ศักติปีฐ
ศักติปีฐ หรือ ศักติบิฐ (สันสกฤต: शक्ति पीठ, Śakti Pīṭha, ที่ประทับของศักติ) เป็นหมู่แหล่งแสวงบุญหรือมณเฑียรซึ่งเป็นที่สถิตของพระศักติในลัทธิศักติของศาสนาฮินดูที่นับถือเทวีต่าง ๆ เป็นหลัก ศักติปีฐประกอบไปด้วยศาสนสถานกว่า 51 หรือ 108 แห่ง ขึ้นอยู่กับแหล่งข้อมูลที่แตกต่างกัน ในจำนวนนี้มี 4 แห่ง เป็น อาทิศักติปีฐะ (Adi Shakti Pitha) คือ
1. ภิมาลา เทวี (Bimala Devi) เป็นส่วนของพระบาท (เท้า) สถิตอยู่ในเทวาลัยพระชคันนาถ (Jagannath) ในเมืองปุริ แคว้นโอริสสา
2. ตารา ตารินี (Tara Tarini ) เป็นส่วนของพระอุระ (หน้าอก) สถิตอยู่ในเมืองพรหมปุระ แคว้นโอริสสา
3. กามาขยา (Kamakhya) เป็นส่วนของโยนี (อวัยวะเพศ) สถิตอยู่ในเมืองคุวะหตี(กามรูป) แคว้นอัสสัม
4. กาลิกัต กาลี (Kalighat Kali) เป็นส่วนของพระพักตร์ (ใบหน้า) สถิตอยู่ในเมืองกัลกัตตา แคว้นเบงกอลตะวันออก
และอีก 18 แห่ง เป็น อัษฎะทศะ มหาศักติ ปีฐะ (Astadasha Maha Shakti Peethas) คือ
1. บาสุกินาถ (Basukinath) เป็นส่วนของพระหฤทัย (หัวใจ) สถิตอยู่ในเทวาลัยไพทยนาถศิวลึงค์ (Baidyanath Shivlinga) แคว้นฌารขันท์
2. กาญจี กามากษี (Kanchi Kamakshi) เป็นส่วนของสะดือ สถิตอยู่ในเมืองกาญจีปุรัม แคว้นทมิฬนาฑู
3. ศรินกาลา (Shrinkala) เป็นส่วนของกระเพาะฝั่งหนึ่ง สถิตอยู่ในแคว้นเบงกอล
4. จามุณเฑศวรี (Chamundeshwari) เป็นส่วนของเส้นผม สถิตอยู่ในเมืองไมซอร์ แคว้นกรณาฏกะ
5. โยกุลัมพาเทวี (Jogulamba Devi) เป็นส่วนของฟัน สถิตอยู่ในเมืองอลัมปุรัม แคว้นเตลังคานา
6. พรหมารามภา มัลลิกาชุน (Bhramaramba Mallikarjuna) หรือเรียกอีกชื่อว่า พรหมารามพิกาเทวี (Bhramarambika Devi) เป็นส่วนของคอ สถิตอยุ่ในเมืองศรีไศล แคว้นอานธรประเทศ
7. มหาลักษมี (Mahalakshmi) เป็นส่วนของดวงตา สถิตอยู่ในเมืองโกลหะปุระ แคว้นมหาราษฎระ
8. เรนุกา เทวี (Renuka Devi) เป็นส่วนของมือซ้าย สถิตอยู่ในเมืองมาหุร แคว้นมหาราษฎระ
9. ศากัมภรี เทวี (Shakambhari Devi) เป็นส่วนของศีรษะฝั่งหนึ่ง สถิตอยู่ในเมืองสหราณปุระ แคว้นอุตตรประเทศ
10. กุตกุเตศวรา (Kukkuteswara) เป็นส่วนของมือขวาฝั่งหนึ่ง สถิตอยู่ในเมืองปิตาปุรัม แคว้นอานธรประเทศ
11. พิราจา (Biraja) เป็นส่วนของท้องฝั่งหนึ่ง สถิตอยู่ในเมืองชัยปุระ แคว้นโอริสสา
12. ภีเมศวรา (Bhimeswara) หรือเรียกอีกชื่อว่า มานิคยัมพา (Manikyamba) เป็นส่วนของแก้มฝั่งซ้าย สถิตอยู่ในเทวาลัยภีเมศวร เมืองทรัศรามา แคว้นอานธรประเทศ
13.กามาขยา (Kamakhya) เป็นส่วนของท้องฝั่งหนึ่ง สถิตอยู่ในเมืองคุวะหตี(กามรูป) แคว้นอัสสัม (เทวาลัยนี้จะมีทั้งอาทิศักติปีฐะ และมหาศักติปีฐะร่วมกัน สองแห่ง)
14. อโลปี เทวี (Alopi Devi) เป็นส่วนของนิ้ว สถิตอยู่ในเมืองประยาคราช แคว้นอุตตรประเทศ
15. ชวาลามุขี (Jwalamukhi) เป็นส่วนของศีระษะฝั่งหนึ่ง สถิตอยู่ในเมืองคงกระ แคว้นหิมาจัลประเทศ
16. มังคลา เคารี (Mangla Gauri) เป็นส่วนของหน้าอกฝั่งหนึ่ง สถิตในเมืองคยา แคว้นพิหาร
17. วิสาลากษี (Vishalakshi) เป็นส่วนของจมูกฝั่งหนึ่ง สถิตในเมืองพาราณสี แคว้นอุตตรประเทศ
18. ศารทาปีฐะ (Sharada Peeth) เป็นส่วนของมือขวาฝั่งหนึ่ง สถิตในเมืองศารทา แคว้นกัศมีระ(แคชเมียร์)
ในงานเขียนยุคกลางของฮินดู มณเฑียรส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ปัจจุบันอยู่ในอาณาเขตของประเทศอินเดีย แต่มีเจ็ดแห่งในประเทศบังกลาเทศ, สามแห่งในประเทศปากีสถาน, สามแห่งในประเทศเนปาล และหนึ่งแห่งในประเทศจีน กับประเทศศรีลังกา
ตำนานของศักติปีฐมีรากฐานจากการสิ้นพระชนม์ของพระแม่สตี ในพิธียัญชญะของพระทักษะประชาบดีบิดาของพระนาง ซึ่งภายใต้ความเศร้าโศกนั้น พระศิวะทรงแบกร่างของพระแม่สตีขึ้นและเดินไปรอบจักรวาลเพื่อรำลึกถึงพระนาง ต่อมาพระวิษณุได้ทรงตัดร่างของพระแม่ออกเป็น 51 ส่วนโดยใช้สุทรรศนจักร (Sudarshana Chakra) และได้หล่นลงมาตามจุดต่าง ๆ บนโลกมนุษย์
อ้างอิง
- https://tribune.com.pk/story/1088366/mata-hinglaj-yatra-to-hingol-a-pilgrimage-to-reincarnation/?amp=1
- Fuller, Christopher John (2004). The Camphor Flame: Popular Hinduism and Society in India. Princeton: Princeton University Press. p. 44. ISBN 978-0-691-12048-5.
- ↑ Vanamali (2008). Shakti: Realm of the Divine Mother. Inner Traditions. pp. 83–84, 143–144. ISBN 978-1-59477-785-1.
- ↑ Kunal Chakrabarti; Shubhra Chakrabarti (2013). Historical Dictionary of the Bengalis. Scarecrow. p. 430. ISBN 978-0-8108-8024-5.
- "Vimala Temple", Wikipedia (ภาษาอังกฤษ), 2022-08-18, สืบค้นเมื่อ 2022-09-22
- "Tara Tarini Temple", Wikipedia (ภาษาอังกฤษ), 2022-09-07, สืบค้นเมื่อ 2022-09-22
- "Kamakhya Temple", Wikipedia (ภาษาอังกฤษ), 2022-08-27, สืบค้นเมื่อ 2022-09-22
- "Kalighat Kali Temple", Wikipedia (ภาษาอังกฤษ), 2022-07-21, สืบค้นเมื่อ 2022-09-22
- "Basukinath", Wikipedia (ภาษาอังกฤษ), 2021-05-28, สืบค้นเมื่อ 2022-09-22
- "Kamakshi Amman Temple", Wikipedia (ภาษาอังกฤษ), 2022-09-12, สืบค้นเมื่อ 2022-09-22
- "Chamundeshwari Temple", Wikipedia (ภาษาอังกฤษ), 2022-07-23, สืบค้นเมื่อ 2022-09-22
- "Alampur Jogulamba Temple", Wikipedia (ภาษาอังกฤษ), 2022-07-27, สืบค้นเมื่อ 2022-09-22
- "Mallikarjuna Temple, Srisailam", Wikipedia (ภาษาอังกฤษ), 2022-09-22, สืบค้นเมื่อ 2022-09-22
- "Mahalakshmi Temple, Kolhapur", Wikipedia (ภาษาอังกฤษ), 2022-09-21, สืบค้นเมื่อ 2022-09-22
- "Renuka", Wikipedia (ภาษาอังกฤษ), 2022-09-22, สืบค้นเมื่อ 2022-09-22
- "Shakambhari", Wikipedia (ภาษาอังกฤษ), 2022-09-19, สืบค้นเมื่อ 2022-09-22
- "Kukkuteswara Temple", Wikipedia (ภาษาอังกฤษ), 2022-05-19, สืบค้นเมื่อ 2022-09-22
- "Biraja Temple", Wikipedia (ภาษาอังกฤษ), 2022-06-06, สืบค้นเมื่อ 2022-09-22
- "Alopi Devi Mandir", Wikipedia (ภาษาอังกฤษ), 2022-06-23, สืบค้นเมื่อ 2022-09-22
- "Jawalamukhi", Wikipedia (ภาษาอังกฤษ), 2022-08-08, สืบค้นเมื่อ 2022-09-22
- "Mangla Gauri Temple", Wikipedia (ภาษาอังกฤษ), 2022-07-28, สืบค้นเมื่อ 2022-09-22
- "Vishalakshi Temple", Wikipedia (ภาษาอังกฤษ), 2022-09-06, สืบค้นเมื่อ 2022-09-22
- "Sharada Peeth", Wikipedia (ภาษาอังกฤษ), 2022-09-11, สืบค้นเมื่อ 2022-09-22
บทความเกี่ยวกับโบสถ์พราหมณ์ หรือสถานที่สำคัญทางศาสนาฮินดูนี้ยังเป็นโครง คุณสามารถช่วยวิกิพีเดียได้โดยการเพิ่มเติมข้อมูล |