การป้องกันโกดังซื่อหาง

การป้องกันโกดังซื่อหาง เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม ถึง 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1937 และเป็นจุดเริ่มต้นของการยุติของการรบที่เซี่ยงไฮ้เป็นเวลาสามเดือนในช่วงเริ่มต้นของสงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สอง เหล่าทหารที่คอยปกป้องโกดังแห่งนี้ได้ต่อสู้รบกับกองทัพญี่ปุ่นจำนวนมากมายและทำการปิดล้อมกองทัพจีนที่ถอยร่นไปทางตะวันตกในช่วงระหว่างยุทธการที่เซี่ยงไฮ้ การป้องกันโกดังที่ประสบความสำเร็จทำให้เกิดการปลอบขวัญกำลังใจแก่กองทัพจีนและประชาชนในผลพวงที่ทำให้หมดกำลังใจจากการรุกรานเซี่ยงไฮ้ของญี่ปุ่น ที่ตั้งของโกดังอยู่ตรงข้ามลำคลองซูโจวจากเขตสัมปทานของต่างชาติในเซี่ยงไฮ้ซึ่งหมายถึงการต่อสู้รบที่เกิดขึ้นในมุมมองเต็มรูปแบบของมหาอำนาจตะวันตก

การป้องกันโกดังซื่อหาง
เป็นส่วนหนึ่งของ ยุทธการที่เซี่ยงไฮ้ ใน the สงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สอง
วันที่ 26 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1937 สถานที่ Zhabei, เซี่ยงไฮ้, จีน ผลลัพธ์ จีนได้รับชัยชนะ การถอนกำลังของกองทัพจีนเข้าไปยังเขตสัปทานของบริติชในวันที่ 1 พฤศจิกายน
คู่ขัดแย้ง
สาธารณรัฐจีน	จักรวรรดิญี่ปุ่น
ผู้บัญชาการหรือผู้นำ
เชีย จินหยวน	อิวาเนะ มัตสึอิ
กำลัง
กองพลที่ 88 กองพันที่ 1 กรมทหารที่ 524: ~800 (452 นาย)	จีนกล่าวอ้างว่า: กองพลที่ 3 (มากกว่า 20,000 นาย)
กำลังพลสูญเสีย
จีนกล่าวอ้างว่า: ถูกสังหาร 10 นาย บาดเจ็บ 37 นาย	จีนกล่าวอ้างว่า: ถูกสังหารมากกว่า 200 นาย รถยานเกราะหลายคันถูกทำลายและเสียหาย

มันอยู่ตรงข้ามกับเขตสัมปทานของต่างชาติในเซี่ยงไฮ้ และญี่ปุ่นไม่กล้าที่จะเรียกให้มีการโจมตีด้วยปืนใหญ่จากทางเรือในพื้นที่นี้ได้ เนื่องจากกระสุนปืนใหญ่อาจจะไปตกลงใส่เขตสัมปทานเข้าและก่อให้เกิดกรณีข้อพิพาทกับชาวยุโรปและชาวอเมริกัน ซึ่งญี่ปุ่นต้องการที่จะหลีกเลี่ยงสงคราม ยิ่งไปกว่านั้น ญี่ปุ่นไม่กล้าที่จะใช้แก๊สมัสตาร์ดเหมือนกับที่พวกเขาทำที่อื่นๆ ในเซี่ยงไฮ้ ในมุมมองของมหาอำนาจต่างชาติ ด้วยความใกล้ชิดนี้ได้ดึงดูดความสนใจ หากเป็นเพียงช่วงเวลาอันสั้น ๆ ของประชาคมระหว่างประเทศต่อคำเชิญชวนของเจียง ไคเชก สำหรับการสนับสนุนทั่วโลกเพื่อต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่น

ในจีน ทหารผู้ปกป้องจำนวน 452 นายที่เป็นที่รู้จักกันในนามว่า วีรบุรุษแปดร้อยนาย เนื่องจากผู้บัญชาการทหารนามว่า เชีย จินหยวน ไม่ต้องการที่จะเปิดเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของพวกเขาแก่ญี่ปุ่นจึงได้บอกจำนวนตัวเลขที่เกินจริงแก่มัคคุเทศก์สาวนามว่า หยาง ฮัวหมิ่น เพื่อประกาศให้สาธารณชนได้รับรู้