ปราภวสูตร
ปราภวสูตร เป็นพระสูตรหนึ่งที่ปรากฏใน ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต หมวดขุททกนิกาย แห่ง พระสุตตันตปิฎก มีเนื้อหาว่าด้วยมูลเหตุแห่งความเสื่อม หรือหนทางที่จะทำให้คนผู้หนึ่งตกต่ำได้ โดยพระสูตรนี้อาจนับเป็นส่วนต่อขยายจากมงคลสูตร ซึ่งว่าด้วยสิ่งอันเป็นมงคล หรือเหตุที่ทำให้เจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลกและทางธรรม ปราภวสูตรนี้เป็นการย้ำเตือนว่า นอกจากจะต้องปฏิบัติในสิ่งอันเป็นมงคลดังที่ปรากฏในมงคลสูตร ยังต้องหลีกเลี่ยงความเสื่อมดังที่ปรากฏในปราภวสูตรอีกด้วย
ที่มา
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสพระสูตรนี้ ณ วัดเชตวันมหาวิหาร อารามของบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ในคัมภีร์ปรมัตถโชติกา อรรถกถาขุททกนิกาย ได้อธิบายมูลเหตุแห่งพระสูตรนี้ว่า สืบเนื่องจาก " เทวดาทั้งหลายฟังมงคลสูตรแล้ว ได้มีปริวิตกนี้ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสความเจริญและความสวัสดีแก่สัตว์ทั้งหลายในมงคลสูตร ตรัสแต่ความเจริญโดยส่วนเดียวเท่านั้น ไม่ตรัสความเสื่อมเลย เอาเถิด บัดนี้ สัตว์ทั้งหลายย่อมเสื่อม ย่อมพินาศ ด้วยเหตุแห่งความเสื่อมใด พวกเราจะทูลถามถึงเหตุแห่งความเสื่อมนั้นของสัตว์เหล่านั้น ลำดับนั้น ในวันที่ 2 แต่วันที่ตรัสมงคลสูตร เทวดาทั้งหลายในหมื่นจักรวาล ประสงค์จะฟังพระสูตรว่าด้วยความเสื่อม ประชุมกันในจักรวาลหนึ่งนี้ จึงนิรมิตอัตภาพละเอียด 10 อัตภาพบ้าง 20 อัตภาพบ้าง 30 อัตภาพบ้าง 40 อัตภาพบ้าง 50 อัตภาพบ้าง 60 อัตภาพบ้าง 70 อัตภาพบ้าง 80 อัตภาพบ้างในโอกาสที่สุดแห่งปลายขนทรายหนึ่ง ได้ยืนแวดล้อมพระผู้มีพระภาคเจ้าซึ่งประทับนั่งบนบวรพุทธอาสน์ที่ปูแล้ว รุ่งโรจน์ข่มทับเทวดา มาร และพรหมทั้งปวงด้วยสิริและเดช แต่นั้น เทวบุตรองค์หนึ่งถูกท้าวสักกะจอมเทวินทร์ตรัสสั่งแล้ว ทูลถามปัญหาเกี่ยวกับความเสื่อมกับพระผู้มีพระภาคเจ้า"
ส่วนในเนื้อหาของปราภวสูตรบรรยายความขณะที่เทวดาได้เดินทางมาเข้าเฝ้าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้ดังนี้ว่า "ครั้งนั้นแล เมื่อปฐมยามสิ้น ไปแล้ว เทวดาตนหนึ่งมีรัศมีอันงดงามยิ่ง ทำพระวิหารเชตวันทั้งสิ้นให้สว่างไสวเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า ข้าพระองค์มา เพื่อจะทูลถามถึงคนผู้เสื่อม และคนผู้เจริญ กับท่านพระโคดม จึงขอทูลถามว่าอะไรเป็นทางของคนเสื่อม"
เนื้อหา
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบถึงมูลเหตุแห่งความเสื่อมจำนวนทั้งสิ้น 12 ข้อ โดยมีเทวบุตรคอยถามไล่ตามเป็นข้อๆ ดังนี้ว่า (ในที่นี้ตัดคำถามของเทวบุตร ซึ่งซ้ำความกันออก)
สุวิชาโน ภวํ โหติ, สุวิชาโน [ทุวิชาโน (สฺยา. ก.)] ปราภโว; ธมฺมกาโม ภวํ โหติ, ธมฺมเทสฺสี ปราภโว อิติ เหตํ วิชานาม, ปฐโม โส ปราภโว
ผู้เจริญก็รู้ง่าย ผู้เสื่อมก็รู้ง่าย ผู้ใคร่ธรรมเป็นผู้เจริญ ผู้เกลียดธรรมเป็นผู้เสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่าความเสื่อมนั้นเป็นที่ 1
อสนฺตสฺส ปิยา โหนฺติ, สเนฺต น กุรุเต ปิยํ; อสตํ ธมฺมํ โรเจติ, ตํ ปราภวโต มุขํ อิติ เหตํ วิชานาม, ทุติโย โส ปราภโว
คนมีอสัตบุรุษเป็นที่รัก ไม่กระทำสัตบุรุษให้เป็นที่รัก ชอบใจธรรมของอสัตบุรุษ ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ 2
นิทฺทาสีลี สภาสีลี, อนุฎฺฐาตา จ โย นโร; อลโส โกธปญฺญาโณ, ตํ ปราภวโต มุขํ อิติ เหตํ วิชานาม, ตติโย โส ปราภโว
คนใดชอบนอน ชอบคุย ไม่หมั่น เกียจคร้าน โกรธง่าย ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ 3
โย มาตรํ [โย มาตรํ วา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] ปิตรํ วา, ชิณฺณกํ คตโยพฺพนํ ปหุ สโนฺต น ภรติ, ตํ ปราภวโต มุขํ อิติ เหตํ วิชานาม, จตุโตฺถ โส ปราภโว
คนใดสามารถ แต่ไม่เลี้ยงมารดาหรือบิดาผู้แก่เฒ่า ผ่านวัยหนุ่มสาวไปแล้ว ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ 4
โย พฺราหฺมณํ [โย พฺราหฺมณํ วา (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] สมณํ วา, อญฺญํ วาปิ วนิพฺพกํ; มุสาวาเทน วเญฺจติ, ตํ ปราภวโต มุขํ อิติ เหตํ วิชานาม, ปญฺจโม โส ปราภโว
คนใดลวงสมณะพราหมณ์ หรือแม้วณิพกอื่นด้วยมุสาวาท ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ 5
ปหูตวิโตฺต ปุริโส, สหิรโญฺญ สโภชโน เอโก ภุญฺชติ สาทูนิ, ตํ ปราภวโต มุขํ อิติ เหตํ วิชานาม, ฉฎฺฐโม โส ปราภโว
คนมีทรัพย์มาก มีเงินทองของกิน กินของอร่อยแต่ผู้เดียว ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ 6
ชาติตฺถโทฺธ ธนตฺถโทฺธ, โคตฺตตฺถโทฺธ จ โย นโร; สญฺญาติ อติมเญฺญติ, ตํ ปราภวโต มุขํ อิติ เหตํ วิชานาม, สตฺตโม โส ปราภโว
คนใดหยิ่งเพราะชาติ หยิ่งเพราะทรัพย์ และหยิ่งเพราะโคตร ย่อมดูหมิ่นญาติของตน ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุนั้น เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ 7
อิตฺถิธุโตฺต สุราธุโตฺต, อกฺขธุโตฺต จ โย นโร; ลทฺธํ ลทฺธํ วินาเสติ, ตํ ปราภวโต มุขํ อิติ เหตํ วิชานาม, อฎฺฐโม โส ปราภโว
คนใดเป็นนักเลงหญิง เป็นนักเลงสุรา และเป็นนักเลงการพนันผลาญทรัพย์ที่ตนหามาได้ ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ 8
เสหิ ทาเรหิ อสนฺตุโฎฺฐ [ทาเรหฺยสนฺตุโฎฺฐ (ก.)], เวสิยาสุ ปทุสฺสติ [ปทิสฺสติ (สี.)]; ทุสฺสติ [ทิสฺสติ (สี. ปี.)] ปรทาเรสุ, ตํ ปราภวโต มุขํ อิติ เหตํ วิชานาม, นวโม โส ปราภโว
คนไม่สันโดษด้วยภริยาของตน ประทุษร้ายในภริยาของคนอื่นเหมือนประทุษร้ายในหญิงแพศยา ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ 9
อตีตโยพฺพโน โปโส, อาเนติ ติมฺพรุตฺถนิ; ตสฺสา อิสฺสา น สุปติ, ตํ ปราภวโต มุขํ อิติ เหตํ วิชานาม, ทสโม โส ปราภโว
ชายแก่ได้หญิงรุ่นสาวมาเป็นภริยา ย่อมนอนไม่หลับ เพราะความหึงหวงหญิงรุ่นสาวนั้น ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุนั้น เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ 10
อิตฺถิ โสณฺฑิ วิกิรณิ, ปุริสํ วาปิ ตาทิสํ; อิสฺสริยสฺมิ ฐเปติ [ฐาเปติ (สี. ปี.), ถเปติ (ก.)], ตํ ปราภวโต มุขํ’ อิติ เหตํ วิชานาม, เอกาทสโม โส ปราภโว
คนใดตั้งหญิงนักเลงสุรุ่ยสุร่าย หรือแม้ชาย เช่นนั้นไว้ในความเป็นใหญ่ ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุนั้น เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ 11
อปฺปโภโค มหาตโณฺห, ขตฺติเย ชายเต กุเล; โส จ รชฺชํ ปตฺถยติ, ตํ ปราภวโต มุขํ ‘เอเต ปราภเว โลเก, ปณฺฑิโต สมเวกฺขิย; อริโย ทสฺสนสมฺปโนฺน, ส โลกํ ภชเต สิว’’นฺติฯ
ก็บุคคลผู้เกิดในสกุลกษัตริย์ มีโภคทรัพย์น้อย มีความมักใหญ่ปรารถนาราชสมบัติ ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม บัณฑิตผู้ถึงพร้อมด้วยความเห็นอันประเสริฐ พิจารณาเห็นคนเหล่านี้เป็นผู้เสื่อมในโลก ท่านย่อมคบโลกที่เกษม (คนผู้เจริญ). (ข้อนี้เป็นข้อที่ 12)
ความเป็นธรรมาภิสมัย
หลังจากนั้น คัมภีร์ปรมัตถโชติกา อรรถกถาขุททกนิกาย ได้เปิดเผยว่า "ในเวลาจบเทศนา เทวดาทั้งหลายฟังทางแห่งความเสื่อมทั้งหลายแล้ว ตั้งใจมั่นโดยแยบคาย สมควรแก่ความสังเวชที่เกิดขึ้นบรรลุโสดาปัตติผล สกทาคามิผล และอนาคามิผล พ้นที่จะคณนานับเหมือนอย่างที่ตรัสไว้ว่า เทวดาทั้งหลายที่บรรลุมรรคผลในสูตรนั้น คือ มหาสมัยสูตร มงคลสูตร สมจิตตสูตร ราหุโลวาทสูตร ธรรมจักรสูตร (ธัมมจักกัปปวัตนสูตร) ปราภวสูตร และเทวตาสมสูตร มีไม่น้อย ประมาณไม่ได้ ส่วนธรรมาภิสมัยในปราภวสูตรนี้ พ้นที่จะคณนานับ ดังนี้"
ทั้งนี้ ธรรมาภิสมัย หรือธัมมาภิสมัย หมายถึงการบรรลุธรรม เข้าถึงพระอริยสัจจ์ 4 อย่างถ่องแท้ รู้ซึ้งในพระธรรมอย่างสมบูรณ์ ก้าวสู่ความเป็นอริยบุคคล มีพระโสดาบันเป็นขั้นต้น บางคราวมักปรากฏเพียงคำว่า "อภิสมัย" บ้าง บ้างก็ปรากฏเป็นรูปคำ "ธัมมาภิสมัย"
ข้อมูลเพิ่มเติม
ปราภวสูตร
อรรถกถาปราภวสูตร
เทศนาธรรมเรื่องธรรมวิจยานุศาสน์ ว่าด้วยปราภวสูตร ของพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (สิริจันโท จันทร์)
อ้างอิง
- *พระไตรปิฎกฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต ปราภวสูตรที่ 6 เล่ม 1 ภาค 5 หน้า 314
- *พระไตรปิฎกฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต ปราภวสูตรที่ 6 เล่ม 1 ภาค 5 หน้า 309
- พระไตรปิฎกบาฬี ฉบับฉัฏฐสังคีติ สุตฺตปิฎก ขุทฺทกนิกาย สุตฺตนิปาตปาฬิ ปราภวสุตฺตํ.
- *พระไตรปิฎก ฉบับมหาจุฬาฯ (ภาษาไทย) พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต ปราภวสูตรที่ ๖ เล่มที่ ๒๕ หน้าที่ ๕๒๓ ข้อที่ ๙๑ - ๙๒
- พระไตรปิฎกบาฬี ฉบับฉัฏฐสังคีติ สุตฺตปิฎก ขุทฺทกนิกาย สุตฺตนิปาตปาฬิ ปราภวสุตฺตํ.
- *พระไตรปิฎกฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต ปราภวสูตรที่ 6 เล่ม 1 ภาค 5 หน้า 310
- พระไตรปิฎกบาฬี ฉบับฉัฏฐสังคีติ สุตฺตปิฎก ขุทฺทกนิกาย สุตฺตนิปาตปาฬิ ปราภวสุตฺตํ.
- *พระไตรปิฎกฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต ปราภวสูตรที่ 6 เล่ม 1 ภาค 5 หน้า 310
- พระไตรปิฎกบาฬี ฉบับฉัฏฐสังคีติ สุตฺตปิฎก ขุทฺทกนิกาย สุตฺตนิปาตปาฬิ ปราภวสุตฺตํ.
- *พระไตรปิฎกฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต ปราภวสูตรที่ 6 เล่ม 1 ภาค 5 หน้า 310
- พระไตรปิฎกบาฬี ฉบับฉัฏฐสังคีติ สุตฺตปิฎก ขุทฺทกนิกาย สุตฺตนิปาตปาฬิ ปราภวสุตฺตํ.
- *พระไตรปิฎกฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต ปราภวสูตรที่ 6 เล่ม 1 ภาค 5 หน้า 312
- พระไตรปิฎกบาฬี ฉบับฉัฏฐสังคีติ สุตฺตปิฎก ขุทฺทกนิกาย สุตฺตนิปาตปาฬิ ปราภวสุตฺตํ.
- *พระไตรปิฎกฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต ปราภวสูตรที่ 6 เล่ม 1 ภาค 5 หน้า 311
- พระไตรปิฎกบาฬี ฉบับฉัฏฐสังคีติ สุตฺตปิฎก ขุทฺทกนิกาย สุตฺตนิปาตปาฬิ ปราภวสุตฺตํ.
- *พระไตรปิฎกฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต ปราภวสูตรที่ 6 เล่ม 1 ภาค 5 หน้า 311
- พระไตรปิฎกบาฬี ฉบับฉัฏฐสังคีติ สุตฺตปิฎก ขุทฺทกนิกาย สุตฺตนิปาตปาฬิ ปราภวสุตฺตํ.
- *พระไตรปิฎกฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต ปราภวสูตรที่ 6 เล่ม 1 ภาค 5 หน้า 312
- พระไตรปิฎกบาฬี ฉบับฉัฏฐสังคีติ สุตฺตปิฎก ขุทฺทกนิกาย สุตฺตนิปาตปาฬิ ปราภวสุตฺตํ.
- *พระไตรปิฎกฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต ปราภวสูตรที่ 6 เล่ม 1 ภาค 5 หน้า 312
- พระไตรปิฎกบาฬี ฉบับฉัฏฐสังคีติ สุตฺตปิฎก ขุทฺทกนิกาย สุตฺตนิปาตปาฬิ ปราภวสุตฺตํ.
- *พระไตรปิฎกฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต ปราภวสูตรที่ 6 เล่ม 1 ภาค 5 หน้า 312 - 313
- พระไตรปิฎกบาฬี ฉบับฉัฏฐสังคีติ สุตฺตปิฎก ขุทฺทกนิกาย สุตฺตนิปาตปาฬิ ปราภวสุตฺตํ.
- *พระไตรปิฎกฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต ปราภวสูตรที่ 6 เล่ม 1 ภาค 5 หน้า 313
- พระไตรปิฎกบาฬี ฉบับฉัฏฐสังคีติ สุตฺตปิฎก ขุทฺทกนิกาย สุตฺตนิปาตปาฬิ ปราภวสุตฺตํ.
- *พระไตรปิฎกฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต ปราภวสูตรที่ 6 เล่ม 1 ภาค 5 หน้า 313
- *พระไตรปิฎกฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต ปราภวสูตรที่ 6 เล่ม 1 ภาค 5 หน้า 325
- Maha Thera Nyanatiloka. Manual of Buddhist Terms and Doctrines, Buddhist Publication Society, first edition 1952.
- Thomas William Rhys Davids, William Stede ( edited by). Pali-English Dictionary. New Delhi. Motilal Banarsidass.
บรรณานุกรม
- พระไตรปิฎกบาฬี ฉบับฉัฏฐสังคีติ สุตฺตปิฎก ขุทฺทกนิกาย สุตฺตนิปาตปาฬิ ปราภวสุตฺตํ.
- พระไตรปิฎกฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต ปราภวสูตรที่ 6 เล่ม 1 ภาค 5
- พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (สิริจนฺ จันทร์). (2458). ธรรมวิจยานุศาสน์. หน้า 153
- Maha Thera Nyanatiloka. Manual of Buddhist Terms and Doctrines, Buddhist Publication Society, first edition 1952.
- Thomas William Rhys Davids, William Stede ( edited by). Pali-English Dictionary. New Delhi. Motilal Banarsidass.