สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ (ทัต บุนนาค)
สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ หรือ สมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย นามเดิม ทัต สกุลบุนนาค เป็นผู้สำเร็จราชการในพระนครฯ ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ดำรงตำแหน่งเป็น พระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษา ที่พระคลังสินค้าในรัชกาลที่ 3
สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ (ทัต บุนนาค) | |
---|---|
เกิด | ทัต พ.ศ. 2334 พระนคร อาณาจักรรัตนโกสินทร์ |
เสียชีวิต | พ.ศ. 2400 (66 ปี) พระนคร ประเทศสยาม |
ตำแหน่ง | ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินในพระนคร |
วาระ | 2398 - 2400 |
คู่สมรส | 4 คน |
บุตร | 27 คน |
บิดามารดา | เจ้าพระยาอรรคมหาเสนา (บุนนาค) เจ้าคุณพระราชพันธุ์นวล |
ครอบครัว | บุนนาค |
ประวัติ
สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2334 เดิมชื่อ ทัต เป็นบุตรคนที่สิบของเจ้าพระยาอรรคมหาเสนา (บุนนาค) มารดาคือเจ้าคุณพระราชพันธุ์นวล ซึ่งเป็นพระขนิษฐาในสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติเกิดในสายสกุลบุนนาคซึ่งสืบเชื้อสายมาจากเจ้าพระยาบวรราชนายก (เฉกอะหมัด) สมุหนายกชาวเปอร์เซียในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม บิดาของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติคือเจ้าพระยาอรรคมหาเสนา (บุนนาค) ดำรงตำแหน่งเป็นสมุหกลาโหมในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช บ้านของเจ้าพระยาอรรคมหาเสนาอยู่ที่บริเวณกำแพงพระบรมมหาราชวังทางทิศใต้ บริเวณวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหารในปัจจุบัน สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติมีพี่สาวร่วมมารดาได้แก่เจ้าคุณวังหลวง (นุ่น) เจ้าคุณวังหน้า (คุ้ม) และเจ้าคุณปราสาท (ต่าย) และมีพี่ชายร่วมมารดาคือ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค)
สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ เริ่มรับราชการในรัชกาลที่ 1 ในตำแหน่งนายสนิทหุ้มแพรมหาดเล็ก ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ดำรงตำแหน่งเป็นจมื่นเด็กชา หัวหมื่นมหาดเล็กในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์ เมื่อพระองค์สวรรคตในปี พ.ศ. 2360 จึงย้ายกลับมารับราชการในวังหลวงตำแหน่งจางวางมหาดเล็ก ต่อมาได้เลื่อนเป็น พระยาศรีสุริยวงศ์ ในเวลาต่อมา ในพ.ศ. 2361 มีการขยายพระบรมมหาราชวังลงมาทางทิศใต้ พระยาศรีสุริยวงศ์ (ทัต) และพระยาสุริยวงศ์มนตรี (ดิศ) ผู้เป็นพี่ชายจึงย้ายที่อยู่ไปยังริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตกใต้บ้านกุฎีจีน พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงแต่งตั้งให้พระยาศรีสุริยวงศ์ (ทัต) ขึ้นเป็นพระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษาจางวางพระคลังสินค้า (เล่ากันว่าเมื่อในรัชกาลที่3 จะโปรดให้ฯเป็นเจ้าพระยายมราช ท่านไม่รับ จึงได้เป็น พระยาโกษาพิพัฒน์ว่าที่พระคลังสินค้า)
ในพ.ศ. 2372 พระยาศรีพิพัฒน์ฯ (ทัต) ปฏิสังขรณ์วัดร้างเดิมในเขตคลองสานใกล้กับนิวาสสถานและถวายขึ้นเป็นพระอารามหลวง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯพระราชทานนามว่า "วัดพระยาญาติการาม" (ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานนามใหม่ว่า "วัดพิชยญาติการามวรวิหาร")
ในปี พ.ศ. 2381 ทาสในเรือนของพระสุริยอภัย (สนิท) บุตรชายคนโตของพระยาศรีพิพัฒน์ฯ ฟ้องร้องว่าพระสุริยอภัยลักลอบติดต่อสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับเจ้าจอมอิ่ม จึงโปรดให้กรมหลวงรักษ์รณเรศสืบสวนพบมีมูลความจริง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ทรงมีพระเมตตาโปรดให้พระยาศรีพิพัฒน์ฯ ขอพระราชทานอภัยโทษขึ้นมา แต่พระยาศรีพิพัฒน์ฯ ทูลว่าคนผิดต้องได้รับโทษขอให้ลงพระอาญาไปตามพระอัยการจึงจะสมควร พระสุริยอภัย (สนิท) บุตรชายคนโตของพระยาศรีพิพัฒน์ฯ จึงถูกประหารชีวิต
ปราบกบฏหวันหมาดหลี
ในพ.ศ. 2382 กบฏหวันหมาดหลี หลานสองคนของสุลต่านตวนกูปะแงหรันแห่งไทรบุรีได้แก่ ตนกูมูฮาหมัดซาอัด (Tunku Muhammad Sa'ad) และตนกูมูฮาหมัดทาอิบ (Tunku Muhammad Taib) ร่วมมือกับหวันหมาดหลีซึ่งเป็นโจรสลัดในทะเลอันดามัน นำทัพเรือเข้าบุกยึดเมืองไทรบุรีในเดือนมีนาคมพ.ศ. 2382 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯมีพระราชโองการให้พระยาศรีพิพัฒน์ฯ (ทัต) และเจ้าพระยายมราช (บุนนาค) ยกทัพเรือลงไปช่วยเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย) ในการปราบกบฏไทรบุรี พระยาศรีพิพัฒน์ฯและเจ้าพระยายมราชยกทัพถึงเมืองสงขลาในเดือนเมษายน พบว่าพระภักดีบริรักษ์ (แสง) ได้ยึดเมืองไทรบุรีไว้ได้แล้ว
ขณะนั้นเกิดการวิวาทระหว่างสุลต่านมูฮัมหมัดที่ 2 (Muhammad II) แห่งกลันตัน หรือ"ตนกูสนิปากแดง" และตนกูบือซาร์ (Tunku Besar) หรือ"ตนกูปะสา" ตนกูปะสาให้เจ้าเมืองบังโกล (Banggol) หรือ "พระยาบาโงย" ยกทัพเข้าโจมตีเมืองกลันตัน สุลต่านมูฮัมหมัดแห่งกลันตันสู้ไม่ได้จึงมีหนังสือถึงพระยาศรีพิพัฒน์ฯ (ทัต) ขอความช่วยเหลือจากสยามเข้าช่วยปราบตนกูปะสาและพระยาบาโงย พระยาศรีพิพัฒน์ฯมีตราเรียกให้ทั้งสุลต่านมูฮัมหมัดและตนกูปะสามาเจรจาสงบศึกกันที่เมืองสงขลา สุลต่านมูฮัมหมัดและตนกูปะสาไม่ยอมมาและพระยาบาโงยหลบหนีไปตรังกานู พระยาศรีพิพัฒน์ฯจึงส่งพระยาไชยานอกราชการนำกำลังไปจับตัวสุลต่านมูฮัมหมัดและตนกูปะสามาพบพระยาศรีพิพัฒน์ฯที่เมืองสงขลา เมื่อทั้งสุลต่านมูฮัมหมัดและตนกูปะสายินยอมสงบศึกซึ่งกันและกันแล้ว พระยาศรีพิพัฒน์ฯจึงปล่อยตัวสุลต่านมูฮัมหมัดและตนกูปะสากลับไปยังกลันตันตามเดิม
เมื่อเจ้าพระยานครฯ (น้อย) ถึงแก่อสัญกรรมในเดือนพฤษภาคมพ.ศ. 2382 พระยาศรีพิพัฒน์ฯจึงจัดระเบียบการปกครองของไทรบุรีใหม่ โดยให้ตนกูอาหนุ่มขึ้นเป็นสุลต่านแห่งไทรบุรี และแบ่งรัฐไทรบุรีออกเป็นสามหน่วยการปกครองได้แก่สตูล ปะลิส และไทรบุรีเดิม ให้ตนกูมูฮัมหมัดอากิบเป็นเจ้าเมืองสตูล ให้ตวนไซยิดฮุสเซน (Tuan Syed Hussein) เป็นเจ้าเมืองปะลิส หลังจากเสร็จสิ้นงานราชการที่หัวเมืองมลายูแล้ว พระยาศรีพิพัฒน์ฯจึงสร้างเจดีย์บนเขาเมืองสงขลาเรียกว่า "เจดีย์ขาว" เคียงคู่กับ "เจดีย์ดำ" ซึ่งเจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ) ผู้เป็นพี่ชายได้สร้างขึ้นเมื่อยกทัพปราบหัวเมืองมลายูในพ.ศ. 2375
รับทูตบาเลสเตียร์
ในเดือนเมษายนพ.ศ. 2393 นายโยเซฟ บาสเลสเตียร์ (Joseph Balestier) ทูตของสหรัฐอเมริกาเดินทางมายังกรุงเทพเพื่อเจรจาขอแก้หนังสือสัญญา เนื่องจากในขณะนั้นเจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ) กำลังเดินทางไปสักเลกยังหัวเมืองฝ่ายตะวันตก พระยาศรีพิพัฒน์ฯและจมื่นไวยวรนาถ (ช่วง) จึงเป็นผู้ต้อนรับทูตแทน นายบาเลสเตียร์เข้าพบพระยาศรีพิพัฒน์ฯที่บ้านและพระยาศรีพิพัฒน์ฯกล่าวทักทายปราศรัยนายบาเลสเตียร์ แต่นายบาเลสเตียร์โกรธว่าฝ่ายสยามมัวแต่พูดจาทำให้เสียเวลา และหยิบจดหมายของประธานาธิบดีจากในกระเป๋าเสื้อยื่นให้พระยาศรีพิพัฒน์ฯแล้วขอเข้าเฝ้าฯ พระยาศรีพิพัฒน์ฯตอบว่าจะต้องให้ขุนนางสยามถวายหนังสือก่อนแล้วค่อยเข้าเฝ้าฯ นำไปสู่การทุ่มเถียงระหว่างพระยาศรีพิพัฒน์ฯและนายบาเลสเตียร์จนสุดท้ายนายบาเลสเตียร์เดินออกจากบ้านพระยาศรีพิพัฒน์ฯไป เมื่อเจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ) กลับมาถึงกรุงเทพฯ นายบาเลสเตียร์จึงฟ้องเจ้าพระยาพระคลังฯว่าพระยาศรีพิพัฒน์ฯดูถูกทูตอเมริกาและประเทศอเมริกา สุดท้ายนายบาเลสเตียร์จึงเดินทางออกจากกรุงเทพฯไปโดยการเจรจาแก้สัญญาไม่ประสบผล
เลื่อนขึ้นเป็นสมเด็จเจ้าพระยาฯ
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองราชสมบัติเมื่อเดือนเมษายนพ.ศ. 2394 โปรดฯให้เรียกพระยาศรีพิพัฒน์ฯ (ทัต) ว่าเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติไปก่อน ต่อมาจึงมีพระราชโองการจารึกสุพรรณบัฏเนื้อแปด แต่งตั้งพระยาศรีพิพัฒน์ฯ ขึ้นเป็น สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ นรเนตรนารถราชสุริยวงศ สกลพงศประดิษฐา มุขมาตยาธิบดี ไตรสรณศรีรัตนธาดา สกลมหารัชชาธิเบนทร ปรเมนทรมหาราชวโรประการ มโหฬารเดชานุภาพบพิตร ถือศักดินา 30,000 พระราชทานกลดเสลี่ยงงา พระแสงประดับพลอยลงยาราชาวดี เป็นเครื่องยศอย่างเจ้าต่างกรม เป็นผู้สำเร็จราชการภายในพระนครและว่าที่พระคลังสินค้าเช่นเดิม ถือตราจันทรมณฑลเทพบุตรชักรถ ในขณะที่เจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ) ผู้เป็นพี่ชายได้รับการแต่งตั้งเป็นสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ คนทั่วไปกล่าวขานนามสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ว่า "สมเด็จเจ้าพระยาองค์ใหญ่" ในขณะที่กล่าวนามสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติว่า "สมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย"
สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติเป็นหนึ่งในคณะผู้แทนสยามในการเจรจาสนธิสัญญาเบาว์ริง (Bowring Treaty) ในเดือนเมษายนพ.ศ. 2398 สนธิสัญญาของสยามกับสหรัฐอเมริกาโดยมีนายทาวน์เซนด์ แฮร์ริส เป็นผู้แทนในเดือนพฤษภาคมพ.ศ. 2399 เรียกว่า สนธิสัญญาแฮร์ริส (Harris Treaty) และสนธิสัญญากับฝรั่งเศสในเดือนสิงหาคมพ.ศ. 2399 โดยมีนายชาลส์ เดอ มงตีญี (Charles de Montigny) เป็นผู้แทนของพระจักรพรรดินโปเลียนที่ 3
สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ เป็นแม่กองสร้างวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร สร้างพระปรางค์ภูเขาทอง วัดสระเกศ สร้างวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร สร้างพระอภิเนาว์นิเวศน์และพระที่นั่งไชยชุมพล ซ่อมพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ ในพระบรมมหาราชวัง นอกจากนี้ท่านยังมีความสามารถในการเดินเรือ เป็นผู้ต่อเรือบาร์จ (เรือท้องแบน) ขนาด 300 ตัน และเรือสกูนเนอร์ ขนาด 200 ตัน ใช้เดินทางติดต่อค้าขายถึงศรีลังกา
สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติถึงแก่พิราลัยเมื่อปีพ.ศ. 2400 อายุ 66 ปี ขณะเป็นแม่กองสร้างสวนนันทอุทยาน ในเดือนธันวาคมพ.ศ. 2400 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานเพลิงศพสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติที่วัดพิชัยญาติการาม
เกียรติยศ
บุตรธิดา
สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติมีบุตรธิดา ดังนี้
- ท่านผู้หญิงน้อย
ท่านผู้หญิงน้อยเป็นธิดาพระยาสมบัติบาล (เสือ) กับคุณหญิงม่วง ธิดาเจ้าคุณพระราชพันธุ์ (ชูโต) พระเชษฐาใน สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินีในรัชกาลที่ 1
- พระสุริยภักดี (สนิท บุนนาค) สมรสกับคุณศรี ธิดาพระยาอุไทยธรรม (กลาง ณ บางช้าง) กับคุณหญิงน่วม พระยาอุไทยธรรม (กลาง ณ บางช้าง) เป็นบุตรที่ 2 ในพระยาสมุทรสงคราม (ศร ณ บางช้าง) และเจ้าคุณพระราชพันธุ์ (แก้ว) พระขนิษฐาในสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินีในรัชกาลที่ 1
- คุณชายกลาง บุนนาค
- คุณชายแดง บุนนาค
- เจ้าคุณตำหนักเดิม (นุ่ม บุนนาค)
- คุณชายผูก บุนนาค
- คุณหญิงแห บุนนาค
- นายชิด มหาดเล็กวิเศษ
- เจ้าคุณหญิงเป้า ภรรยาพระยามนตรีสุริยวงศ์ (ชุ่ม บุนนาค)
- คุณชายนพ บุนนาค
- คุณชายกระจ่าง บุนนาค
- เจ้าคุณหญิงคลี่ บุนนาค
- คุณชายโต บุนนาค
- หม่อมหงิม
หม่อมหงิมเป็นหม่อมประทานจากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าประไพวดี กรมหลวงเทพยวดี
- เจ้าพระยาศรีพิพัฒน์ราชโกษา (แพ บุนนาค)
- พระยาอิศรานุภาพ (เอี่ยม บุนนาค)
- คุณหญิงลิ้นจี่ บุนนาค
- พระยานานาพิธภาษี (โต บุนนาค)
- หม่อมมิ่ง
หม่อมมิ่งเป็นหม่อมประทานจากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าประไพวดี กรมหลวงเทพยวดี
- คุณหญิงสวน บุนนาค รับราชการฝ่ายในเป็นพนักงานผ้าเหลือง
- คุณหญิงนิ่ม บุนนาค
- คุณหญิงลำเภา บุนนาค
- พระยากลาโหมราชเสนา (ฉ่ำ บุนนาค)
- หม่อมน้อย
- คุณหญิงปาน บุนนาค รับราชการฝ่ายในเป็นพนักงานผ้าเหลือง
- ท่านผู้หญิงพัน ภรรยาเจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุนนาค)
- เจ้าคุณจอมมารดาสำลี ในรัชกาลที่ 4
- คุณหญิงเน่า บุนนาค
- นายไชยขรรค์มหาดเล็กหุ้มแพร (โชติ บุนนาค)
- หม่อมทรัพย์
- คุณหญิงหุ่น ภรรยาพระยาวงศาภรณ์ภูษิต (เมฆ บุนนาค)
- ภรรยาท่านอื่น ๆ
- ท้าวศรีสัจจา (เลื่อน บุนนาค)
- หม่อมมณฑา ในหม่อมเจ้าประทุมเสพย์ ฉัตรกุล
อ้างอิง
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ (ทัต บุนนาค) |
- http://www.bunnag.in.th/history7-home2.html
- http://www.bunnag.in.th/history7-temple3.html
- ↑ เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค). พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชชกาลที่ ๓.
- http://www.bunnag.in.th/prarajpannuang010.html
- https://www.royalark.net/Malaysia/kedah4.htm
- ประวัติความเป็นมา จังหวัดปัตตานี https://sites.google.com/site/websitrupthay/1-prawati-khwam-pen-ma
- (PDF). คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม (PDF) เมื่อ 2020-10-29. สืบค้นเมื่อ 2020-05-08.
- ลำดับราชินิกุลบางช้าง พิมพ์ในงานศพพระยาสุริยานุวงศ์ประวัติ (เต็น บุนนาค) ปีมะแม พ.ศ. 2462