พระพรหมพิจิตร (พรหม พรหมพิจิตร)
ศาสตราจารย์ พระพรหมพิจิตร (พรหม พรหมพิจิตร) (27 กันยายน 2433-15 กุมภาพันธ์ 2508) ขุนนางและสถาปนิกชาวไทย ผู้ควบคุมการก่อสร้างพระเมรุมาศของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ออกแบบพระเมรุมาศของ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล และพระเมรุมาศของ สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ผู้ก่อตั้งและคณบดีคนแรกของ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร (เดิมชื่อคณะสถาปัตยกรรมไทย) และเป็นบุคคลท่านแรกที่นำคอนกรีตเสริมเหล็กมาประยุกต์ใช้กับงานสถาปัตยกรรมไทย
พระพรหมพิจิตร | |
---|---|
เกิด | 27 กันยายน พ.ศ. 2433 |
เสียชีวิต | 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2508 (74 ปี) |
อาชีพ | ขุนนาง สถาปนิก อาจารย์ |
คู่สมรส | พวงเพ็ญ |
บุตร | พันเอก สมฤทธิ์ พรหมพิจิตร พันเอก กัมพล พรหมพิจิตร |
ประวัติ
พระพรหมพิจิตรมีนามเดิมว่า อู๋ ลาภานนท์ เกิดเมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2433 เป็นบุตรของนายเฮง จบการศึกษาจากโรงเรียนมหาพฤฒาราม
ได้รับพระราชทานนามสกุล ลาภานนท์ เมื่อ พ.ศ. 2460 ขณะมียศและบรรดาศักดิ์เป็น รองเสวกตรี ขุนบรรจงเลขา ก่อนจะกราบถวายบังคมลาออกจากบรรดาศักดิ์เมื่อวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2485 ต่อมาท่านได้เปลี่ยนชื่อของท่านจาก อู๋ มาเป็น พรหม และได้ใช้ราชทินนามคือ พรหมพิจิตร เป็นนามสกุลแทนนามสกุลเดิมคือ ลาภานนท์ เมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2485
ยศและบรรดาศักดิ์
- 30 ธันวาคม พ.ศ. 2456 ขุนบรรจงเลขา ถือศักดินา ๔๐๐
- 31 มีนาคม พ.ศ. 2457 รองเสวกตรี
- 17 ธันวาคม พ.ศ. 2466 หลวงสมิทธิเลขา ถือศักดินา ๖๐๐
- 1 มกราคม พ.ศ. 2466 รองเสวกโท
- 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2471 พระพรหมพิจิตร ถือศักดินา ๘๐๐
ผลงาน
- พระเมรุมาศของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (ในฐานะผู้ควบคุมการก่อสร้าง)
- พระเมรุมาศของ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล (ในฐานะผู้ออกแบบ)
- พระเมรุมาศของ สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (ในฐานะผู้ออกแบบ)
- เมรุ วัดจักรวรรดิราชาวาสวรมหาวิหาร
- ศาลาโรงธรรม วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร
ตำแหน่งพิเศษ
- 30 กันยายน พ.ศ. 2485 ราชบัณฑิต ในวิชาวิจิตรศิลป์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. ๒๔๙๓ – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 8 ชั้นที่ 3 (อ.ป.ร.3)
- พ.ศ. ๒๔๘๕ – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์ช้างเผือก (ต.ช.)
- พ.ศ. ๒๔๘๓ – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์มงกุฎไทย (ต.ม.)
- พ.ศ. ๒๔๘๒ – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก (จ.ช.)
- พ.ศ. ๒๔๘๐ – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย (จ.ม.)
- พ.ศ. ๒๔๖๒ – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย (บ.ม.)
อ้างอิง
- ประกาศพระราชทานนามสกุล ครั้งที่ ๗๔ (หน้า ๓๒๓๒)
- ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ข้าราชการกราบถวายบังคมลาออกจากบรรดาศักดิ์ (หน้า ๖๔)
- ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตใช้ราชทินนามเป็นชื่อสกุล (หน้า ๒๔๕)
- พระราชทานสัญญาบัตรบรรดาศักดิ์ (หน้า ๒๔๔๓)
- พระราชทานยศ
- พระราชทานบรรดาศักดิ์ (หน้า ๓๑๔๑)
- พระราชทานยศ (หน้า ๓๒๒๒)
- พระราชทานบรรดาศักดิ์ (หน้า ๒๗๓๖)
- ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งราชบัณฑิต (หน้า ๒๕๙๕)
- พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์รัชกาลที่ 8 (หน้า ๓๐๔๐)
- พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ (หน้า ๒๑๖๑)
- พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ (หน้า ๑๙๕๐)
- พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ (หน้า ๑๗๔๕)
- พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ (หน้า ๓๓๐๘)