fbpx
วิกิพีเดีย

นิราศนรินทร์

นิราศนรินทร์ เป็นวรรณคดีในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น ประเภทนิราศ ที่จัดว่าแต่งได้ดี โดยกระทรวงศึกษาธิการได้คัดมาให้นักเรียนได้ศึกษากันในชั้นเรียน และมีบทโคลงที่ใช้เป็นแบบแผนของโคลงสี่สุภาพด้วย

ผู้แต่ง

ผู้แต่งนิราศนรินทร์ คือ นายนรินทรธิเบศร์ (มิใช่ชื่อตัว แต่เป็น มหาดเล็ก ฝ่ายพระราชวังบวร (วังหน้า) ในสมัยรัชกาลที่ 2) มีนามเดิมว่า อิน ในตำรารุ่นเก่า มักเขียนเป็น นายนรินทรธิเบศร์ (อิน) ได้แต่งนิราศเรื่องนี้เมื่อคราวตามเสด็จสมเด็จพระบวรราชเจ้า มหาเสนานุรักษ์ยกกองทัพหลวงไปปราบพม่า ซึ่งยกลงมาตีเมืองถลางและชุมพร ในช่วงต้นรัชกาลที่ 2 เมื่อปีมะเส็ง (พ.ศ. 2352) นิราศเรื่องนี้ผู้แต่งไม่ได้ระบุชื่อเอาไว้ แต่เรียกกันโดยทั่วไปตามชื่อผู้แต่ง ว่า “นิราศนรินทร์”

เนื้อหา

เป็นการคร่ำครวญและพรรณนาความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ ที่มีต่อหญิงคนรัก และเล่าถึงการเดินทาง เมื่อผ่านภูมิประเทศต่างๆ เริ่มจากคลองขุด ถึงวัดแจ้ง (วัดอรุณ) เข้าคลองบางกอกน้อย และล่องเรือไปจนถึงอ่าวไทย แล้วขึ้นบกที่เพชรบุรี

คำประพันธ์

นิราศนรินทร์แต่งด้วยโคลงสี่สุภาพ 143 บท โดยมีร่ายสุภาพขึ้นต้น 1 บท ผู้แต่งประณีตในการคัดสรรคำและความหมาย ร้อยกรองเป็นบทโคลงที่ไพเราะ ทั้งยังมีสัมผัสอักษรแพรวพราวตามขนบของคำโคลง อาจกล่าวได้ว่า แทบไม่มีโคลงบทไหนเลย ที่อ่านแล้วไม่รู้สึกถึงความไพเราะงดงาม อย่างไรก็ตาม ด้วยสำนวนภาษาที่เก่าถึงยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น จึงมีคำศัพท์จำนวนไม่น้อยที่เข้าใจยาก หรือเป็นที่ถกเถียงกันโดยยังไม่มีข้อยุติ

นิราศเรื่องนี้เป็นที่ยกย่องกันมาก ถึงกับยกเปรียบกับวรรณคดีรุ่นเก่าอย่างโคลงกำสรวล ในเรื่องนี้ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพยังได้ทรงพระนิพนธ์คำนำหนังสือนิราศนรินทร์เอาไว้ ตอนหนึ่งมีข้อความว่า “...มีผู้สันนิษฐานว่านายนรินทรธิเบศร์ (อิน) แต่งเอาอย่าง หรือเลียนแบบโคลงนิราศกำสรวลศรีปราชญ์ ซึ่งแต่งในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราชครั้งกรุงศรีอยุธยา แต่เมื่อเทียบเคียงกันแล้ว กลับเห็นว่าแต่งดีกว่าเรื่องกำสรวลศรีปราชญ์

ตัวอย่างจากนิราศนรินทร์

๑. ๏ ศรีสิทธิ์พิศาลภพ เลอหล้าลบล่มสวรรค์ จรรโลงโลกกว่ากว้าง แผนแผ่นผ้างเมืองเมรุ ศรีอยุธเยนทร์แย้มฟ้า แจกแสงจ้าเจิดจันทร์ เพียงรพิพรรณผ่องด้าว ขุนหาญห้าวแหนบาท สระทุกข์ราษฎร์รอนเสี้ยน ส่ายเศิกเหลี้ยนล่งหล้า ราญราบหน้าเภริน เข็ญข่าวยินยอบตัว ควบค้อมหัวไหว้ละล้าว ทุกไทน้าวมาลย์น้อม ขอออกอ้อมมาอ่อน ผ่อนแผ่นดินให้ผาย ขยายแผ่นฟ้าให้แผ้ว เลี้ยงทแกล้วให้กล้า พระยศไท้เทิศฟ้า เฟื่องฟุ้งทศธรรม ท่านแฮ ๚ะ

๒.๏ อยุธยายศล่มแล้ว ลอยสวรรค์ ลงฤๅ
สิงหาสน์ปรางค์รัตน์บรร- เจิดหล้า
บุญเพรงพระหากสรรค์ ศาสน์รุ่ง เรืองแฮ
บังอบายเบิกฟ้า ฝึกฟื้นใจเมือง ๚ะ

(กรุงศรีอยุธยาแตกไปแล้ว แต่กลับลอยลงมาจากสวรรค์อีกหรืออย่างไร มีปราสาทพระราชวังอันงดงามตระการตา ด้วยบุญบารมีของพระมหากษัตริย์ช่วยทะนุบำรุงพระศาสนาให้รุ่งเรือง ปัดเป่าทุกข์ให้แก่ไพร่ฟ้าชาวประชา)

นักวรรณคดีมักเปรียบเทียบโคลงบทนี้ กับโคลงดั้นจากโคลงกำสรวล ซึ่งขึ้นบาทแรกด้วยสำนวนคล้ายกัน ดังต่อไปนี้ ซึ่งเป็นบทชมพระนครเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ผู้แต่งอาจชื่นชมโคลงจากโคลงกำสรวล ซึ่งชื่นชมพระนครเมื่อครั้งยังรุ่งเรือง

๑. ๏ อยุธยายศยิ่งฟ้า ลงดิน แลฤๅ
อำนาจบุญเพรงพระ ก่อเกื้อ
เจดียลอออินทร ปราสาท
ในทาบทองแล้วเนื้อ นอกโสรม ๚ะ
๗. ๏ อยุธยายศโยกฟ้า ฟากดิน
ผาดดินพิภพดยว ดอกฟ้า
แสนโกฎบยลยิน หยากเยื่อ
ไตรรัตนเรืองรุ่งหล้า หลากสรรค ๚ะ
(โคลงกำสรวล)


นอกจากนี้ในโคลงหมายเลข ๒๒. ยังถือเป็นแม่แบบของโคลงสี่สุภาพบทหนึ่งด้วย


๒๒. ๏ จากมามาลิ่วล้ำ ลำบาง
บางยี่เรือราพลาง พี่พร้อง
เรือแผงช่วยพานาง เมียงม่าน มานา
บางบ่รับคำคล้อง คล่าวน้ำตาคลอ ๚ะ


ด้วยโคลงบทนี้ใช้คำเอก 7 โท 4 และที่เหลือเป็นคำสุภาพทั้งหมด จึงใช้เป็นแม่แบบสำหรับการแต่งโคลงสี่สุภาพได้เป็นอย่างดี

ในตอนท้ายๆ ผู้แต่งยังได้เอ่ยถึงวรรณคดีรุ่นเก่าอีกสองเรื่อง คือ กำสรวลศรีปราชญ์ และทวาทศมาส ซึ่งเป็นนิราศคำโคลงเช่นเดียวกัน

๑๒๔. ๏ กำสรวลศรีปราชญ์พร้อง เพรงกาล
จากจุฬาลักษณ์ลาญ สวาทแล้ว
ทวาทศมาสสาร สามเทวษ ถวิลแฮ
ยกทัดกลางเกศแก้ว กึ่งร้อนทรวงเรียม ๚ะ

โคลงบทสุดท้าย (๑๔๔) ผู้แต่งได้ระบุชื่อตนเอาไว้ด้วย ดังนี้

๑๔๔. ๏ โคลงเรื่องนิราศนี้ นรินทร์อิน
รองบาทบวรวังถวิล ว่าไว้
บทใดปราชญ์ปวงฉิน เชิญเปลี่ยน แปลงพ่อ
ปรุงเปรียบเสาวคนธ์ไล้ เลือกลิ้มดมดู ๚ะ

ดูเพิ่ม

ราศนร, นทร, เป, นวรรณคด, ในย, คร, ตนโกส, นทร, ตอนต, ประเภทน, ราศ, ดว, าแต, งได, โดยกระทรวงศ, กษาธ, การได, ดมาให, กเร, ยนได, กษาก, นในช, นเร, ยน, และม, บทโคลงท, ใช, เป, นแบบแผนของโคลงส, ภาพด, วย, เน, อหา, แต, เน, อหา, คำประพ, นธ, วอย, างจาก, เพ, แต, แก, ไข, แต,. nirasnrinthr epnwrrnkhdiinyukhrtnoksinthrtxntn praephthniras thicdwaaetngiddi odykrathrwngsuksathikaridkhdmaihnkeriynidsuksakninchneriyn aelamibthokhlngthiichepnaebbaephnkhxngokhlngsisuphaphdwy enuxha 1 phuaetng 2 enuxha 3 khapraphnth 4 twxyangcaknirasnrinthr 5 duephim phuaetng aekikh phuaetngnirasnrinthr khux naynrinthrthiebsr miichchuxtw aetepn mhadelk fayphrarachwngbwr wnghna insmyrchkalthi 2 minamedimwa xin intararuneka mkekhiynepn naynrinthrthiebsr xin idaetngniraseruxngniemuxkhrawtamesdcsmedcphrabwrracheca mhaesnanurksykkxngthphhlwngipprabphma sungyklngmatiemuxngthlangaelachumphr inchwngtnrchkalthi 2 emuxpimaesng ph s 2352 niraseruxngniphuaetngimidrabuchuxexaiw aeteriykknodythwiptamchuxphuaetng wa nirasnrinthr enuxha aekikh epnkarkhrakhrwyaelaphrrnnakhwamrusukxalyxawrn thimitxhyingkhnrk aelaelathungkaredinthang emuxphanphumipraethstang erimcakkhlxngkhud thungwdaecng wdxrun ekhakhlxngbangkxknxy aelalxngeruxipcnthungxawithy aelwkhunbkthiephchrburi khapraphnth aekikh nirasnrinthraetngdwyokhlngsisuphaph 143 bth odymiraysuphaphkhuntn 1 bth phuaetngpranitinkarkhdsrrkhaaelakhwamhmay rxykrxngepnbthokhlngthiipheraa thngyngmismphsxksraephrwphrawtamkhnbkhxngkhaokhlng xacklawidwa aethbimmiokhlngbthihnely thixanaelwimrusukthungkhwamipheraangdngam xyangirktam dwysanwnphasathiekathungyukhrtnoksinthrtxntn cungmikhasphthcanwnimnxythiekhaicyak hruxepnthithkethiyngknodyyngimmikhxyutiniraseruxngniepnthiykyxngknmak thungkbykepriybkbwrrnkhdirunekaxyangokhlngkasrwl ineruxngni smedc krmphrayadarngrachanuphaphyngidthrngphraniphnthkhanahnngsuxnirasnrinthrexaiw txnhnungmikhxkhwamwa miphusnnisthanwanaynrinthrthiebsr xin aetngexaxyang hruxeliynaebbokhlngniraskasrwlsriprachy sungaetnginrchkalsmedcphranaraynmharachkhrngkrungsrixyuthya aetemuxethiybekhiyngknaelw klbehnwaaetngdikwaeruxngkasrwlsriprachytwxyangcaknirasnrinthr aekikh1 srisiththiphisalphph elxhlalblmswrrkh crrolngolkkwakwang aephnaephnphangemuxngemru srixyutheynthraeymfa aeckaesngcaecidcnthr ephiyngrphiphrrnphxngdaw khunhayhawaehnbath srathukkhrasdrrxnesiyn sayesikehliynlnghla rayrabhnaephrin ekhykhawyinyxbtw khwbkhxmhwihwlalaw thukithnawmalynxm khxxxkxxmmaxxn phxnaephndinihphay khyayaephnfaihaephw eliyngthaeklwihkla phraysithethisfa efuxngfungthsthrrm thanaeh a 2 xyuthyayslmaelw lxyswrrkh lngvisinghasnprangkhrtnbrr ecidhlabuyephrngphrahaksrrkh sasnrung eruxngaehbngxbayebikfa fukfunicemuxng a krungsrixyuthyaaetkipaelw aetklblxylngmacakswrrkhxikhruxxyangir miprasathphrarachwngxnngdngamtrakarta dwybuybarmikhxngphramhakstriychwythanubarungphrasasnaihrungeruxng pdepathukkhihaekiphrfachawpracha nkwrrnkhdimkepriybethiybokhlngbthni kbokhlngdncakokhlngkasrwl sungkhunbathaerkdwysanwnkhlaykn dngtxipni sungepnbthchmphrankhrechnediywkn thngniphuaetngxacchunchmokhlngcakokhlngkasrwl sungchunchmphrankhremuxkhrngyngrungeruxng 1 xyuthyaysyingfa lngdin aelvixanacbuyephrngphra kxekuxecdiylxxxinthr prasathinthabthxngaelwenux nxkosrm a7 xyuthyaysoykfa fakdinphaddinphiphphdyw dxkfaaesnokdbylyin hyakeyuxitrrtneruxngrunghla hlaksrrkh a okhlngkasrwl nxkcakniinokhlnghmayelkh 22 yngthuxepnaemaebbkhxngokhlngsisuphaphbthhnungdwy 22 cakmamaliwla labangbangyieruxraphlang phiphrxngeruxaephngchwyphanang emiyngman manabangbrbkhakhlxng khlawnatakhlx adwyokhlngbthniichkhaexk 7 oth 4 aelathiehluxepnkhasuphaphthnghmd cungichepnaemaebbsahrbkaraetngokhlngsisuphaphidepnxyangdiintxnthay phuaetngyngidexythungwrrnkhdirunekaxiksxngeruxng khux kasrwlsriprachy aelathwathsmas sungepnniraskhaokhlngechnediywkn 124 kasrwlsriprachyphrxng ephrngkalcakculalksnlay swathaelwthwathsmassar samethws thwilaehykthdklangeksaekw kungrxnthrwngeriym aokhlngbthsudthay 144 phuaetngidrabuchuxtnexaiwdwy dngni 144 okhlngeruxngnirasni nrinthrxinrxngbathbwrwngthwil waiwbthidprachypwngchin echiyepliyn aeplngphxprungepriybesawkhnthil eluxklimdmdu aduephim aekikhwikisxrs mingantnchbbekiywkb nirasnrinthrekhathungcak https th wikipedia org w index php title nirasnrinthr amp oldid 9199561, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม