเจ้าพระยาเทเวศร์ฯ เท่ากับมีมารดา ๒ คนคือ หม่อมวันกับหม่อมเลื่อน และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงเมตตาประดุจพระธิดามาแต่เล็ก โปรดให้เรียกพระองค์ท่านว่า “เสด็จพ่อ” ต่อมาเมื่ออายุได้ ๒๖ ปี พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ขอ หม่อมหลวงวงษ์ ให้แก่ หม่อมเจ้าศุขปรารภ กมลาสน์ และพระราชทานน้ำสังข์ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม พ.ศ.๒๔๖๓ มีบุตรชายเพียงคนเดียวคือ หม่อมราชวงศ์ยงสุข กมลาสน์
- หม่อมคร้าม กุญชร ณ อยุธยา เดิมเป็นหม่อมในพระองค์เจ้าสิงหนาทฯ ต่อมาเมื่อสิ้นนพระชนม์ได้เป็นหม่อมของเจ้าพระยาเทเวศร์ฯ ในหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพคุณหญิงเทศ นัฏกานุรักษ์ กล่าวถึงหม่อมคร้ามไว้ตอนหนึ่งว่า “ผู้ที่มีชื่อเสียงในคณะละครขงพระองค์เจ้าสิงหนาทฯ ก็มี หม่อมเอม เป็นต้นบท และมีหม่อมชั้นเล็กสองคนที่มีชื่อเสียงปรากฏต่อมาเป็นระยะยาวนานคือ หม่อมเข็ม หม่อมคร้าม คุณหญิงเทศได้เข้าเป็นลูกศิษย์ของหม่อมคร้าม ซึ่งเป็นครูที่สอนการรำได้ทุกทาง แต่ที่มีชื่อเสียงนั้นก็คือ เป็นครูยักษ์ ..... หม่อมคร้ามและหม่อมเข็มต่อมาได้เป็นตัวละครสำคัญในคณะละครของเจ้าพระยาเทเวศรฯ รุ่นใหญ่” นอกจากนี้ยังมีความสามารถทางขับร้องด้วย ได้ต่อเพลงจากหม่อมศิลาใน พระองค์เจ้าสิงหนาทฯ หม่อมคร้ามมีบุตรกับเจ้าพระยาเทเวศร์ฯ คือ
- หม่อมหลวงคอย กุญชร (ชาย)
- หม่อมเจริญ กุญชร ณ อยุธยา (วันจันทร์ เดือน ๘ ปีขวด พ.ศ.๒๔๑๙ - ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๘) นักร้องเสียงดีของวังบ้านหม้อ มีผลงานการบันทึกเสียงไว้มากมาย ภายหลังได้ออกจากวังบ้านหม้อไปใช้ชีวิตร่วมกับจางวางทั่ว พาทยโกศล มีธิดากับเจ้าพระยาเทเวศร์ฯ คือ
- หม่อมหลวงเล็ก กุญชร (หญิง) (๑๐ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๓๙ - ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๕) พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ขอ หม่อมหลวงเล็ก จากพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (หม่อมหลวงวราห์ กุญชร) ผู้เป็นพี่ชาย ให้สมรสกับพระยาราชมนู (ถั่ว อัศวเสนา) ข้าราชการในราชสำนัก มีบุตรธิดาร่วมกันคือ ยศ อัศวเสนา ดนุชา ประชาสัยศรเดช และรุจิมา อัศวเสนา ภายหลังเมื่อพระยาราชมนูถึงแก่กรรม ได้สมรสกับนายเพี้ยน โล่ห์สุวรรณ มีธิดาร่วมกันคือ พึงใจ โล่ห์สุวรรณ
- ท่านผู้หญิงแฉล้ม กุญชร (หม่อมหลวงแฉล้ม กุญชร) (หญิง) (๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๔๖ - ๔ กันยายน พ.ศ.๒๕๓๘)
- หม่อมแจ่ม กุญชร ณ อยุธยา (พ.ศ.๒๔๑๑ - ๒๔๘๒) ในหนังสืออนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ หม่อมหลวงสำลี อิศรพงศ์พิพัฒน์ กล่าวถึงหม่อมแจ่มไว้ตอนหนึ่งว่า “เป็นญาติกับเจ้าจอมมารดาศิลา ในรัชกาลที่ ๒ นับว่าเป็นเชื้อสาย ราชินีกูลบางช้าง” (ไม่ทราบนามผู้แต่ง, ๒๕๑๖: ๑) และ “หม่อมแจ่ม มารดา ม.ล.สำลี เป็นนักร้องคนหนึ่ง เป็นคนมีความจำแม่นยำ และชอบในทางเพลงที่เรียกว่า เพลงภาษาคือเพลงที่ดัดแปลงมาจากทำนองแปลก ๆ ที่เป็นเพลง “ลาว” “เขมร” “ญวน” “จีน” ซึ่งพระประดิษฐ์ไพเราะ (ตาด) กับ พระเสนาะดุริยางค์ (ทองดี) ช่วยกันปรับปรุง ในความควบคุมของสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศฯ หม่อมแจ่มจึงมักรับบทที่ต้องร้องเพลงที่แสดงความรู้สึก และรำพร้อมไปกันได้อย่างว่องไว เช่นเป็นท้าวสามล ท้าวเสนากุฏ ล้วนแต่เป็นตัวที่ต้องแสดงบททำให้ขบขัน” หม่อมแจ่มมีธิดากับเจ้าพระยาเทเวศร์ฯ คือ
- หม่อมหลวงสำลี อิศรพงศ์พิพัฒน์ (หญิง) (๒๐ กันยายน พ.ศ.๒๔๔๕ – ๒๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๑๖) ได้สมรสกับพระยาอิศรพงศ์พิพัฒน์ (หม่อมหลวงศิริ อิศรเสนา) มีบุตรคือ
- นายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา สมรสกับบุนนาค หงส์เหิน มีบุตรคือ ด.ช.พิพัฒน์พงศ์
- นายนุรักษ อิศรเสนา ณ อยุธยา
- นายนัดดา อิศรเสนา ณ อยุธยา สมรสกับเสาวนีย์ ทองเจือ มีบุตรคือ ด.ช.วรศิษฏ์ ด.ช.วรงค์ และด.ญ.พัทรี
- หม่อมบัว กุญชร ณ อยุธยา มีธิดากับเจ้าพระยาเทเวศร์ฯ คือ
- หลวงวัยวุฒิปรีชา (หม่อมหลวงไวยวัฒน์ กุญชร) (ชาย) (๓ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๓๙ - ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๙๙) (พระยาอนุมานราชธน, ๒๕๐๐: ก) มีภรรยาและบุตรธิดาดังนี้
- นางสาวเชื้อ โรจนประดิษฐ์ ธิดาพระยาวรุณฤทธีศรีสมุทปราการ (แช่ม โรจนประดิษฐ์) พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานน้ำสังข์ เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๖๘ มีบุตรธิดากับหลวงวัยวุฒิปรีชาคือ นายศุกรวัฒน์ กุญชร ณ อยุธยา และนางสาวศิริวัฒน์ กุญชร ณ อยุธยา
- นางสาวชิน โรจนประดิษฐ์ มีบุตรกับหลวงวัยวุฒิปรีชาคือ นายปิยวัฒน์ กุญชร ณ อยุธยา
- หม่อมหลวงพัทรจิตร สุทัศน์ มีบุตรกับหลวงวัยวุฒิปรีชาคือ นายจิราวุธ กุญชร ณ อยุธยา และนายวิทยาวัฒน์ กุญชร ณ อยุธยา
- หม่อมเนย กุญชร ณ อยุธยา พี่สาวหม่อมจันทร์ กุญชร ณ อยุธยา (หม่อมของเจ้าพระยาเทเวศร์ฯ เช่นกัน) หม่อมเนยมีความรู้ความสามารถทั้งกระบวนการร้องและกระบวนการรำ ทั้งที่อ่านหนังสือไม่ออก แต่มีความจำดี สามารถจำบทร้องได้อย่างแม่นยำ เมื่อมีบุตรธิดาแล้วจึงเลิกแสดงละครและขับร้อง หม่อมเนยเป็นผู้มีอุปนิสัยดีเป็นที่เคารพนับถือของบรรดาลูกของเจ้าพระยาเทเวศร์ฯ ทุกคน หม่อมเนยมีบุตรธิดากับเจ้าพระยาเทเวศร์ฯ คือ
- หม่อมหลวงปาด กุญชร (หญิง)
- หม่อมหลวงแขก กุญชร (ชาย) (พ.ศ.๒๔๓๓ - ๒๔๗๗)
- หม่อมหลวงไข่ กุญชร (หญิง)
หม่อมแช่ม กุญชร ณ อยุธยา มีธิดากับเจ้าพระยาเทเวศร์ฯ คือ
- หม่อมหลวงสารี กุญชร (ศิริวงศ์) (หญิง) ได้สมรสกับหม่อมหลวงพันธ์ ศิริวงศ์ (พ.ศ.๒๔๗๙ - ๒๔๘๑)
- หม่อมเข็ม กุญชร ณ อยุธยา เดิมเป็นหม่อมในพระองค์เจ้าสิงหนาทฯ ต่อมาเมื่อสิ้นพระชนม์ได้เป็นหม่อมของเจ้าพระยาเทเวศร์ฯ ในหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพคุณหญิงเทศ นัฏกานุรักษ์ ได้กล่าวถึงหม่อมเข็มไว้ตอนหนึ่งว่า “ผู้ที่มีชื่อเสียงในคณะละครของพระองค์เจ้าสิงหนาทฯ ก็มี หม่อมเอม เป็นต้นบท และมีหม่อมชั้นเล็กสองคนที่มีชื่อเสียงปรากฏต่อมาเป็นระยะยาวนานคือ หม่อมเข็ม หม่อมคร้าม ..... ส่วนหม่อมเข็มนั้นเป็นผู้มีชื่อเสียงในทางเป็นครูพระ หม่อมคร้ามและหม่อมเข็มต่อมาได้เป็นตัวละครสำคัญในคณะละครของเจ้าพระยาเทเวศรฯ รุ่นใหญ่” และยังเป็นผู้คิดค้นกระบวนการรำและฝึกหัดละครดึกดำบรรพ์ของวังบ้านหม้อ “หม่อมเข็ม กุญชร มีหน้าที่คิดการรำและหัด” ไม่ทราบวันเดือนปีเกิดและถึงแก่กรรมชัดเจน แต่ท่านเป็นคนอายุยืน ดังที่ หม่อมหลวงบุญเหลือ เทพยสุวรรณ และสมภพ จันทรประภา กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า “แต่มีหม่อมเข็มคนเดียวที่มีชีวิตอยู่มาจนกระทั่งเจ้าพระยาเทเวศรฯ เลิกการละครในตอนปลายรัชกาลที่ ๕” และทราบแน่ชัดว่าในปี พ.ศ.๒๔๘๐ ยังมีชีวิตอยู่ เพราะปรากฏหลักฐานในจดหมายในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ที่ทรงประทานแด่พระยาอนุมานราชธนได้กล่าวถึงหม่อมเข็มไว้ตอนหนึ่งว่า “คนทั้ง ๕ ซึ่งช่วยกันทำในเวลานั้น ต่างก็ตายไปแล้วสามคนเหลือแต่ฉันกับหม่อมเข็มสองคน” ซึ่งจดหมายดังกล่าวลงวันที่ไว้เป็นวันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ตรงกับสมัยรัชกาลที่ ๘ แต่ท่านจะมีอายุต่อมาอีกกี่ปีก็ยังไม่ทราบเป็นที่แน่ชัด
- หม่อมพร้อม เป็นละครรุ่นใหญ่ของเจ้าพระยาเทวศร์วงศ์วิวัฒน์ ในหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพคุณหญิงเทศ นัฏกานุรักษ์ กล่าวถึงหม่อมพร้อมไว้ตอนหนึ่งว่า “ก็มีหม่อมพร้อม ผู้มีชื่อเสียงว่าเป็นอิเหนา ที่กล่าวกันว่าเวลา “เข้าเครื่อง” แล้ว งามไม่มีผู้ใดเปรียบ เป็นที่โปรดปรานของพระบรมวงศานุวงศ์และเป็นที่นิยมของคนดูทั่วไป”
- หม่อมละมัย ในหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพคุณหญิงเทศ นัฏกานุรักษ์ กล่าวถึงหม่อมละมัยไว้ตอนหนึ่งว่า “คุณหญิงเทศตั้งแต่เริ่มฝึกหัดละคร ก็มีท่วงทีว่าจะเป็นตัวเอก เป็นลูกศิษย์คนสำคัญของหม่อมคร้าม ได้ฝึกหัดเป็นยักษ์จนชำนิชำนาญ เมื่อเป็นสาวรุ่นอยู่มักจะแสดงเป็นตัวรามสูรร่วมกันกับหม่อมละมัย กุญชร ณ อยุธยา ซึ่งเป็นหม่อมที่ยังมีชีวิตอยู่คนหนึ่งของเจ้าพระยาเทเวศรฯ ในขณะนี้ และหม่อมต่วน ผู้ซึ่งได้มาร่วมงานกับคุณหญิงเทศ ในปั้นปลายของชีวิตในกรมศิลปากร หม่อมละมัยเป็นตัวอรชุน และหม่อมต่วนเป็นนางเมฆขลา คุณหญิงเทศเป็นตัวละครที่มีวัยสูงกว่าหม่อมละมัยและหม่อมต่วนเล็กน้อย” หม่อมละมัยผู้นี้เป็นผู้มีอายุยืน เพราะข้อความข้างต้นตอนหนึ่งกล่าวว่า “เมื่อเป็นสาวรุ่นอยู่มักจะแสดงเป็นตัวรามสูรร่วมกันกับหม่อมละมัย กุญชร ณ อยุธยา ซึ่งเป็นหม่อมที่ยังมีชีวิตอยู่คนหนึ่งของเจ้าพระยาเทเวศรฯ ในขณะนี้” ซึ่งหนังสือนี้พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ คุณหญิงนัฏกานุรักษ์ (เทศ สุวรรณภารต) ณ ฌาปนสถานวัดธาตุทอง วันอาทิตย์ที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๑ ถ้ามีชีวิตไม่ถึง พ.ศ.๒๕๑๑ ก็น่าจะมีชีวิตถึง พ.ศ.๒๕๑๐ เพราะไม่ทราบแน่ชัดว่าระหว่างที่ติพิมพ์หนังสือนี้อยู่ท่านยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ หรืออาจมีชีวิตเลย พ.ศ.๒๕๑๑ ก็เป็นได้
- หม่อมเลื่อน เป็นละครรุ่นใหญ่ของเจ้าพระยาเทวศร์ฯ ในหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพคุณหญิงเทศ นัฏกานุรักษ์ กล่าวถึงหม่อมเลื่อนไว้ตอนหนึ่งว่า “ส่วนครูนางนั้น ก็คือหม่อมเลื่อน และหม่อมวัน มีชื่อเสียงว่าเป็นตัวบุษบาที่สวยมากทั้งในขบวนรำและในรูปโฉมทั้งสองคน หม่อมเลื่อนนั้นสวยโดยธรรมชาติด้วย”
- หม่อมต่วน หรือ ศุภลักษณ์ ภัทรนาวิก (๕ กรกฏาคม พ.ศ.๒๔๒๖ - ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๙๙) เป็นนักแสดงตัวนางของวังบ้านหม้อ ในสมัยรัชกาลที่ ๗ คุณหญิงนัฏกานุรักษ์ (เทส สุวรรณภารต) ได้ชวนมาเป็นครูสอนละครในวังหลวง เมื่อครั้งมีการรื้อฟื้นละครดึกดำบรรพ์ในราชสำนัก ต่อภายหลังได้เป็นครูสอนที่วิทยาลัยนาฏศิลป
นอกจากนี้เจ้าพระยาเทเวศร์ฯ ยังมีหม่อมท่านอื่น ๆ อีกที่ไม่ทราบประวัติแน่ชัด ได้แก่
- หม่อมทับทิม น้องสาวหม่อมบัวเผื่อน
- หม่อมตลับ ลูกของป้าหม่อมเจริญ เป็นคนพาหม่อมเจริญมาอยู่วังบ้านหม้อ
- หม่อมแดง เป็นนักร้อง
- หม่อมทิม
- หม่อมพริ้ง
- หม่อมจันทร์
- หม่อมคร้าม
- หม่อมเปรม
และยังมีบุตรธิดาอีกหลายคนที่ไม่ทราบว่าเกิดจากหม่อมท่านใด ได้แก่
พระยาอาทรธุรศิลป์ (หม่อมหลวงช่วง กุญชร) (ชาย) (๒ มีนาคม ๒๔๑๗ - ๒๙ กันยายน ๒๔๗๓) เป็นบุตรชายคนแรกของเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ ได้สมรสกับนางสาวชม ธิดานายฮวด หุตะสิงห์ มีบุตรธิดาร่วมกัน คือ คุณหญิงกฤตราชทรงสวัสดิ์ (เชย) นายวิชิต กุญชร ณ อยุธยา และนายวิเชียร กุญชร ณ อยุธยา
หม่อมหลวงแม้น กุญชร (หญิง)
หม่อมหลวงจรัส กุญชร (หญิง)
หม่อมหลวงเครือวัลย์ กุญชร (ชาย)
หม่อมหลวงลำใย กุญชร (ชาย) (ไม่ทราบวันเดือนปีเกิด - ๑๗ กันยายน ๒๔๖๑) รับราชการเป็นมหาดเล็กวิเศษ กรมมหาดเล็ก
พระยาศรีกฤดากร (หม่อมหลวงตุ่ม กุญชร) (ชาย)
หม่อมหลวงปุย กุญชร (หญิง) ได้สมรสกับพระยาประดิพัทธภูบาล (คอ ยู่เหล ณ ระนอง) มีธิดาร่วมกันคือ นางวิบูลแพทยาคม (ดวงแข เลาหะคามิน) (พ.ศ.๒๔๕๑ - ๒๕๓๒) [เป็นภรรยาของ พันเอก ขุนวิบูลแพทยาคม (เลื่อน เลาหะคามิน) (พ.ศ.๒๔๔๖ - ๒๕๓๒)]
หม่อมหลวงพริ้ม กุญชร (หญิง)
ขุนชิตรักต์ประกอบ (หม่อมหลวงปุ๊ กุญชร) (ชาย) (๒๔ เมษายน ๒๔๓๓ - ๒๙ มกราคม ๒๔๗๓)
หม่อมหลวงแต๋ว กุญชร (หญิง)
ร้อยโท หม่อมหลวงพร้อม กุญชร (ชาย)
หม่อมหลวงเภา กุญชร (หญิง)
หม่อมหลวงอาภา อภัยวงศ์วรเศรษฐ (หญิง) ได้สมรสกับพระอภัยวงศ์วรเศรษฐ (ช่วง อภัยวงศ์)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. 2443 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 1 ปฐมจุลจอมเกล้า (ป.จ.) (ฝ่ายหน้า)
- พ.ศ. 2442 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.)
- พ.ศ. 2436 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.)
- พ.ศ. 2440 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก (ท.ช.)
- พ.ศ. 2432 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 2 ทุติยจุลจอมเกล้า (ท.จ.) (ฝ่ายหน้า)
- พ.ศ. 2433 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์ช้างเผือก (ต.ช.)
- พ.ศ. 2429 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์มงกุฎไทย (ต.ม.)
- พ.ศ. 2424 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 3 ตติยจุลจอมเกล้า (ต.จ.) (ฝ่ายหน้า)
- พ.ศ. 2422 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย (จ.ม.)
- พ.ศ. 2440 – เหรียญดุษฎีมาลา เข็มราชการแผ่นดิน (ร.ด.ม.(ผ))
- พ.ศ. ไม่ปรากฎ – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 4 ชั้นที่ 5 (ม.ป.ร.5)
อ้างอิง
- ข่าวตาย
- ↑ เทเวศรวงศ์วิวัฒน์ (ม.ร.ว.หลาน กุญชร) เจ้าพระยา. ฉลองเทศนาอายุเจ้าพระยาเทเวศรวงศ์วิวัฒน์ 15 กัณฑ์. [ม.ป.ท.]: พิศาลบรรณนิติ์, ๒๔๖๖.
- ตั้งตำแหน่งหัวเมือง (หน้า ๕๓)
- พระราชทานสัญญาบัตร
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ:0
- วีรศิลป์ ห่วงประเสริฐ. การบรรจุในละครดึกดำบรรพ์ เรื่องอิเหนา พระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์. งานวิจัยหลักสูตรศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต, ภาควิชาดุริยางคศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2557.
- "ข่าวอสัญกรรม" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 39 (0 ง): 2780. 7 มกราคม พ.ศ. 2465. สืบค้นเมื่อ 23 กรกฎาคม 2560. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - ↑ เทเวศวงศวิวัฒน์ (ม.ร.ว.หลาน กุญชร), เจ้าพระยา. ข้อราชการในกรมมหาดเล็ก. พระนคร: โรงพิมพ์กรมแผนที่ทหารบก, ๒๕๐๐. [พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (ม.ล.วราห์ กุญชร)]
- หม่อมเจ้านิทัศนาธร จิรประวัติ
- ↑ กันต์ อัศวเสนา. ดุริยวรรณกรรมเพลงตับเรื่องอิเหนาจากต้นฉบับแผ่นเสียงเก่าของวังบ้านหม้อ. ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (ดนตรี), วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล, ๒๕๕๙.
- หม่อมหลวงบุญเหลือ เทพยสุวรรณ
- ↑ พูนพิศ อมาตยกุล และคณะ. นามานุกรมศิลปินเพลงไทยในรอบ ๒๐๐ ปี แห่งกรุงรัตนโกสินทร์. กรุงเทพมหานคร: เรือนแก้ว, ๒๕๓๒.
- หม่อมหลวงขาบ กุญชร
- สุกิจ นิมมานเหมินท์
- http://www.sammajivasil.net/sripen/history005.htm
- ↑ บุญเหลือ เทพยสุวรรณ, ม.ล., และสมภพ จันทรประภา. อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ คุณหญิงเทศ นัฏกานุรักษ์. กรุงเทพมหานคร: สถานสงเคราะห์หญิงปากเกร็ด, ๒๕๑๑.
- ไม่ทราบนามผู้แต่ง. เอกสารสาธารณสุขเรื่องปฐมพยาบาลและวิธีใช้ยาตำราหลวง กับการสุขาภิบาลใน บริเวณบ้าน. พระคร: เปงเฮง (กิมหลีหงวน), ๒๔๗๖. [พิมพ์แจกในงานพระราชทานเพลิงศพมหา เสวกตรี พระยาวิชิตชลธาร (ม.ล.เวศร์ กุญชร)]
- นริศรานุวัติวงศ์, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยา. บทละครดึกดำบรรพ์ ฉบับเพิ่มเติม. กรุงเทพมหานคร: (ม.ป.พ.), ๒๔๙๖. (พิมพ์เป็นมิตรพลีในงานศพหม่อมหลวงวงษ์ กมลาสน์)
- นริศรานุวัดติวงศ์, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้า. บทร้องรำ. กรุงเทพมหานคร: ร.ส.พ., ๒๕๐๕. (พิมพ์เป็นมิตรพลีในงานศพ หม่อมหลวงเล็ก กุญชร ณ วัดโสมนัสวรวิหาร พ.ศ.๒๕๐๕)
- ไม่ทราบนามผู้แต่ง. อนุสรณ์การพระราชทานเพลิงศพ ท่านผู้หญิงแฉล้ม กุญชร. (ม.ป.พ), ๒๕๓๘. [ที่ระลึกในการพระราชทานเพลิงศพ ท่านผู้หญิงแฉล้ม กุญชร ท.จ.ว. (ม.ล. แฉล้ม กุญชร) ณ เมรุหน้าพลับพลาอิสริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันอาทิตย์ที่ ๒๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๓๘]
- สำลี อิศรพงศ์พิพัฒน์, ม.ล. จินดาภาษิต. พระนคร: ยิ้มศรี, ๒๔๘๒. (ม.ล.สำลี อิศรพงศ์พิพัฒน์ พิมพ์แจกในงานฌาปนกิจ หม่อมแจ่ม กุญชร ณ อยุธยา)
- ↑ อนุมานราชธน, พระยา. ร้อง รำ ทำเพลง. กรุงเทพมหานคร: มิตรไชย, ๒๕๐๐. [พิมพ์เป็นที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ หลวงวัยวุฒิปรีชา (ม.ล.ไวยวัฒน์ กุญชร)]
- ไม่ทราบนามผู้แต่ง. เครื่องช่วยตัว. พระนคร: ไทยเขษม, ๒๔๘๑. (พิมพ์ในงานฌาปนกิจหม่อมหลวงแขก กุญชร)
- ↑ พูนพิศ อมาตยกุล, บรรณาธิการ. เพลง ดนตรี : จากสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศฯ ถึง พระยาอนุมานราชธน. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์เรือนแก้วการพิมพ์, ๒๕๕๒.
- ไม่ทราบนามผู้แต่ง. ประชุมพงศาวดารภาคที่ 37 เรื่องจดหมายเหตุของคณะบาดหลวงฝรั่งเศส ซึ่งเข้ามาตั้งครั้งกรุงศรีอยุธยา ตอนแผ่นดินพระเจ้าเสือและพระเจ้าท้ายสระ. พิมพ์ครั้งที่ ๒. พระนคร: โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, ๒๔๗๓. [พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพมหาเสวกตรี พระยาอาทรธุรศิลป์ (ช่วง กุญชร)]
- พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จุลจอมเกล้า ฝ่ายหน้า และ ฝ่ายใน
- พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์
- การพระราชพิธีฉัตรมงคลและพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า (หน้า ๒๘๖)
- พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ (หน้า ๔๐๐)
- พระราชทานเครื่องราชอิสริยยศ