เวียงเชียงใหม่ หรือชื่อในรัชสมัยพระเจ้ากาวิละคือ เมืองรัตตนติงสาอภินวปุรี หมายถึงเขตเมืองนครหลวงของเชียงใหม่ (เขตเมืองเก่าในปัจจุบัน) แบ่งออกเป็นสองชั้น คือ เวียงชั้นนอก เป็นเขตเมืองโบราณรูปวงกลม ไม่เป็นที่แน่ชัดถึงปีสร้างและผู้สร้าง แต่จากตำนานคาดว่าสร้างโดยพญาลั๊วะ ซึ่งต่อมาถูกทิ้งร้าง และเวียงชั้นในเป็นเขตเมืองรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ซึ่งพญามังรายทรงสถาปนาขึ้นเมื่อวันที่ 12 เมษายน (ตามปฏิทินจูเลียน) หรือ 19 เมษายน (ตามปฏิทินกริกอเรียน) พ.ศ. 1839 โดยสร้างทับเวียงชั้นนอก เพื่อเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรล้านนา
"ศักราช ๖๕๘ ปีรวายสัน เดือนวิสาขะ ออก ๘ ค่ำ วัน ๕ วันไทย เมิงเปล้า ยามแตรรุ่งแล้ว ๒ ลูกนาที ปลาย ๒ บาทน้ำ ลัคนาเสวยนวางค์พฤหัสบดี ในมีนราศี พญามังรายเจ้า และพญางำเมือง พญาร่วง ทั้งสามคน ตั้งหอนอนที่ชัยภูมิ ราชมนเทียร ขุดคือเมือง ก่อตรีบูรทั้งสี่ด้าน"— จารึกหลักที่ ๗๖ วัดเชียงมั่น
เขตเวียง ชั้นใน
เวียงชั้นใน เป็นที่อยู่ของเจ้าผู้ครองนคร, เชื้อพระวงศ์, ขุนนาง และชาวยวนซึ่งเป็นชาวเมืองพื้นถิ่น มีกำแพงอิฐหนาล้อมรอบทั้งสี่ด้าน มีประตูอยู่ 5 ประตู มุมกำแพงทั้ง 4 มุม ทำเป็นป้อมปราการแบบไม่มีหลังคา รอบกำแพงด้านนอก ขุดเป็นคูน้ำ กว้างประมาณ 16 เมตร (ในอดีต) โดยชักน้ำมาจากดอยสุเทพเข้าทางคูเมืองตรงป้อมทิศตะวันตกเฉียงเหนือ โดยน้ำที่ชักมามีการเก็บเป็นช่วง ๆ คูน้ำ แต่ละช่วงของคูน้ำก็จะมีความสูงพื้นที่ลดหลั่นกันไป เริ่มจากจุดที่ชักน้ำเข้ามา เป็นจุดที่มีความสูงมากที่สุด และตรงป้อมด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นจุดที่มีความสูงพื้นที่ต่ำที่สุด
ในเขตเวียงชั้นในนี้ ยังเป็นที่ตั้งของเวียงแก้ว หรือเขตพระราชฐานของกษัตริย์และเจ้าผู้ครองนคร
ชั้นนอก
เวียงชั้นนอก ซึ่งตั้งอยู่ไม่เกินไปกว่าแนวกำแพงดิน เป็นเขตที่อยู่อาศัยของกลุ่มชาติพันธุ์หลากหลาย เช่น ชาวเขิน, มอญ, พม่า ไทใหญ่ และไทยวน มีกำแพงคอยโอบล้อมเวียงชั้นในไว้เฉพาะด้านทิศใต้ และทิศตะวันออกเท่านั้น ส่วนทิศเหนือและทิศตะวันตกของเมือง มีกำแพงอยู่ชั้นเดียวคือกำแพงของเวียงชั้นใน เวียงชั้นนอกมีประตูอยู่ 5 ประตู ตัวกำแพงมีทั้งช่วงที่ก่ออิฐ และเป็นกำแพงดินที่ด้านบนปูด้วยอิฐใช้เป็นทางเดิน ติดกับกำแพงด้านนอก มีคลองแม่ข่า เป็นปราการชั้นแรก ตัวกำแพงสูงราว 8 เมตร มีฐานกว้างราว 6 เมตร ทางเดินด้านบนกว้างราว 3 เมตร มีป้อมตรวจการณ์เป็นระยะ
"ตัวเมืองเชียงใหม่นี้เป็นที่ใหญ่โตและภูมถานดียิ่งนัก สมควรที่จะเป็นเมืองใหญ่แห่งพระราชอาณาจักร์ฝ่ายเหนือ มีบ้านเรือนโรงร้านตึกห้างอย่างดีเกือบจะเผลอไปว่าเป็นกรุงเทพฯ ได้บ้างทีเดียว มีแปลกอย่างหนึ่งที่บ้านเมืองที่ครึกครื้นมาอยู่ริมลำแม่น้ำทั้งหมด ส่วนภายในกำแพงที่เขาเรียกกันที่นี่ว่าในเวียงออกจะกลายเป็นป่า มีแต่วัดมากกว่าอย่างอื่น มีที่รกๆ ทิ้งอยู่เปล่าๆ เป็นอันมาก ที่ยังเป็นที่คนอยู่ได้ติดอยู่เดี๋ยวนี้ เพราะเหตุที่มีศาลารัฐบาลแลสถานที่ราชการบางอย่างตั้งอยู่ภายในกำแพงเมือง ทำให้คนต้องไปมา ก็มีราษฎรตั้งอยู่ขายข้าวขายของบ้าง แต่ร่วงโรยเสียเต็มทีความรู้สึกเดี๋ยวนี้ที่เรียกว่าในเวียงหน้าตาเป็นนอกเวียง ส่วนตัวเมืองจริงๆ อยู่ข้างนอกทั้งนั้น"— สมเด็จพระอนุชาธิราช กรมหลวงนครราชสีมา
เสด็จตรวจราชการฝ่ายเหนือ เมื่อ พ.ศ. 2463
อ้างอิง - เชิงอรรถ
- ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่, หน้า 176
- วันสถาปนาเมืองเชียงใหม่, หน้า 5
- หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ร.๖ ม.๒๗/๑๐ เรื่อง สมเด็จเจ้าฟ้า กรมหลวงนครราชสีมา เสด็จมณฑลพายัพ (๓๑ ตุลาคม ๒๔๖๓-๒๙ มีนาคม ๒๔๖๗).
- บรรณานุกรม
- ทิว วิชัยขัทคะ. ๒๕๒๗. กำแพงเมืองและประตูเมืองเชียงใหม่และภาพประกอบ. บทความในภาคผนวก หน้า ๙๑-๙๓ ในหนังสือล้านนาไทย : อนุสรณ์พระราชพีธีเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ พ.ศ ๒๕๒๖-๒๕๒๗.
- พระบารมีปกเกล้าฯ ยุพราชวิทยาลัย ๑๐๐ ปีนามพระราชทาน. นครเชียงใหม่ : ประวัติศาสตร์ การพัฒนาการศึกษา และสังคมเมืองเชียงใหม่. โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย พ.ศ. 2550
- มูลนิธิสถาบันพัฒนาเมืองเชียงใหม่. วันสถาปนาเมืองเชียงใหม่. เชียงใหม่ : โรงพิมพ์มิ่งเมือง, 2559. 64 หน้า. ISBN 978-616-91942-6-2
- อรุณรัตน์ วิเชียรเขียว และเดวิด เค. วัยอาจ (ปริวรรต). ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่. กรุงเทพฯ : ซิลค์เวอร์ม, 2543. 232 หน้า. ISBN 978-974-9575-51-2
เว, ยงเช, ยงใหม, หร, อช, อในร, ชสม, ยพระเจ, ากาว, ละค, เม, องร, ตตนต, งสาอภ, นวป, หมายถ, งเขตเม, องนครหลวงของเช, ยงใหม, เขตเม, องเก, าในป, จจ, แบ, งออกเป, นสองช, เว, ยงช, นนอก, เป, นเขตเม, องโบราณร, ปวงกลม, ไม, เป, นท, แน, ดถ, งป, สร, างและผ, สร, าง, แต, จากตำ. ewiyngechiyngihm hruxchuxinrchsmyphraecakawilakhux emuxngrttntingsaxphinwpuri 1 hmaythungekhtemuxngnkhrhlwngkhxngechiyngihm ekhtemuxngekainpccubn aebngxxkepnsxngchn khux ewiyngchnnxk epnekhtemuxngobranrupwngklm imepnthiaenchdthungpisrangaelaphusrang aetcaktanankhadwasrangodyphyalwa sungtxmathukthingrang aelaewiyngchninepnekhtemuxngrupsiehliymcturs sungphyamngraythrngsthapnakhunemuxwnthi 12 emsayn tamptithincueliyn hrux 19 emsayn tamptithinkrikxeriyn ph s 1839 2 odysrangthbewiyngchnnxk ephuxepnemuxnghlwngkhxngxanackrlanna skrach 658 pirwaysn eduxnwisakha xxk 8 kha wn 5 wnithy emingepla yamaetrrungaelw 2 luknathi play 2 bathna lkhnaeswynwangkhphvhsbdi inminrasi phyamngrayeca aelaphyangaemuxng phyarwng thngsamkhn tnghxnxnthichyphumi rachmnethiyr khudkhuxemuxng kxtriburthngsidan carukhlkthi 76 wdechiyngmn enuxha 1 ekhtewiyng 1 1 chnin 1 2 chnnxk 2 xangxingekhtewiyng aekikhchnin aekikh ewiyngchnin epnthixyukhxngecaphukhrxngnkhr echuxphrawngs khunnang aelachawywnsungepnchawemuxngphunthin mikaaephngxithhnalxmrxbthngsidan mipratuxyu 5 pratu mumkaaephngthng 4 mum thaepnpxmprakaraebbimmihlngkha rxbkaaephngdannxk khudepnkhuna kwangpraman 16 emtr inxdit odychknamacakdxysuethphekhathangkhuemuxngtrngpxmthistawntkechiyngehnux odynathichkmamikarekbepnchwng khuna aetlachwngkhxngkhunakcamikhwamsungphunthildhlnknip erimcakcudthichknaekhama epncudthimikhwamsungmakthisud aelatrngpxmdanthistawnxxkechiyngit epncudthimikhwamsungphunthitathisudinekhtewiyngchninni yngepnthitngkhxngewiyngaekw hruxekhtphrarachthankhxngkstriyaelaecaphukhrxngnkhr chnnxk aekikh ewiyngchnnxk sungtngxyuimekinipkwaaenwkaaephngdin epnekhtthixyuxasykhxngklumchatiphnthuhlakhlay echn chawekhin mxy phma ithihy aelaithywn mikaaephngkhxyoxblxmewiyngchniniwechphaadanthisit aelathistawnxxkethann swnthisehnuxaelathistawntkkhxngemuxng mikaaephngxyuchnediywkhuxkaaephngkhxngewiyngchnin ewiyngchnnxkmipratuxyu 5 pratu twkaaephngmithngchwngthikxxith aelaepnkaaephngdinthidanbnpudwyxithichepnthangedin tidkbkaaephngdannxk mikhlxngaemkha epnprakarchnaerk twkaaephngsungraw 8 emtr mithankwangraw 6 emtr thangedindanbnkwangraw 3 emtr mipxmtrwckarnepnraya twemuxngechiyngihmniepnthiihyotaelaphumthandiyingnk smkhwrthicaepnemuxngihyaehngphrarachxanackrfayehnux mibaneruxnorngrantukhangxyangdiekuxbcaephlxipwaepnkrungethph idbangthiediyw miaeplkxyanghnungthibanemuxngthikhrukkhrunmaxyurimlaaemnathnghmd swnphayinkaaephngthiekhaeriykknthiniwainewiyngxxkcaklayepnpa miaetwdmakkwaxyangxun mithirk thingxyuepla epnxnmak thiyngepnthikhnxyuidtidxyuediywni ephraaehtuthimisalarthbalaelsthanthirachkarbangxyangtngxyuphayinkaaephngemuxng thaihkhntxngipma kmirasdrtngxyukhaykhawkhaykhxngbang aetrwngoryesiyetmthikhwamrusukediywnithieriykwainewiynghnataepnnxkewiyng swntwemuxngcring xyukhangnxkthngnn 3 smedcphraxnuchathirach krmhlwngnkhrrachsima esdctrwcrachkarfayehnux emux ph s 2463xangxing aekikhechingxrrth tananphunemuxngechiyngihm hna 176 wnsthapnaemuxngechiyngihm hna 5 hxcdhmayehtuaehngchati r 6 m 27 10 eruxng smedcecafa krmhlwngnkhrrachsima esdcmnthlphayph 31 tulakhm 2463 29 minakhm 2467 brrnanukrmthiw wichykhthkha 2527 kaaephngemuxngaelapratuemuxngechiyngihmaelaphaphprakxb bthkhwaminphakhphnwk hna 91 93 inhnngsuxlannaithy xnusrnphrarachphithiepidphrabrmrachanusawriysamkstriy ph s 2526 2527 phrabarmipkekla yuphrachwithyaly 100 pinamphrarachthan nkhrechiyngihm prawtisastr karphthnakarsuksa aelasngkhmemuxngechiyngihm orngeriynyuphrachwithyaly ph s 2550 mulnithisthabnphthnaemuxngechiyngihm wnsthapnaemuxngechiyngihm echiyngihm orngphimphmingemuxng 2559 64 hna ISBN 978 616 91942 6 2 xrunrtn wiechiyrekhiyw aelaedwid ekh wyxac priwrrt tananphunemuxngechiyngihm krungethph silkhewxrm 2543 232 hna ISBN 978 974 9575 51 2ekhathungcak https th wikipedia org w index php title ewiyngechiyngihm amp oldid 9152414, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,
บทความ
, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม