นิสสัน จีที-อาร์
นิสสัน จีที-อาร์ (อังกฤษ:Nissan GT-R) หรือชื่อในทางเทคนิค R35 เป็นรถยนต์นั่งสมรรถนะสูง เครื่องยนต์ลำหน้า ขับเคลื่อน 4 ล้อ (AWD) 2 ประตู 2+2 ที่นั่ง ผลิตโดยบริษัทนิสสันจากประเทศญี่ปุ่น จีที-อาร์ เปิดตัวครั้งแรกในวันที่ 6 ธันวาคม ปี ค.ศ. 2007 ที่ประเทศญี่ปุ่น และที่สหรัฐอเมริกา ในวันที่ 1 กรกฎาคม ปี ค.ศ. 2008 ส่วนประเทศอื่นๆ ในเดือน มีนาคม ปี ค.ศ. 2009 ได้รับการออกแบบโดย ชิโร นากามูระ (Shiro Nakamura)
นิสสัน จีที-อาร์ (R35) | |
---|---|
นิสสัน จีที-อาร์ (ปี 2017) | |
ภาพรวม | |
บริษัทผู้ผลิต | นิสสัน |
เริ่มผลิตเมื่อ | ค.ศ. 2007–ปัจจุบัน |
แหล่งผลิต | คามิโนกาวะ, โทชิงิ, ญี่ปุ่น (Nissan Motor Co., Ltd.) |
ผู้ออกแบบ | ภายนอก: Hirohisa Ono ภายใน: Akira Nishimura หัวหน้าการออกแบบ: Hiroshi Hasegawa ผู้อำนวยการออกแบบ: Shiro Nakamura |
ตัวถังและช่วงล่าง | |
ประเภท |
|
รูปแบบตัวถัง | 2 ประตู (2+2 ที่นั่ง) แบบคูเป |
โครงสร้าง | เครื่องวางลำหน้า, ขับเคลื่อนสี่ล้อ |
แพลตฟอร์ม | Premium Midship |
จำนวนประตู | 2 แบบบานเปิดธรรมดา |
ระบบส่งกำลัง | |
เครื่องยนต์ | 3.8 L VR38DETT ทวินเทอร์โบร์ วี6 (V6) |
กำลัง |
|
ระบบเกียร์ | เกียร์อัตโนมัติดูโอคลัช 6 จังหวะ |
มิติ | |
ระยะฐานล้อ | 2,780 mm (109.4 in) |
ความยาว |
|
ความกว้าง |
|
ความสูง |
|
น้ำหนัก | 1,740 kg (3,840 lb) |
ระยะเหตุการณ์ | |
รุ่นก่อนหน้า | นิสสัน สกายไลน์ จีที-อาร์ |
นิสสัน จีที-อาร์ จึงอาจกล่าวได้ว่า เป็นรถซูเปอร์คาร์ ไม่กี่คันที่มาจาก ประเทศญี่ปุ่น ที่สามารถเทียบชั้นได้กับ ซูเปอร์คาร์ยี่ห้อดังในยุโรปเช่น เฟอร์รารี่,ลัมโบร์กีนี,ปอร์เช่ เป็นต้น จึงทำให้ภาพพจน์รถยนต์ของญี่ปุ่นดูสูงขึ้นมาก เพราะนิสสันจีที-อาร์ เป็นรถคันเดียวของเยอรมันที่สามารถเป็นรถคูเป ที่เร็วที่สุดของโลกได้ เมื่อเทียบกับแต่ก่อนที่ รถจากญี่ปุ่นขึ้นชื่อเป็นรถราคาถูก ด้อยคุณภาพ ไม่สามารถเทียบชั้นได้กับ รถในสหรัฐ และ รถในยุโรป นิสสัน จีที-อาร์ ได้รับการบันทึกในกินเนสบุ๊ค ปี ค.ศ. 2011 ว่า เป็นรถสี่ที่นั่งที่มีอัตราเร่งเร็วที่สุดในโลก (Fastest 0–60 mph acceleration by a four seater production car) แต่ถึงอย่างไรก็ดีปัจจุบันสถิตินี้ถูกลบไปแล้ว โดยเฟอร์รารี่ เอฟ12เบอร์ลิเนตต้า ที่เข้ามาครองอันดับ 1 แทน
ประวัติ
ระหว่างปี 2512–2517 และระหว่างปี 2532–2545 นิสสันได้ผลิตรถที่มีสมรรถนะสูงที่ต่อยอดมาจากนิสสัน สกายไลน์ คูเป้ ได้ใช้ชื่อว่านิสสัน สกายไลน์ จีที-อาร์ โดยรถคันนี้ได้พิสูจน์ว่าเป็นสัญลักษณ์ของนิสสัน และได้ประสบผลสำเร็จทางด้านชื่อเสียงและรางวัลมากมายไม่ว่าจะอยู่บนถนนหรืออยู่ในสนามแข่ง นิสสัน จีที-อาร์ เป็นรุ่นที่ไม่ได้สร้างอยู่บนพื้นฐานของสกายไลน์อีกต่อไป แต่ได้การวิวัฒนาการมาจากนิสสัน สกายไลน์ จีที-อาร์ (โดนนิสสัน สกายไลน์นั้น เปลี่ยนมาเป็นรถบ้านและได้ขายในชื่ออินฟินิตี้ จี35)
นิสสัน จีที-อาร์ เป็นรถรุ่นใหม่ที่ได้รับการออกแบบรูปแบบตัวรถให้คล้ายกับรุ่นสกายไลน์ จีที-อาร์ คือขับเคลื่อนสี่ล้อ เครื่องยนต์เทอร์โบคู่ 6 สูบและมีไฟท้ายเป็นวงกลมสี่วง ส่วนระบบเลี้ยวทั้งสี่ล้อ HICAS ของสกายไลน์ จีที-อาร์ได้ถูกถอดออกไป และเครื่องยนต์เก่าของสกายไลน์ จีที-อาร์ RB26DETT ก็ได้ถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์ใหม่ VR38DETT. เมื่อจีที-อาร์นั้น ได้ออกแบบให้คล้ายคลึงกับสกายไลน์แล้ว รหัสตัวถึงก็จึงคล้ายกันกับสกายไลน์คือ CBA-R35, หรือเรียกสั้นๆ ว่า 'R35' (CBA เป็นคำนำหน้าสำหรับมาตรฐานการปล่อยมลพิษ) ซึ่งรหัสนี้เป็นรูปแบบการตั้งรหัสที่คล้ายกันกับสกายไลน์ จีที-อาร์รุ่นก่อนๆ และจีที-อาร์ รุ่นนี้ก็ยังได้รับฉายาตามรุ่นพี่สกายไลน์คือ ก็อตซิลล่า โดยฉายานี้ได้รับการแต่งตั้งให้โดยนิตยสาร Wheels จากประเทศออสเตรเลียในฉบับเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2532
คอนเซ็ปต์
รถคอนเซ็ปต์ของจีที-อาร์ มี 2 คันที่ได้แสดงให้ชมในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์ก่อนที่จะเผยโฉมจริง คอนเซ็ปต์แรกนั้นได้ไปแสดงที่งานโตเกียว มอเตอร์โชว์เมื่อปี ค.ศ. 2001 โดยคอนเซ็ปต์แรกของจีที-อาร์นั้นมีรูปร่างที่ทันสมัยเพื่อให้ทราบว่าจีที-อาร์ในศตวรรษที่ 21 จะมีการออกแบบคล้ายๆ แบบนี้ ต่อมาในปี ค.ศ. 2005 ที่งานโตเกียว มอเตอร์โชว์ นิสสันได้เผยโฉมคอนเซ็ปต์จีที-อาร์รุ่นที่ 2 โดยนิสสันได้กล่าวว่าจีที-อาร์เวอร์ชันผลิตจริงจะมีพื้นฐานและรูปร่างคล้ายกับคอนเซ็ปต์นี้ประมาณ 80–90%
โฉมผลิตจริง
รุ่นโฉมผลิตจริง
โฉมผลิตจริงของจีที-อาร์นั้น ได้เปิดตัวครั้งแรกในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ ปี ค.ศ. 2007 และเริ่มทำการตลาดในตลาดญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 6 เดือนธันวาคม ค.ศ. 2007 หลังจากทำการตลาดที่ญี่ปุ่นเป็นเวลา 6 เดือน ประเทศสหรัฐอเมริกาก็ได้เริ่มทำการตลาดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ. 2008 ส่วนประเทศแคนาดาได้ทำการตลาดในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2008 และประเทศฝั่งยุโรปได้ทำการตลาดเมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 2009
การออกแบบ
Shirō Nakamura หัวหน้าแผนกการออกแบบของนิสสัน ได้ทำให้จีที-อาร์รุ่นนี้มีลักษณะคล้ายไจแอนท์โรบอตจากการ์ตูนเรื่องกันดั้ม Nakamura ได้กล่าวไว้ว่า: "จีที-อาร์เป็นรถที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เนื่องจากไม่ได้มีการลอกเลียนการออกแบบแบบรถสปอร์ตฝั่งยุโรป และรถรุ่นนี้จะสะท้อนให้เห็นถึงประเพณีของญี่ปุ่นอย่างแท้จริง"
โพลีโฟนีดิจิตัล สตูดิโอผู้สร้างเกมแข่งรถ แกรนทัวริสโม ได้ถูกจ้างให้มีส่วนร่วมในการออกแบบหน้าจอมัลติฟังก์ชันของนิสสัน จีที-อาร์
2017 ปรับโฉม
บริษัท นิสสัน มอเตอร์ เปิดตัวรถสปอร์ตตัวแม่ GT-R ใหม่ โมเดล 2017 เปิดตัวครั้งแรกที่งาน New York International Auto Show (NYIAS) Nissan GT-R เปิดซูปเปอร์คาร์สู่ตลาดในปี 2007 ดีไซน์ภายนอกสำหรับ นิสสัน GT-R ได้รับการปรับโฉมใหม่ให้ทันสมัยขึ้น แต่ก็มีเค้าเดิมที่เป็นเอกลักษณ์อยู่ กระโปรงและกระจังหน้าเงาด้านแบบวีโมชั่นใหม่ใหญ่ขึ้นเพื่อระบายความร้อน เปลี่ยนลายกระจังเป็นช่องถี่มากขึ้น ส่วนล่างของกันชนทั้งด้านหน้าและหลัง ดีไซน์ใหม่ทั้งหมด ได้กลิ่นรถแข่งมาแต่ไกล โครงสร้างตัวถังการออกแบบให้อากาศไหลผ่านได้ดีขึ้น มีช่องระบายอากาศด้านข้าง ถัดไปจากปลายท่อไอเสีย โดยไฟท้ายแบบนิสสันรูปวงแหวน 4 ดวง ถูกต้องตามหลักแอร์โรไดนามิกส์ สำหรับเครื่องยนต์ใส่วี 6 ขนาด 3.8 ลิตร กำลัง 565 แรงม้า ม้าเพิ่มมา 20 ตัว จากรุ่นก่อน GT-R 2016 ที่มี 545 แรงม้า และระบบเทอร์โบคู่ ระบบเกียร์แบบดูอัลคลัทช์ 6 สปีด ระบบระบายไอเสียเป็นท่อไอเสียใช้ไทเทเนียม ดีไซน์ภายในห้องโดยสาร GT-R 2017 แผงคอนโซลหน้าและหน้าปัดใช้วัสดุหนังชั้นดี ตัดเย็บด้วยความประณีตโดยทีมช่างฝีมือ Takumi สไตล์ Horizontal Flow มีระบบอินโฟเทนเมนท์รุ่นใหม่ หน้าจอดีสเพลย์แบบทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว ปรับลดสวิตช์ปุ่มเหลือเพียง 11 ปุ่ม ทำให้การใช้งานง่ายขึ้น รวมถึงแพดเดิ้ลชิฟท์ที่พวงมาลัย
Nissan GT-R 2017 ภายในเพิ่มความหรูหราด้วยการใช้หนัง Nappa หุ้มแดชบอรด์ ห้องโดยสารมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ น้ำตาล ราคุดา แทน, แดง แอมเบอร์ เรด และ ครีม ไอวอรี่ สำหรับกำหนดการส่งมอบ Nissan GT-R 2017 ประมาณช่วงกลางปี 2020 ไม่นานเกินรอ...
2017 จีที-อาร์ NISMO
นิสสัน เปิดตัว NISSAN GT-R NISMO ปี 2017 สู่ความเหนือชั้นอีกระดับ พร้อมพิสูจน์อีกขีดขั้นของสมรรถนะที่สนาม เนือร์บวร์คริง ประเทศเยอรมนี (27 พฤษภาคม 2559) – บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยวันนี้ว่า ทางนิสสัน มอเตอร์ สปอร์ต หรือ NISMO ได้เปิดตัว Nissan GT-R NISMO ใหม่ เวอร์ชันปี 2017 เป็นครั้งแรกที่สนามเนือร์บวร์คริง ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นสนามที่มีชื่อเสียง และได้ชื่อว่าเป็นสนามที่มีระยะทางต่อรอบยาวที่สุด และยังท้าทายที่สุดในโลก อีกทั้งยังเป็นสนามแข่งที่นิสสัน ใช้ในการทดสอบ ปรับแต่ง และพัฒนา GT-R ให้มีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เช่นเดียวกันกับรุ่นปกติ Nissan GT-R NISMO ใหม่ เวอร์ชันปี 2017 นั้น ได้รับการปรับแต่งรายละเอียดทั้งภายใน ภายนอก โดยรูปลักษณ์ภายนอกส่วนหน้าของ GT-R NISMO ได้รับการปรับให้โฉมเฉี่ยวขึ้น โดยมีไฮไลท์อยู่ที่กันชนและกระจังหน้าใหม่แบบ V-Motion ที่เป็นโครเมียมรมดำซึ่งถูกขยายให้ใหญ่ขึ้น เพื่อรับและระบายอากาศได้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม โดยที่ไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมในเชิงอากาศพลศาสตร์ของตัวรถ และยังช่วยให้เครื่องยนต์สามารถทำงานอย่างเต็มสมรรถนะ สำหรับฝากระโปรง ซึ่งได้รับการปรับปรุงให้มีความแข็งแกร่งขึ้นนั้น สร้างความมั่นใจในการขับขี่ในย่านความเร็วสูง โดยจะไม่เกิดการบิดตัวหรือเสียรูป และทำให้ตัวรถคงลื่นไหลไปตามหลักอากาศพลศาสตร์ได้ในทุกระดับความเร็ว อย่างไรก็ตามความแตกต่างใน Nissan GT-R NISMO ใหม่ คือ กันชน และ สเกิร์ตหน้า ที่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ อย่างพิถีพิถันและมีความละเอียด โดยช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญที่เรียกว่า TAKUMI ซึ่งชั้นของเส้นใยคาร์บอนไฟเบอร์ จะถูกวางทับและเหลื่อมซ้อนกันอย่างระมัดระวังและลงตัว เพื่อให้มาซึ่งความแข็งแกร่ง มากที่สุด โดยการเสริมด้วยชุดแต่งรอบคันของ NISMO ทั้งหมดนี้ จะเพิ่มการไหลของกระแสอากาศรอบคัน พร้อมเพิ่มแรงกด (Downforce) และ ปรับปรุงการไหลของอากาศที่ซุ้มล้อ ทำให้รถมีประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์เพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยในภาพรวมนั้น รูปทรงของรถที่ได้ถูกปรับปรุงนี้ สามารถสร้างแรงกดได้มากกว่ารถยนต์ในสายการผลิตรุ่นอื่นๆ ของ Nissan เท่าที่เคยมีมา ทำให้การทรงตัวดีขึ้นอย่างยิ่งยวด ในช่วงความความเร็วสูง ด้านรูปลักษณ์ภายใน ห้องโดยสารของ GT-R NISMO ใหม่ยังคงได้รับการปรับปรุงตามแบบที่รุ่นปกติของ GT-R เวอร์ชันปี 2017 ด้วยสัมผัสและความสะดวกสบายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แผงหน้าปัด พวงมาลัย และพนักวางแขนตรงกลาง ได้รับการปรับปรุงใหม่ด้วยการใช้วัสดุชั้นดีคุณภาพสูงอย่างหนัง Alcantara สำหรับการจัดวางรายละเอียดต่างๆ บนแผงคอนโซลกลาง ได้รับการปรับปรุงใหม่ที่เน้นความเรียบง่าย ด้วยการรวมระบบนำทางและระบบเครื่องเสียง (ลดจำนวนของปุ่มและสวิทช์จากเดิม 27 เหลือเพียงแค่ 11 ปุ่มเท่านั้น) และหน้าจอแบบทัชสกรีนขนาดใหญ่ 8 นิ้ว แสดงผล Icon ของระบบต่างๆ ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ง่ายต่อการมองเห็นและใช้งาน สำหรับปุ่มควบคุมในระบบ Display Command ที่อยู่บนแผงคอนโซลกลางผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ ช่วยให้การใช้งานทำได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องละมือมาสัมผัสที่หน้าจอซึ่งสะดวกในกรณีที่กำลังขับรถด้วยความเร็วสูง นอกจากนี้ในรุ่น NISMO ความโดดเด่นจะอยู่ที่เบาะนั่งแบบบัคเก็ตซีต ของ Recaro ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างพิเศษเพื่อรถยนต์รุ่นนี้โดยเฉพาะ มีการเสริมความสวยงามด้วยหนัง Alcantara สีแดงในแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของ NISMO ในด้านสมรรถนะนั้นถือว่าเยี่ยมยอดโดย GT-R NISMO ใหม่ มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ได้รับการพัฒนาให้ดีเยี่ยมยิ่งขึ้น ซึ่งส่วนสำคัญมาจากโครงสร้างตัวถังที่เสริม ความแข็งแกร่ง (Reinforced Body) ทำให้ทีมวิศวกรสามารถเลือกใช้โช้กอัพ สปริง และเหล็กกันโคลงสำหรับ GT-R NISMO เพื่อเพิ่มแรงกดได้อย่างเหมาะสม ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการควบคุมรถที่ดีเพิ่มมากขึ้น โดยสามารถเห็นได้จากการขับแบบสลา-ลอม และการเข้าโค้ง นอกจากนี้ระบบโช้กอัพแบบปรับระดับได้ของ Bilstein รุ่น DampTronic ที่มีจุดเด่นในเรื่องของการปรับระดับความหนืดของโช้กอัพให้สอดคล้องกับการขับขี่หลากหลายแบบ ที่ถูกนำมาใช้กับ GT-R นั้น ยังคงมีอยู่ในเวอร์ชัน NISMO แต่มีการปรับแต่งเป็นพิเศษเพื่อให้รองรับกับ สมรรถนะของเครื่องยนต์ ให้สามารถถ่ายทอดลงสู่พื้นถนนได้อย่างเต็มที่ ขุมพลังของ GT-R NISMO ยังคงใช้เครื่องยนต์ VR38DETT แบบ วี 6 24 วาล์ว ขนาด 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ ที่ให้กำลังสูงสุดกว่า 600 แรงม้า มาพร้อมกับระบบส่งกำลังแบบคลัตช์คู่ 6 จังหวะ ปรับแต่งในรายละเอียดแบบเดียวกับการแข่งขันของ GT3 ถือเป็นอีกหนึ่งการพัฒนาที่ NISMO ได้สั่งสมจากประสบการณ์ของเวทีมอเตอร์สปอร์ตที่ผ่านมา แต่ละบล็อกจะได้รับการประกอบด้วยมือตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งเสร็จสิ้นภายในห้องพิเศษที่ใช้ประกอบเครื่องยนต์ระดับสูง จากช่างฝีมือระดับสูงสุดของนิสสัน (ที่เรียกว่า TAKUMI) ซึ่งที่ด้านหน้าเครื่องยนต์แต่ละเครื่องจะมีป้ายอะลูมิเนียมแสดงชื่อ TAKUMI ผู้ที่ประกอบเครื่องยนต์นี้อีกด้วย ด้วยสมรรถนะที่เพิ่มขึ้น GT-R NISMO ใหม่ ยังได้รับการยกระดับในด้านอื่นๆให้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยสามารถขับขี่ หรือตอบสนองบนเส้นทางที่คดเคี้ยวได้อย่างยอดเยี่ยม รวมถึงการขับในสนามแข่ง ซึ่งนายฮิโรชิ ทามูระ หัวหน้าทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญของโครงการพัฒนา GT-R NISMO และ GT-R กล่าวว่า “GT-R NISMO ได้เน้นย้ำความเป็นตัว ‘R’ ที่สื่อถึงการแข่งขัน (Racing) โดยตัวรถสามารถตอบสนองได้ทุกสนามแข่ง สร้างความตื่นเต้นและความเร้าใจในระดับสูงสุดให้กับผู้ขับ ทำให้ GT-R เวอร์ชัน NISMO รุ่นปี 2017 กลายเป็นรถสปอร์ตที่มีสมดุลที่ดีขึ้น ไม่เพียงแค่ด้านสมรรถนะของรถเท่านั้น แต่ยังให้สัมผัสในทุกๆ ด้านด้วยระดับสูงสุด และนี่คือผลสำเร็จที่ตอบแทนความพยายามอย่างไม่หยุดหย่อนของเราที่จะส่งผ่านความพึงพอใจในระดับสูงสุด ของประสบการณ์ให้แก่ผู้ขับขี่”
GT-R NISMO รุ่นปี 2017 มีจำหน่ายด้วยกัน 5 สี โดยได้รับการประกอบที่โรงงานนิสสันใน เมืองโตชิกิ ประเทศญี่ปุ่น ส่วนเครื่องยนต์ นั้นประกอบด้วยมือของยอดฝีมือช่าง ทาคูมิ จากโรงงานนิสสันที่ เมือง โยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น
ข้อมูลเฉพาะทางเทคนิค (สำหรับ EUR spec) เครื่องยนต์ VR38DETT แบบ V6 DOHC ปริมาตรกระบอกสูบ : ซีซี 3,800 แรงม้าสูงสุด 441kW(600PS)/6,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 652 นิวตัน-เมตร(66.5 กก.- ม.) / 3,600-5,600 รอบต่อนาที ขนาดและน้ำหนัก ความยาวทั้งหมด 4690 mm ความกว้างทั้งหมด (ไม่รวมกระจกมองข้าง) 1895 mm ความสูง 1370 mm ระยะฐานล้อ 2780 mm
สำหรับ NISMO เป็นชื่อย่อของ Nissan Motorsports ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2527 ซึ่งตลอดระยะเวลา 32 ปีที่ผ่านมา นิสสันได้ใช้แบรนด์ นิสโม ในการทำกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตจนเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีเยี่ยม เช่น การกวาดชัยชนะถึง 9 รายการในการแข่งขันระดับโลกเมื่อปี 2558 รวมถึงการแข่งขันรายการซุปเปอร์จีที ที่นิสสันสามารถคว้าแชมป์ทั้งรุ่น GT500 และ GT300 นิสโมมีส่วนสำคัญในการสร้างแบรนด์ของนิสสันให้แข็งแกร่ง ในฐานะแบรนด์ที่สร้างสรรค์นวัตกรรมยานยนต์ที่ตื่นเต้น เร้าใจ โดยหน้าที่หลักของนิสโมคือ พัฒนาเทคโนโลยีและสมรรถนะสำหรับกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ต และพัฒนา Road Cars หรือรถยนต์ที่ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน ด้วยการนำประสบการณ์ แรงบันดาลใจ และเทคโนโลยีจากสนามแข่ง มาใช้ในการพัฒนาสมรรถนะรถของนิสสันมีความเหนือชั้นขึ้นไปอีก ทั้งด้านการดีไซน์ การออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ การควบคุมรถ และสมรรถนะ
นิสสัน จีที-อาร์50 by Italdesign
แผนสำหรับ Nissan และ Italdesign คาดว่าจะเปิดตัวรุ่น GT-R50 ภายในงาน Geneva Motor Show ในเดือนมีนาคม แต่งานได้ถูกยกเลิกจากสถานการณ์ไวรัสโคโรน่า จึงเปลี่ยนแผนในการเปิดตัว รถที่ถูกผลิตจำกัดเพียง 50 คันเท่านั้นเเละคันแรกจะถูกส่งมอบให้กับผู้ซื้อในช่วงปลายปีนี้้
Nissan GT-R50 By Italdesign ที่จะมีเพียง 50 คันทั่วโลก ซึ่งในแต่ละคันนั้นจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเพื่อความพิเศษ เนื่องจากรุ่นนี้เป็นรุ่นพิเศษที่เฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของ GT-R เมื่อปี 2019 จึงสร้าง GT-R50 By Italdesign ขึ้นมา โดยมีพื้นฐานมาจาก Nissan GT-R R35 Nismo ดังนั้นจึงมาพร้อมกับเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบคู่ ขนาด 3.5 ลิตร ที่สร้างขึ้นด้วยมือและได้มีการปรับแต่งเครื่องยนต์ โดย Nismo ทำให้ได้กำลังสูงถึง 710 แรงม้าเเละแรงบิด 780 นิวตันเมตร
2020 จีที-อาร์ 50th Anniversary Edition
นิสสัน ประเทศไทย ประกาศเปิดตัวนำ Nissan GT-R 50th Anniversary มาจัดแสดง ณ Motor Expo 2019 โดยราคาจะอยู่ที่ 11,300,000 บาท มาพร้อมความหรูหราและสปอร์ต ขนาดเครื่องยนต์ 3.8 ลิตร พร้อมความเร็วสูงสุดที่ 300 กม./ชม. ถือว่าเป็นรุ่นพิเศษ ฉลองครบรอบ 50 ปี ของรหัสแรง GT-R
จำนวนที่ผลิตในแต่ละปี
ปี (ค.ศ.) | จำนวนรถที่ผลิต |
---|---|
2008 | 1890 |
2009 | 1534 |
2010 | 877 |
2011 | 1294 |
2012 | 1442 |
2013 | 1,237 |
2014 | 1,436 |
2015 | 1,105 |
2016 | 698 |
2017 | 578 |
รวมทั้งหมด | 8,153 |
ข้อมูลทางเทคนิค
- อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. : 2.8 วินาที (2012) / 2.9 วินาที (2017)
- ความเร็วสูงสุด : 195.0 ไมล์/ชม. (313.8 กม./ชม.) (2008 - 2012) , 195.7 ไมล์/ชม. (315 กม./ชม.) (2017)
- อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน : 12/100 กม. (รุ่นเก่า) , 11.8/100 กม. (รุ่นปี 2012) , 11.7/100 กม. (รุ่นปี 2017)
- เครื่องยนต์ : V6 ขนาด 3.8 ลิตร
- แรงม้า : 530 ที่ 6400 รอบ/นาที (รุ่นเก่า) ,550 แรงม้า ที่ความเร็วรอบเดิม(รุ่นปี 2016), 565 แรงม้า (รุ่นปี 2017)
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- "NISSAN – CORPORATE INFORMATION – Outline of Company – Facilities in Japan". สืบค้นเมื่อ October 4, 2014.
- http://www.autoweek.com/apps/pbcs.dll/article?AID=/20071017/FREE/71017001
- http://men.mthai.com/car/content/1836
- "Nissan Skyline GT-R". evo.co.uk. p. 1. สืบค้นเมื่อ October 9, 2008.
- "Nissan Skyline GT-R". Zimbio. p. 1. สืบค้นเมื่อ October 9, 2008.
- "Under the hood of the Nissan GT-R". Autoblog. September 11, 2007. สืบค้นเมื่อ September 11, 2007.
- "Nissan GT-R Press Information – Specifications". Nissan. สืบค้นเมื่อ November 1, 2007.
- Blackburn, Richard (February 29, 2008). "Nissan GT-R: 'Godzilla' returns..." drive.com.au. p. 1. สืบค้นเมื่อ August 26, 2008.
- "2001 Nissan GT-R Concept". JB car pages. สืบค้นเมื่อ June 22, 2008.
- . edmunds.com. October 18, 2005. p. 1. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ October 17, 2007. สืบค้นเมื่อ August 26, 2008. Unknown parameter
|deadurl=
ignored (help) - Matt Vella (November 26, 2007). "Nissan Redesigns a Japanese Icon". BusinessWeek. สืบค้นเมื่อ October 27, 2008.
- . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ October 18, 2007. Unknown parameter
|deadurl=
ignored (help) - http://www.autospinn.com/2011/11/new-nissan-gt-r-jdm-2012-%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%99-%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C-%E0%B9%82%E0%B8%89%E0%B8%A1%E0%B9%83%E0%B8%AB/
แหล่งข้อมูลอื่น
- เว็บไซต์นิสสันประเทศไทย