คนโด อิซะมิ
คนโด อิซะมิ (ญี่ปุ่น: 近藤勇 โรมาจิ: Kondō Isami 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1834 - 17 พฤษภาคม ค.ศ. 1868) เป็นซามูไรและข้าราชการชาวญี่ปุ่นในช่วงปลายยุคเอโดะ มีชื่อเสียงในฐานะของหัวหน้ากลุ่มซามูไรชินเซ็งงุมิ ซึ่งเป็นกลุ่มซามูไรหัวรุนแรงที่จงรักภักดีต่อรัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะ
ภูมิหลัง
คนโด อิซะมิ มีชื่อจริงเมื่อแรกเกิดว่า "คัตสึโงะโร" เป็นบุตรของมิยะงะวะ ฮิซะจิโร ชาวนาผู้มีถิ่นฐานอยู่ในหมู่บ้านคะมิ-อิชิฮะระ ในแคว้นมุซะชิ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในพื้นที่เมืองโจฟุ จังหวัดโตเกียว เขามีพี่ชายอยู่ 2 คน คนโตชื่อโอะโทะจิโร (音次郎; ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นโอโทะโงะโร 音五郎) คนรองชื่อคุเมะโซ (粂蔵; ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นโซเบ 惣兵衛) คัตสึโงโรเริ่มฝึกหัดวิชาดาบที่โรงฝึกชิเอคัง ซึ่งเป็นโรงฝึกหลักของเพลงดาบสายเท็นเน็นริชินรีว เมื่อ ค.ศ. 1848
ในวัยหนุ่มนั้นคัตสึโงะโรถูกกล่าวขวัญถึงจากความเป็นผู้รักการอ่าน เขาชอบอ่านเรื่องโรนินทั้งสี่สิบเจ็ดและพงศาวดารจีนเรื่องสามก๊กมากเป็นพิเศษ ชื่อเสียงของคัตสึโงะโรเป็นที่กล่าวขวัญอย่างยิ่งจากความเป็นผู้คงแก่เรียน ความสามารถในการกำราบโจรที่พยายามเข้ามาปล้นบ้านของครอบครัวเขา และการได้รับความดูแลเอาใจใส่อย่างดีจากคนโด ชูสุเกะ ผู้สืบทอดเพลงดาบเท็นเน็นริชินรีวรุ่นที่ 3 ชูสุเกไม่รอช้าที่จะรับเด็กหนุ่มคัตสึโงะโรเป็นลูกบุญธรรมในปี ค.ศ. 1849 และได้เปลี่ยนชื่อของเด็กหนุ่มคนนั้นเป็น "ชิมะซะคิ คัตสึตะ" (島崎勝太) ตามบันทึกของอดีตศาลเจ้าโงะซุ-เท็นโนะฉะ (牛頭天王社 - ปัจจุบันเรียกว่า ศาลเจ้าฮิโนะยะซะกะ 日野八坂神社) ชื่อของคัตสึตะได้ถูกบันทึกไว้ด้วยชื่อเต็มและชื่อเรียกทั่วไปว่า "ชิมะซะคิ อิซะมิ ฟุจิวะระ (โนะ) โยะชิทะเคะ" เอกสารดังกล่าวบันทึกในปี ค.ศ. 1858 จึงกล่าวได้ว่าคัตสึตะมีชื่อว่าอิซะมิอย่างน้อยที่สุดนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1858
อิซะมิแต่งงานกับโอสึเนะผู้เป็นภรรยาเมื่อ ค.ศ. 1860 การแต่งงานดังกล่าวสร้างประโยชน์ให้แก่คนโดอย่างยิ่ง เนื่องจากโอสึเนะนั้นเป็นบุตรสาวของมัตซุย ยะโซะโงะโร (松井八十五郎) หนึ่งในซามูไรผู้ขึ้นตรงต่อตระกูลชิมิซะ-โทะคุงะวะ ต่อมาในวันที่ 30 กันยายน ค.ศ. 1861 อิซะมิได้รับสืบทอดตำแหน่งผู้สืบทอด (宗家四代目 "โซเคะ โนะ ยนได") เพลงดาบเท็นเน็นริชินรีว รุ่นที่ 4 ได้รับนาม "คนโด อิซะมิ" อย่างเป็นทางการ และได้เป็นผู้ดูแลโรงฝึกดาบชิเอคัง ในปีต่อมาคนโดก็ได้บุตรสาวชื่อ "ทะมะโกะ" (1862–1886) เขามีหลานตาในภายหลังเพียงคนเดียวชื่อ "คนโด ฮิสะทะโร" ซึ่งได้เสียชีวิตในการรบระหว่างสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น
กล่าวกันว่าคนโดมีดาบคะตะนะประจำกายชื่อว่า "โคะเท็ตสึ" (虎徹) ซึ่งตีขึ้นโดยนะงะโซะเนะ โคะเท็ตสึ ช่างตีดาบผู้มีชื่อเสียงในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 อย่างไรก็ตาม ฐานะความเป็นเจ้าของดาบโคะเท็ตสึเล่มนั้นของคนโดยังคงเป็นที่ถกเถียงอย่างมาก กล่าวตามปึกเอกสารเกี่ยวกับช่างทำดาบโคเท็ตสึของยะสุ คิซึ ดาบของคนโดนั้นแท้จริงแล้วอาจตีขึ้นโดยมินะโมะโตะ โนะ คิโยมะโระ ช่างดาบผู้มีชีวิตอยู่ร่วมสมัยเดียวกับคนโด
แม้ว่าคนโดจะไม่เคยทำงานใดๆ ให้แก่รัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะเลย ก่อนที่เขาจะก่อตั้งกลุ่มชินเซ็นงุมิขึ้น แต่ครั้งหนึ่งคนโดก็เคยได้รับการเสนอชื่อให้เป็นครูฝึกอยู่ในสถาบันโคะบุโชะในปี ค.ศ. 1862 สถาบันโคะบุโชะแห่งนี้เป็นโรงเรียนฝึกหัดวิชาการทหารโดยเฉพาะ สำหรับฝึกหัดการทหารในขั้นต้นแก่บรรดาผู้จงรักภักดีต่อโชกุน รัฐบาลโชกุนได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1855 เพื่อปฏิรูปการทหารหลังจากการมาเยือนญี่ปุ่นครั้งแรกของนายพลเรือเพอร์รีด้วยเรือดำ
ยุคชินเซ็นงุมิ
ในปี ค.ศ. 1863 รัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะได้รวบรวมกลุ่มโรนินหรือซามูไรไร้นายขึ้นเป็นองค์กรขนาดใหญ่ เพื่อเป็นหน่วยคุ้มกันโชกุนโทะกุงะวะ อิเอโมจิ ในช่วงที่พำนักในนครหลวงเกียวโต คอนโดได้เข้าร่วมในองค์กรนี้ภายใต้ชื่อกลุ่ม "โรชิงุมิ" พร้อมกับฮิจิคะตะ โทะชิโซ ผู้เป็นเพื่อนสนิท และเหล่าสมาชิกของสำนักดาบชิเอคังอีกหลายคน คือ ยะมะนะมิ เคสุเกะ, โอะคิตะ โซจิ, ฮะระดะ ซะโนะสุเกะ, นะงะคุระ ชิมปะจิ, โทโด เฮสุเกะ, และอิโนะอุเอะ เก็มซะบุโร ภายหลังเมื่อคิโยะคะวะ ฮะจิโร ผู้นำกลุ่มโรชิงุมิโดยพฤตินัย ได้เปิดเผยเป้าประสงค์ที่แท้จริงว่าต้องการรวบรวมผู้คนเป็นกำลังสนับสนุนพระจักรพรรดิ คนโด, ฮิจิคะตะ, เซริซะวะ คะโม (อดีตผู้ติดตามของเจ้าแคว้นมิโตะ), และผู้คนอีกจำนวนไม่มาก จึงอยู่ที่เกียวโตและตั้งกลุ่มของตนเองแทนในชื่อกลุ่ม "มิบุโรชิงุมิ" ซึ่งรับคำสั่งโดยตรงในการปฏิบัติงานจากรัฐบาลโชกุน โดยมีมัตซึไดระ คะตะโมะริ ไดเมียวแห่งแคว้นไอสึ เป็นผู้ควบคุมดูแลบุคคลเหล่านี้ กลุ่มมิบุโรชิงุมิได้รับหน้าที่ให้เป็นตำรวจพิเศษรักษาพระนครเกียวโต
ในเหตุการณ์ "คินมง โนะ เซเฮ็ง" หรือการรัฐประหารในวันที่ 18 สิงหาคมของปีนั้น กลุ่มของคอนโดได้รับการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "ชินเซ็งงุมิ" และเป็นที่รู้จักทั่วไปจากการเข้าทำการจับกุมกลุ่มผู้ขับไล่ชาวต่างชาติกลุ่มหนึ่งในเดือน 6 ตามปฏิทินจันทรคติ ค.ศ. 1864 ซึ่งคดีดังกล่าวถูกเรียกขานในชื่อ "คดีร้านอิเคะดะ" (อิเคะยะดะจิเค็น)
วันที่ 10 เดือน 7 ทางจันทรคติ ค.ศ. 1867 คนโดพร้อมด้วยสมาชิกกลุ่มชินเซ็งงุมิทั้งหมด ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นฮะตะโมะโตะ หรือซามูไรที่ขึ้นตรงต่อโชกุน
สงครามโบะชิงและมรณกรรม
หลังสิ้นสุดยุทธการโทะบะ-ฟุชิมิในเดือนมกราคม ค.ศ. 1868 คนโดได้กลับมาที่นครเอโดะ และได้รับการแต่งตั้งให้เป็น "วะคะโดะชิโยริ" (ตำแหน่งนี้อาจแปลความหมายได้ว่า "ผู้อาวุโสชั้นผู้น้อย" - "Junior Elders) อันก่อให้เกิดความแตกแยกภายในการบริหารงานของรัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะอย่างรวดเร็ว กองกำลังของเขาได้ทำการสู้รบกับกองกำลังที่ถูกส่งมาจากราชสำนักของพระจักรพรรดิอีกหลายครั้ง แต่กลับประสบความพ่ายแพ้ในหลายสมรภูมิ ทั้งในการรบที่เมืองคัตซึนุมะ และที่เมืองนะงะเระยะมะ คนโดถูกกองทัพฝ่ายในพระนามจักรพรรดิเมจิจับเป็นเชลย และได้ถูกประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะในวันที่ 17 เดือน 5 ตามจันทรคติ ปี ค.ศ. 1868
ตามบันทึกของทะนิ ทะเทะคิ คนโดถูกไต่สวนถึงคดีการลอบสังหารซะกะโมะโตะ เรียวมะ ซามูไรชาวแคว้นโทะสะผู้มีบทบาทในการเจรจาให้ฝ่ายโชกุนยอมถวายอำนาจคืนแก่พระจักรพรรดิ แต่คอนโดปฏิเสธความเกี่ยวข้องของตนเองและชินเซ็งงุมิในคดีนี้ ก่อนที่จะถูกประหารชีวิตจากคดีดังกล่าวในที่สุด แม้หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 1870 อิมะอิ โนะบุโอะ อดีตสมาชิกกลุ่มมิมิวะริงุมิ จะสารภาพว่าตนเป็นผู้ก่อคดีลอบสังหารซะกะโมะโตะ เรียวมะ แต่ทะนิก็ค้านว่าคนโดไม่ได้ถูกกล่าวหาอย่างผิดๆ ในคดีนี้ จะอย่างไรก็ดี แม้จะมีการสันนิษฐานจากหลากหลายทฤษฎีอันเป็นที่ยอมรับ แต่การจะหาว่าใครเป็นผู้บงการตัวจริงในคดีนี้ก็ยังเป็นเรื่องที่ลึกลับและยังไม่มีข้อสรุปมาจนถึงทุกวันนี้
สุสานของคนโดปรากฏอยู่หลายแห่ง โดยมากเชื่อว่าสุสานแห่งแรกของคนโดถูกสร้างขึ้นที่วัดเท็นเนจิ (天寧寺) ในแคว้นไอสึ โดยฮิจิคะตะ โทะชิโซ กล่าวกันว่าฮิจะคะตะซึ่งเพิ่งฟื้นตัวจากการบาดเจ็บที่เท้าในยุทธการอุซึโนะมิยะ เป็นผู้ให้คำแนะนำปรึกษาโดยส่วนตัวในการเตรียมการและจัดสร้างสถานที่แห่งนี้ ส่วนนาม "คังเท็นอินเด็นจุนจูเซงิไดโคจิ" (貫天院殿純忠誠義大居士) ซึ่งเป็นนามหลังเสียชีวิตของคนโด เชื่อว่าตั้งให้โดยมัตสึไดระ คะตะโมะริ
เชิงอรรถ
- Ōishi Manabu 大石学, Shinsengumi: saigo no bushi no jitsuzō 新選組: 最後の武士の実像. (Tokyo: Chuōkōron-shinsha, 2004), p. 21
- Kojima Masataka 小島政孝. Shinsengumi yowa 新選組余話. (Tokyo: Kojima-Shiryōkan 小島資料館, 1991), p.10
- Ōishi, p. 22
- Shinsengumi dai zenshi 新選組大全史. (Tokyo; Shin Jinbutsu Oraisha, 2003) p.27; Ōishi, p. 22.
- Kojima, p.14
- Shinsengumi dai zenshi, p.27
- Kojima, p.95-96.
- Ōishi, p. 22.
- Shinsengumi dai zenshi, p.35
- Ōishi, p. 24.
- ตรงกับวันที่ 27 เดือน 8 ศักราชบุงคีว ปีที่ 1 เมื่อนับตามปฏิทินจันทรคติของญี่ปุ่น ดูที่ Ōishi, p. 24.
- Shinsengumi dai zenshi, p.27; Ōishi, p. 24.
- Shinsengumi dai zenshi, p.36; Ōishi, p. 24.
- Romulus Hillsborough. Shinsengumi: The Shogun's Last Samurai Corps. (North Clarendon: Tuttle Publishing, 2005), p. 183
- Yasu Kizu, Swordsmith Nagasone Kotetsu Okisato (Hollywood: W.M. Hawley Publications, 1990), p. 9
- "Kondō Hijikata to Okita no Shinsengumi" 近藤・土方・沖田の新選組. Rekishi Dokuhon, December 2004, p.62.
- G. Cameron Hurst III. Armed martial arts of Japan. (New Haven: Yale University Press, 1998), pp. 148-152.
- Shinsengumi dai zenshi, p.38
- Kojima, p. 39-40
- Yamakawa Hiroshi 山川浩. Kyōto Shugoshoku Shimatsu 京都守護職始末. ed. Tōyama Shigeki (Tokyo: Heibonsha, 1966), p. 87
- Shinsengumi dai zenshi, p.45
- Shinsengumi dai zenshi, p.52-53
- Shinsengumi dai zenshi, p.56-59
- June 10, 1867 by the lunar calendar. See Ōishi, p. 160.
- Ōishi, p. 160.
- 近藤勇 KONDO
- Kojima, p.91
- ↑ 天寧寺「近藤勇の墓」
อ้างอิง
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: คนโด อิซะมิ |
- Hurst, G. Cameron III. Armed martial arts of Japan. New Haven: Yale University Press, 1998.
- Kikuchi Akira 菊池明. Shinsengumi 101 no Nazo 新選
組101の謎. Tokyo: Shin Jinbutsu Oraisha, 2000.
- Kojima Masataka 小島政孝. Shinsengumi yowa 新選組余話. Tokyo: Kojima-Shiryōkan 小島資料館, 1991
- Ōishi Manabu 大石学. Shinsengumi: saigo no bushi no jitsuzō 新選組: 最後の武士の実像. Tokyo: Chūōkōron-shinsha, 2004.
- Yasu Kizu. Swordsmith Nagasone Kotetsu Okisato. Hollywood: W.M. Hawley Publications, 1990.
- "Kondō Hijikata to Okita no Shinsengumi" 近藤・土方・沖田の新選組. Rekishi Dokuhon, December 2004.
- Shinsengumi dai zenshi 新選組大全史. Tokyo; Shin Jinbutsu Oraisha, 2003. ISBN 4404030657
- Shinsengumi Jiten 新選組事典. Tokyo: Shin Jinbutsu Oraisha, 1978.