fbpx
วิกิพีเดีย

พระเจ้ากาวิละ

พระบรมราชาธิบดี หรือ พระเจ้ากาวิละ (คำเมือง: ) (พ.ศ. 2285 — พ.ศ. 2358) เป็นพระเจ้านครเชียงใหม่พระองค์แรกแห่งราชวงศ์ทิพย์จักร ปกครองดินแดนล้านนาไท 57 เมือง ตลอดรัชสมัยของพระองค์เป็นช่วงเวลาแห่งการศึกสงครามและสร้างบ้านแปงเมือง ทรงเป็นกษัตริย์ชาตินักรบได้ทรงร่วมกับพระอนุชาทั้ง 6 และกองทัพสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี กอบกู้อิสรภาพแผ่นดินล้านนาออกจากพม่า และนำล้านนาเข้ามาเป็นประเทศราชแห่งสยาม

พระบรมราชาธิบดี
พระเจ้ากาวิละ
เจ้าผู้ครองนครลำปาง
ครองราชย์พ.ศ. 2317-2325 (พระยานครลำปาง)
ก่อนหน้าเจ้าฟ้าหลวงชายแก้ว
ถัดไปพระยาคำโสม
เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่
ครองราชย์พ.ศ. 2325-2345 (พระยาเชียงใหม่)
พ.ศ. 2345-2356 (พระเจ้าเชียงใหม่)
ก่อนหน้าพระยาวิเชียรปราการ (บุญมา)
ถัดไปพระยาธรรมลังกา
ราชเทวีแม่เจ้าโนจา
พระราชบุตร5 พระองค์
ราชวงศ์ทิพย์จักร
พระบิดาเจ้าฟ้าสิงหาราชธานีเจ้าฟ้าหลวงชายแก้ว
พระมารดาแม่เจ้าจันทาราชเทวี
ประสูติพ.ศ. 2285
พิราลัย21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2358 (74 ปี)

ด้วยพระปรีชาสามารถและพระเดชานุภาพในการรบ ทรงสามารถขยายขอบขัณฑสีมาแผ่นดินล้านนาออกไปอย่างกว้างใหญ่ไพศาล กอปรกับความจงรักภักดีที่ทรงถวายต่อพระบรมราชวงศ์จักรี ในวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2345 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จึงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพีธีมุทธาภิเษกและสถาปนาพระยาวชิรปราการขึ้นเป็น พระบรมราชาธิบดี ศรีสุริยวงศ์อินทรสุรศักดิ์ สมญามหาขัตติยราชชาติราไชยสวรรค์ เจ้าขัณฑเสมาพระนครเชียงใหม่ราชธานี มีพระอิสริยยศพระเจ้าเชียงใหม่ เป็นใหญ่ในล้านนาไท 57 เมือง ได้แก่ นครเชียงใหม่ และหัวเมืองเหนือทั้งหมด ในการนี้มีมหรสพสมโภช 7 วัน 7 คืน

พระราชประวัติ

พระบรมราชาธิบดี มีพระนามเดิมว่า เจ้ากาวิละ ประสูติเมื่อ จ.ศ. 1104 ปีจอ จัตวาศก (พ.ศ. 2285) ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง พระองค์เป็นพระโอรสพระองค์ใหญ่ในเจ้าฟ้าสิงหาราชธานีเจ้าฟ้าหลวงชายแก้ว เจ้านครลำปาง กับแม่เจ้าจันทาราชเทวี และเป็นพระราชนัดดา (หลานปู่) พระองค์แรกในพระยาไชยสงคราม (ทิพย์ช้าง) กับแม่เจ้าพิมพาราชเทวี องค์ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ทิพย์จักร

พระเจ้ากาวิละ มีพระอนุชาและพระขนิษฐารวม 10 พระองค์ (หญิง 3 ชาย 7) (เจ้าชายทั้ง 7 พระองค์ได้ทรงช่วยกันต่อสู้กับพม่าและขยายขอบขัณฑสีมาล้านนา เป็นเหตุให้ทั้งเจ็ดองค์มีพระสมัญญาว่า "เจ้าเจ็ดตน") มีพระนามตามลำดับ ดังนี้

  1. พระเจ้ากาวิละ พระเจ้านครเชียงใหม่ พระองค์ที่ 1, เจ้าผู้ครองนครลำปาง องค์ที่ 3
  2. พระยาคำโสม เจ้าผู้ครองนครลำปาง องค์ที่ 4
  3. พระยาธรรมลังกา เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 2
  4. พระเจ้าดวงทิพย์ เจ้าผู้ครองนครลำปาง องค์ที่ 5
  5. เจ้าศรีอโนชา พระอัครชายาในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท
  6. เจ้าหญิงสรีวัณณา (ถึงแก่พิราลัยแต่เยาว์)
  7. เจ้าอุปราชหมูหล้า พระอุปราชนครลำปาง
  8. พระยาคำฟั่น เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ 3 และเจ้าผู้ครองนครลำพูนองค์ที่ 1
  9. เจ้าหญิงสรีบุญทัน (พิราลัยแต่เยาว์)
  10. พระเจ้าบุญมา เจ้าผู้ครองนครลำพูนองค์ที่ 2

พระเจ้ากาวิละ ถึงแก่พิราลัยในปี จ.ศ.1177 เดือนยี่เหนือ แรม 5 ค่ำ วันพุธ (ตรงกับวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2358) ยามแตรบอกเวลาเข้าสู่เที่ยงคืน ทรงปกครองนครเชียงใหม่เป็นระยะเวลานาน 32 ปี สิริพระชันษาได้ 74 ปี

ราชโอรส ราชธิดา

พระเจ้ากาวิละ มีพระโอรสและพระธิดา รวม 5 องค์ อยู่ในสกุล "ณ เชียงใหม่" มีพระนามตามลำดับ ดังนี้

พระราชกรณียกิจ

ยุคล้านนาของพม่า

ในสมัยปลายพม่าครองล้านนา เมื่อปี พ.ศ. 2313 พระยาจ่าบ้าน (บุญมา) ขุนนางเมืองเชียงใหม่ เกิดวิวาทถึงขั้นใช้กำลังทหารเข้าทะเลาะวิวาทกับโป่มะยุง่วน เจ้าเมืองเชียงใหม่ พระยาจ่าบ้านมีกำลังน้อยสู้ไม่ไหวจึงหนีไปหาโป่สุพลา แม่ทัพพม่าที่แต่งทัพไปล้านช้าง โป่สุพลากับโป่มะยุง่วนนั้นไม่ค่อยถูกกัน โป่สุพลาจึงรับพระยาจ่าบ้านไว้ในความดูแล

ในปี พ.ศ. 2314 สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรียกทัพขึ้นเหนือเพื่อจะขับไล่พม่าที่ครองเวียงเชียงใหม่อยู่ แต่ล้อมเชียงใหม่ได้เพียง 9 วันก็เลิกทัพกลับ โป่สุพลายกทัพจากเชียงแสนกลับถึงเชียงใหม่ในพ.ศ. 2316 พร้อมพาพระยาจ่าบ้านกลับมาด้วย โปสุพลาตั้งทัพอยู่ที่ประตูท่าแพและไม่ยอมส่งตัวพระยาจ่าบ้านให้โป่มะยุง่วน โป่มะยุง่วนทำอะไรไม่ได้จึงร้องเรียนไปยังกรุงอังวะ

ในปี พ.ศ. 2317 สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีโปรดฯ ให้เจ้าพระยาสองพี่น้องคือ เจ้าพระยาจักรี (ทองด้วง) และเจ้าพระยาสุรสีห์ (บุญมา) ยกทัพขึ้นตีเวียงเชียงใหม่ โปสุพลาทราบว่าธนบุรียกทัพขึ้นมา จึงให้พระยาจ่าบ้านและเจ้ากาวิละคุมกำลังพล 1,000 นายเป็นกองหน้าลงไปลำปาง แล้วตนจะยกทัพใหญ่ราวหมื่นนายตามลงไปสมทบหมายจะทำศึกกับทัพธนบุรีที่ลำปาง ระหว่างนั้น กรุงอังวะมีตราเรียกให้ส่งตัวพระยาจ่าบ้านและเจ้ากาวิละไปพิจารณาความที่กรุงอังวะ แต่โป่สุพลาก็ยังปฏิเสธส่งตัวทั้งสองคนโดยอ้างว่าทั้งสองยังติดพันราชการศึกอยู่ หากเรียกตัวทั้งสองกลับมาจะทำให้เสียการเสียงานได้ โป่มะยุง่วนทำอะไรไม่ได้จึงสั่งนายกองที่ลำปางเข้าคุมตัวเจ้าฟ้าหลวงชายแก้ว ภริยา และบุตรของเจ้ากาวิละส่งตัวไปที่กรุงอังวะเป็นตัวประกัน

พระยาจ่าบ้านซึ่งคุมกำลังอยู่ที่ฮอดทราบข่าวจึงรีบใช้คนสนิทไปบอกเจ้ากาวิละ และตนเองออกอุบายรับอาสาโป่สุพลาจัดกองหน้าที่นำโดยนายก้อนแก้วผู้เป็นหลานไปสำรวจทาง นายก้อนแก้วจึงนำกองทหารโพกผ้าแดงลอบไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีซึ่งตั้งกองทหารเล็ก ๆ อยู่ที่ถ้ำช้างร้องใกล้เวียงลี้ เจ้ากาวิละเมื่อทราบว่าบิดาและครอบครัวถูกส่งตัวไปยังกรุงอังวะ ก็นำกำลังสังหารนายกองพม่าในนครลำปางเสีย และรีบส่งคนไปชิงตัวครอบครัวกลับมาได้

ยุคธนบุรี

เมื่อกองทัพเจ้าพระยาสองพี่น้องยกมาถึงลำปาง เจ้ากาวิละได้นำเสบียงอาหารและไพร่พลเข้าร่วมสมทบกับกองทัพกรุงธนบุรี เมื่อโปสุพลาซึ่งยกทัพใหญ่ตามลงมาได้ครึ่งทางได้ยินว่าเจ้ากาวิละไปเข้ากับธนบุรีเสียแล้ว จึงยกทัพถอยไปตั้งหลังที่เวียงเชียงใหม่แต่ก็ไม่สามารถต้านทานได้ พาพวกหลบหนีออกไปทางประตูช้างเผือกมุ่งหน้าไปเชียงแสน สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีจึงโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระยาจ่าบ้านขึ้นเป็นพระยาวิเชียรปราการ ครองนครเชียงใหม่ และตั้งนายก้อนแก้ว ผู้เป็นหลาน ขึ้นเป็นพระยาอุปราชนครเชียงใหม่ ขณะเดียวกัน ทรงสถาปนาเจ้ากาวิละขึ้นเป็นพระยานครลำปาง และให้เจ้าหนานธัมมลังกา เป็นพระยาอุปราชนครลำปาง ในฐานะประเทศราชของกรุงธนบุรี ในการนี้ เจ้าพระยาสุรสีห์ (บุญมา) ได้รับเอาเจ้ารจจาน้องสาวของเจ้ากาวิละเป็นภริยากลับไปยังกรุงธนบุรีด้วย

ต่อมา ในปี พ.ศ. 2318 โปมะยุง่วนยกทัพพม่าจากเชียงแสนมาล้อมเวียงเชียงใหม่ พระยาวิเชียรปราการเห็นว่าสู้ไม่ไหวจึงมอบหมายให้อุปราชก้อนแก้วสะสมเสบียงรออยู่ที่วังพร้าว เมื่อพม่าล้อมเชียงใหม่ได้ 8 เดือน พระยาวิเชียรปราการจึงทิ้งเมืองมุ่งหน้าไปเมืองระแหง (เมืองตาก) เพื่อเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ทัพพม่าตามตีหลังมาจนถึงลำปางและยกทัพเข้าตีนครลำปาง พระยากาวิละและอนุชาไม่สามารถต้านทานได้จึงทิ้งเมืองมุ่งหน้าไปสวรรคโลก ทางด้านพระยาวิเชียรปราการนั้น พอยกทัพมาถึงวังพร้าวก็เกิดทะเลาะวิวาทกับอุปราชก้อนแก้วเรื่องเสบียง ซึ่งทำให้พระยาวิเชียรปราการบันดาลโทสะฆ่าอุปราชก้อนแก้วเสีย เมื่อทัพหลวงธนบุรีขับไล่พม่าออกไปในปี พ.ศ. 2319 พระยากาวิละและอนุชาจึงยกทัพกลับมาตั้งมั่นที่นครลำปางอีกครั้ง

ในปี พ.ศ. 2323 ครั้นกรุงธนบุรีไปตีล้านช้าง เมื่อเจ้าพระยาจักรีและพระยาสุรสีห์ตีเวียงจันทร์ได้แล้ว แม่ทัพทั้งสองได้แต่งกองข้าหลวงออกไปสืบข่าวทางเมืองน่านจนถึงนครลำปาง แต่ข้าหลวงเหล่านั้นได้ประพฤติตนเช่นอันธพาล เที่ยวปล้นโจรกรรมชิงทรัพย์สินด้วยประการต่าง ๆ พระยากาวิละทราบความจึงคุมกำลังเข้าสังหารข้าหลวงเหล่านั้นเสีย พวกที่รอดตายพากันไปกราบทูลพระเจ้ากรุงธนบุรี พระเจ้ากรุงธนบุรีจึงให้มีตราเรียกพระยากาวิละลงมาเข้าเฝ้าที่กรุงธนบุรี ซึ่งพระยากาวิละทราบว่าตนมีความผิดจึงไม่ยอมลงมาจึงขัดตรานั้นถึงสามครั้ง ซึ่งพระยากาวิละก็ได้ไปตีเอาผู้คนจากเมืองลอง เมืองเทิงเพื่อหวังเอาความชอบไถ่โทษ เมื่อพระยาวิเชียรปราการพาผู้คนที่กวาดต้อนลงไปถวายพระเจ้ากรุงธนบุรี จึงมีพระราชโองการให้ลงโทษ พระยาวิเชียรปราการในความผิดฆ่าอุปราชก้อนแก้วผู้เป็นหลาน และลงโทษพระยากาวิละที่ขัดตราด้วยการโบยคนละ 100 ที พร้อมทั้งให้ตัดขอบหูพระยากาวิละทั้งสองข้าง ในความผิดสังหารข้าหลวง ทั้งสองถูกนำไปขังคุก ในระหว่างที่ถูกคุมขัง พระยากาวิละได้ขออาสาไปตีเมืองเชียงแสนเป็นการไถ่โทษ จึงได้รับพระราชทานอภัยโทษพร้อมกลับคืนฐานันดรศักดิ์ ส่วนพระยาวิเชียรปราการได้ล้มป่วยและเสียชีวิตที่กรุงธนบุรี

ยุครัตนโกสินทร์

เมื่อพระยากาวิละตีเชียงแสนได้แล้ว เป็นช่วงเวลาที่สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี พระยากาวิละที่นำไพร่พลและเชลยลงไปเฝ้า ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น พระยาวชิรปราการ เจ้านครเชียงใหม่ พร้อมกันนี้โปรดเกล้าให้ เจ้าหนานธัมลังกาเป็นพระยาอุปราชนครเชียงใหม่ และให้เจ้าคำสม เป็นพระยานครลำปาง และเจ้าดวงทิพ เป็นพระยาอุปราชนครลำปาง

เมื่อพระยาวชิรปราการขึ้นครองนครเชียงใหม่ ขณะนั้นเวียงเชียงใหม่ยังคงเป็นเมืองร้างที่ไร้ผู้คน พระยาวชิรปราการจึงต้องนำไพร่พลไปพักอยู่ที่เวียงเวฬุคาม นานเกือบ 20 ปี ซึ่งระหว่างนั้น ก็ได้ไปกวาดต้อนผู้คนจากที่ต่าง ๆ มาสะสมไว้ที่เวียงเวฬุคาม เพื่อรอฟื้นฟูเวียงเชียงใหม่ จึงเรียกว่ายุคนี้เป็นยุค "เก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง" ครั้นสะสมกำลังพลและพลเมืองพอที่จะดูแลเวียงเชียงใหม่ได้แล้ว จึงได้ยาตราเข้าเวียงเชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2334 และได้ฟื้นฟูเวียงเชียงใหม่ให้เป็นศูนย์กลางของล้านนาได้ในเวลาต่อมา โดยได้ขนานนามเวียงเชียงใหม่ว่า เมืองรัตนตึงษาอภินณบุรี เมื่อปี พ.ศ. 2343

ต่อมาพม่าได้ตั้งชาวยูนนานฉายาว่า "ราชาจอมหงส์" มาเกลี้ยกล่อมให้นครเชียงใหม่เข้าร่วมด้วยกับพม่า และอ้างตนเป็นใหญ่ล้านนาไท 57 เมืองในนาม เจ้ามหาสุวัณณหังสจักกวัติราช โดยตั้งมั่นเมืองสาด พระยาวชิรปราการตั้งให้อุปราชธัมลังกาและเจ้ารัตนหัวเมืองยกทัพไปตีที่เมืองสาด สามารถจับกุมราชาจอมหงส์ได้ พร้อมกันได้จับตัวส่วยหลิงมณี ทูตพม่าที่ส่งไปเมืองแกว (ญวน) ที่กำลังพำนักที่เชียงตุง นำทั้งสองล่องเรือไปถวายตัวที่กรุงเทพ นับว่ามีความชอบมาก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระยาวชิรปราการขึ้นเป็นพระเจ้าเชียงใหม่ ปกครองดินแดนล้านนาไท 57 เมือง เฉลิมพระนามว่า พระบรมราชาธิบดี ศรีสุริยวงศ์อินทรสุรศักดิ์ สมญามหาขัตติยราชชาติราไชยสวรรค์ เจ้าขัณฑเสมาพระนครเชียงใหม่ราชธานี เมื่อวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2345

พระอิสริยยศ

ธรรมเนียมพระยศของ
พระเจ้ากาวิละ
การทูลไหว้สาพระบาทเจ้า
การแทนตนข้าพเจ้า
การขานรับบาทเจ้า
  • พ.ศ. 2285 - 2317: เจ้ากาวิละ
  • พ.ศ. 2317 - 2325: พระยานครลำปาง
  • พ.ศ. 2325 - 2345: พระยาวชิรปราการ พระยาเชียงใหม่
  • พ.ศ. 2345 - 2358: พระบรมราชาธิบดี พระเจ้าเชียงใหม่

สถานที่อันเนื่องมาจากพระนาม

  • ค่ายกาวิละ กองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 ต.วัดเกต อ.เมือง จ.เชียงใหม่
  • โรงเรียนกาวิละวิทยาลัย อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
  • โรงเรียนกาวิละอนุกูล อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

ดูเพิ่ม

 
อนุสรณ์สถานพระเจ้ากาวิละ

อ้างอิง

  1. รุ่งพงษ์ ชัยนาม. ประวัติศาสตร์ล้านนา : ประวัติศาสตร์ไทยที่คนไทยไม่ค่อยมีโกาสได้ศึกษา. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
  2. (แช่ม_บุนนาค) พงศาวดารลาวเฉียง[ลิงก์เสีย]
  3. อาณาจักรล้านนา กำเนิดและการล่มสลาย :พระบารมีปกเกล้า ยุพราชวิทยาลัย ๑๐๐ ปีนามพระราชทาน หน้า ๖๒; โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ; 2548
  4. อาณาจักรล้านนา กำเนิดและการล่มสลาย :พระบารมีปกเกล้า ยุพราชวิทยาลัย ๑๐๐ ปีนามพระราชทาน หน้า ๔๐
  5. ปริศนาโบราณคดี : ‘พลับพลาพระเจ้าตาก’ สัญญาที่ไม่วิปลาส ต่อกองทหารโพกหัวแดง มติชน.
  6. วรชาติ มีชูบท (2556) เจ้านายฝ่ายเหนือ และตำนานรักมะเมียะ กรุงเทพฯ : สร้างสรรค์บุ๊ค หน้า 4
  7. อาณาจักรล้านนา กำเนิดและการล่มสลาย :พระบารมีปกเกล้า ยุพราชวิทยาลัย ๑๐๐ ปีนามพระราชทาน หน้า ๔๑
  8. อาณาจักรล้านนา กำเนิดและการล่มสลาย :พระบารมีปกเกล้า ยุพราชวิทยาลัย ๑๐๐ ปีนามพระราชทาน หน้า ๔๓

แหล่งข้อมูลอื่น

  • กราบ๊อฟสกี้, ฟอลเกอร์. “เก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง.” ศิลปวัฒนธรรม 16, 3 (มกราคม 2538): 103-114.
  • คัมภีร์ คัมภีรญาณนนท์. เจ้านายฝ่ายเหนือ.[1]
  • นงเยาว์ กาญจนจารี. ดารารัศมี : พระประวัติพระราชชายา เจ้าดารารัศมี. เชียงใหม่: สุริวงศ์บุ๊คเซนเตอร์, 2539.
  • ปราณี ศิริธร ณ พัทลุง. เพ็ชร์ล้านนา. พิมพ์ครั้งที่ 2. เชียงใหม่: ผู้จัดการ ศูนย์ภาคเหนือ, 2538.
  • วงศ์สักก์ ณ เชียงใหม่, เจ้า. เจ้าหลวงเชียงใหม่. กรุงเทพฯ: คณะทายาทสายสกุล ณ เชียงใหม่, 2539.
  • สมหมาย เปรมจิตต์. ตำนานสิบห้าราชวงศ์ (ฉบับสอบชำระ). เชียงใหม่: มิ่งเมือง, 2540.
  • ศักดิ์ รัตนชัย. พงศาวดารสุวรรณหอคำนครลำปาง (ตำนานเจ้าเจ็ดพระองค์กับหอคำมงคล ฉบับสอบทานกับเอกสารสืบค้น สรสว. ลำปาง).
  • อนุวัฒน์ ไชยเมือง (บรรณาธิการ). ครบรอบ 100 ปี แม่เจ้าทรายมูล (มหาวงศ์) ไชยเมือง และประวัติสายสกุลเจ้าหลวงเมืองพะเยา พุทธศักราช 2387 - 2456. พะเยา: บริษัท ฮาซัน พริ้นติ้ง จำกัด, 2546


พระเจ, ากาว, ละ, พระบรมราชาธ, บด, หร, คำเม, อง, 2285, 2358, เป, นพระเจ, านครเช, ยงใหม, พระองค, แรกแห, งราชวงศ, พย, กร, ปกครองด, นแดนล, านนาไท, เม, อง, ตลอดร, ชสม, ยของพระองค, เป, นช, วงเวลาแห, งการศ, กสงครามและสร, างบ, านแปงเม, อง, ทรงเป, นกษ, ตร, ชาต, กรบได, . phrabrmrachathibdi 2 hrux phraecakawila khaemuxng ph s 2285 ph s 2358 epnphraecankhrechiyngihmphraxngkhaerkaehngrachwngsthiphyckr pkkhrxngdinaednlannaith 57 emuxng tlxdrchsmykhxngphraxngkhepnchwngewlaaehngkarsuksngkhramaelasrangbanaepngemuxng thrngepnkstriychatinkrbidthrngrwmkbphraxnuchathng 6 aelakxngthphsmedcphraecakrungthnburi kxbkuxisrphaphaephndinlannaxxkcakphma aelanalannaekhamaepnpraethsrachaehngsyamphrabrmrachathibdiphraecakawilaecaphukhrxngnkhrlapangkhrxngrachyph s 2317 2325 phrayankhrlapang kxnhnaecafahlwngchayaekwthdipphrayakhaosmecaphukhrxngnkhrechiyngihmkhrxngrachyph s 2325 2345 phrayaechiyngihm ph s 2345 2356 phraecaechiyngihm 1 kxnhnaphrayawiechiyrprakar buyma thdipphrayathrrmlngkarachethwiaemecaoncaphrarachbutr5 phraxngkhrachwngsthiphyckrphrabidaecafasingharachthaniecafahlwngchayaekwphramardaaemecacntharachethwiprasutiph s 2285phiraly21 phvscikayn ph s 2358 74 pi dwyphraprichasamarthaelaphraedchanuphaphinkarrb thrngsamarthkhyaykhxbkhnthsimaaephndinlannaxxkipxyangkwangihyiphsal kxprkbkhwamcngrkphkdithithrngthwaytxphrabrmrachwngsckri inwnthi 14 knyayn ph s 2345 phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach cungphrakrunaoprdekla ihcdphithimuththaphieskaelasthapnaphrayawchirprakarkhunepn phrabrmrachathibdi srisuriywngsxinthrsurskdi smyamhakhttiyrachchatiraichyswrrkh ecakhnthesmaphrankhrechiyngihmrachthani 3 miphraxisriyysphraecaechiyngihm epnihyinlannaith 57 emuxng idaek nkhrechiyngihm aelahwemuxngehnuxthnghmd inkarnimimhrsphsmophch 7 wn 7 khun enuxha 1 phrarachprawti 2 rachoxrs rachthida 3 phrarachkrniykic 3 1 yukhlannakhxngphma 3 2 yukhthnburi 3 3 yukhrtnoksinthr 4 phraxisriyys 5 sthanthixnenuxngmacakphranam 6 duephim 7 xangxing 8 aehlngkhxmulxunphrarachprawti aekikhphrabrmrachathibdi miphranamedimwa ecakawila prasutiemux c s 1104 picx ctwask ph s 2285 sungepnchwngewlakxnkaresiykrungsrixyuthyakhrngthisxng phraxngkhepnphraoxrsphraxngkhihyinecafasingharachthaniecafahlwngchayaekw ecankhrlapang kbaemecacntharachethwi aelaepnphrarachndda hlanpu phraxngkhaerkinphrayaichysngkhram thiphychang kbaemecaphimpharachethwi xngkhpthmkstriyaehngrachwngsthiphyckrphraecakawila miphraxnuchaaelaphrakhnistharwm 10 phraxngkh hying 3 chay 7 ecachaythng 7 phraxngkhidthrngchwykntxsukbphmaaelakhyaykhxbkhnthsimalanna epnehtuihthngecdxngkhmiphrasmyyawa ecaecdtn miphranamtamladb dngni phraecakawila phraecankhrechiyngihm phraxngkhthi 1 ecaphukhrxngnkhrlapang xngkhthi 3 phrayakhaosm ecaphukhrxngnkhrlapang xngkhthi 4 phrayathrrmlngka ecaphukhrxngnkhrechiyngihm xngkhthi 2 phraecadwngthiphy ecaphukhrxngnkhrlapang xngkhthi 5 ecasrixoncha phraxkhrchayainsmedcphrabwrrachecamhasursinghnath ecahyingsriwnna thungaekphiralyaeteyaw ecaxuprachhmuhla phraxuprachnkhrlapang phrayakhafn ecaphukhrxngnkhrechiyngihmxngkhthi 3 aelaecaphukhrxngnkhrlaphunxngkhthi 1 ecahyingsribuythn phiralyaeteyaw phraecabuyma ecaphukhrxngnkhrlaphunxngkhthi 2phraecakawila thungaekphiralyinpi c s 1177 eduxnyiehnux aerm 5 kha wnphuth trngkbwnthi 21 phvscikayn ph s 2358 yamaetrbxkewlaekhasuethiyngkhun thrngpkkhrxngnkhrechiyngihmepnrayaewlanan 32 pi siriphrachnsaid 74 pirachoxrs rachthida aekikhphraecakawila miphraoxrsaelaphrathida rwm 5 xngkh xyuinskul n echiyngihm miphranamtamladb dngni ecarachbutr suriykhat ecaipyka tathwd inhmxmthiphwnaelahmxmsrinwl chayainphlexk phrawrwngsethx phraxngkhecabwredch phraecakawiolrssuriywngs phraecankhrechiyngihm xngkhthi 6 phraxyka ecata inecadararsmi phrarachchayainphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw ecahnanmhawngs ecapuinecacxmmardathipheksr inrchkalthi 5 aelaphraipyka ecatathwd inphraecabrmwngsethx krmhmunsrrkhwiisynrbdi ecakhais ecahnanichyesna esksmrskb ecahyingsnthya n echiyngihm rachthidainphrayakhafn ecaphukhrxngnkhrechiyngihm xngkhthi 3 aela ecaphukhrxngnkhrlaphun xngkhthi 1phrarachkrniykic aekikhecahlwngechiyngihmaehngrachwngsthiphyckr phraecakawila phrayathrrmlngka phrayakhafn phrayaphuththwngs phraecamohtrpraeths phraecakawiolrssuriywngs phraecaxinthwichyannth ecaxinthworrssuriywngs ecaaekwnwrthdkhkyukhlannakhxngphma aekikh insmyplayphmakhrxnglanna emuxpi ph s 2313 phrayacaban buyma khunnangemuxngechiyngihm ekidwiwaththungkhnichkalngthharekhathaelaawiwathkbopmayungwn ecaemuxngechiyngihm phrayacabanmikalngnxysuimihwcunghniiphaopsuphla aemthphphmathiaetngthphiplanchang opsuphlakbopmayungwnnnimkhxythukkn opsuphlacungrbphrayacabaniwinkhwamduaelinpi ph s 2314 smedcphraecakrungthnburiykthphkhunehnuxephuxcakhbilphmathikhrxngewiyngechiyngihmxyu aetlxmechiyngihmidephiyng 9 wnkelikthphklb 4 opsuphlaykthphcakechiyngaesnklbthungechiyngihminph s 2316 phrxmphaphrayacabanklbmadwy opsuphlatngthphxyuthipratuthaaephaelaimyxmsngtwphrayacabanihopmayungwn opmayungwnthaxairimidcungrxngeriynipyngkrungxngwainpi ph s 2317 smedcphraecakrungthnburioprd ihecaphrayasxngphinxngkhux ecaphrayackri thxngdwng aelaecaphrayasursih buyma ykthphkhuntiewiyngechiyngihm opsuphlathrabwathnburiykthphkhunma cungihphrayacabanaelaecakawilakhumkalngphl 1 000 nayepnkxnghnalngiplapang aelwtncaykthphihyrawhmunnaytamlngipsmthbhmaycathasukkbthphthnburithilapang rahwangnn krungxngwamitraeriykihsngtwphrayacabanaelaecakawilaipphicarnakhwamthikrungxngwa aetopsuphlakyngptiesthsngtwthngsxngkhnodyxangwathngsxngyngtidphnrachkarsukxyu hakeriyktwthngsxngklbmacathaihesiykaresiynganid opmayungwnthaxairimidcungsngnaykxngthilapangekhakhumtwecafahlwngchayaekw phriya aelabutrkhxngecakawilasngtwipthikrungxngwaepntwpraknphrayacabansungkhumkalngxyuthihxdthrabkhawcungribichkhnsnithipbxkecakawila aelatnexngxxkxubayrbxasaopsuphlacdkxnghnathinaodynaykxnaekwphuepnhlanipsarwcthang naykxnaekwcungnakxngthharophkphaaednglxbipekhaefasmedcphraecakrungthnburisungtngkxngthharelk xyuthithachangrxngiklewiyngli 5 ecakawilaemuxthrabwabidaaelakhrxbkhrwthuksngtwipyngkrungxngwa knakalngsngharnaykxngphmainnkhrlapangesiy aelaribsngkhnipchingtwkhrxbkhrwklbmaid yukhthnburi aekikh emuxkxngthphecaphrayasxngphinxngykmathunglapang ecakawilaidnaesbiyngxaharaelaiphrphlekharwmsmthbkbkxngthphkrungthnburi 4 emuxopsuphlasungykthphihytamlngmaidkhrungthangidyinwaecakawilaipekhakbthnburiesiyaelw cungykthphthxyiptnghlngthiewiyngechiyngihmaetkimsamarthtanthanid phaphwkhlbhnixxkipthangpratuchangephuxkmunghnaipechiyngaesn smedcphraecakrungthnburicungoprdekla sthapnaphrayacabankhunepnphrayawiechiyrprakar khrxngnkhrechiyngihm aelatngnaykxnaekw phuepnhlan khunepnphrayaxuprachnkhrechiyngihm khnaediywkn thrngsthapnaecakawilakhunepnphrayankhrlapang aelaihecahnanthmmlngka epnphrayaxuprachnkhrlapang inthanapraethsrachkhxngkrungthnburi 4 6 inkarni ecaphrayasursih buyma idrbexaecarccanxngsawkhxngecakawilaepnphriyaklbipyngkrungthnburidwytxma inpi ph s 2318 opmayungwnykthphphmacakechiyngaesnmalxmewiyngechiyngihm phrayawiechiyrprakarehnwasuimihwcungmxbhmayihxuprachkxnaekwsasmesbiyngrxxyuthiwngphraw 7 emuxphmalxmechiyngihmid 8 eduxn phrayawiechiyrprakarcungthingemuxngmunghnaipemuxngraaehng emuxngtak ephuxekhaefasmedcphraecakrungthnburi thphphmatamtihlngmacnthunglapangaelaykthphekhatinkhrlapang phrayakawilaaelaxnuchaimsamarthtanthanidcungthingemuxngmunghnaipswrrkholk thangdanphrayawiechiyrprakarnn phxykthphmathungwngphrawkekidthaelaawiwathkbxuprachkxnaekweruxngesbiyng sungthaihphrayawiechiyrprakarbndalothsakhaxuprachkxnaekwesiy emuxthphhlwngthnburikhbilphmaxxkipinpi ph s 2319 phrayakawilaaelaxnuchacungykthphklbmatngmnthinkhrlapangxikkhrnginpi ph s 2323 khrnkrungthnburiiptilanchang emuxecaphrayackriaelaphrayasursihtiewiyngcnthridaelw aemthphthngsxngidaetngkxngkhahlwngxxkipsubkhawthangemuxngnancnthungnkhrlapang aetkhahlwngehlannidpraphvtitnechnxnthphal ethiywplnocrkrrmchingthrphysindwyprakartang phrayakawilathrabkhwamcungkhumkalngekhasngharkhahlwngehlannesiy phwkthirxdtayphaknipkrabthulphraecakrungthnburi phraecakrungthnburicungihmitraeriykphrayakawilalngmaekhaefathikrungthnburi sungphrayakawilathrabwatnmikhwamphidcungimyxmlngmacungkhdtrannthungsamkhrng 7 sungphrayakawilakidiptiexaphukhncakemuxnglxng emuxngethingephuxhwngexakhwamchxbithoths emuxphrayawiechiyrprakarphaphukhnthikwadtxnlngipthwayphraecakrungthnburi cungmiphrarachoxngkarihlngoths phrayawiechiyrprakarinkhwamphidkhaxuprachkxnaekwphuepnhlan aelalngothsphrayakawilathikhdtradwykarobykhnla 100 thi phrxmthngihtdkhxbhuphrayakawilathngsxngkhang 7 inkhwamphidsngharkhahlwng thngsxngthuknaipkhngkhuk inrahwangthithukkhumkhng phrayakawilaidkhxxasaiptiemuxngechiyngaesnepnkarithoths cungidrbphrarachthanxphyothsphrxmklbkhunthanndrskdi swnphrayawiechiyrprakaridlmpwyaelaesiychiwitthikrungthnburi 7 yukhrtnoksinthr aekikh emuxphrayakawilatiechiyngaesnidaelw epnchwngewlathismedcecaphrayamhakstriysuk idprabdaphieskkhunepnpthmkstriyaehngrachwngsckri phrayakawilathinaiphrphlaelaechlylngipefa idrbkarsthapnakhunepn phrayawchirprakar ecankhrechiyngihm phrxmknnioprdeklaih ecahnanthmlngkaepnphrayaxuprachnkhrechiyngihm aelaihecakhasm epnphrayankhrlapang aelaecadwngthiph epnphrayaxuprachnkhrlapang 7 emuxphrayawchirprakarkhunkhrxngnkhrechiyngihm khnannewiyngechiyngihmyngkhngepnemuxngrangthiirphukhn phrayawchirprakarcungtxngnaiphrphlipphkxyuthiewiyngewlukham nanekuxb 20 pi sungrahwangnn kidipkwadtxnphukhncakthitang masasmiwthiewiyngewlukham ephuxrxfunfuewiyngechiyngihm cungeriykwayukhniepnyukh ekbphkissa ekbkhaisemuxng 7 khrnsasmkalngphlaelaphlemuxngphxthicaduaelewiyngechiyngihmidaelw cungidyatraekhaewiyngechiyngihm emux ph s 2334 aelaidfunfuewiyngechiyngihmihepnsunyklangkhxnglannaidinewlatxma odyidkhnannamewiyngechiyngihmwa emuxngrtntungsaxphinnburi 7 emuxpi ph s 2343txmaphmaidtngchawyunnanchayawa rachacxmhngs 8 maekliyklxmihnkhrechiyngihmekharwmdwykbphma aelaxangtnepnihylannaith 57 emuxnginnam ecamhasuwnnhngsckkwtirach odytngmnemuxngsad phrayawchirprakartngihxuprachthmlngkaaelaecartnhwemuxngykthphiptithiemuxngsad samarthcbkumrachacxmhngsid phrxmknidcbtwswyhlingmni thutphmathisngipemuxngaekw ywn thikalngphankthiechiyngtung nathngsxnglxngeruxipthwaytwthikrungethph nbwamikhwamchxbmak phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkoprdekla ihsthapnaphrayawchirprakarkhunepnphraecaechiyngihm pkkhrxngdinaednlannaith 57 emuxng echlimphranamwa phrabrmrachathibdi srisuriywngsxinthrsurskdi smyamhakhttiyrachchatiraichyswrrkh ecakhnthesmaphrankhrechiyngihmrachthani emuxwnthi 14 knyayn ph s 2345phraxisriyys aekikhthrrmeniymphrayskhxng phraecakawilakarthulihwsaphrabathecakaraethntnkhaphecakarkhanrbbathecaph s 2285 2317 ecakawila ph s 2317 2325 phrayankhrlapang ph s 2325 2345 phrayawchirprakar phrayaechiyngihm ph s 2345 2358 phrabrmrachathibdi phraecaechiyngihmsthanthixnenuxngmacakphranam aekikhkhaykawila kxngbychakarmnthlthharbkthi 33 t wdekt x emuxng c echiyngihm orngeriynkawilawithyaly xaephxemuxngechiyngihm cnghwdechiyngihm orngeriynkawilaxnukul xaephxemuxngechiyngihm cnghwdechiyngihmduephim aekikh xnusrnsthanphraecakawila xnusrnsthanphraecakawilaxangxing aekikh rungphngs chynam prawtisastrlanna prawtisastrithythikhnithyimkhxymiokasidsuksa mhawithyalysuokhthythrrmathirach aechm bunnakh phngsawdarlawechiyng lingkesiy xanackrlanna kaenidaelakarlmslay phrabarmipkekla yuphrachwithyaly 100 pinamphrarachthan hna 62 orngeriynyuphrachwithyaly cnghwdechiyngihm sankngankhnakrrmkarkarsuksakhnphunthan krathrwngsuksathikar 2548 4 0 4 1 4 2 xanackrlanna kaenidaelakarlmslay phrabarmipkekla yuphrachwithyaly 100 pinamphrarachthan hna 40 prisnaobrankhdi phlbphlaphraecatak syyathiimwiplas txkxngthharophkhwaedng mtichn wrchati michubth 2556 ecanayfayehnux aelatananrkmaemiya krungethph srangsrrkhbukh hna 4 7 0 7 1 7 2 7 3 7 4 7 5 7 6 xanackrlanna kaenidaelakarlmslay phrabarmipkekla yuphrachwithyaly 100 pinamphrarachthan hna 41 xanackrlanna kaenidaelakarlmslay phrabarmipkekla yuphrachwithyaly 100 pinamphrarachthan hna 43aehlngkhxmulxun aekikhkrabxfski fxlekxr ekbphkissa ekbkhaisemuxng silpwthnthrrm 16 3 mkrakhm 2538 103 114 khmphir khmphiryannnth ecanayfayehnux 1 nngeyaw kaycncari dararsmi phraprawtiphrarachchaya ecadararsmi echiyngihm suriwngsbukhesnetxr 2539 prani sirithr n phthlung ephchrlanna phimphkhrngthi 2 echiyngihm phucdkar sunyphakhehnux 2538 wngsskk n echiyngihm eca ecahlwngechiyngihm krungethph khnathayathsayskul n echiyngihm 2539 smhmay eprmcitt tanansibharachwngs chbbsxbchara echiyngihm mingemuxng 2540 skdi rtnchy phngsawdarsuwrrnhxkhankhrlapang tananecaecdphraxngkhkbhxkhamngkhl chbbsxbthankbexksarsubkhn srsw lapang xnuwthn ichyemuxng brrnathikar khrbrxb 100 pi aemecathraymul mhawngs ichyemuxng aelaprawtisayskulecahlwngemuxngphaeya phuththskrach 2387 2456 phaeya bristh hasn phrinting cakd 2546khxmmxns miphaphaelasuxekiywkb phraecakawilarchsmykxnhna phraecakawila rchsmythdipecafasingharachthaniecafahlwngchayaekw ecaphukhrxngnkhrlapang ph s 2317 2325 phrayakhaosmphrayawiechiyrprakar buyma ecaphukhrxngnkhrechiyngihm ph s 2325 2358 phrayathrrmlngka ekhathungcak https th wikipedia org w index php title phraecakawila amp oldid 9664254, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม