สโมสรฟุตบอลทอตนัมฮอตสเปอร์
สโมสรฟุตบอลทอตนัมฮอตสเปอร์ (อังกฤษ: Tottenham Hotspur F.C.) เป็นสโมสรฟุตบอลอังกฤษซึ่งอยู่ในพรีเมียร์ลีก รู้จักในนามสั้น ๆ ว่า "สเปอร์" (Spurs) และแฟนคลับของสโมสรเรียกว่า "ยิดอาร์มี" (Yid Army) อันหมายถึง ชาวยิว อันเนื่องจากแฟนคลับแต่ดั้งเดิมของสโมสรเป็นชาวยิวที่ตั้งรกรากในกรุงลอนดอนตอนเหนือ ซึ่งเป็นที่ตั้งสโมสร เป็นอีกหนึ่งสโมสรที่มีความยิ่งใหญ่และตำนานอันยาวนานในเกาะอังกฤษ เป็นคู่ปรับร่วมกรุงลอนดอน กับ เชลซี และ อาร์เซนอล เคยเป็นแชมป์ลีกสูงสุด 2 สมัย
ฉายา | สเปอส์, The Lilywhites ไก่เดือยทอง (ไทย) | ||
---|---|---|---|
ก่อตั้ง | ค.ศ. 1882 (ในชื่อ "สโมสรฟุตบอลฮอตสเปอร์) | ||
สนาม | สนามกีฬาทอตนัมฮอตสเปอร์ | ||
ความจุ | 62,062 | ||
เจ้าของ | อีเอ็นไอซีกรุ๊ป | ||
ประธาน | แดเนียล เลวี | ||
ผู้จัดการ | นูนู อึชปีรีตู ซังตู | ||
ลีก | พรีเมียร์ลีก | ||
2020–21 | พรีเมียร์ลีก อันดับที่ 7 จาก 20 | ||
เว็บไซต์ | เว็บไซต์สโมสร | ||
| |||
ประวัติ
ยุคก่อตั้งสโมสร (1882-1898)
สโมสรฟุตบอลทอตนัมฮอตสเปอร์ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1882 โดยใช้ชื่อ ฮอตสเปอร์ เอฟซี มีสนามประจำสโมสรคือ ทอตนัม มาร์เชส แต่แล้วในปี ค.ศ. 1897 สนาม ทอตนัม มาร์เชส ได้ถูกระงับการใช้งานอย่างถาวร เนื่องจากเกิดปัญหาสงครามโลกขึ้น โดย ฮอตสเปอร์ เอฟซี ได้เช่าบริเวณย่านเมือง นอททัมเบอร์แลนด์ และขอเช่าสนาม นอททัมเบอร์แลนด์ พาร์ค เป็นเวลา 8 ปี ก่อนที่จะย้ายไปยังสนาม ไวต์ฮาร์ตเลน สนามประจำสโมสรในปัจจุบัน โดยสโมสรแห่งนี้เล่นในลีกทางใต้ของ ประเทศอังกฤษ ซึ่งได้แชมป์ของลีกทางใต้ 1 สมัยในปี ค.ศ. 1900 จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1908 ฮอตสเปอร์ เอฟซี ได้ย้ายไปเล่นใน ฟุตบอลลีกดิวิชั่น 2 ของ ประเทศอังกฤษ โดยก่อนหน้านั้น สเปอส์ได้แชมป์ เอฟเอคัพ ถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในการแข่งฟุตบอลใน ประเทศอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1901 ทั้งที่ยังเป็นทีมสมัครเล่นอยู่ และในปี ค.ศ. 1908 สเปอส์ก็ได้รองแชมป์ ฟุตบอลลีกดิวิชั่น 2 ซึ่งนักฟุตบอลชื่อดังของสเปอส์ในสมัยนั้นคือ อาเทอร์ กริมส์เดล กัปตันทีมของสเปอส์
ยุคทองแห่งความสำเร็จ (1949-1981)
แล้วหลังจากนั้นในปี ค.ศ. 1949 ฮอตสเปอร์ เอฟซี ได้เปลี่ยนชื่อเป็น ทอตนัมฮอตสเปอร์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์และชื่อประจำเมืองในถิ่น ไวต์ฮาร์ตเลน โดยในช่วงนั้นมีผู้จัดการทีมชื่อ อาเทอร์ โรเวย์ ผู้จัดการทีมชาว อังกฤษ นำทีมสเปอส์ขึ้นมาเล่นใน ฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 ของ ประเทศอังกฤษ ได้สำเร็จ โดยในช่วงเดียวกันนั้นสเปอส์ได้แชมป์ลีกดิวิชั่น 1 ในฤดูกาล 1950-51 และ หลังจากนั้นในฤดูกาล 1960-61 ในยุคของ บิล นิโคลสัน ตำนานของ ทอตนัมฮอตสเปอร์ ได้กลับเข้ามาคุมทีมอีกครั้ง หลังจากยกเลิกการเล่นฟุตบอลไปแล้ว โดยเขาได้นำทีมสเปอส์เป็นรองแชมป์ดิวิชั่น 1 2 ครั้ง, แชมป์ เอฟเอคัพ 3 สมัย, ฟุตบอลลีกคัพ 1 สมัย, เอฟเอคอมมูนิตีชีลด์ 3 สมัย และ ในระดับบอลถ้วยยุโรปเขาก็นำทีมสเปอส์ เป็นแชมป์ ยูฟ่าคัพ (ยูโรป้า ลีก ในปัจจุบัน) 1 สมัย และ แชมป์ ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ 1 สมัย ซึ่งในช่วงยุคนั้นเป็นยุคที่สเปอส์ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก หลังจากยุคของ นิโคลสัน แล้วนั้น สเปอส์ก็ยังเล่นได้อยู่ในระดับที่มีความสามารถพอดี โดยสามารถสู้กับทีมใหญ่ๆได้ โดยในช่วงปี ค.ศ. 1981 และ ค.ศ. 1982 สเปอส์เป็นแชมป์ เอฟเอคัพ 2 สมัยติดกันในช่วงยุคของ คีธ เบอร์คินชอว์ และเขายังนำสเปอส์ได้แชมป์ ยูฟ่าคัพ ซึ่งเป็นแชมป์ 2 สมัย ของสโมสร
ยุคแห่งความมั่นคงของสโมสร (1982-ปัจุจบัน)
หลังจากยุคปี 2000 สเปอส์ก็ยังเล่นในลีก พรีเมียร์ลีก (ดิวิชั่น 1 เดิม) ได้อย่างมั่นคง และส่วนใหญ่มักจะอยู่ในอันดับต้นๆของตาราง ซึ่งส่วนมากจะจบในอันดับที่ 5 เป็นส่วนใหญ่ โดยมีผู้จัดการทีมหลายคนในช่วงนั้น ซึ่งมี เกล็น ฮอดเดิล, ฌัก ซ็องตีนี, มาร์ติน โยล โดยในยุคของมาร์ติน โยล สเปอส์มีโอกาสที่จะเข้าไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก แต่ก็ทำได้เพียงอันดับ 5 และในปี 2007 ได้มีการปลดมาร์ติน โยล ออกจากตำแหน่งเนื่องจากออกสตาร์ทฤดูกาลได้ย่ำแย่ทั้งที่ใช้เงินลงทุนมหาศาลรวมถึงการซื้อดาร์เรน เบนท์มาด้วยค่าตัว 16 ล้านปอนด์ซึ่งทำลายสถิติสโมสรหลังจากนั้นได้แต่งตั้งฆวนเด รามอส อดีตผู้จัดการทีมเซบิยาและในฤดูกาลนั้น สเปอส์ได้แชมป์ ฟุตบอลลีกคัพ ด้วยการชนะ สโมสรฟุตบอลเชลซี ไป 2-1 หลังต่อเวลาพิเศษ ซึ่งเป็นการคว้าแชมป์ในรอบ 9 ปี และ จบอันดับที่ 5 ได้ไปเล่น ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก
ใน ฤดูกาล 2008-09 ซึ่งนัดแรกสเปอส์บุกไปแพ้ มิดเดิลสโบรไป 2-1 และ 7 นัดต่อมา ก็มาชนะครั้งแรกได้ในบ้านของตน ด้วยการอัดโบลตันไป 2-0 และต่อมาเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ. 2008 สเปอส์ได้ปลด ฆวนเต รามอส ออกจากผู้จัดการทีม และ แต่งตั้ง แฮร์รี เรดแนปป์ กุนซือชาวอังกฤษเป็นผู้จัดการทืม โดยการย้ายการคุมทีมมาจากพอร์ตสมัท แฮร์รี เรดแนปป์ ได้ดึงลูกทีมเก่าจากพอร์ตสมัทมาหลายคน อาทิ นิโก ครานชาร์, เจอร์เมน เดโฟ, ยูเนส คาบูล โดย 2 รายหลังนั้นเป็นการกลับมาทีมเก่า และยังดึงมิดฟิลด์พันธุ์ดุจากฮอนดูรัสอย่าง วิลสัน ปาลาซิออส มาจากวีแกนแอทเลติก และ ร็อบบี คีน จากลิเวอร์พูลมาเสริมความแกร่งของแนวรุกมากขึ้น รวมทั้ง ยืมตัว ไอเดอร์ กุดจอห์นเซน กองหน้าจาก โมนาโก ซึ่งเรดแนปป์นำทีมสเปอส์ไปสู่รอบรองชิงชนะเลิศ ฟุตบอลลีกคัพ กับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ได้ แต่ก็ต้องพ่ายจุดโทษไป 4-1 (หลังเสมอ 0-0) และจบอันดับ 8 เมื่อขึ้นฤดูกาลใหม่ 2009-10 เรดแนปป์ได้เสริมนักเตะใหม่โดยการถึง ปีเตอร์ เคราช์ จากพอร์ทสมัท กับ ไคล์ วอล์กเกอร์ จากเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด มาเสริมความแกร่งและการรุกของสโมสรให้คมมากขึ้น เพื่อทดแทนการเสีย ดาเรน เบนท์ อดีตดาวซัลโวของสโมสรเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งนัดแรกเปิดบ้านเฉือนชนะลิเวอร์พูลไปได้ 2-1 และจบอันดับที่ 4 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่สเปอส์จบในอันดับทีได้ไปเล่นถ้วย ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นับตั้งแต่ ฤดูกาล 1961-62
ฤดูกาล 2010-11 สเปอส์ได้ซื้อ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท กองกลางจากเรอัลมาดริด และ ซานดรู ราเนียเร มิดฟิลด์แนวรุกชาวบราซิล มาเสริมทัพ โดยคราวนี้สเปอส์ได้ไปเล่น ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ซึ่งในรอบเพลย์ออฟชนะ บีเอสซี ยอง บอยส์ ไป 6-3 (รวม 2 นัด) และทะลุเขาไปในรอบแบ่งกลุ่มโดยได้อยู่สายเดียวกับ อินเตอร์ มิลาน, ทเวนเต และ แวร์เดอร์ เบรเมน ซึ่งสเปอส์และอินเตอร์มิลาน ได้เป็นแชมป์และรองแชมป์กลุ่มตามลำดับ และต่อมาในรอบ 16 ทีม ได้ชนะ เอซี มิลาน ไป 1-0, รอบ 8 ทีมสุดท้ายแพ้ เรอัลมาดริด ไป 4-1 จึงตกรอบไป และต่อมาใน พรีเมียร์ลีก นัดแรกสเปอส์ได้เสมอแมนเชสเตอร์ซิตี ไป 0-0 และนัดถัดมาบุกไปเฉือนชนะสโตกซิตี ได้ 2-1 โดยดาวซัลโวของสโมสรในฤดูกาลนี้คือ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ที่ทำประตูได้ 15 ประตู และนำทีมจบในอับดับที่ 5 ไปเล่น ยูโรปาลีก
ผลงานในฤดูกาล 2011-12 จากการซื้อนักเตะที่มีประสิทธิภาพและความสามารถของแฮร์รี เรดแนปป์ ได้นำพาทีมสเปอส์คว้าพรีเมียร์ลีก อันดับที่ 4 ซึ่งเป็นครั้งที่สองในการนำทีมสเปอส์จบอันดับ 4 ซึ่งจะมีโอกาสไปเล่นใน ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก มากขึ้น
แต่แล้วการตัดสินใจในการเซ็นสัญญาฉบับใหม่ของเรดแนปป์ก็ไม่เข้าที่เข้าทางสักที แฮร์รี เรดแนปป์ จึงได้ลาออกจากสโมสร และต่อมาไม่ถึง 2 เดือน ทางคณะบอร์ดบริหารได้แต่งตั้ง อังเดร วิลลัช-โบอัช ผู้จัดการทีมชาว โปรตุเกส เป็นผู้จัดการทีม
ตราสัญลักษณ์ของสโมสร
ตราสัญลักษณ์ของสโมสรทอตนัมฮอตสเปอร์เป็นรูปไก่ตัวผู้ที่มีเดือยแหลมคมเหยียบลูกฟุตบอล จึงได้ฉายาในภาษาไทยว่า "ไก่เดือยทอง" ตราสัญลักษณ์นี้มีที่มาจากนัดชิงชนะเลิศเอฟเอคัพในปี 1901 เมื่อแฮร์รี เพอร์ซี ฮอตสเปอร์ บุคคลที่เชื่อกันว่าทางสโมสรได้นำนามสกุลของเขาตั้งขึ้นเป็นชื่อสโมสร ใส่รูปไก่ตัวผู้ลงไปในตราสัญลักษณ์เพื่อให้ผู้เล่นเกิดความฮึกเหิม ต่อมาอีก 8 ปี วิลเลียม เจมส์ สก๊อต อดีตผู้เล่นของสโมสรได้ทำรูปหล่อสำริดไก่ตัวผู้เหยียบลูกฟุตบอลขึ้นมา จึงได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของสโมสรนับตั้งแต่บัดนั้น
โดยสัญลักษณ์รูปนี้ได้ทำการปรับเปลี่ยนมาหลายครั้งในหลายยุคสมัย โดยในยุคทศวรรษที่ 1920 เป็นรูปลักษณ์ที่เรียบ ๆ ต่อมาสมัยก็มีรูปลูกโลกรวมถึงสิงโตคู่ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลนอร์ททัมเบอร์แลนด์ของแฮร์รี ฮอตสเปอร์ ทั้งปราสาทบรูซซึ่งตั้งอยู่ใกล้สนามไวท์ฮาร์ทเลน รวมทั้งต้นไม้ 7 ต้น สื่อถึงเซเวนซิสเตอร์ส์ ย่านหนึ่งในลอนดอนเหนือที่ตั้งของสโมสรด้วย พร้อมคติภาษาละตินที่ว่า "Audere Est Facere" (จงกล้าที่จะทำ) ต่อมาในยุคทศวรรษที่ 1980 ได้ตัดรายละเอียดต่าง ๆ ออกไป เหลือเพียงไก่กับสิงโตและคติภาษาละตินเท่านั้น
โดยสัญลักษณ์แบบปัจจุบันเกิดขึ้นในปี 2006
ชุดและสปอนเซอร์ที่ใช้
ชุดที่ใช้
- 1978–1980: แอดมิรัล
- 1980–1985: เลอ ค็อก สปอร์ทิฟ
- 1985–1991: ฮุมเมล
- 1991–1995: อัมโบร
- 1995–1999: โพนี
- 1999–2002: อาดิดาส
- 2002–2006: แคปปา
- 2006–2012: พูมา
- 2012–2017: อันเดอร์ อาร์มัวร์
- 2017 - Nike (ไนกี้)
สปอนเซอร์
- 1882–1983: ไม่มี
- 1983–1995: โฮลสเตน
- 1995–1999: ฮิวเลตต์-แพคการ์ด
- 1999–2002: โฮลสเตน
- 2002–2006: ธอมสัน ฮอลิเดย์
- 2006–2010: Mansion.com คาสิโน & โป๊กเกอร์
- 2010–2011: ออโตโนมี คอร์ปอเรชัน (ใช้ในพรีเมียร์ลีก)
- 2010–2013: ธนาคารอินเวสเทค (ใช้ในแชมเปียนส์ลีก, เอฟเอคัพ, ลีกคัพและยูโรปาลีก)
- 2011–2013: ออราสมา1 (ใช้ในพรีเมียร์ลีก)
- 2013–2014: ฮิวเลตต์-แพคการ์ด2, AIA (เอฟเอคัพ, ลีกคัพและยูโรปาลีก)
- 2014–: AIA
1 ออราสมาเป็นบริษัทลูกของ ออโตโนมี คอร์ปอเรชัน
2 ฮิวเลตต์-แพคการ์ด เป็นบริษัทแม่ของ ออโตโนมี คอร์ปอเรชัน
ผู้เล่น
ผู้เล่นชุดปัจจุบัน
- ณ วันที่ 26 กรกฎาคม 2021
หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
|
|
ผู้เล่นที่ถูกยืมตัว
หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
|
ทำเนียบผู้จัดการทีมของสโมสร
- รายชื่อผู้จัดการทีมสโมสรตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน:
|
|
20 อันดับผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดของสโมสร
- ดูจากเปอร์เซนต์ในการชนะ
ชื่อผู้จัดการทีม | ปี | ลงเล่น | ชนะ | ชนะ % | |
---|---|---|---|---|---|
1 | แฟรงค์ เบรดเทลล์ | 1898–1899 | 63 | 37 | 58.73 |
2 | อาเทอร์ เทอร์เนอร์ | 1942–1946 | 49 | 27 | 55.10 |
3 | จอห์น คาเมรอน | 1899–1907 | 570 | 296 | 51.93 |
4 | เดวิด พลีท | 1986–1987 | 119 | 60 | 50.42 |
5 | แฮร์รี เรดแนปป์ | 2008–2012 | 198 | 98 | 49.49 |
6 | บิล นิโคลสัน | 1958–1974 | 832 | 408 | 49.03 |
7 | อาเทอร์ โรว์ | 1949–1955 | 283 | 135 | 47.70 |
8 | เฟรด คริกแฮม | 1907–1908 | 61 | 29 | 47.54 |
9 | จิมมี แอนเดอร์สัน | 1955–1958 | 161 | 75 | 46.58 |
10 | เพอร์ซี สมิธ | 1929–1935 | 253 | 109 | 46.38 |
11 | ดัก ลิเวอร์มอร์ เรย์ คลีเมนซ์ | 1992–1993 | 51 | 23 | 45.09 |
12 | มาร์ติน โยล | 2004–2007 | 150 | 67 | 44.67 |
13 | ปีเตอร์ ชรีฟส์ | 1984–1986 & 1991–1992 | 177 | 79 | 44.63 |
14 | แจ็ค ทรีซานเดิร์น | 1935–1938 | 146 | 65 | 44.52 |
15 | ปีเตอร์ แม็ควิลเลียม | 1913–1927 & 1938–1942 | 750 | 331 | 44.13 |
16 | 'The Directors' | 1908–1913 | 231 | 99 | 42.86 |
17 | โจ ฮูลม์ | 1946–1949 | 150 | 64 | 42.67 |
18 | คีธ เบอร์คินชอว์ | 1976–1984 | 431 | 182 | 42.23 |
19 | เทอร์รี เวนาเบิลส์ | 1987–1991 | 165 | 67 | 40.61 |
20 | บิลลี มินเทอร์ | 1927–1929 | 124 | 49 | 39.52 |
* Stats correct as of14 June 2012
1 Includes caretaker manager stints in 1998, 2001 and 2003–04
2 Includes short caretaker manager stint
3 Includes his one match as caretaker manager after Santini's resignation
อดีตผู้เล่นที่มีชื่อเสียง
- เฮอร์เบิร์ต แชปแมน (1905–1907)
- จิมมี่ กรีฟส์ (1961–1970)
- แกรม ซูเนสส์ (1970–1972)
- คริส ฮิวตัน (1977–1990)
- เรย์ คลีเมนซ์ (1981–1988)
- พอล แกสคอยน์ (1988–1992)
- แกรี่ ลินิเกอร์ (1989–1992)
- เอียน วอล์กเกอร์ (1989–2001)
- ดาร์เรน แอนเดอร์ตัน (1992–2004)
- โซล แคมป์เบลล์ (1992–2001)
- เท็ดดี้ เชอร์ริงแฮม (1992–1997, 2001–2003)
- เจอร์เกน คลินส์มันน์ (1994–1995)
- เลส เฟอร์ดินันด์ (1997–2003)
- เดวิด ชิโนลา (1997–2000)
- ปีเตอร์ เคราช์ (1998–2000, 2009– 2011)
- เลดลีย์ คิง (1998–2012)
- นีล ซุลลิแวน (2000–2003)
- ไซมอน เดวิส (2000–2005)
- กุสตาโบ โปเย (2001–2004)
- เคซี่ย์ เคลเลอร์ (2001–2005)
- เจมี่ เรดแนปป์ (2002–2005)
- ร็อบบี คีน (2002–2008, 2009–2011)
- เฮลเดอร์ ปอสติกา (2003–2004)
- บ๊อบบี้ ซาโมรา (2003–2004)
- พอล โรบินสัน (2004–2008)
- ลี ยอง-เปียว (2005–2008)
- เจอร์เมน จีนาส (2005–2013)
- แดนนี่ เมอร์ฟี่ (2006–2007)
- ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ (2006–2008)
- แกเร็ธ เบล (2007–2013)
- แดร์เรน เบนต์ (2007–2009)
- เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์ (2008–2009-ยืมตัว)
- ลูกา โมดริช (2008–2012)
- โรมัน พาฟลูเชนโก (2008–2012)
- วิลสัน ปาลาซิออส (2009–2011)
- นิโก ครานจ์ชาร์ (2009–2012)
- ไอเดอร์ กุดยอห์นเซน (2010-ยืมตัว)
- ราฟาเอล ฟาน เดอ ฟาร์ต (2010–2012)
- สก็อต พาร์กเกอร์ (2011–2013)
เกียรติประวัติ
ระดับประเทศ
- ดิวิชันหนึ่ง
- ชนะเลิศ (2): 1950–51, 1960–61
- ดิวิชันสอง
- ชนะเลิศ (2): 1919–20, 1949–50
- เอฟเอคัพ
- ชนะเลิศ (8): 1900–01, 1920–21, 1960–61, 1961–62, 1966–67. 1980–81, 1981–82, 1990–91
- อีเอฟแอลคัพ
- ชนะเลิศ (4): 1970–71, 1972–73, 1998–99, 2007–08
- เอฟเอคอมมูนิตีชีลด์
- ชนะเลิศ (7): 1920–21, 1950–51, 1960–61, 1961–62, 1966–67, 1980–81, 1990–91
ระดับทวีปยุโรป
- ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
- รองชนะเลิศ (1): 2018–19
- ยูฟ่ายูโรปาลีก
- ชนะเลิศ (2): 1971–72, 1983–84
- ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ
- ชนะเลิศ (1): 1962–63
- อัลกโลว์-อิตาเลียน ลีกคัพ
- ชนะเลิศ (1): 1970–71
- อินเตอร์เนชันแนลแชมเปียนส์คัพ
- ชนะเลิศ (1): 2018
- ออดีคัพ
- ชนะเลิศ (1): 2019
ระดับภูมิภาค
- เซาเทิร์นฟุตบอลลีก
- ชนะเลิศ (1): 1899–00
- เวสเทิร์นฟุตบอลลีก
- ชนะเลิศ (1): 1903–04
ในประเทศไทย
สำหรับผู้ที่นิยมหรือสนับสนุนทอตนัมฮอตสเปอร์ในประเทศไทยที่มีชื่อเสียง ได้แก่ อาทิวราห์ คงมาลัย (นักร้อง), อนุวัฒน์ สงวนศักดิ์ภักดี (นักร้อง), ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ (นักร้องและนักแสดง), เพชร มาร์ (โปรดิวเซอร์-นักดนตรี-นักแต่งเพลงและพิธีกร), เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ (นักฟุตบอลทีมชาติไทย) เป็นต้น
อ้างอิง
- “David Cameron: Yid is not hate speech when it’s Spurs" from Jewish Chronicle. Jewish Chronicle.
- "ทำไมสเปอส์ต้องเป็นไก่". tukthakai. 10 March 2016.
- "Sponsorship and 2010/2011 Kit Update". tottenhamhotspur.com. Tottenham Hotspur. 8 July 2010. สืบค้นเมื่อ 1 March 2013.
- "Tottenham Hotspur announces new shirt sponsorship with Investec". tottenhamhotspur.com. Tottenham Hotspur. 16 August 2010. สืบค้นเมื่อ 1 March 2013.
- "Historical Kits – Tottenham Hotspur". historicalkits.co.uk. Historic Football Kits. สืบค้นเมื่อ 1 March 2013.
- "Club Announce HP as Principal Partner". tottenhamhotspur.com. Tottenham Hotspur. 8 July 2013. สืบค้นเมื่อ 8 July 2013.
- "Tottenham Hotspur announces AIA as Cup Shirt Partner". tottenhamhotspur.com. Tottenham Hotspur. 15 August 2013. สืบค้นเมื่อ 22 August 2013.
- "AIA to Become Tottenham Hotspur's New Principal Partner". tottenhamhotspur.com. Tottenham Hotspur. 13 February 2014. สืบค้นเมื่อ 5 June 2014.
- "First team: Players". Tottenham Hotspur F.C. สืบค้นเมื่อ 16 September 2018.
- "2019/20 Premier League squad numbers announced". www.tottenhamhotspur.com. Tottenham Hotspur F.C. สืบค้นเมื่อ 11 August 2019.
- "สัมภาษณ์2นักร้องชื่อดังที่แฟนปืน-ผีอาจมีเคือง". thaifootball.com. 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2551. สืบค้นเมื่อ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2551. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help)
แหล่งข้อมูลอื่น
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: สโมสรฟุตบอลทอตนัมฮอตสเปอร์ |
- TottenhamHotspur.com Official club website
- สโมสรฟุตบอลทอตนัมฮอตสเปอร์ ที่เฟซบุ๊ก
- สโมสรฟุตบอลทอตนัมฮอตสเปอร์ ที่ทวิตเตอร์
- Tottenham Hotspur at the Premier League official website
- Tottenham Hotspur F.C.[ลิงก์เสีย] at UEFA
- Tottenham Hotspur News – Sky Sports
- Tottenham Hotspur Ladies Official ladies club website
- Supporters' Trust
- Spurs Canada
- Tottenham Hotspur Brasil
- Tottenham Hotspur Switzerland
- Spurs history 1882–1921
- Timesonline archive
- Full list of honours
- เว็บไซต์แฟนคลับในประเทศไทย
- เฟซบุกแฟนคลับในประเทศไทย
- เฟซบุกแฟนคลับในประเทศไทย
- ทวิตเตอร์แฟนคลับในประเทศไทย
- winning168.com รายชื่อนักเตะท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอส์ ฤดูกาล 2019-2020