ประวัติ พระครูสวางคมุนี (จัน) เป็นพระเถระที่ได้รับความเคารพนับถือในเขตเมืองสวางคบุรี หรือเมืองฝาง ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดคุ้งตะเภา และดำรงตำแหน่งเจ้าอธิการ (เทียบได้กับเจ้าคณะแขวงในปัจจุบัน) ก่อนได้รับพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์เป็นเจ้าคณะใหญ่เมืองฝางในปี พ.ศ. 2431 หลังพระอาจารย์วอน วัดต้นมะขาม ซึ่งพระอาจารย์วอนได้ดำรงตำแหน่งพระครูสวางคมุนีและย้ายไปจำพรรษาวัดวังตะม่อ ในปี พ.ศ. 2427 ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่เมืองฝางในปี พ.ศ. 2529 สันนิษฐานว่าพระอาจารย์วอนได้มรณภาพไปก่อนที่เจ้าอธิการจัน วัดคุ้งตะเภา จะได้รับพระราชทานตั้งให้เป็นเจ้าคณะใหญ่เมืองฝางแทนตำแหน่งที่ว่างลง พร้อมกับได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ให้เป็นที่พระครูสวางคมุนี ในปี พ.ศ. 2431
โดยเจ้าอธิการจัน ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากรัชกาลที่ 5 ที่ทรงโปรดเกล้าฯ ให้เข้ารับสถาปนาตั้งตำแหน่งพระสงฆ์เจ้าคณะเมือง พร้อมกับเจ้าคณะเมืองต่าง ๆ รวม 31 รูป ในวันจันทรคติตรงกับ แรม 15 ค่ำ เดือนแปด (บุรพาสาธ) ปีชวดสัมฤทธิศก จุลศักราช 1250 สุริยคติตรงกับ วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2431 โดยรัชกาลที่ 5 ได้เสด็จออกพร้อมกับ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เพื่อทรงประกอบพระราชกรณียกิจสำคัญในการทรงสถาปนาตั้งตำแหน่งพระสงฆ์สำคัญเพื่อปกครองสังฆมณฑล โดยได้พระราชทานผ้าไตรและสัญญาบัตร ให้เจ้าอธิการจัน วัดคุ้งตะเภา เป็นพระครูสวางคมุนี เจ้าคณะใหญ่เมืองฝาง พร้อมทั้งพระราชทานตาลปัตรพุดตาลทองแผ่ลวด พัดรองโหมด ย่ามสักลาด บาตรถุงสักลาด กาน้ำถ้วยกระโถนถ้วยร่มรองเท้า สำหรับเป็นเครื่องประกอบสมณศักดิ์อีกด้วย
พระครูสวางคมุนี (จัน) เจ้าอาวาสวัดคุ้งตะเภานั้น นับเป็นพระเถระรูปสุดท้ายที่ได้รับพระราชทานราชทินนามโบราณสำหรับพระสังฆราชาเมืองฝาง ที่ปรากฏมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เพราะหลังจากนั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงเขตการปกครองคณะสงฆ์ในเมืองฝางใหม่ โดยแยกตั้งเจ้าคณะเมืองอุตรดิฐขึ้นเป็นครั้งแรก โดยเจ้าอธิการแสง วัดท่าทราย ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูอุทิศติยวงษ์คีรีเขตร (แสง) ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะเมืองอุตรดิฐ เมืองทุ่งยั้ง เมืองลำพูน (ตำบลแม่พูล อ.ลับแล ในปัจจุบัน) เมืองลับแล ในปี พ.ศ. 2432 ซึ่งเขตปกครองของเจ้าคณะเมืองอุตรดิตถ์ฯ ใหม่ อยู่ในฝั่งขวาแม่น้ำน่านทั้งหมด
เมื่อพระครูสวางคมุนี (จัน) วัดคุ้งตะเภา มรณภาพลง และมีการตราพระราชบัญญัติลักษณะการปกครองคณะสงฆ์ ร.ศ. 121 ในปี พ.ศ. 2445 รวมถึงเหตุการณ์ยกฐานะเมืองบางโพเป็นเมืองอุตรดิตถ์ ในต้นรัชกาลที่ 6 ทำให้พื้นที่ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของเขตเมืองฝางได้ถูกรวมเข้ากับเมืองอุตรดิตถ์โดยสมบูรณ์ เพราะไม่ปรากฏการใช้ชื่อเมืองฝางในการตั้งหรือเรียกชื่อเมือง รวมถึงไม่ปรากฏการพระราชทานสมณศักดิ์ตั้งพระสงฆ์รูปใดให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่เมืองฝางอีก พระครูสวางคมุนี (จัน) วัดคุ้งตะเภา จึงเป็นพระเถระผู้ได้เคยดำรงตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่เมืองฝาง ซึ่งเคยเป็นนามตำแหน่งสังฆราชาเจ้าคณะเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นรูปสุดท้าย ปัจจุบันยังหลงเหลือฐานเจดีย์บรรจุอัฐิของท่านในวัดคุ้งตะเภา
อ้างอิง - ราชกิจจานุเบกษา, ตั้งตำแหน่งพระสงฆ์, เล่ม ๑ ตอน ๔๑, ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๒๗, หน้า ๓๖๓
- ราชกิจจานุเบกษา, สำเนาสัญญาบัตรพระสงฆ์, เล่ม ๓ ตอน ๔๓, ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๒๙, หน้า ๓๖๑
- ราชกิจจานุเบกษา, ตั้งตำแหน่งพระสงฆ์, เล่ม ๕ ตอน ๑๗, ๒๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๓๑, หน้า ๑๓๘
- ราชกิจจานุเบกษา, ตั้งตำแหน่งพระสงฆ์, เล่ม ๖ ตอน ๑๓, ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๓๒, หน้า ๑๐๙
- พระมหาเทวประภาส วชิรญาณเมธี. (2560). สารพันบันทึกเล่า พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นวัดคุ้งตะเภา : ประเพณี วัฒนธรรม ความเชื่อ และภูมิปัญญาท้องถิ่น. กรุงเทพฯ : กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม.
ดูเพิ่ม | ก่อนหน้า | | พระครูสวางคมุนี (จัน) | | ถัดไป |
|---|
| พระครูสวางคมุนี (วอน) วัดวังตะม่อ | | เจ้าคณะใหญ่เมืองฝาง
(พระสังฆราชาเมืองฝาง)
(พ.ศ. 2431 - พ.ศ. 2442) | | ยกเลิกตำแหน่ง |
| ก่อนหน้า | | พระครูสวางคมุนี (จัน) | | ถัดไป |
|---|
| พระพิมลธรรม (วัดคุ้งตะเภา) | | เจ้าอาวาสวัดคุ้งตะเภา
(พ.ศ. 2431 - พ.ศ. 2442) | | พระอธิการรอด (วัดคุ้งตะเภา) |
พระคร, สวางคม, นามเด, อด, ตเจ, าอาวาสว, ดค, งตะเภา, อำเภอเม, อง, งหว, ดอ, ตรด, ตถ, อน, 2431, อน, 2442, เป, นพระมหาเถระร, ปสำค, ญของเม, องฝาง, ในช, วงรอยต, อการปฏ, ปการปกครองส, วนภ, ภาคในสม, ยร, ชกาลท, อนท, เม, องบางโพและเขตเม, องฝางจะได, บการยกฐานะเป, นเม, องอ. phrakhruswangkhmuni cn namedim cn xditecaxawaswdkhungtaepha xaephxemuxng cnghwdxutrditth kxn ph s 2431 kxn ph s 2442 epnphramhaethrarupsakhykhxngemuxngfang inchwngrxytxkarptirupkarpkkhrxngswnphumiphakhinsmyrchkalthi 5 kxnthiemuxngbangophaelaekhtemuxngfangcaidrbkarykthanaepnemuxngxutrditth intnrchkalthi 6 thanidrbphrarachthantngsmnskdiihdarngtaaehnngecakhnaihyemuxngfang sungekhyepntaaehnngsngkhrachaecakhnaemuxngekaaekthimikhwamsakhythangprawtisastrmatngaetsmykrungsrixyuthyaepnrupsudthayphrakhruswangkhmuni cn hlwngphxcn hlwngphxihyemuxngfangmrnphaphkxn ph s 2442wdwdkhungtaephacnghwdxutrditthsngkdmhanikaytaaehnngxditecaxawaswdkhungtaepha xditecakhnaihyemuxngfangswnhnungkhxngsaranukrmphraphuththsasnaprawti aekikhphrakhruswangkhmuni cn epnphraethrathiidrbkhwamekharphnbthuxinekhtemuxngswangkhburi hruxemuxngfang thanepnecaxawaswdkhungtaepha aeladarngtaaehnngecaxthikar ethiybidkbecakhnaaekhwnginpccubn kxnidrbphrarachthansyyabtrtngsmnskdiepnecakhnaihyemuxngfanginpi ph s 2431 hlngphraxacarywxn wdtnmakham sungphraxacarywxniddarngtaaehnngphrakhruswangkhmuniaelayayipcaphrrsawdwngtamx inpi ph s 2427 1 darngtaaehnngecakhnaihyemuxngfanginpi ph s 2529 2 snnisthanwaphraxacarywxnidmrnphaphipkxnthiecaxthikarcn wdkhungtaepha caidrbphrarachthantngihepnecakhnaihyemuxngfangaethntaaehnngthiwanglng phrxmkbidrbphrarachthansmnskdiihepnthiphrakhruswangkhmuni inpi ph s 2431 traprathbngapracataaehnngsmnskdiecakhnaihyemuxngfangrupsudthay thicdaesdnginphiphithphnththxngthinwdkhungtaepha odyecaxthikarcn idrbphramhakrunathikhuncakrchkalthi 5 thithrngoprdekla ihekharbsthapnatngtaaehnngphrasngkhecakhnaemuxng phrxmkbecakhnaemuxngtang rwm 31 rup inwncnthrkhtitrngkb aerm 15 kha eduxnaepd burphasath pichwdsmvththisk culskrach 1250 suriykhtitrngkb wnxathitythi 8 krkdakhm ph s 2431 odyrchkalthi 5 idesdcxxkphrxmkb smedcphrabrmoxrsathirach ecafamhawchirunhis syammkudrachkumar n phrathinngckrimhaprasath ephuxthrngprakxbphrarachkrniykicsakhyinkarthrngsthapnatngtaaehnngphrasngkhsakhyephuxpkkhrxngsngkhmnthl odyidphrarachthanphaitraelasyyabtr ihecaxthikarcn wdkhungtaepha epnphrakhruswangkhmuni ecakhnaihyemuxngfang phrxmthngphrarachthantalptrphudtalthxngaephlwd phdrxngohmd yamsklad batrthungsklad kanathwykraothnthwyrmrxngetha sahrbepnekhruxngprakxbsmnskdixikdwy 3 phrakhruswangkhmuni cn ecaxawaswdkhungtaephann nbepnphraethrarupsudthaythiidrbphrarachthanrachthinnamobransahrbphrasngkhrachaemuxngfang thipraktmimatngaetsmyxyuthya ephraahlngcaknnidmikarepliynaeplngekhtkarpkkhrxngkhnasngkhinemuxngfangihm odyaeyktngecakhnaemuxngxutrdithkhunepnkhrngaerk odyecaxthikaraesng wdthathray idrbphrarachthansmnskdiepnphrakhruxuthistiywngskhiriekhtr aesng darngtaaehnngecakhnaemuxngxutrdith emuxngthungyng emuxnglaphun tablaemphul x lbael inpccubn emuxnglbael inpi ph s 2432 4 sungekhtpkkhrxngkhxngecakhnaemuxngxutrditth ihm xyuinfngkhwaaemnananthnghmdemuxphrakhruswangkhmuni cn wdkhungtaepha mrnphaphlng aelamikartraphrarachbyytilksnakarpkkhrxngkhnasngkh r s 121 inpi ph s 2445 rwmthungehtukarnykthanaemuxngbangophepnemuxngxutrditth intnrchkalthi 6 thaihphunthisungekhyepnswnhnungkhxngekhtemuxngfangidthukrwmekhakbemuxngxutrditthodysmburn ephraaimpraktkarichchuxemuxngfanginkartnghruxeriykchuxemuxng rwmthungimpraktkarphrarachthansmnskditngphrasngkhrupidihdarngtaaehnngecakhnaihyemuxngfangxik phrakhruswangkhmuni cn wdkhungtaepha cungepnphraethraphuidekhydarngtaaehnngecakhnaihyemuxngfang sungekhyepnnamtaaehnngsngkhrachaecakhnaemuxngthimikhwamsakhythangprawtisastrmatngaetsmykrungsrixyuthyaepnrupsudthay 5 pccubnynghlngehluxthanecdiybrrcuxthikhxngthaninwdkhungtaephaxangxing aekikh rachkiccanuebksa tngtaaehnngphrasngkh elm 1 txn 41 22 tulakhm ph s 2427 hna 363 rachkiccanuebksa saenasyyabtrphrasngkh elm 3 txn 43 28 kumphaphnth ph s 2429 hna 361 rachkiccanuebksa tngtaaehnngphrasngkh elm 5 txn 17 25 singhakhm ph s 2431 hna 138 rachkiccanuebksa tngtaaehnngphrasngkh elm 6 txn 13 30 mithunayn ph s 2432 hna 109 phramhaethwpraphas wchiryanemthi 2560 sarphnbnthukela phiphithphnththxngthinwdkhungtaepha praephni wthnthrrm khwamechux aelaphumipyyathxngthin krungethph krmsngesrimwthnthrrm krathrwngwthnthrrm duephim aekikhemuxngswangkhburi chumnumecaphrafang wdkhungtaephakhxmmxns miphaphaelasuxekiywkb Wat Khung Taphaokxnhna phrakhruswangkhmuni cn thdipphrakhruswangkhmuni wxn wdwngtamx ecakhnaihyemuxngfang phrasngkhrachaemuxngfang ph s 2431 ph s 2442 ykeliktaaehnng kxnhna phrakhruswangkhmuni cn thdipphraphimlthrrm wdkhungtaepha ecaxawaswdkhungtaepha ph s 2431 ph s 2442 phraxthikarrxd wdkhungtaepha bthkhwamekiywkbchiwprawtiniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodyephimkhxmulekhathungcak https th wikipedia org w index php title phrakhruswangkhmuni cn amp oldid 8205594, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,
บทความ
, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม
.jpg.html){kind=link}
