fbpx
วิกิพีเดีย

กลองสะบัดชัย

กลองสะบัดชัย เป็นกลองที่มีมานานแล้วนับหลายศตวรรษ ในสมัยก่อนใช้ ตียามออกศึกสงคราม เพื่อเป็นสิริมงคล และเป็น ขวัญกำลังใจให้แก่เหล่าทหารหาญในการต่อ สู้ให้ได้ชัยชนะ ทำนองที่ใช้ในการตี กลองสะบัดชัยโบราณมี 3 ทำนอง คือ ชัยเภรี, ชัย ดิถี และชนะมาร

การตีกลองสะบัดชัยเป็นศิลปะการแสดงพื้นบ้านล้านนาอย่างหนึ่ง ซึ่งมักจะพบเห็นในขบวนแห่หรืองานแสดงศิลปะพื้นบ้านในระยะหลังโดยทั่วไป ลีลาในการตีมีลักษณะโลดโผนเร้าใจมีการใช้อวัยวะหรือส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่นศอก เข่า ศีรษะ ประกอบในการตีด้วย ทำให้การแสดงการตีกลองสะบัดชัยเป็นที่ประทับใจของผู้ที่ได้ชม จนเป็นที่นิยมกันอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน

รูปร่างลักษณะกลองสะบัดชัย

รูปร่างลักษณะแต่เดิมนั้น เท่าที่พบมีแห่งเดียว คือกลองสะบัดชัยจำลองทำด้วยสำริด ขุดพบที่วัดเจดีย์สูง ตำบลบ้านหลวง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ กลองสะบัดชัยดังกล่าวประกอบด้วยขนาดกลองสองหน้าเล็ก 1 ลูก กลองสองหน้าขนาดใหญ่ 1 ลูก ฆ้องขนาดหน้ากว้างพอ ๆ กับกลองใหญ่อีก 1 ใบ พร้อมไม้ตีอีก 3 อัน หน้ากลองตรึงด้วยหมุดตัดเรียบมีคานหามทั้งกลองและฆ้องรวมกัน

การแต่งกายของผู้แสดง

ผู้แสดงใส่ชุดพื้นเมืองเหนือ

ส่วนที่พบโดยทั่วไป คือกลองสะบัดชัยที่แขวนอยู่ตามหอกลองของวัดต่าง ๆ ในเขตล้านนา ซึ่งมักจะมีลักษณะเหมือนกัน คือมีกลองสองหน้าขนาดใหญ่ 1 ลูก หน้ากว้างประมาณ 30 – 35 นิ้ว ยาวประมาณ 45 นิ้ว หน้ากลองหุ้มด้วยหนังตรึงด้วยหมุด ( ล้านนาเรียก ‘' แซว่ ) โดยที่หมุดไม่ได้ตัดเรียบคงปล่อยให้ยาวออกมาโดยรอบ ข้าง ๆ กลองใหญ่ มีกลองขนาดเล็ก 2 - 3 ลูก เรียกว่า ลูกตุบ ‘' กลองลูกตุบทั่วไปมักมีสองหน้าบางแห่งมีหน้าเดียว ขนาดหน้ากว้างประมาณ 8 – 10 นิ้ว ความยาวประมาณ 12 – 15 นิ้ว หน้ากลองหุ้มด้วยหนังตรึงด้วยหมุดเช่นกัน

ดังที่ได้กล่าวแล้ว กลองสะบัดชัยในปัจจุบันเป็นกลองที่ย่อส่วนมาจากวัด เมื่อย่อขนาดให้สั้นลง โดยหน้ากว้างยังคงใกล้เคียงกับของเดิม ลูกตุบก็ยังคงอยู่ ลักษณะการหุ้มหน้ากลองเหมือนของเดิมทุกประการ ตัวกลองติดคานหามสำหรับคนสองคนหามได้ ต่อมาไม่นิยมใช้ลูกตุบ จึงตัดออกเหลือแต่กลองใหญ่ ลักษณะการหุ้มเปลี่ยนจากการตรึงด้วยหมุดมาใช้สานเร่งเสียง เพราะสะดวกต่อการตึงหน้ากลองให้ตึงหรือหย่อนเพื่อให้ได้เสียงตามที่ต้องการ ข้างกลองประดับด้วยไม้แกะสลักซึ่งนิยมแกะเป็นรูปนาค และมีผ้าหุ้มตัวกลองให้ดูสวยงามอีกด้วย

บทบาทของกลองสะบัดชัย

อาจกล่าวได้ว่า ปัจจุบันศิลปะการตีกลกองสะบัดชัย เป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่ได้นำชื่อเสียงทางด้านวัฒนธรรมพื้นสู่ล้านนา และบทบาทของกลองสะบัดชัยจึงอยู่ในฐานะการแสดงในงานวัฒนธรรมต่าง ๆเช่น งานขันโตก งานพิธีต้อนรับแขกเมืองขบวนแห่ ฯลฯ

แต่โอกาสในการใช้กลองสะบัดชัยแต่เดิมมาจนถึงปัจจุบันยังมีอีกหลายประการ ซึ่งมีหลักฐานปรากฏในวรรณกรรมต่าง ๆมากมาย สรุปได้ดังนี้

ใช้ตีบอกสัญญาณ

การใช้กลองสะบัดชัยตีบอกสัญญาณนั้นมีหลายลักษณะ ดังนี้

สัญญาณโจมตีข้าศึก

ในตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับวัดพระงาม ผูกที่ 2 กล่าวถึงสมัยพระญามังราย ตอนขุนครามรบพระญาเบิกที่เมืองเขลางค์ ขุนครามแต่งกลให้ขุนเมือง

เชริงเป็นปีกขวา ขุนเมืองฝางเป็นปีกซ้ายยกพลเข้าโจมตี กล่าวว่า ‘' เจ้าขุนครามแต่งกลเส็กอันนี้ แล้วก็หื้อสัญญาริพลเคาะคล้องโย้ง ( ฆ้อง ) ตีกลองชัย ยกสกุลโยธาเข้าชูชนพระญาเบิก ยู้ขึ้นมาวันนั้นแล กลองชัยในที่นี้ คือกลองสะบัดชัยนั่นเอง เพราะในบริบทที่ใกล้เคียงกันนี้มีคำว่า

‘' สะบัดชัย ตีคู่กับฆ้องอยู่ด้วย กล่าวคือในตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ พระยาลุ่มฟ้าห้อยกพลเข้าตีเชียงแสนชาวเมืองแต่งกลศึกโดยขุดหลุมพรางฝังหลาว แล้วตีปีกทัพล้อมไล่ทัพห้อให้ถูกกล

‘' ยามแตรจักใกล้เที่ยงวันหร้อ ( ฮ่อ ) ยกพลเส็กเข้ามาชาวเราจิ่งเคาะคล้อง ( ฆ้อง ) ตีสะบัดชัย ยกพลเส็กกวมปีกกากุมติดไว้ และในสมัยพระญาติโลกราช ตอนหมื่นด้งนครรบชาวใต้ ( สองแคว ) ได้ให้พลโยธาซุ่มอยู่จนข้าศึกตายใจแล้ว กล่าวว่า ‘' หมื่นด้งหื้อเคาะคล้องโย้ง ตีสะบัดชัย เป่าพุลุ ลาภา ปลี่หร้อยอพลเส็กเข้า ฝูงอยู่คุ่มไม้ก็สว่ายเดงช้างตีจองวองยู้เข้าไพ โห่ร้องมี่นันมากนัก

สัญญาณบอกข่าวในชุมชน

วรรณกรรมไทเขินเรื่อง ‘' เจ้าบุญหลง ผูกที่ 5 ตอนชาวเมืองปัญจรนคาผูกผุสรถเพื่อเสี่ยงเอาพญาเจ้าเมือง อามาตย์ได้สั่งให้เสนาไปป่าวประกาศ ‘' อมาตยแก้วพรองเมือง หื้อเสนาเนืองเอิ้นป่าว ค้อนฟาดหน้ากลองไชย เสียงดังไปผับจอด รู้รอดเสี้ยงปัญจรนคร ‘' และผูกที่ 7 ตอนเจ้าพรหมปันจัดเตรียมทัพไปเยี่ยมอนุชาและมารดา ได้สั่งให้เสนาไปร้องป่าวให้ชาวเมืองเตรียมขบวนาร่วมด้วย ‘' เจ้าก็ร้องเสนามาสู่ แทบใกล้กู่ตนคำปลงอาชญาทำโดยรีบ ถีบคนใช้หนังสือ กลองสะบัดชัยตีป่าวกล่าวไพร่ฟ้ามามวล

เป็นมหรสพ

วรรณกรรมเรื่อง อุสสาบารส ผูกที่ 1 ตอนพระยากาลีพรหมราชให้นำมเหสีสุราเทวีไปเที่ยวชมสวนอุทยานและในสวนอุทยานก็มีการเล่นมหรสพ ‘' มหาชนา อันว่าคนทังหลายก็เหล้นมโหรสพหลายประการต่าง ๆ ลางพร่องก็ตีกลองสะบัดชัยตื่นเต้น ลางพร่องก็ตีพาทย์ค้องการะสับ ลางพร่องเยียะหลายฉบับ ฟ้อนตบตีนมือ ลางพร่องปักกะดิกเอามือตางตีน

ในวรรณกรรมประเภทคร่าวซอเรื่อง หงส์หิน ที่แต่งโดยเจ้าสุริยวงส์ ตอนมีงานสมโภชเจ้าหงส์หินได้เป็นเจ้าเมืองกล่าวถึงการเล่นมหรสพต่าง ๆ ซึ่งมีกลองสะบัดชัยด้วย ว่า

‘' เจ็ดแบกเมี้ยน บ่ถูกตัวเขา ดาบลาเอา ท่ารบออกเหล้นกลองสะบัดชัย ลูกตุบไล่เต้น ขบวนเชิงต่อยุทธ์ ชนผัดหลัง แล้ววางอาวุธ พิฆาตข้าฟันลอง

และแม้ในงานศพของกษัตริย์ หรือเจ้าเมืองก็มีกลองสะบัดชัยเป็นมหรสพ เช่น ที่ปรากฏในวรรณกรรมคร่าวซอเรื่องก่ำกาดำ ตอนงานศพของพระยาพาราณสี

‘' เชิญพระศพมา ฐานตั้งไว้ กลางข่วงกว้างเมรุไชย ฟังดูกลองค้อง พิณพาทย์เสียงใส เภรีบัดไชย สรรญเสริญเจ้า

เป็นเครื่องประโคมฉลองชัยชนะ

วรรณกรรมเรื่องอุสสาบารส ผูกที่12 ตอนพระขิตราชรบศึกชนะก็มีการตีกลองสะบัดชัยเฉลิมฉลอง ‘' ส่วนว่าริพลโยธาพระขิตราชก็ตี กลองสะบัดชัย เหล้นม่วนโห่ร้องอุกขลุกมี่นันนัก เสียงสนั่นก้องใต้ฟ้าเหนือดินมากนัก ปุนกระสันใจเมืองพานมากนัก หากได้แล้วก็ตีค้อง กลองสะบัดชัย สงวนม่วนเหล้น กวัดแก่วงดาบฟ้อนไปมา

เครื่องประโคมเพื่อความสนุกสนาน

ในวรรรณกรรมประเภทโคลงเรื่องอุสสาบารส มีการตีกลองสะบัดชัย ดื่มสุราในเหล่าพลโยธายามว่างจากการรบ ดังปรากฏในโคลงบทที่ 130 ว่า

พลท้าวชมชื่นเหล้น สะบัดชัย อยู่แล

มัวม่วนกินสนุกใจ โห่เหล้า

ทัพหลวงแห่งพระขิต ชมโชค พระเอย่

กลองอุ่นเมืองท้าวก้อง ติ่งแตร

บทบาทและหน้าที่ของกลองสะบัดชัยจากหลักฐานทางวรรณกรรมดังกล่าวแสดงว่าแต่เดิมนั้นเกี่ยวพันกับฝ่ายอาณาจักรกษัตริย์หรือเจ้าเมืองและกองทัพทั้งนั้นต่อมาเมื่อสถาบันกษัตริย์เจ้าเมืองของล้านนาถูกลดอำนาจจนสูญไปในที่สุด กลองสะบัดชัยซึ่งถือได้ว่าเป็นของสูง จึงเปลี่ยนที่อยู่ใหม่ไปอยู่กับ ศาสนจักร ซึ่งมีบทบาทคู่กับ ‘' อาณาจักร มาตลอดศาสนสถานของพุทธศาสนาคือวัด ฉะนั้นวัดจึงน่าจะเป็นสถานที่รองรับกลองสะบัดชัยมาอีกทอดหนึ่ง และเมื่อเข้าไปอยู่ในวัดหน้าที่ใหม่ที่เพิ่มขึ้น คือตีเป็น ‘' พุทธบูชา จนได้ชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า กลองปูชา ( อ่าน ก๋องปู๋จา ) เวลาตีก็บอกว่า ตีกลองปูชา กระนั้นก็ตามหลายแห่งยังพูดว่า ตีกลองสะบัดชัย อยู่ดี

อย่างไรก็ตามแม้จะได้หน้าที่ที่ใหม่แล้ว หน้าที่เดิมที่ยังคงอยู่ก็คือเป็น สัญญาณ เพราะวัดเป็นศูนย์รวมของชุมชนข่าวสารต่าง ๆ จึงมักออกจากวัด ปัจจุบันจึงได้ยินเสียงกลองจากวัดอยู่บ้าง ( เฉพาะวัดที่ยังไม่มีเครื่องเสียงตามสาย ) เพื่อเป็นสัญญาณเรียกประชุมสัญญาณบอกเหตุฉุกเฉิน สัญญาณบอกวันโกนวันพระและหน้าที่รองลงมาที่เกือบจะสูญหายแล้วาคือเป็น ‘' มหรสพ ซึ่งเหลือเฉพาะในงานบุญคือ บุญสลากภัตต์ที่เรียกว่า ทานกวยสลาก ( อ่าน ‘' ตานก๋วยสะหลาก )


หมายเหตุ

ทรรศนะที่ว่ากลองสะบัดชัยเปลี่ยนที่อยู่ใหม่จากอาณาจักรสู่ศาสนจักรเป็นเพียงความเข้าใจที่ได้จากการวิเคราะห์จากหลักฐานที่ยกมาเท่านั้น ผู้อ่านอาจไม่เห็นด้วยก็ได้ เพราะวัดมีหอกกลองมาช้านานแล้ว

การนำกลองสะบัดชัยเข้าสู่ขบวนแห่

บทบาทและหน้าที่เดิมของกลองสะบัดชัยอย่างหนึ่งคือเป็นมหรสพ ซึ่งเป็นมหรสพในงานระดับกษัตริย์หรือเจ้าเมือง ( วัง ) ต่อมาเป็นมหรสพในงานบุญคือระดับศาสนา ( วัด ) ก็ยังหาหลักฐานไม่พบว่ามีการนำเอาเข้าขบวนแห่ด้วยหรือไม่ เพราะกลองสะบัดชัยหรือกลองบูชาที่อยู่ตามวัดนั้นมีขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมาก ยากแก่การเคลื่อนย้าย ภายหลังน่าจะมีผู้คิดว่าควรนำไปแห่เข้าขบวนด้วย จึงจำลองขนาดให้พอหามสองคนได้โดยย่อขนาดให้สั้นลงประมาณ 1 ใน 3 ส่วน

อ้างอิง

  • ข้อมูลจาก http://lanna.mju.ac.th website ระบุว่า "ทุกภาพ ทุกตัวอักษร มอบเป็นวิทยาทานแด่ทุกท่าน"
  • http://kruwaw.thairath12.net/ebookh.html ข้อมูล เรื่อง กลองสะบัดชัย

กลองสะบ, ดช, บทความน, องการการจ, ดหน, ดหมวดหม, ใส, งก, ภายใน, หร, อเก, บกวาดเน, อหา, ให, ณภาพด, ณสามารถปร, บปร, งแก, ไขบทความน, ได, และนำป, ายออก, จารณาใช, ายข, อความอ, นเพ, อช, ดข, อบกพร, องบทความน, องการตรวจสอบความถ, กต, องจากผ, เช, ยวชาญ, โปรดด, รายละเอ, ยด. bthkhwamnitxngkarkarcdhna cdhmwdhmu islingkphayin hruxekbkwadenuxha ihmikhunphaphdikhun khunsamarthprbprungaekikhbthkhwamniid aelanapayxxk phicarnaichpaykhxkhwamxunephuxchichdkhxbkphrxngbthkhwamnitxngkartrwcsxbkhwamthuktxngcakphuechiywchay oprdduraylaexiydephimetiminhnaxphipray hakkhunmikhwamruekiywkberuxngni khunsamarthchwyprbprungenuxhaidthnthi odykarkdpum aekikh danbn sungemuxtrwcsxbaelaaekikhaelwihnapaynixxkklxngsabdchy epnklxngthimimananaelwnbhlaystwrrs insmykxnich tiyamxxksuksngkhram ephuxepnsirimngkhl aelaepn khwykalngicihaekehlathharhayinkartx suihidchychna thanxngthiichinkarti klxngsabdchyobranmi 3 thanxng khux chyephri chy dithi aelachnamarkartiklxngsabdchyepnsilpakaraesdngphunbanlannaxyanghnung sungmkcaphbehninkhbwnaehhruxnganaesdngsilpaphunbaninrayahlngodythwip lilainkartimilksnaoldophneraicmikarichxwywahruxswntang khxngrangkay echnsxk ekha sirsa prakxbinkartidwy thaihkaraesdngkartiklxngsabdchyepnthiprathbickhxngphuthiidchm cnepnthiniymknxyangkwangkhwanginpccubn enuxha 1 rupranglksnaklxngsabdchy 2 karaetngkaykhxngphuaesdng 3 bthbathkhxngklxngsabdchy 3 1 ichtibxksyyan 3 2 epnmhrsph 3 3 epnekhruxngpraokhmchlxngchychna 3 4 ekhruxngpraokhmephuxkhwamsnuksnan 4 hmayehtu 5 xangxingrupranglksnaklxngsabdchy aekikhrupranglksnaaetedimnn ethathiphbmiaehngediyw khuxklxngsabdchycalxngthadwysarid khudphbthiwdecdiysung tablbanhlwng xaephxhxd cnghwdechiyngihm klxngsabdchydngklawprakxbdwykhnadklxngsxnghnaelk 1 luk klxngsxnghnakhnadihy 1 luk khxngkhnadhnakwangphx kbklxngihyxik 1 ib phrxmimtixik 3 xn hnaklxngtrungdwyhmudtderiybmikhanhamthngklxngaelakhxngrwmknkaraetngkaykhxngphuaesdng aekikhphuaesdngischudphunemuxngehnuxswnthiphbodythwip khuxklxngsabdchythiaekhwnxyutamhxklxngkhxngwdtang inekhtlanna sungmkcamilksnaehmuxnkn khuxmiklxngsxnghnakhnadihy 1 luk hnakwangpraman 30 35 niw yawpraman 45 niw hnaklxnghumdwyhnngtrungdwyhmud lannaeriyk aesw odythihmudimidtderiybkhngplxyihyawxxkmaodyrxb khang klxngihy miklxngkhnadelk 2 3 luk eriykwa luktub klxngluktubthwipmkmisxnghnabangaehngmihnaediyw khnadhnakwangpraman 8 10 niw khwamyawpraman 12 15 niw hnaklxnghumdwyhnngtrungdwyhmudechnkndngthiidklawaelw klxngsabdchyinpccubnepnklxngthiyxswnmacakwd emuxyxkhnadihsnlng odyhnakwangyngkhngiklekhiyngkbkhxngedim luktubkyngkhngxyu lksnakarhumhnaklxngehmuxnkhxngedimthukprakar twklxngtidkhanhamsahrbkhnsxngkhnhamid txmaimniymichluktub cungtdxxkehluxaetklxngihy lksnakarhumepliyncakkartrungdwyhmudmaichsanerngesiyng ephraasadwktxkartunghnaklxngihtunghruxhyxnephuxihidesiyngtamthitxngkar khangklxngpradbdwyimaekaslksungniymaekaepnrupnakh aelamiphahumtwklxngihduswyngamxikdwybthbathkhxngklxngsabdchy aekikhxacklawidwa pccubnsilpakartiklkxngsabdchy epnsilpaxyanghnungthiidnachuxesiyngthangdanwthnthrrmphunsulanna aelabthbathkhxngklxngsabdchycungxyuinthanakaraesdnginnganwthnthrrmtang echn ngankhnotk nganphithitxnrbaekhkemuxngkhbwnaeh laetoxkasinkarichklxngsabdchyaetedimmacnthungpccubnyngmixikhlayprakar sungmihlkthanpraktinwrrnkrrmtang makmay srupiddngni ichtibxksyyan aekikh karichklxngsabdchytibxksyyannnmihlaylksna dngni syyanocmtikhasukintananphunemuxngechiyngihm chbbwdphrangam phukthi 2 klawthungsmyphrayamngray txnkhunkhramrbphrayaebikthiemuxngekhlangkh khunkhramaetngklihkhunemuxngechringepnpikkhwa khunemuxngfangepnpiksayykphlekhaocmti klawwa ecakhunkhramaetngkleskxnni aelwkhuxsyyariphlekhaakhlxngoyng khxng tiklxngchy ykskuloythaekhachuchnphrayaebik yukhunmawnnnael klxngchyinthini khuxklxngsabdchynnexng ephraainbribththiiklekhiyngknnimikhawa sabdchy tikhukbkhxngxyudwy klawkhuxintananphunemuxngechiyngihm phrayalumfahxykphlekhatiechiyngaesnchawemuxngaetngklsukodykhudhlumphrangfnghlaw aelwtipikthphlxmilthphhxihthukkl yamaetrckiklethiyngwnhrx hx ykphleskekhamachaweracingekhaakhlxng khxng tisabdchy ykphleskkwmpikkakumtidiw aelainsmyphrayatiolkrach txnhmundngnkhrrbchawit sxngaekhw idihphloythasumxyucnkhasuktayicaelw klawwa hmundnghuxekhaakhlxngoyng tisabdchy epaphulu lapha plihrxyxphleskekha fungxyukhumimkswayedngchangticxngwxngyuekhaiph ohrxngminnmaknk syyanbxkkhawinchumchnwrrnkrrmithekhineruxng ecabuyhlng phukthi 5 txnchawemuxngpycrnkhaphukphusrthephuxesiyngexaphyaecaemuxng xamatyidsngihesnaippawprakas xmatyaekwphrxngemuxng huxesnaenuxngexinpaw khxnfadhnaklxngichy esiyngdngipphbcxd rurxdesiyngpycrnkhr aelaphukthi 7 txnecaphrhmpncdetriymthphipeyiymxnuchaaelamarda idsngihesnaiprxngpawihchawemuxngetriymkhbwnarwmdwy ecakrxngesnamasu aethbiklkutnkhaplngxachyathaodyrib thibkhnichhnngsux klxngsabdchytipawklawiphrfamamwl epnmhrsph aekikh wrrnkrrmeruxng xussabars phukthi 1 txnphrayakaliphrhmrachihnamehsisuraethwiipethiywchmswnxuthyanaelainswnxuthyankmikarelnmhrsph mhachna xnwakhnthnghlaykehlnmohrsphhlayprakartang langphrxngktiklxngsabdchytunetn langphrxngktiphathykhxngkarasb langphrxngeyiyahlaychbb fxntbtinmux langphrxngpkkadikexamuxtangtininwrrnkrrmpraephthkhrawsxeruxng hngshin thiaetngodyecasuriywngs txnmingansmophchecahngshinidepnecaemuxngklawthungkarelnmhrsphtang sungmiklxngsabdchydwy wa ecdaebkemiyn bthuktwekha dablaexa tharbxxkehlnklxngsabdchy luktubiletn khbwnechingtxyuthth chnphdhlng aelwwangxawuth phikhatkhafnlxngaelaaeminngansphkhxngkstriy hruxecaemuxngkmiklxngsabdchyepnmhrsph echn thipraktinwrrnkrrmkhrawsxeruxngkakada txnngansphkhxngphrayapharansi echiyphrasphma thantngiw klangkhwngkwangemruichy fngduklxngkhxng phinphathyesiyngis ephribdichy srryesriyeca epnekhruxngpraokhmchlxngchychna aekikh wrrnkrrmeruxngxussabars phukthi12 txnphrakhitrachrbsukchnakmikartiklxngsabdchyechlimchlxng swnwariphloythaphrakhitrachkti klxngsabdchy ehlnmwnohrxngxukkhlukminnnk esiyngsnnkxngitfaehnuxdinmaknk punkrasnicemuxngphanmaknk hakidaelwktikhxng klxngsabdchy sngwnmwnehln kwdaekwngdabfxnipma ekhruxngpraokhmephuxkhwamsnuksnan aekikh inwrrrnkrrmpraephthokhlngeruxngxussabars mikartiklxngsabdchy dumsurainehlaphloythayamwangcakkarrb dngpraktinokhlngbththi 130 waphlthawchmchunehln sabdchy xyuaelmwmwnkinsnukic ohehlathphhlwngaehngphrakhit chmochkh phraexyklxngxunemuxngthawkxng tingaetrbthbathaelahnathikhxngklxngsabdchycakhlkthanthangwrrnkrrmdngklawaesdngwaaetedimnnekiywphnkbfayxanackrkstriyhruxecaemuxngaelakxngthphthngnntxmaemuxsthabnkstriyecaemuxngkhxnglannathukldxanaccnsuyipinthisud klxngsabdchysungthuxidwaepnkhxngsung cungepliynthixyuihmipxyukb sasnckr sungmibthbathkhukb xanackr matlxdsasnsthankhxngphuththsasnakhuxwd channwdcungnacaepnsthanthirxngrbklxngsabdchymaxikthxdhnung aelaemuxekhaipxyuinwdhnathiihmthiephimkhun khuxtiepn phuththbucha cnidchuxxikchuxhnungwa klxngpucha xan kxngpuca ewlatikbxkwa tiklxngpucha krannktamhlayaehngyngphudwa tiklxngsabdchy xyudixyangirktamaemcaidhnathithiihmaelw hnathiedimthiyngkhngxyukkhuxepn syyan ephraawdepnsunyrwmkhxngchumchnkhawsartang cungmkxxkcakwd pccubncungidyinesiyngklxngcakwdxyubang echphaawdthiyngimmiekhruxngesiyngtamsay ephuxepnsyyaneriykprachumsyyanbxkehtuchukechin syyanbxkwnoknwnphraaelahnathirxnglngmathiekuxbcasuyhayaelwakhuxepn mhrsph sungehluxechphaainnganbuykhux buyslakphttthieriykwa thankwyslak xan tankwysahlak hmayehtu aekikhthrrsnathiwaklxngsabdchyepliynthixyuihmcakxanackrsusasnckrepnephiyngkhwamekhaicthiidcakkarwiekhraahcakhlkthanthiykmaethann phuxanxacimehndwykid ephraawdmihxkklxngmachananaelwkarnaklxngsabdchyekhasukhbwnaehbthbathaelahnathiedimkhxngklxngsabdchyxyanghnungkhuxepnmhrsph sungepnmhrsphinnganradbkstriyhruxecaemuxng wng txmaepnmhrsphinnganbuykhuxradbsasna wd kynghahlkthanimphbwamikarnaexaekhakhbwnaehdwyhruxim ephraaklxngsabdchyhruxklxngbuchathixyutamwdnnmikhnadihyaelaminahnkmak yakaekkarekhluxnyay phayhlngnacamiphukhidwakhwrnaipaehekhakhbwndwy cungcalxngkhnadihphxhamsxngkhnidodyyxkhnadihsnlngpraman 1 in 3 swnxangxing aekikhkhxmulcak http lanna mju ac th website rabuwa thukphaph thuktwxksr mxbepnwithyathanaedthukthan http kruwaw thairath12 net ebookh html khxmul eruxng klxngsabdchy bthkhwamekiywkbephlng dntri hrux ekhruxngdntriniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodyephimkhxmul duephimthi sthaniyxy dntriekhathungcak https th wikipedia org w index php title klxngsabdchy amp oldid 8568189, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม