โลทัสทาวเวอร์

โลทัสทาวเวอร์ (Lotus Tower; สิงหล: නෙළුම් කුළුණ; ทมิฬ: தாமரைக் கோபுரம்) หรือ โคลัมโบโลทัสทาวเวอร์ (Colombo Lotus Tower) เป็นหอคอยสูง 356 เมตร ตั้งอยู่ในเมืองโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา ถือเป็นแลนด์มาร์กและสัญลักษณ์สำคัญของประเทศศรีลังกา เมื่อเปิดตัวหอคอยในวันที่ 16 กันยายน 2019 หอคอยนี้กลายเป็นสิ่งก่อสร้างเดี่ยวที่สูงที่สุดในเอเชียใต้ และเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดเป็นอันดับสองในเอเชียใต้รองลงมาจาก INS Kattabomman ในประเทศอินเดีย หอคอยนี้ถือว่าเป็นหอคอยที่สูงที่สุดเป็นอันดับที่ 11 ในเอเชีย และอันดับที่ 19 ของโลก ในตอนแรกมีแผนจะสร้างหอคอยนี้ในย่านชานเมืองของเปลิญะโกฑา (Peliyagoda) แต่สุดท้ายรัฐบาลย้ายมาสร้างในย่านกลางเมืองโคลัมโบแทน หอคอยทรงดอกบัวนี้ใช้งานเป็นหอคอยสำหรับการสื่อสาร เป็นหอสังเกตการณ์ และมีบริการและร้านค้าต่าง ๆ มากมาย ด้วยค่าใช้จ่ายก่อสร้างรวม 104.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสนับสนุนด้านเงินทุนโดยธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกแห่งชาติ ประเทศจีน

โลทัสทาวเวอร์
Lotus Tower Nelum Kuluna නෙළුම් කුළුණ தாமரைக் கோபுரம் Thaamarai Kopuram
โลทัสทาวเวอร์
ข้อมูลทั่วไป
สถานะ	เสร็จสมบูรณ์
ประเภท	มิกซ์ยูส: Digital Terrestrial Television ISDB-T โทรคมนาคม หอสังเกตการณ์ บริการ จัดกิจกรรม สถานที่ท่องเที่ยว การค้า
ที่ตั้ง	โคลัมโบ, ศรีลังกา
พิกัด	06°55′37″N 79°51′30″E / 6.92694°N 79.85833°E / 6.92694; 79.85833พิกัดภูมิศาสตร์: 06°55′37″N 79°51′30″E / 6.92694°N 79.85833°E / 6.92694; 79.85833
แล้วเสร็จ	15 กันยายน 2019
เปิดใช้งาน	16 กันยายน 2019
ความสูง
เสาอากาศ	356 m (1,168.0 ft)
ข้อมูลทางเทคนิค
จำนวนชั้น	13 (6 ชั้นในฐาน, 7 ในดอกบัว)
ลิฟต์	8
เว็บไซต์
http://www.lotustower.lk/

หอคอยนี้เปิดสู่สาธารณชนเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2019 โดยประธานาธิบดีศรีลังกา ไมตรีปาละ สิริเสนะ ใช้เวลาก่อสร้างรวม 7 ปี

อ้างอิง

1. "Lotus Tower - The Skyscraper Center". www.skyscrapercenter.com. สืบค้นเมื่อ 2017-12-15.
2. . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 9 มีนาคม 2013. สืบค้นเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2013.
3. "Symbolic landmark of Sri Lanka: Lotus Tower (Nelum Kuluna)". Sunday Observer (ภาษาอังกฤษ). 2019-09-14. สืบค้นเมื่อ 2019-09-16.
4. . Sunday Times. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2011-12-16. สืบค้นเมื่อ 15 December 2011.
5. . Asian Tribune News. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 19 เมษายน 2012. สืบค้นเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2010.