โยโกฮามะ
นครโยโกฮามะ (ญี่ปุ่น: 横浜市 โรมาจิ: Yokohama-shi) เป็นเมืองใหญ่อันดับสองเรียงตามประชากรของประเทศญี่ปุ่นรองจากกรุงโตเกียว และยังถือเป็นเขตเทศบาลที่มีประชากรมากที่สุดของญี่ปุ่น และยังเป็นเมืองเอกของจังหวัดคานางาวะ ตั้งอยู่บริเวณอ่าวโตเกียวทางใต้ของกรุงโตเกียวในภาคคันโตบนเกาะหลักฮนชู โยโกฮามะถือเป็นศูนย์กลางพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรมที่สำคัญของเขตอภิมหานครโตเกียว
โยโกฮามะ 横浜 | |
---|---|
横浜市 · นครโยโกฮามะ | |
จากบนซ้าย: มินาโตมิไร 21 โยโกฮามะไชนาทาวน์ นิปปมมารุ สถานีรถไฟโยโกฮามะ และโยโกฮามะมารีนทาวเวอร์ | |
ที่ตั้งของโยโกฮามะใน จังหวัดคานางาวะ | |
พิกัดภูมิศาสตร์: 35°26′39″N 139°38′17″E / 35.44417°N 139.63806°Eพิกัดภูมิศาสตร์: 35°26′39″N 139°38′17″E / 35.44417°N 139.63806°E | |
ประเทศ | ญี่ปุ่น |
ภูมิภาค | คันโต |
จังหวัด | คานางาวะ |
การปกครอง | |
• นายกเทศมนตรี | ฟูมิโกะ ฮายาชิ |
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 437.38 ตร.กม. (168.87 ตร.ไมล์) |
ประชากร (1 สิงหาคม 2011) | |
• ทั้งหมด | 3,692,588 คน |
• ความหนาแน่น | 8,400 คน/ตร.กม. (22,000 คน/ตร.ไมล์) |
เขตเวลา | UTC+9 (เวลามาตรฐานญี่ปุ่น) |
– ต้นไม้ | Camellia, Chinquapin, Sangoju Sasanqua, แปะก๊วย, Zelkova |
– ดอกไม้ | กุหลาบ |
โทรศัพท์ | 045-671-2121 |
ที่อยู่ | 1-1 Minato-chō, Naka-ku, Yokohama-shi, Kanagawa-ken 231-0017 |
เว็บไซต์ | www |
ประวัติศาสตร์
การเปิดท่าเรือตามสนธิสัญญา (ค.ศ. 1859–1868)
โยโกฮามะเดิมเป็นหมู่บ้านประมงขนาดเล็ก จากนโยบายปิดประเทศของญี่ปุ่นทำให้มีการติดต่อกับชาวต่างชาติเพียงน้อยนิด จุดเปลี่ยนผ่านสำคัญเกิดขึ้นระหว่างปี 1853–54 เมื่อกองเรือปืนของสหรัฐอเมริกานำโดย พลเรือจัตวา แมทธิว ซี. เพอร์รี เดินทางมาถึงทางใต้ของโยโกฮามะ ได้กดดันให้รัฐบาลโชกุนโทกูงาวะซึ่งปกครองญี่ปุ่นอยู่ในขณะนั้นยอมลงนามในสนธิสัญญาคานางาวะ ซึ่งทำให้ญี่ปุ่นต้องเปิดท่าเรือหลายแห่งเพื่อการค้าขาย
ข้อตกลงในขั้นต้นคือ จะต้องมีท่าเรือหนึ่งแห่งสำหรับเรือต่างชาติเปิดขึ้นที่คานางาวาจูกุ (ปัจจุบันคือเขตคานางาวะ) บนถนนสายโทไกโด ซึ่งเป็นเส้นทางหลักซึ่งเชื่อมระหว่างเอโดะ เกียวโต และโอซากะ อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาลโชกุนติดสินใจว่าคานางาวาจูกุนั้นอยู่ใกล้กับโทไกโดมากเกินไป เพื่อความสะดวกจึงหันไปสร้างท่าเรือพาณิชย์ขึ้นบริเวณหมู่บ้านชาวประมงโยโกฮามะแทน ในที่สุดท่าเรือโยโกฮามะก็เปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 มิถุนายน 1859 การเกิดขึ้นของท่าเรือพาณิชย์ ทำให้โยโกฮามะกลายเป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างประเทศที่สำคัญของญี่ปุ่นอย่างรวดเร็ว
ในปี 1862 ซามูไรหนุ่มคนหนึ่งได้ไปสังหารพ่อค้าชาวอังกฤษในเขตสึรูมิเข้าจนเกิดเป็นกรณีนามามูงิ ความสัมพันธ์ระหว่างอังกฤษกับรัฐบาลโชกุนนั้นตึงเครียด และทางอังกฤษได้จัดตั้งกองทหารรักษาการณ์ของตนเพื่อปกป้องการค้าและผลประโยชน์ของอังกฤษในโยโกฮามะในปีเดียวกันนั้นเอง ในปีถัดมา ความตึงเครียดก็อุบัติเป็นสงครามอังกฤษ-ซัตสึมะซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเสื่อมอำนาจของโชกุน ในช่วงเดียวกันนี้ จำนวนพ่อค้าชาวจีนที่เข้ามาพำนักอยู่ในโยโกฮามะก็เพิ่มขึ้นจำนวนมาก
โยโกฮามะยังเป็นแหล่งแผยแพร่แฟชั่นและวัฒนธรรมตะวันตกแก่ชาวญี่ปุ่นอีกด้วย ในปี 1861 มีการเกิดขึ้นของหนังสือพิงม์ภาษาอังกฤษในญี่ปุ่นฉบับแรก Japan Herald และในปี 1865 ก็มีการนำไอศรีมและเบียร์เข้ามาผลิตในญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก ตลอดจนมีการจัดตั้งสโมสรและสนามแข่งม้าแบบตะวันตกแห่งแรกในญี่ปุ่นในปี 1862 อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในโยโกฮามะซึ่งได้ทำลายชุมชนของชาวต่างชาติไปเป็นจำนวนมากในเดือนพฤศจิกายน 1866 หรือตลอดจนการระบาดของไข้ทรพิษ แต่เมืองโยโกฮามะก็ยังเติบโตไปได้อย่างรวดเร็ว
ยุคเมจิและไทโช (ค.ศ. 1868–1923)
ภายหลังการฟื้นฟูพระราชอำนาจในปี 1868 ท่าเรือโยโกฮามะก็ถูกพัฒนาเพื่อการค้าขายผ้าทอโดยมีอังกฤษเป็นคู่ค้าหลัก อิทธิพลและการส่งผ่านเทคโนโลยีของตะวันตกได้ช่วยให้เกิดหนังสือพิมพ์รายวันฉบับแรกของญี่ปุ่น (1870) โคมไฟส่องถนนพลังก๊าซ (1872) และทางรถไฟสายแรกของญี่ปุ่นระหว่างโยโกฮามะ–ชินางาวะ–มินาโตะในโตเกียว (1872) เป็นปีเดียวกันกับที่ ฌูล แวร์น ได้เขียนพรรณาเมืองฮิโรชิมะซึ่งเขาไม่เคยได้ไปเยือนมาก่อน ในตอนหนึ่งของหนังสือของเขา Around the World in Eighty Days ซึ่งสะท้อนถึงเมืองที่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและเป็นเมืองนานาชาติในดินแดนตะวันออก ในปี 1887 พ่อค้าชาวอังกฤษนาม ซามูเอล ค็อกกิง ได้สร้างโรงไฟฟ้าแห่งแรกของเมืองนี้ ซึ่งในช่วงแรกใช้เพื่อกิจการส่วนตัว โรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งนี้เองที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของบริษัทไฟฟ้าและแสงสว่างโยโกฮามะ เดือนเมษายน 1889 เมืองโยโกฮามะทั้งสองเขตถูกรวมไปหนึ่งเดียวจากการยกเลิกสิทธิสภาพนอกอาณาเขตในเขตต่างชาติ
ต้นศตวรรษที่ 20 เป็นยุคที่อุตสาหกรรมของญี่ปุ่นเติบโตอย่างรวดเร็ว ผู้ประกอบการจำนวนมากสร้างโรงงานบนที่ดินถมทะเลบริเวณทางเหนือของเมืองไปจนถึงเมืองคาวาซากิ ซึ่งในที่สุดพื้นที่นี้ก็กลายเป็นเขตอุตสาหกรรมเคฮิง การเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมญี่ปุ่นได้นำมาซึ่งความมั่งคั่ง และครอบครัวพ่อค้าที่ร่ำรวยจำนวนมากก็ได้มาตั้งรกรากที่นี่ ประชากรที่ไหลบ่าเข้ามาจากทั่วญี่ปุ่นและเกาหลีได้ส่งผลให้เกิดโคจิกิยาโตะซึ่งเป็นชุมชนแออัดที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นขึ้น
แผ่นดินไหวครั้งใหญ่และสงครามโลกครั้งที่สอง (ค.ศ. 1923–1945)
แผ่นดินไหวครั้งใหญ่คันโตวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1923 ได้ทำลายเมืองโยโกฮามะลงอย่างกว้างขวาง ตำรวจโยโกฮามะรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตถึง 30,771 คนและผู้บาดเจ็บอีก 47,908 ราย ทั้งนี้ ก่อนเกิดเหตุแผ่นดินไหวโยโกฮามะมีประชากรทั้งสิ้น 434,170 คน มีการก่อความไม่สงบและวินาศกรรมขึ้น ผู้ต้องหาส่วนมากเป็นชาวเกาหลีที่อาศัยอยู่ในสลัมโคจิกิยาโตะ ขณะนั้น มีคนจำนวนมากที่เชื่อว่าเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่หลวงนี้เกิดขึ้นจากการใช้มนต์ดำโดยชาวเกาหลี จากความไม่สงบที่เกิดขึ้นทำให้มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก แผ่นดินไหวครั้งนี้ได้ก่อให้เกิดซากปรักหักพังมากมาย ซึ่งหลายบริเวณก็ถูกแปรสภาพเป็นสวนสาธารณะ อาทิ สวนสาธารณะยามาชิตะ
แม้เมืองจะได้รับการบูรณะและกลับมายืนหยัดอย่างรวดเร็ว แต่โยโกฮามะก็ถูกทำลายลงอีกครั้งจากการทิ้งระเบิดทางอากาศของสหรัฐอเมริกาในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง การทิ้งระเบิดเพลิงในเช้าวันที่ 29 พฤษภาคม 1945 ครั้งเดียวได้คร่าชีวิตผู้คนในโยโกฮามะไปกว่า 7-8 พันคน การทิ้งระเบิดครั้งนั้นเป็นที่รู้จักในชื่อ "การทิ้งระเบิดครั้งใหญ่ที่โยโกฮามะ" ซึ่งใช้เวลาในการทิ้งระเบิด 1 ชั่วโมง 9 นาที โดยเครื่องบินทิ้งระเบิด บี-29
การปกครอง
โยโกฮามะ | |||||
โยโกฮาม่าในคันจิ | |||||
ชื่อภาษาญี่ปุ่น | |||||
---|---|---|---|---|---|
ชินจิไต | 横浜 | ||||
คีวจิไต | 橫濱 | ||||
ฮิรางานะ | よこはま | ||||
คาตากานะ | ヨコハマ | ||||
|
นครโยโกฮามะแบ่งการปกครองออกเป็น 18 แขวง ได้แก่
|
|
ประชากรแบ่งตามปี
ปีที่ทำสำมะโน | ประชากร | อันดับเมืองใหญ่ในญี่ปุ่น |
---|---|---|
1920 | 422,942 | ที่ 6 (รองจาก โคเบะ เกียวโต นาโงยะ โอซากะ และโตเกียว) |
1925 | 405,888 | ที่ 6 |
1930 | 620,306 | ที่ 6 |
1935 | 704,290 | ที่ 6 |
1940 | 968,091 | ที่ 5 (นำหน้าโคเบะ) |
1945 | 814,379 | ที่ 4 (ยุบเมืองโตเกียวในปี 1943) |
1950 | 951,189 | ที่ 4 |
1955 | 1,143,687 | ที่ 4 |
1960 | 1,375,710 | ที่ 3 (นำหน้าเกียวโต) |
1965 | 1,788,915 | ที่ 3 |
1970 | 2,238,264 | ที่ 2 (นำหน้านาโงยะ) |
1975 | 2,621,771 | ที่ 2 |
1980 | 2,773,674 | ที่ 1 (นำหน้าโอซากะ) |
1985 | 2,992,926 | ที่ 1 |
1990 | 3,220,331 | ที่ 1 |
1995 | 3,307,136 | ที่ 1 |
2000 | 3,426,651 | ที่ 1 |
2005 | 3,579,133 | ที่ 1 |
2010 | 3,670,669 | ที่ 1 |
2015 | 3,710,824 | ที่ 1 |
ภูมิอากาศ
ข้อมูลภูมิอากาศของนครโยโกฮามะ (ค.ศ. 1981–2010) | |||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เดือน | ม.ค. | ก.พ. | มี.ค. | เม.ย. | พ.ค. | มิ.ย. | ก.ค. | ส.ค. | ก.ย. | ต.ค. | พ.ย. | ธ.ค. | ทั้งปี |
อุณหภูมิสูงสุดที่เคยบันทึก °C (°F) | 20.8 (69.4) | 24.8 (76.6) | 24.5 (76.1) | 28.7 (83.7) | 31.1 (88) | 35.5 (95.9) | 36.9 (98.4) | 37.4 (99.3) | 36.2 (97.2) | 30.9 (87.6) | 26.2 (79.2) | 23.5 (74.3) | 37.4 (99.3) |
อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย °C (°F) | 9.9 (49.8) | 10.3 (50.5) | 13.2 (55.8) | 18.5 (65.3) | 22.4 (72.3) | 24.9 (76.8) | 28.7 (83.7) | 30.6 (87.1) | 26.7 (80.1) | 21.5 (70.7) | 16.7 (62.1) | 12.4 (54.3) | 19.7 (67.5) |
อุณหภูมิเฉลี่ยแต่ละวัน °C (°F) | 5.9 (42.6) | 6.2 (43.2) | 9.1 (48.4) | 14.2 (57.6) | 18.3 (64.9) | 21.3 (70.3) | 25.0 (77) | 26.7 (80.1) | 23.3 (73.9) | 18.0 (64.4) | 13.0 (55.4) | 8.5 (47.3) | 15.8 (60.4) |
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย °C (°F) | 2.3 (36.1) | 2.6 (36.7) | 5.3 (41.5) | 10.4 (50.7) | 15.0 (59) | 18.6 (65.5) | 22.4 (72.3) | 24.0 (75.2) | 20.6 (69.1) | 15.0 (59) | 9.6 (49.3) | 4.9 (40.8) | 12.5 (54.5) |
อุณหภูมิต่ำสุดที่เคยบันทึก °C (°F) | -8.2 (17.2) | -6.8 (19.8) | -4.6 (23.7) | -0.5 (31.1) | 3.6 (38.5) | 9.2 (48.6) | 13.3 (55.9) | 15.5 (59.9) | 11.2 (52.2) | 2.2 (36) | -2.4 (27.7) | -5.6 (21.9) | −8.2 (17.2) |
หยาดน้ำฟ้า มม (นิ้ว) | 58.9 (2.319) | 67.5 (2.657) | 140.7 (5.539) | 144.1 (5.673) | 152.2 (5.992) | 190.4 (7.496) | 168.9 (6.65) | 165.0 (6.496) | 233.8 (9.205) | 205.5 (8.091) | 107.0 (4.213) | 54.8 (2.157) | 1,688.8 (66.488) |
ปริมาณหิมะ ซม (นิ้ว) | 5 (2) | 6 (2.4) | 1 (0.4) | 0 (0) | 0 (0) | 0 (0) | 0 (0) | 0 (0) | 0 (0) | 0 (0) | 0 (0) | 0 (0) | 12 (4.7) |
ความชื้นร้อยละ | 53 | 54 | 60 | 65 | 70 | 78 | 78 | 76 | 76 | 71 | 64 | 56 | 67 |
วันที่มีหยาดน้ำฟ้าโดยเฉลี่ย (≥ 0.5 mm) | 6.0 | 6.7 | 11.8 | 11.1 | 11.5 | 13.6 | 11.7 | 8.7 | 12.7 | 11.5 | 8.3 | 5.5 | 119.1 |
วันที่มีหิมะตกโดยเฉลี่ย | 1.6 | 2.3 | 0.7 | 0.0 | 0.0 | 0.0 | 0.0 | 0.0 | 0.0 | 0.0 | 0.0 | 0.3 | 4.9 |
จำนวนชั่วโมงที่มีแดด | 186.4 | 164.0 | 159.5 | 175.2 | 177.1 | 131.7 | 162.9 | 206.3 | 130.7 | 141.0 | 149.3 | 180.4 | 1,964.4 |
แหล่งที่มา 1: | |||||||||||||
แหล่งที่มา 2: สำนักอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (รายงาน) |
สถานที่ท่องเที่ยว
- ศาลาอนุสรณ์ท่าเรือโยโกฮามะ (Yokohama Port Opening Memorial Hall) สร้างด้วยอิฐแดงสวยงาม สถานที่แห่งนี้รอดเงื้อมมือแผ่นดินไหว ครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 1923 และระเบิดของสงครามโลกครั้งที่สองมาได้อย่างมหัศจรรย์ นอกจากนี้บริเวณใกล้เคียงยังเป็นสถานที่ราชการที่สำคัญอีกหลายแห่งรวมทั้งสำนักงานศุลกากรโยโกฮามะ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ชายฝั่งทะเล
- มารีนทาวเวอร์ (Marine Tower) หอคอยสูง 106 เมตร รูปทรงทันสมัยตั้งเด่นตระหง่าน ยามค่ำคืนจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาถ่ายรูปบริเวณนี้
- สวนสาธารณะยามาชิตะ (Yamashita Park) ภายในสวนมีสิ่งน่าดูหลายอย่าง และยามค่ำคืนภายในสวนฤดูที่ท้องฟ้ากระจ่าง อาจได้ยินเสียงเพลงลอยมาไม่ไกลนักจากฝั่ง
- ไชน่าทาวน์หรือชูกาไง (中華街) เป็นถิ่นชาวจีนที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเก่าแก่เกือบพอ ๆ กับย่านท่าเรือ มีอาหารให้เลือกรับประทานมากมาย ภัตตาคารอาหารมีอยู่ราว 150 ร้าน ร้านจำหน่ายขนมหวานที่นำเข้าจากจีน และสินค้าเบ็ดเตล็ดจากที่อื่น ๆ ในเอเชีย
- พิพิธภัณฑ์ยามาเตะ (Yamate Museum) อยู่ไม่ไกลนักจากสุสาน จัดแสดงวิถีชีวิตชุมชนชาวต่างชาติในยุคแรก ๆ ของที่นี่ได้อย่างแปลกตา และพิพิธภัณฑ์ยังตั้งอยู่ใกล้โรงเบียร์แห่งแรกของญี่ปุ่นอีกด้วย
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
โยโกฮามะ มีความสัมพันธ์เป็นเมืองพี่น้อง กับ 11 เมืองดังต่อไปนี้:
|
|
อ้างอิง
- Der Große Brockhaus. 16. edition. Vol. 6. F. A. Brockhaus, Wiesbaden 1955, p. 82
- "Official Yokohama city website it is fresh". City.yokohama.jp. สืบค้นเมื่อ 2010-05-05.
- Arita, Erika, "Happy Birthday Yokohama!", The Japan Times, May 24, 2009, p. 7.
- Fukue, Natsuko, "Chinese immigrants played vital role", Japan Times, May 28, 2009, p. 3.
- Matsutani, Minoru, "Yokohama – city on the cutting edge", Japan Times, May 29, 2009, p. 3.
- Hammer, Joshua. (2006). Yokohama Burning: The Deadly 1923 Earthquake and Fire that Helped Forge the Path to World War II, p. 143.
- Hammer, pp. 149-170.
- อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อinteresting1
- Osaka was once more populous than Yokohama is today.
- "過去の気象データ検索: 平年値(年・月ごとの値) ("Historical Climate data for Yokohama")". สำนักอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น.
- "観測史上1~10位の値( 年間を通じての値)". สำนักอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น.
- "Frankfurt am Main: Yokohama". 2011 Stadt Frankfurt am Main. สืบค้นเมื่อ 2011-12-22.
- "Partner Cities of Lyon and Greater Lyon". 2008 Mairie de Lyon. สืบค้นเมื่อ 2009-07-17.
- "Vancouver Twinning Relationships" (PDF). City of Vancouver. สืบค้นเมื่อ 2009-07-18.
แหล่งข้อมูลอื่น
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: โยโกฮามะ |
- Yokohama City official website (อังกฤษ)
- Official website (Archive)
- Yokohama Convention & Visitors Bureau (อังกฤษ)
- Yokohama's international magazine website (อังกฤษ)
- Yokohama Navi (อังกฤษ)
- โยโกฮามะ ข้อมูลการท่องเที่ยวจาก วิกิท่องเที่ยว (อังกฤษ)