บ้านแทรง
ประวัติความเป็นมาของหมู่บ้าน
บ้านแทรง หมู่ที่ 1 ตำบลห้วยสำราญ อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นหมู่บ้านที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองขุขันธ์ ซึ่งเกิดมาพร้อม ๆ กับการตั้งเมืองขุขันธ์ และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตั้งเมืองขุขันธ์ ดังปรากฏในหนังสือ “ เมืองขุขันธ์ ” แต่ไม่ปรากฏนามผู้ก่อตั้งที่แน่ชัด
- ตามคำบอกเล่าของชาวบ้านและคนแก่ในพื้นที่ รวมถึงอิงจากการชำระประวัติเมืองขุขันธ์ ที่กล่าวถึงบ้านแทรงนั้นก็คือ บ้านแทรงเป็นหมู่บ้านเก่าแก่ อายุมากกว่า 300 ปีมาแล้ว ความหมายชื่อหมู่บ้าน เรียกชื่อตามท้องถิ่นเดิมของกลุ่มชนเขมรอพยพจากบ้านโอรเวง (ประเทศกัมพูชา) ตั้งชื่อหมู่บ้านว่า “ ซะรกโอรแตรง ” ซึ่งคำว่า “ โอร ” หมายถึงลำน้ำ สมัยก่อนมีลำน้ำสายเล็ก ๆ ไหลผ่านบริเวณที่ตั้งบ้านแทรงหลายสาย แต่ปัจจุบันมีการตัดถนนผ่านจึงทำให้ลำน้ำถูกถมไปเกือบทั้งหมด
- หรืออีกชื่อหนึ่งอาจเป็นเพราะบริเวณที่ตั้งบ้านแทรงนั้น มีพืชล้มลุกชนิดหนึ่ง ที่ชนชาวเขมรหรือชาวกัมพูชาในปัจจุบันใช้ลำต้นทำลูกธนู ชื่อว่าต้น “ แตรง ” (ภาษาเขมร) ขึ้นมากมายบริเวณทางเข้าหมู่บ้าน ( โดยเฉพาะทางทิศตะวันตกของโรงเรียนบ้านแทรงบริเวณทางแยกไปบ้านใจดีในปัจจุบัน หรือทางหลวงชนบทสาย ศก ) เลยเรียกตามชื่อพืชชนิดดังกล่าวก็อาจจะเป็นได้
- อีกประการคือในอดีตพื้นที่บริเวณนี้จะเป็นที่อยู่อาศัยของเจ้านายสมัยก่อน ซึ่งชนชาวส่วยจะสัญจรผ่านไปมา เพราะเป็นหมู่บ้านที่เป็นประตูเมืองทางทิศตะวันตกของเมืองขุขันธ์ก่อนจะถึงเมืองขุขันธ์ จะเห็นได้จากการตั้งชื่อวัดก็คือ “ วัดเทพทวารา ” หมายถึงประตูทางเข้าของเทพเจ้า ในที่นี้ก็คือเจ้าขุนมูลนายเจ้าเมืองขุขันธ์นั่นเอง ซึ่งเรียกคนที่อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่นี้ว่า “ទ្រេង” ( อ่านว่า /เตรง/ ซึ่งภาษากูยแถบอำเภอขุขันธ์ ยุคนั้น หมายถึง เจ้านาย ) จึงสันนิษฐานว่าการตั้งชื่อหมู่บ้านอาจจะเรียกตามชาวกูยว่า ซะรกเตรง แล้วภายหลังเพียนมาเป็น แทรงก็อาจจะเป็นได้
- อย่างไรก็ตามจากประวัติที่กล่าวมาข้างต้นยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่าบ้านแทรงนั้นตั้งแต่เมื่อใด ใครเป็นผู้ตั้ง หรือการใช้ชื่อ “แทรง” นี้มีที่มาจากที่ใด ซึ่งทางหมู่บ้านยังไม่มีการชำระประวัติศาสตร์ของหมู่บ้านแต่อย่างใด แต่ในข้อมูลข้างต้นนั้นทางกรรมการหมู่บ้านได้สำรวจประชาชน คนเฒ่าคนแก่ รวมถึงอิงจากการชำระประวัติเมืองขุขันธ์ ที่หลังจากการชำระเสร็จแล้วมีการกล่าวถึงบ้านแทรง และสามารถสรุปได้อย่างคร่าว ๆ ดังข้อมูลข้างต้นนั่นเอง
- ต่อมาได้ถูกเรียกชื่ออย่างเป็นทางการว่าบ้านแทรง (อ่านว่า ทแรง) ตั้งอยู่ในเขตปกครองท้องถิ่นของเทศบาลตำบลห้วยเหนือ(ปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็นเป็นเทศบาลตำบลเมืองขุขันธ์) ตำบลห้วยเหนือ อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ ประชากรส่วนใหญ่ใช้ภาษาเขมรเป็นภาษาสื่อสารในชีวิตประจำวัน และใช้ภาษาไทยเป็นภาษาราชการ มีหมู่บ้านตั้งอยู่เป็นหย่อม ๆ คือ บ้านแทรง (รวมบ้านราษีพัฒนาในปัจจุบันด้วย) บ้านอีจืง (ปัจจุบันคือบ้านแทรงเหนือ) บ้านหนองก๊อก และบ้านหนองก็อง (เรียกตามภาษาท้องถิ่น)
- ต่อมากรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้แยกตำบลออกจากตำบลห้วยเหนือ ซึ่งในขณะนั้นตำบลห้วยเหนือมีขนาดกว้างขวางมาก โดยตั้งชื่อตำบลที่แยกออกมาว่า “ ตำบลห้วยสำราญ ” บ้านแทรงจึงขึ้นปกครองกับตำบลห้วยสำราญและอยู่นอกเขตเทศบาลตำบลห้วยเหนือ(ปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็นเป็นเทศบาลตำบลเมืองขุขันธ์) ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา และได้เปลี่ยนจากหมู่ที่ 2 ตำบลห้วยเหนือ เป็นหมู่ที่ 1 ตำบลห้วยสำราญ ตั้งแต่นั้นมา
- เนื่องจากบ้านแทรงเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย จึงทำการแยกบ้านแทรงออกเป็น 4 หมู่ คือ
- 1. ชุมชนที่ตั้งอยู่ตรงกลางคงใช้ชื่อ บ้านแทรง หมู่ที่ 1 ดังเดิม
- 2. ชุมชนบ้านราษี แยกออกจากบ้านแทรง ใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า บ้านราษีพัฒนา หมู่ที่ 2
- 3. ชุมชนบ้านหนองก๊อก ตั้งอยู่ระหว่างบ้านทรงหมู่ที่ 1 และบ้านราษีพัฒนา หมูที่ 2 แยกเป็นบ้านหนองก๊อก หมู่ที่ 10
- 4. รวมชุมชนบ้านอีจืงและบ้านหนองก็อง ตั้งเป็น บ้านแทรงเหนือ หมู่ที่ 11
- ประชาชนนับถือศาสนาพุทธ ซึ่งจะเห็นได้จากศาสนสถานก็คือ วัดบ้านแทรง (วัดเทพทวารา) ซึ่งเป็นวัดแห่งแรกของบ้านแทรงและยังเป็นโรงเรียนแห่งแรกของบ้านแทรงอีกด้วย
คำขวัญ
- แทรง แหล่งคนดี มีเจดีย์ตาปราสาท
คำขวัญแบบส่วนภูมิภาค
- แทรงแหล่งคนดี เจดีย์ตาปราสาท เปรื่องปราชญ์หัตถกรรม สำโรงใหญ่สูงล้ำ หนองก๊อก หนองก็องนำก้าวหน้า พัฒนาบ้านราษี ถิ่นครูดีที่หนูรัก
ภูมิสังคมของชุมชน
ลักษณะภูมิประเทศ
ลักษณะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบ ที่ราบลุ่ม และที่ดอนสลับกัน พื้นที่เกษตรกรรมเป็นลักษณะดินร่วนปนทราย สภาพความสมบูรณ์ต่ำ มีลำห้วยแซ็มและคลองชลประทานทอดผ่านจากเหนือจรดใต้ อยู่ทางด้านตะวันออกของหมู่บ้าน
อาณาเขต
- ทิศเหนือ ติดเขตบ้านแทรงเหนือ
- ทิศใต้ ติดเขตบ้านหนองก๊อก
- ทิศตะวันออก ติดเขตเทศบาลตำบลเมืองขุขันธ์
- ทิศตะวันตก ติดเขตบ้านราษีพัฒนา และบ้านหนองก๊อก
พื้นที่ทั้งหมด
ยังไม่มีการสำรวจ หรือปักหลักเขตแดนระหว่างหมู่บ้านแต่อย่างใด แต่หากวัดระยะทางตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2201 ที่ผ่านบ้านแทรง(เฉพาะตัวหมู่บ้านไม่รวมพื้นที่ทำการเกษตร)มีระยะทางประมาณ 600 เมตร และวัดตามความยาวของห้วยแซมที่ผ่านบ้านแทรงเป็นระยะทางประมาณ 500 เมตร ดังนั้นหากวัดพื้นที่หมู่บ้านโดยใช้เกณฑ์ดังกล่าว บ้านแทรงจะมีพื้นที่ประมาณ 300,000 ตารางเมตร หรือประมาณ 0.3 ตารางกิโลเมตร
ประชากรและครัวเรือน
- จำนวนครัวเรือนทั้งหมด 189 หลังคาเรือน(พ.ศ. 2548)
- จำนวนที่มีครัวเรือนที่มีอยู่จริง 173 หลังคาเรือน(พ.ศ. 2548)
- ครัวเรือนแฝง 2 ครัวเรือน(พ.ศ. 2548)
- ไม่มีตัวตน 2 คน 2 ครัวเรือน(พ.ศ. 2548)
- ไปทำงานต่างถิ่นทั้งครอบครัว 3 ครัวเรือน(พ.ศ. 2548)
- จำนวนประชากรที่มีอยู่จริงในปัจจุบันในปัจจุบัน (พ.ศ. 2548) 775 คน แยกเป็น ชาย 385 คน หญิง 390 คน
สภาพสังคม ภาษา วัฒนธรรมและประเพณี
สภาพบ้านเรือน
- ที่อยู่อาศัยคงทนแข็งถาวร ปลุกสร้างเป็นสัดส่วน แต่ค่อนข้างจะแออัดเป็นบางจุด เนื่องจากเป็นชุมชนที่มีพื้นที่ปลูกที่อยู่อาศัยน้อย แต่จำนวนประชากรมีมาก
ภาษาที่ใช้และการนับถือศาสนา
- ประชาชนในพื้นที่นับถือศาสนาพุทธ 100 %
- ประชากรส่วนใหญ่ใช้ภาษาท้องถิ่น(ภาษาเขมร)สื่อสารในชีวิตประจำวัน
- ประชากรใช้ภาษาไทยในการติดต่อราชการในพื้นที่
ปราชญ์ชาวบ้าน
• นายทองม้วน หงษ์โสภา มีความรู้ด้านพิธีกรรมงานบุญต่างๆ
- นายเวย ชัยศีรษะ มีความรู้ด้านพิธีกรรมต่าง ๆ
- นางสมพร อุปมา มีความรู้ความสามารถทางด้านการประกอบอาหาร การทำขนมพื้นบ้านและขนมต่าง ๆ มากมายหลายชนิด
- นางโสม นวลแสง มีความรู้ทางด้านการทำคลอดหรือหมอตำแย
- นางโสม นวลแสง มีความรู้ทางด้านความสามารถทางด้านการนวดแผนไทย
- นางคง สายคง มีความรู้ทางด้านความสามารถทางด้านการนวดแผนไทย
- นางลอย สายคง มีความรู้ทางด้านความสามารถทางด้านการนวดแผนไทย
- นางอุฤทธิ์ เหล่าแค มีความรู้ความสามารถและความชำนาญในเรื่องการเย็บปักถักร้อย
สภาพวัฒนธรรมและประเพณีที่สำคัญ
เทศกาลปีใหม่ (New Year Festival)
- เทศกาลปีใหม่ (New Year Day) จัดขึ้นในคืนวันที่ 31 ธันวาคมของทุก ๆ ปี โดยแต่ละครอบครัวก็จะมีงานเลี้ยงสังสรรค์กันมากมาย รวมถึงทางคณะกรรมการหมู่บ้านก็ได้จัดกิจกรรมปีใหม่ให้กับเด็ก ๆ โดยจัดกิจกรรมจับฉลากแลกเปลี่ยนของขวัญกันด้วย และรวมไปถึงกิจกรรมนับถอยหลังก้าวสู่วันใหม่ ปีใหม่ ที่สดใสกว่าเดิม และรุ่งขึ้นของวันที่ 1 มกราคมของทุกปี ทางคณะกรรมการหมู่บ้านก็จะมีการแจกของชำร่วยแก่ผู้สูงอายุในชุมชน และมีการทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งในเช้าวันนี้ด้วย โดยจัดที่ วัดเทพทวารา หรือวัดบ้านแทรงนั่นเอง
ประเพณีก่อเจดีย์ข้าวเปลือก
- ประเพณีก่อเจดีย์ข้าวเปลือก ทำขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 เป็นการนำข้าวเปลือกไปถวายวัดเพื่อเป็นทุนในการพัฒนาและทำนุบำรุงวัด และศาสนสถานภายในวัด และเพื่อความเป็นศิริมงคลแก่ผู้ที่นำข้าวเปลือกไปถวาย รวมถึงเป็นการขอขมาแม่โพสพ เพื่อให้เกิดความเป็นศิริมงคลในการทำนาในฤดูต่อไปไห้ได้ผลผลิตที่ดีกว่าปีนั้น ๆ
ประเพณีสงกรานต์
- ประเพณีสงกรานต์ ทำขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ในตอนเช้าทางคณะกรรมการหมู่บ้านก็จะจัดพิธีรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ และแจกของชำร่วยเป็นที่ระลึกแก่คนเฒ่าคนแก่หรือเรียกอีอย่างว่าวันผู้สูงอายุนั่นเอง หลังจากนั้น เวลาประมาณ 11 นาฬิกา ทางคณะกรรมการหมู่บ้านร่วมกับวัดบ้านแทรงก็จะจัดพิธีแห่พระรอบหมู่บ้านเพื่อให้ชาวบ้านได้สรงน้ำพระ หลังจากนั้นเวลาประมาณบ่ายโมง ก็จะเป็นการขนทรายเข้าวัดเพื่อก่อเจดีย์ทรายเป็นรูปร่างต่าง ๆ หลังจากนั้นชาวบ้านก็จะนำดอกไม้นา ๆ ชนิดมาปักตกแต่งเจดีย์ให้สวยงาม ในการทำเจดีย์ทรายแต่ละครั้งก็จะมีการประกวดเจดีทรายที่สวยที่สุดด้วยซึ่งจะมีหมู่บ้านที่ร่วมประกวดกับทางบ้านแทรงก็คือ บ้านหนองก๊อก และบ้านแทรงเหนือ
ประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา
- ประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา จัดให้มีขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 เนื่องจากทางอำเภอขุขันธ์และเทศบาลตำบลเมืองขุขันธ์ได้จัดประเพณีแห่เทียนพรรษาขึ้นเช่นกัน บ้านแทรงจึงได้เข้าร่วมในการทำต้นเทียนใหญ่เพื่อร่วมพิธีกับทางอำเภอ โดยทางอำเภอก็จะมีการประกวดต้นเทียน ประกวดขบวนแห่ ประกวดการรำ และอื่น ๆ ซึ่งบ้านแทรงก็ได้คะแนนและอยู่ในลำดับที่ดีเสมอมา ในขณะเดียวกันหลังจากเข้าร่วมการประกวดจากทางอำเภอแล้ว ก็จะมีพิธีถวายเทียนพรรษา หลังจากนั้นเวลาประมาณ 16 นาฬิกาชาวบ้านก็จะมาพร้อมกันที่วัดพร้อมด้วยสังฆทาน เทียน ผ้าอาบน้ำฝน หรือปัจจัยอื่น ๆ ที่จำเป็นในการจำพรรษาของพระสงฆ์ มาถวายแด่พระสงฆ์ โดยก่อนถวายจะมีการทำพิธีทางศาสนาของชาวบ้านเป็นเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง นับจากเวลา 17นาฬิกา
ประเพณีแซนโฎนตา
- ประเพณีแซนโฎนตา ( Saendhountaa ) เป็นประเพณีที่สำคัญที่สุดของชาวบ้านแทรง และชาวอำเภอขุขันธ์ทุกคน ซึ่งถือได้ว่าประเพณีนี้เป็นประเพณีที่เรียกนักท่องเที่ยวจากต่างแดนมาเที่ยวอำเภอขุขันธ์ได้เป็นอันดับ 1 ประเพณีแซนโฎนตาจะจัดขึ้นในวันเพ็ญเดือน 10 เนื่องจากทางอำเภอขุขันธ์และเทศบาลตำบลเมืองขุขันธ์ได้จัดประเพณีแซนโฎนตาขึ้นเช่นกัน บ้านแทรงจึงได้เข้าร่วมในการทำเครื่องเซ่นไหว้ ขบวนแห่ นางรำ และอื่น ๆ โดยจะมีขบวนทั้ง 23 ขบวน จาก 22 ตำบล และอีกหนึ่งเทศบาลเข้าร่วม โดยแต่ละขบวนจะต้องไปรวมตัวกันที่วิทยาลัยเทคโนโลยีบริหารธุรกิจรักไทยขุขันธ์ ซึ่งอยู่ห่างจากปรัมพิธีเป็นระยะทาง 3 กิโลเมตรหลังจากนั้นแต่ละขบวนก็จะแห่เครื่องเซ่นไหว้มาที่ปรัมพิธีโดยแต่ละขบวนไม่ทิ้งห่างกันมาก หลังจากนั้นเมื่อขบวนสุดท้ายมาถึงปรัมพิธี (บริเวณอนุสาวรีย์พระยาไกรภักดีศรีนครลำดวน)ก็จะเป็นขบวนช้างของท่านพ่อเมืองก็คือนายกเทศมนตรีตำบลเมืองขุขันธ์พร้อมท่านคุณนาย นายอำเภอขุขันธ์พร้อมท่านคุณนาย และผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษพร้อมท่านคุณนายมาร่วมในพิธีเปิดและร่มทำพิธีแซนโฎนตา โดยการทำพิธีแซนโฎนตาจะใช้เวลาประกอบพิธีต่าง ๆ ประมาณ 3 ชั่วโมงนับแต่เวลาเริ่มประกอบพิธี
- ในขณะเดียวกันชาวบ้านแทรงก็จะมีการจัดทำพิธีแซนโฎนตาทุกหลังคาเรือน โดยเครื่องซ่นไหว้ที่สำคัญก็คือ ข้าวต้มมัดทุกชนิด ขนมกระยาสารท ผลไม้ทุกชนิด ข้าวปลาอาหารนานาชนิด ไก่ปิ้งและที่ขาดไม่ได้ก็คือกล้วยนั่นเอง ฯลฯ โดยแต่ละบ้านจะมีทั้งการรับและจูนโฎนตา โดยการรับก็คือการรับของเซ่นไหว้จากญาติของตนเองที่จะนำเครื่องเซ่นไหว้มาเซ่นไหว้ที่บ้านตนเองนั่นเอง ส่วนการจูนโฎนตาก็คือการที่ทางบ้านของแต่ละบ้านนำของเซ่นไหว้ไปส่งให้กับญาติตนเอง ดังนั้นการรับส่งโฎนตาก็คือการแลกเปลี่ยนของเซ่นไหว้กับญาติของตนนั่นเองโดยแต่ละหลังคาเรือนก็จะรอทั้งการรับและการจูนโฎนตาทั้งคืน หลังจากนั้นเวลา 04 :00 นาฬิกา ชาวบ้านก็จะมาพร้อมกันที่วัดพร้อมเครื่องเซ่นไหว้อย่างน้อยคนละหนึ่งถาดหลังจากนั้นก็จะเป็นการแห่เครื่องเซ่นไหว้รอบพระอุโบสถ 3 รอบ หลังจากนั้นก็จะเป็นการทำพิธีเรียกวิญญาณบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว รวมถึง สัมพะเวสี มารับของเซ่นไหว้ เป็นการเสร็จพิธีโดยจะใช้เวลาทำพิธีประมาณ 2 ชั่วโมงเศษ และเรียกพิธีนี้ว่าพิธิจูนบายตะบ็อดตะโบร หลังจากนั้นเวลาประมาณ 7 นาฬิกา ชาวบ้านก็จะมาที่วัดอีกครั้งพร้อมด้วยข้าวของที่ใช้ตักบาตรโดยข้าวของที่ใช้ตักบาตรในประเพณีนี้มีเพียง ข้าวต้มมัด กล้วย ผลไม้ต่าง ๆ และขนมไทยเท่านั้น โดยพิธีทำบุญตักบาตรในครั้งนี้จะใช้เวลาร่วม เกือบ 4 ชั่วโมงนับแต่เวลาเริ่มทำพิธี เป็นการเสร็จพิธีประเพณีแซนโฎนตา
ประเพณีแห่พระเวสสันดร
- ประเพณีแห่พระเวสสันดร หรือประเพณีออกพรรษา จัดให้มีขึ้นในวันเพ็ญ เดือน 11 เพื่ออัญเชิญพระเวสสันดรเข้าเมือง ในการประกอบพิธีกรรมนั้น ในส่วนของบ้านแทรง ได้ร่วมกับบ้านหนองก๊อก และบ้านแทรงเหนือ จัดพิธีแห่พรระเวสสันดร จากบริเวณศาลากลางหมู่บ้านแทรงเหนือ จนถึงวัดบ้านแทรง รวมระยะทางประมาณ 800 เมตร โดยประชาชนที่เข้าร่วมแห่นั้นแต่ละครก็จะมีดอกไม้ ธูป เทียน เพื่อบูชาพระรัตนตรัย และเมื่อขบวนแห่มาถึงวัดก็จะมีพิธีอัญเชิญพระเวสสันดร หลังจากนั้นก็จะมีพิธียกเสาทาน โดยลักษณะของเสาจะมีผ้า โดยผ้าก็จะมีกระเป๋าเพื่อรับเงินบริจาคจากประชาชน โดยก่อนยกเสาแต่ละเสาประชาชนก็จะนำเงินมาใส่ก้นหลุมแต่ละหลุม หลังจากนั้นก็จะมาใส่ที่ถุงทานที่ยอดเสา ซึ่งก่อนยกเสาแต่ละเสา ก็จะมีพิธีเล็กน้อย หลังจากนั้นก็จะยกเสาขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยจะยกเสาทั้งหมดจำนวน 6 เสา ส่วนเงินที่ได้ก็จะนำมาเป็นทุนในการสร้างหรือทำนุบำรุงศาสนสถานภายในวัดต่อไป
ประเพณีขึ้นบ้านใหม่
- ประเพณีขึ้นบ้านใหม่ ชาวบ้านนิยมทำในเดือนคู่ ยกเว้นเดือน 9 เพื่อความเป็นศิริมงคล ในการประกอบพิธีแต่ละครั้ง จะต้องมีบายศรี เป็นส่วนประกอบสำคัญตามประเพณีของไทยกลาง ส่วนใหญ่แล้วชาวบ้านจะนิยมจัดงานเป็นงานเล็ก ๆ โดยในตอนเช้าก็จะมีการรับแขก หลังจากนั้นก็จะเข้าสู่พิธีบายศรีสู่ขวัญให้แก่บ้านและเจ้าของบ้าน โดยผู้เข้าร่วมพิธีนี้หลังจากพิธีบานศรีสู่ขวัญเสร็จแล้ว แขกที่ถูกเชิญมาร่วมก็จะมาผูกแขนอวยพรแก่เจ้าของบ้าน โดยบ้านบางหลังพอตกค่ำก็จะมีการกินเลี้ยง สังสรรค์เล็กน้อย พอเช้าวันใหม่ก็จะทำบุญตามปกติ ถือเป็นการเสร็จพิธี
ประเพณีลอยกระทง
- ประเพณีลอยกระทง จัดให้มีขึ้นในวันเพ็ญเดือน 12 เพื่อขอขมาพระแม่คงคา เนื่องจากบ้านแทรงนั้นได้เข้าร่วมกับทางเทศบาลและทางอำเภอมาโดยตลอด ดังนั้นในประเพณีลอยกระทงทางอำเภอก็ได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ทุก ๆ ปี ทางบ้านแทรงจึงได้มีส่วนร่วมในการทำกระทงใหญ่มาร่วมแห่ในงานครั้งนี้ด้วย โดยเช่นเคยก็จะมีการประกวดขบวนแห่ ประกวดกระทงใหญ่ ประกวดนางรำและอื่น ๆ อีกมากมาย โดยบ้านแทรงก็ได้คะแนนและลำดับการประกวดแต่ละครั้งอยุ่ในลำดับที่ดีเสมอมา
การประกอบอาชีพและสภาพรายได้
- 97 % ของประชากรทั้งหมดในชุมชนประกอบอาชีพทำนา รายได้หลักก็คือปลูกข้าว ส่วนอาชีพเสริมก็คือ การทำสวน ปลูกผักสวนครัว ส่วนใหญ่เมื่อหมดฤดูทำนาชาวบ้านส่วนหนึ่งก็จะไปรับจ้างในเขตเมือง ส่วนงานฝืมือต่าง ๆ (Hand made) ที่เป็นรายได้เสริมหลักของชาวบ้านแทรง ก็จะมีผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อต่าง ๆ มากมายที่เรียกว่าสินค้าโอท็อป (One Tambon One Product : OTOP) ก็คือ ขนมกล้วยแขก ขนมกล้วยฉาบ ขนมกล้วยเบรกแตก ขนมกะหรี่ปั๊บ ขนมปั้นขลิบ ฯลฯ ส่วนข้าวของเครื่องใช้ ชาวบ้านก็จะทำเกี่ยวกับการเย็บปักถักร้อยต่าง ๆ ซึ่งได้จัดทำเป็นกลุ่มส่งเสริมอาชีพสตรีบ้านแทรง และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านแทรงอีกด้วย
สภาพเศรษฐกิจ
- รายได้เฉลี่ยของชุมชนอยู่ที่ 23,000 บาท / คน / ปี
- มีการออม
- 1.สัจจะสะสมทรัพย์ ของกองทุนหมู่บ้านมีจำนวนสมาชิก 123 ราย จาก 123 ครัวเรือน
- 2.ออมทรัพย์เพื่อการผลิตของกลุ่มออมทรัพย์ มีจำนวนสมาชิก 143 คน จาก 138 ครัวเรือน
- 3.เงินสะสมขิงสมาชิกวิสาหกิจชุมชนจากจำนวนสมาชิก 38 คน จาก 38 ครัวเรือน
- 4.พื้นที่การทำนา มากกว่า 600 ไร่ ผลผลิตที่ผ่านมาปริมาณข้าวผลิตได้เฉลี่ย 400 กิโลกรัม/ไร่ มูลค่าการจำหน่าย มากกว่า 6,180,000 บาท
ร้านค้าและตลาดชุมชน
- มีร้านค้าขายของชำ 7 แห่ง
- มีตลาดชุมชน 1 แห่ง ตั้งอยู่ในศูนย์เรียนรู้ชุมชนพอเพียง ชุมชนบ้านแทรง
ผลิตภัณฑ์ชุมชนต่าง ๆ
- อาหารและขนม ได้แก่ ขนมทองม้วนของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านแทรง
- ขนมซาลาเปา ขนมปั้นขลิป ขนมมะพร้าวแก้ว ขนมกล้วยแขกต้นตำรับ ของนางสมพร อุปมา
- ผ้าห่มจากผ้าทอและใยสังเคราะห์ ผ้าและผลิตภัณฑ์จากผ้า โดยกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านแทรง
- ข้าวอินทรีย์ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านแทรง (ข้าวกล้อง)
- การทำน้ำยาเอนกประสงค์ต่าง ๆ ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านแทรง เช่น น้ำยาล้างจาน ครีมอาบน้ำสมุนไพร น้ำยาปรับผ้านุ่ม และผงซักฟอก เป็นต้น
- การผลิตของชำร่วยของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านแทรง
บริการสาธารณะ
- มีหอกระจายข่าวและเสียงตามสายประจำหมู่บ้าน ใช้ในการประชาสัมพันธ์ข่าวสารต่าง ๆ ให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลทางราชการ และข้อมูลอื่น ๆ ที่ประชาชนจำเป็นต้องรู้
- มีศาลากลางหมู่บ้าน 1 แห่ง
- มีตู้โทรศัพท์สาธารณะ 1 แห่ง
- โรงสีข้าวชุมชน 1 แห่ง ตั้งอยู่ในศูนย์เรียนรู้ชุมชนพอเพียง ชุมชนบ้านแทรง
การปกครอง
คณะกรรมการหมู่บ้าน
- 1.นายพื้น อุปมา
- 2.นายศรีเมือง รับขวัญ
- 3.นายพรวน ศรีมุม
- 4.นางณัฐฎา หมดหลง
- 5.นายชวน อุปมา
- 6.นางนุชนารถ พันธ์จันทร์
- 7.นายบุญช่วย ศรีลาชัย
- 8.นายพัชระ สมทอง
- 9.นางสันต์ แหวนวงษ์
- 10.นางอุฤทธิ์ เหล่าแค
- 11.นายเภา อุปมา
ผู้นำชุมชนตามลำดับ
- 1.นายเจย กวดขันธ์
- 2.นายหนอม หงษ์โสภา
- 3.นายทอย รับขวัญ
- 4.นายอิน หงษ์โสภา
- 5.นายถึง สมควร (ต่อมาได้เป็นกำนันตำบลห้วยเหนือตั้งแต่ปี 2516 1- ปี 2525 และได้เสียชีวิตลงระหว่างดำรงตำแหน่งเป็นกำนันตำบลห้วยเหนือ)
- 6.นายบุญช่วย ศรีลาชัย
- 7.นายทองม้วน หงส์โสภา
- 8.นายสวิณ ปรือปรัง
- 9.นายศิริ คำศรี
- 10.นางอุฤทธ์ เหล่าแค
- 11.นายเภา อุปมา (ผู้ใหญ่บ้านคนปัจจุบัน)
การสาธารณสุข
- มีอาสาสมัครประจำหมู่บ้านออกตรวจสุขอนามัยของชาวบ้าน หากต้องการรับการรักษาโรคอย่างเป็นทางการส่วนใหญ่ชาวบ้านจะไปรับการรักษาจากคลินิกหมอในเมือง หรือไม่ก็ที่ โรงพยาบาลขุขันธ์
การศึกษา
- โรงเรียนบ้านแทรง เป็นโรงเรียนประจำหมู่บ้านและเป็นโรงเรียนดีประจำตำบลปี พ.ศ. 2555 ลักษณะของโรงเรียนเป็นโรงเรียนเปิดโอกาสทางการศึกษา คือ เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล 1 ถึง ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3
- ศูนย์เด็กก่อนเกณฑ์โรงเรียนบ้านแทรง
- ศูนย์เรียนรู้ชุมชนพอเพียง ชุมชนบ้านแทรง
ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
- บ้านแทรงอยู่ในการดูแลรักษาความปลอดภัยทางชีวิตและทรัพย์สินของสถานีตำรวจภูธรเมืองขุขันธ์
- มีอาสาสมัครคอยดูแลรักษาความปลอดภัยของชาวบ้าน
การศาสนาและศาสนสถานที่สำคัญ
วัดบ้านแทรง (วัดเทพทวารา)
- วัดบ้านแทรง ( วัดเทพทวารา ) เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองขุขันธ์ เกี่ยวข้องกับการตั้งเมืองขุขันธ์ ดังปรากฏ ในหนังสือ เมืองขุขันธ์ ตั้งมานานกว่า 300 ปี ภายในวัดมีปราสาทเก่าตั้งอยู่สามองค์ ขนาดความสูงประมาณ 2 – 3.50 เมตร และยังมีสระน้ำเก่าแก่ภายในวัด ซึ่งจากการสอบถามคนเฒ่าคนแก่ที่อายุมากกว่า 80 ปีและจากการสอบถามมัคคุเทศก์ภายในวัดกล่าวว่า “ตั้งแต่เกิดมาก็เห็นสระน้ำนี้อยู่ภายในวัดแล้ว” เป็นที่น่าแปลกใจที่แม้ว่าวันเวลาจะผ่านไปนับหลายปีหลายฤดู น้ำในสระแห่งนี้ไม้เคยเหือดแห้งหายไปจากสระแห่งนี้แต่อย่างใด เพียงแต่ระดับน้ำนั้นลดไปตามกาลเวลาเท่านั้นเอง
ปราสาทเจดีย์ตาปราสาท
- ปราสาทเจดีย์ตาปราสาท ( Ta Pra Sat Sanctuary ) ปราสาทตาปราสาท ตั้งอยู่ภายในโรงเรียนบ้านแทรง ลักษณะปราสาทเป็นปราสาทองค์เดี่ยว ความสูงประมาณ 6 เมตรจากพื้นดิน สมัยก่อนบริเวณนี้เป็นวัดมาก่อน มีปราสาทตั้งเรียงรายกันอยู่ 4 องค์ แต่เมื่อมีการย้ายวัดทำให้วัดแห่งนี้เป็นวัดร้าง ชาวบ้านจึงพากันมาถากถางพื้นที่เพื่อทำเป็นโรงเรียน ทำให้ปราสาทถูกทำลายเพื่อสร้างอาคาร 3 องค์ เหลือเพียงตาปราสาทองค์เดียวที่ไม่ถูกทำลาย เจดีย์ตาปราสาทเป็นที่เคารพและศักดิ์สิทธิ์มาก มีตำนานเล่าขานกันในหลายเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการดื่มน้ำสาบานและสาบานตนต่อหน้าตาปราสาท หากผู้ใดไม่ทำตามที่ตนกล่าวก็จะมีอันเป็นไปทันที
- ปัจจุบันเจดีย์ตาปราสาทแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของชาวบ้านแทรง ดังคำขวัญที่ว่า แทรง แหล่งคนดี มีเจดีย์ตาปราสาท หากผู้ใดที่มาบ้านแทรงแล้วไม่ได้ไปกราบไหว้เจดีย์ตาปราสาท ก็ถือว่ามาไม่ถึงบ้านแทรงโดยปริยาย
การคมนาคม
- จากตัวอำเภอขุขันธ์ ถึงหมู่บ้าน ระยะทาง 2 กิโลเมตร ประชาชนส่วนใหญ่เดินทางโดยพาหนะรถจักรยานยนต์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 นาที ส่วนตอนเช้าเด็กนักเรียนส่วนหนึ่งจะเข้าไปเรียนที่ตัวอำเภอ ส่วนใหญ่จะใช้รถจักรยาน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที ส่วนการเดินทางโดยใช้รถยนต์ใช้เวลาประมาณ 2 – 5 นาที
ทางหลวงที่ผ่านและถนนหนทาง
- ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2201 สายขุขันธ์ – ช่องสะงำ หรือถนนไกรภักดี สภาพถนนเรียบ ไม่มีหลุม ขนาดถนน 2 ช่องจราจร( ไป 1 กลับ 1 )ขนาดพิเศษ เป็นถนนสายหลักที่เข้าตัวหมู่บ้านเพียงทางเดียว หลักกิโลเมตรที่ 0 ของถนนสายนี้อยู่บริเวณ แยกขุขันธ์ ( Khukhan Intersection ) ซึ่งชาวบ้านใช้ถนนเส้นนี้ในการเดินติดต่อราชการกับทางอำเภอ หรือเดินทางไปเมืองอื่น ๆ ยกเว้นอำเภอปรางค์กู่
- ทางหลวงชนบทจังหวัดศรีสะเกษสายบ้านแทรง – อำเภอปรางกู่ แยกออกจดทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2201 บริเวณทิศตะวันตกโรงเรียนบ้านแทรง ทำให้บริเวรนั้นเป็นสามแยกขนาดใหญ่พอสมควร ชื่อแยกว่า แยกบ้านแทรง ( Ban Thraeng Intersection ) ซึ่งเป็นแยกที่สำคัญ 1 ใน 8 แยกของเมืองขุขันธ์
- มีถนนคอนกรีตเสริมเหล็กภายในหมู่บ้าน 12 สาย
- มีถนนที่ยังไม่เป็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก 6 สาย
แยกที่สำคัญ
แยกบ้านแทรง (Ban Thraeng Intersection) เป็นสามแยกขนาใหญ่และเป็นสามแยกที่สำคัญที่สุดก่อนเข้าเมืองขุขันธ์ทางด้านตะวันตกของอำเภอ โดยลักษณะสามแยกเกิดจากทางหลวงชนบทศรีสะเกษ สายบ้านแทรง – ปรางค์กู่แยกออกจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2201 โดยสามแยกนี้อยู่บริเวณทิศตะวันตกโรงเรียนบ้านแทรง ซึ่งสามแยกนี้มีลักษณะคล้ายตัววาย (Y) ตะแคงซ้าย ในเวลากลางคืนบริเวณแยกนี้จะมืดมากเพราะไม่มีหน่วยงานไหนมาติดไฟบริเวณแยกนี้ทำให้เกิดอุบัติเหตุเป็นประจำ
การเดินทางจากเมืองต่าง ๆ ถึงบ้านแทรง
การเดินจากกรุงเทพมหานคร – บ้านแทรง
- การเดินทางโดยทางอากาศ เริ่มจากโดยสารเครื่องบินจากท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ ลงจอดที่ท่าอากาศยานอุบลราชธานี อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี จากนั้นเดินทางโดยรถยนต์หรือรถขนส่ง บ.ข.ส. โดยทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 226 สายอุบลราชธานี – ศรีสะเกษ จากนั้นเมื่อถึงแยก โรงไอติม ( Rong I – Tim Intersection ) ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 220 สายศรีสะเกษ – ขุขันธ์ ขับตรงเรื่อย ๆ จนถึง สี่แยกขุขันธ์ ( Khukhan Intersection ) หลังจากนั้นเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2201 สายขุขันธ์ – ช่องสะงำ ขับตรงเป็นระยะทาง 2 กิโลเมตร ถึงบ้านแทรง
- การเดินทางทางถนน เริ่มจากเดินทางโดยใช้ถนนมิตรภาพ จากนั้นเมื่อถึงอำเภอโชคชัย เลี้ยวเข้าถนนโชคชัย – เดชอุดม หรือทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 24 นั่นเอง ขับตรงมาเรื่อย ๆ เมื่อถึงเขตอำเภอขุขันธ์บริเวณสี่แยกนาเจริญ (Na Cha Roen Intersection) ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2201 ขับตรงเรื่อย ๆ จากสี่แยกนาเจริญ ถึงสามแยกบ้านแทรงเป็นระยะทางประมาณ 13 กิโลเมตร ถึงบ้านแทรง
- หากท่านต้องการเข้าเมืองขุขันธ์ก่อนถึงบ้านแทรง เมื่อถึงแยกนาเจริญ ให้ขับตามทางหลวงหมายเลข 24 ประมาณอีก 17 กิโลเมตร จะเห็นสามแยกขนาดใหญ่ ชื่อสามแยกห้วยใต้ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 220 ขับตรงอีกประมาณ 5 กิโลเมตร ถึงเมืองขุขันธ์ จากนั้นขับตรงจนถึงสี่แยกขุขันธ์ ( Khukhan Intersection ) หลังจากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2201 สายขุขันธ์ – ช่องสะงำ ขับตรงเป็นระยะทาง 2 กิโลเมตร ถึงบ้านแทรง
การเดินทางจากเมืองศรีสะเกษ ถึงบ้านแทรง
- การเดินทางจากเมืองศรีสะเกษถึงบ้านแทรงใช้เส้นทางเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 220 สายศรีสะเกษ – ขุขันธ์ ขับตรงเรื่อย ๆ จนถึง สี่แยกขุขันธ์ ( Khukhan Intersection ) หลังจากนั้นเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2201 สายขุขันธ์ – ช่องสะงำ ขับตรงเป็นระยะทาง 2 กิโลเมตร ถึงบ้านแทรง
การเดินทางจากเมืองอุบลราชธานีถึงบ้านแทรง
- เดินทางโดยรถยนต์หรือรถขนส่ง บ.ข.ส. โดยทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 226 สายอุบลราชธานี – ศรีสะเกษ จากนั้นเมื่อถึงแยกโรงไอติม ( Rong I – Tim Intersection ) ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 220 สายศรีสะเกษ – ขุขันธ์ ขับตรงเรื่อย ๆ จนถึง สี่แยกขุขันธ์ ( Khukhan Intersection ) หลังจากนั้นเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2201 สายขุขันธ์ – ช่องสะงำ ขับตรงเป็นระยะทาง 2 กิโลเมตร ถึงบ้านแทรง
การเดินทางจากจังหวัดมุกดาหารถึงบ้านแทรง
- เดินทางโดยใช้ทางหลวงแผ่นดินสายประธานหมายเลข 212 ถึงจังหวัดอุบลราชธานี ให้ใช้เส้นทาง ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 226 สายอุบลราชธานี – ศรีสะเกษ จากนั้นเมื่อถึงแยกโรงไอติม ( Rong I – Tim Intersection ) ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 220 สายศรีสะเกษ – ขุขันธ์ ขับตรงเรื่อย ๆ จนถึง สี่แยกขุขันธ์ ( Khukhan Intersection ) หลังจากนั้นเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2201 สายขุขันธ์ – ช่องสะงำ ขับตรงเป็นระยะทาง 2 กิโลเมตร ถึงบ้านแทรง
ระยะทางจากบ้านแทรงถึงหมู่บ้านต่าง ๆ
*บ้านแทรง – หนองก๊อก 400 เมตร *บ้านแทรง – แทรงเหนือ 300 เมตร *บ้านแทรง – บ้านราษีพัฒนา 1 กิโลเมตร *บ้านแทรง – บ้านใจดี 5 กิโลเมตร *บ้านแทรง – บ้านเสลา-นาก๊อก 7 กิโลเมตร *บ้านแทรง – บ้านสี่แยกนาเจริญ 13 กิโลเมตร *บ้านแทรง – บ้านตรางสวาย 13 กิโลเมตร *บ้านแทรง – บ้านละลม 19 กิโลเมตร
ระยะทางจากบ้านแทรงถึงอำเภอต่าง ๆ ของจังหวัดศรีสะเกษ
- บ้านแทรง – อำเภอขุขันธ์ 2 กิโลเมตร
- บ้านแทรง -อำเภอเมืองศรีสะเกษ 51 กิโลเมตร
- บ้านแทรง -อำเภอกันทรลักษ์ 61 กิโลเมตร
- บ้านแทรง –อำเภอกันทรารมย์ 79 กิโลเมตร
- บ้านแทรง - อำเภออุทุมพรพิสัย 78 กิโลเมตร
- บ้านแทรง –อำเภอราศีไศล 88 กิโลเมตร.
- บ้านแทรง -อำเภอไพรบึง 27 กิโลเมตร
- บ้านแทรง -อำเภอขุนหาญ 35 กิโลเมตร
- บ้านแทรง -อำเภอปรางค์กู่ 32 กิโลเมตร
- บ้านแทรง -อำเภอห้วยทับทัน 89 กิโลเมตร
- บ้านแทรง -อำเภอบึงบูรพ์ 92 กิโลเมตร
- บ้านแทรง -อำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ 80 ก.ม.
- บ้านแทรง –อำเภอเมืองจันทร์ 82 กิโลเมตร
- บ้านแทรง -อำเภอศิลาลาด 114 กิโลเมตร
- บ้านแทรง -อำเภอโนนคูณ 87 กิโลเมตร
- บ้านแทรง –อำเภอศรีรัตนะ 44 กิโลเมตร
- บ้านแทรง -อำเภอพยุห์ 42 กิโลเมตร
- บ้านแทรง -อำเภอเบญจลักษ์ 68 กิโลเมตร
- บ้านแทรง –อำเภอยางชุมน้อย 82 กิโลเมตร
- บ้านแทรง -อำเภอวังหิน 28 กิโลเมตร
- บ้านแทรง -อำเภอภูสิงห์ 28 กิโลเมตร
- บ้านแทรง -อำเภอน้ำเกลี้ยง 70 กิโลเมตร
ระยะทางจากบ้านแทรง ถึงเมืองต่าง ๆ ที่สำคัญ
- บ้านแทรง -อำเภอเมืองอุบลราชธานี 124 กิโลเมตร
- บ้านแทรง -อำเภอวารินชำราบ 120 กิโลเมตร
- บ้านแทรง -อำเภอเดชอุดม 111 กิโลเมตร
- บ้านแทรง -อำเภอพิบูลมังสาหาร 155 กิโลเมตร
- บ้านแทรง -อำเภอน้ำยืน 114 กิโลเมตร
- บ้านแทรง -อำเภอเมืองสุรินทร์ 95 กิโลเมตร
- บ้านแทรง –อำเภอสังขะ 47 กิโลเมตร
- บ้านแทรง -อำเภอปราสาท 95 กิโลเมตร
- บ้านแทรง -อำเภอรัตนบุรี 107 กิโลเมตร
- บ้านแทรง –อำเภอเมืองบุรีรัมย์ 150 กิโลเมตร
- บ้านแทรง –อำเภอประโคนชัย 130 กิโลเมตร
- บ้านแทรง –อำเภอนางรอง 162 กิโลเมตร
- บ้านแทรง -อำเภอลำปลายมาศ 182 กิโลเมตร
- บ้านแทรง -อำเภอเมืองนครราชสีมา 262 กิโลเมตร
- บ้านแทรง –อำเภอปักธงชัย 252 กิโลเมตร
- บ้านแทรง -อำเภอโชคชัย 233 กิโลเมตร
- บ้านแทรง -อำเภอสีคิ้ว 291 กิโลเมตร
- บ้านแทรง -อำเภอปากช่อง 327 กิโลเมตร
- บ้านแทรง -กรุงเทพมหานคร 485 กิโลเมตร
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ห้วยแซม
- มีห้วยแซ็มอยูทางทิศตะวันออกหมู่บ้าน ขนาดความกว้างประมาณ 10 – 20 เมตร ทอดยาวผ่านหมู่บ้านตั้งแต่เหนือจรดใต้ โดยระยะทางที่ผ่านบ้านแทรงประมาณ 400 เมตร โดยมีสะพาน คอนกรีตเสริมเหล็กธรรมดาพาดไปอีกฝั่งหนึ่งของลำห้วย มีถนนเลียบลำห้วยซึ่งเป็นถนนการเกษตรทอดผ่านหมู่บ้านระยะพอ ๆ กับลำห้วย และสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดและโครงสร้างพิเศษพื้นสะพานลาดยาง (ถนนไกรภักดี หรือทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2201 สายขุขันธ์- ช่องสะงำ) และในลำห้วยมีการสร้างฝายชะลอน้ำในเขตบ้านแทรง 1 แห่ง
คลองชลประทาน
- มีคลองชลประทาน ทอดอยู่ทางทิศตะวันออกของห้วยแซ็ม แบ่งกั้นระหว่างเขตปกครองท้องถิ่นขององค์การบริหารส่วนตำบลห้วยเหนือ กับเขตองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยสำราญ ลักษณะคลองมีถนนเลียบคลองยาวขนานกับคลองตั้งแต่เหนือจรดใต้ ซึ่งคลองชลประทานนี้จะรับน้าโดยตรงจากเขื่อนอ่างเก็บน้ำห้วยศาลา
เหตุการณ์ประวัติศาสตร์
- เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี พ.ศ. 2544
- เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปีพุทธศักราช 2544 สร้างความเสียหายแก่บ้านเรือนราษฎร ของชาวบ้านแทรงเป็นอย่างมาก โดยสาเหตุของน้ำท่วมใหญ่ในครั้งนี้เกิดจากทั้งมรสุมประจำฤดู และการเกิดพายุดีเปรสชั่นพัดผ่านในเขตภาคอีสานตอนใต้ ทำให้บริเวณจังหวัดศรีสะเกษนั้นได้เกิดฝนตกหนักติดต่อกัน 3 วัน 3 คืน ทำให้อ่างเก็บน้ำเขื่อนห้วยศาลารับน้ำไม่ไหว เกิดการชำรุดไม่สามารถระบายน้ำออกทีละน้อยได้จำเป็นต้องปล่อยน้ำทั้งหมดออกจากเขื่อนเพื่อป้องกันเขื่อนแตก จากนั้นกรมชลประทานและเจ้าหน้าที่เขื่อนก็ออกประกาศให้พื้นที่ที่อยู่ใต้เขื่อนรับทราบ หลังจากที่ทางเขื่อนประกาศ เมื่อทางอำเภอขุขันธ์รับทราบก็ได้ประกาศให้โรงเรียนทุกแห่งในเขตอำเภอขุขันธ์ปิดทำการเรียนการสอนทันที ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาประมาณบ่ายโมงเศษ และแจ้งประชาชนให้อพยพหนีน้ำอย่างเร็วด่วน หลังจากนั้นก็มีรายงานเป็นระลอก ๆ ว่าน้ำได้ทะลักท่วมพื้นที่ใดบ้าง ประกอบกับขณะนั้นก็เกิดฝนตกหนักขึ้นมากะทันหัน ทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว น้ำในลำห้วยแซมมีสีน้ำตาลทันที หลังจากนั้นไม่ถึง 30 นาทีน้ำก็ทะลักท่วมพื้นผิวการจราจรของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2201 ระดับความสูงมกกว่า 40 เซนติเมตร ชาวบ้านวิ่งหนีเพียงคิดแค่ชีวิตรอดเพราะระดับน้ำและความเร็วน้ำนั้นเกินความสามารถของชาวบ้านที่จะเก็บข้าวของทุกอย่างได้ทัน และในเวลาเพียงไม่ถึง 10 นาที บ้านแทรงทั้งหมู่บ้านก็จมอยู่ใต้กระแสน้ำที่เชี่ยวกราด โดยระดับน้ำลึกที่สุดอยู่ที่ 2.50 เมตร ส่วนระดับน้ำที่ต่ำที่สุดอยู่ที่ 1.2 เมตร บ้านชั้นล่างของชาวบ้านบางหลังจมอยู่ใต้น้ำทั้งหมด ผู้ที่มีบ้านชั้นเดียวก็ต้องพึ่งญาติที่มีบ้านสองชั้น หรือเพื่อนบ้านละแวกนั้นที่มีบ้านสองชั้น หลังจากน้ำท่วมแล้ว 1 คืน พบชาวบ้านเริ่มขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม ซึ่งเป็นปัจจัยหลัก ถุงยังชีพที่ทางรัฐบาลจัดให้ขณะนั้นก็มีเพียงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไม่กี่ห่อต่อครอบครัวเท่านั้น บางหลังคาเรือนเก็บข้าวของไม่ทันแม้กระทั่งเตาไฟ ก็ไม่สามารถประกอบอาหารชนิดนี้ได้ ประกอบกับขณะนั้นมีข่าวลือว่ามีจระเข้หลุดออกมาจากฟาร์มของชาวบ้านยิ่งทำให้ ชาวบ้านไม่กล้าออกไปไหน ชาวบ้านต้องทนอยู่ในสภาพน้ำท่วมเช่นนี้เป็นระยะเวลาถึง 2 คืน น้ำจึงค่อย ๆ กลับสู่สภาวะปกติ
- หลังจากที่ระดับน้ำกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ชาวบ้านรวมถึงผู้นำชุมชนต่างก็พากันออกสำรวจความเสียหายต่าง ๆ ตามสถานที่ต่าง ๆ จากการสำรวจในขณะนั้นพบว่ามีความเสียหายต่าง ๆ พอที่จะกล่าวดังนี้
- 1.ชาวบ้านส่วนใหญ่เก็บข้าวของต่าง ๆ ขึ้นชั้นสองของบ้านไม่ทันทำให้ข้าวของต่าง ๆ จมและลอยหายไปกับน้ำ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ของใช้ในการประกอบอาหารเช่น หม้อ ทัพพี กระทะ รวมถึงภาชนะกักเก็บน้ำต่าง ๆ เช่น โอ่งกักเก็บน้ำของชาวบ้านก็ลอยหายไปกับกระแสน้ำ หากไม่ลอยหายก็แตกขณะน้ำท่วม โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด
- 2. กำแพงโรงเรียนบ้านแทรงในส่วนที่ติดกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2201 ทั้งหมดซึ่งยาวกว่า 50 เมตร หักโค่นล้มราบกับพื้นเพราะต้านกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวไม่ได้ รวมทั้งอุปกรณ์การเรียนการสอนต่าง ๆ ของโรงเรียนก็ลอยหาย ชำรุด หรือใช้การไม่ได้อาทิเช่น อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่าง ๆ ซึ่งอยู่ชั้นล่างทั้งหมด เสียหายทั้งหมด (เฉพาะที่เก็บไม่ทัน) รวมถึงสมุดหนังสือ โต๊ะ เก้าอี้ ก็ลอยหาย ไม่ก็ชำรุดจนใช้งานไม่ได้
- 3.ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2201 หลังจากน้ำลดพบว่าถนนถูกกัดเซาะอย่างมาก ทำให้พื้นผิวจราจรมีลักษณะขรุขระ เป็นทางยาว ประชาชนต้องขี่รถหลบหลีกบ่อ และหลุม บนถนน
- ขณะเดียวกันทางหลวงเส้นนี้ในส่วนที่เป็นสะพานข้ามลำห้วยแซม ก็ขาดเป็นระยะความกว้างกว่า 1 เมตร ทำให้รถเกือบทุกชนิดไม่สามารถสันจรได้ ทำให้ประชาชนถูกตัดจากโลกภายนอกไปอีกถึง เกือบ สัปดาห์ หลังจากนั้นหน่วยงานี่เกี่ยวข้องจึงมาซ่อมสะพานให้รถทุกชนิดสามารถสันจรได้เป็นปกติ
- หลังจากนั้นในปีพุทธศักราช 2552 กรมทางหลวงจึงเข้าทำการปรับปรุงถนนเส้นนี้เกือบทั้งสายใหม่ เพราะ 80 % ของถนนสายนี้ถูกน้ำท่วมและเป็นหลุมเกือบทั้งสาย หลังจากการปรับปรุงเสร็จทำให้ถนนไม่มีหลุมไม่มีบ่อ ขนาดถนนกว้างขึ้นกว่าเดิมเป็นขนาดสองช่องจราจรพิเศษตั้งแต่บัดนั้นมา
- 4. พืชผลทางการเกษตร พืชผลทางการเกษตรของชาวบ้านเสียหายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะข้าว เพราะในขณะนั้นข้าวกำลังออกรวงสวยงาม ยังไม่ถึงฤดูเก็บเกี่ยว หลังน้ำท่วมพบว่า ผลผลิตข้าวเสียหายเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์แบ่งเป็น ต้นข้าวโคนเน่าและลอยหายไปกับน้ำ 30 เปอร์เซ็นต์ เมล็ดข้าวที่กำลังออกรวงไม่ใส่เมล็ดทำให้เป็นเมล็ดลีบ ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ และเสียหายทั้งหมดกว่า 10 เปอร์เซ็นต์
- จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของชาวบ้านเป็นอย่างมหาศาล หากประเมินมูลค่าความเสียหายเป็นราคาปัจจุบันคาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาททีเดียว เหตุการณ์นี้ทำให้ชาวบ้านแทรงไม่มีวันลืม เมื่อถึงฤดูน้ำหลากในแต่ละปีชาวบ้านก็จะพากันเก็บข้าวเก็บของไว้ในที่สูงทันที เพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำอีก
อ้างอิง
โรงพยาบาลขุขันธ์ เทศบาลตำบลเมืองขุขันธ์