พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร)
พระยาศรีสุนทรโวหาร นามเดิม น้อย ต้นสกุลอาจารยางกูร (5 กรกฎาคม พ.ศ. 2365 — 16 ตุลาคม พ.ศ. 2434) เป็นชาวฉะเชิงเทรา ท่านได้รับสมญาว่าเป็นศาลฎีกาภาษาไทย เป็นผู้แต่งตำราเรียนชุดแรกของไทย เรียกว่า "แบบเรียนหลวง" ใช้สอนในโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ และหนังสือกวีนิพนธ์ที่มีคุณค่าอีกหลายเรื่อง งานชิ้นสำคัญชิ้นหนึ่ง คือท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็น แม่กองตรวจโคลงบรรยายประกอบรูปภาพเรื่อง "รามเกียรติ์" รอบระเบียงพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อครั้งกรุงรัตนโกสินทร์ครบรอบ 100 ปี และตัวท่านเองก็ได้รับหน้าที่เป็นผู้แต่งด้วยท่านหนึ่ง
พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) | |
---|---|
เกิด | 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2365 ฉะเชิงเทรา กรุงรัตนโกสินทร์ |
เสียชีวิต | 16 ตุลาคม พ.ศ. 2434 (69 ปี) |
สัญชาติ | ไทย |
ชาติพันธุ์ | ไทย |
อาชีพ | นักเขียน |
ศาสนา | พุทธ |
ประวัติ
พระยาศรีสุนทรโวหาร มีนามเดิมว่าน้อย เกิดเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2365 ตรงกับปลายรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
การศึกษา
เมื่ออายุได้ประมาณ 5-7 ปี เรียนหนังสือไทยกับหลวงบรรเทาทุกข์ราษฎร์ กรมการเมืองฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นพี่ชายใหญ่ของท่าน ในขณะที่หลวงบรรเทาทุกข์ราษฎร อุปสมบทเป็นภิกษุอยู่ที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร เมื่ออายุ 15 ปี ท่านได้เข้าไปศึกษาต่อในพระนคร อยู่กับสามเณรน้าชาย ชื่อทัด ณ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร อายุ 14 ปี บรรพชาเป็นสามเณรเรียนหนังสือไทยกับพระกรรมวาจาจารย์ (จัน) เรียนหนังสือขอมกับพระครูวิหารกิจจานุการ (กรรมวาจาจีน) ศึกษาพระธรรมวินัยจากสำนักต่าง ๆ เช่น
- เรียนคัมภีร์สารสงเคราะห์ สำนักสมเด็จพระอริยวงษญาณ (ด่อน)
- เรียนคัมภีร์มังคลัตถทีปนีในสำนักพระอุปทยาจารย์ (ศุข)
- เรียนคัมภีร์มูลกัจจายน์ในสำนักสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สน)
- เรียนคัมภีร์กังขาวิตรณี ในสำนักอาจารย์เกิด
- เรียนคัมภีร์มหาวงศ์ในสำนักพระครูด้วง
- เรียนคัมภีร์อื่น ๆ ในสำนักพระครูปาน พระใบฎีกาแก้ว พระอาจารย์คง อาจารย์ที่เป็นคฤหัสถ์ด้วย
ท่านได้บวชเป็นสามเณร 8 ปี เมื่ออายุ 21 ปี ได้อุปสมบทที่วัดสระเกศวรวิหาร ท่านแตกฉานทั้งภาษาไทย ภาษาเขมร ภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต รู้การแต่งคำประพันธ์ฉันทลักษณ์เป็นอย่างดี เมื่ออายุ 24 ปี ได้เข้าแปลปริยัติธรรมในที่ประชุมพระราชาคณะ ณ วัดราชบุรณราชวรวิหาร ได้เป็นเปรียญธรรม 5 ประโยค
ด้วยระยะเวลานั้น วัดสระเกศวรวิหารขาดพระมหาเปรียญเป็นเวลานับสิบปี พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโสมนัสยินดี ทรงเฉลิมพระราชศรัทธาโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะปฏิสังขรณ์วัดใหม่ รื้อกุฏิเก่าฝาไม้ไผ่ออกสร้างกุฏิตึกเป็นเสนาสนะงดงาม ตลอดทั้งก่อสร้างสถาปนาภูเขาทองด้วยนับเป็นเกียรติยศอย่างสูง ด้วยความอุตสาหะพากเพียรใฝ่รู้ของท่าน จึงได้ขอศึกษาพระปริยัติธรรมในสำนักของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพรรษาที่ 6 ได้เข้าแปลพระปริยัติธรรมในที่ประชุมพระราชาคณะ ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร สอบได้เปรียญธรรม 7 ประโยค พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็นพระราชาคณะที่ “พระประสิทธิสุตคุณ”
การทำงาน
พ.ศ. 2396 ท่านลาสิกขาบท เจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง (เพ็ง เพ็ญกุล) (หรือเจ้าหมื่นสรรพเพชรภักดีในขณะนั้น) ได้นำท่านเข้าถวายตัวรับราชการอยู่ในกรมมหาดเล็กเวรศักดิ์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงใช้สอยในเรื่องหนังสือไทย หนังสือขอมคล่องแคล่ว ตามที่พระองค์ต้องการ ไม่ว่าจะติดขัดในประการใดก็ช่วยเหลือพระองค์ได้เสมอ ท่านรับราชการ 1 ปี ก็ได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นที่ “ขุนประสิทธิ์อักษรศาสตร์” ทำงานเป็นผู้ช่วยของเจ้ากรมพระยารักษ์ ว่าที่เจ้ากรมอักษรพิมพการ ครั้นถึงในสมัยรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนตำแหน่งเป็น “ขุนสารประเสริฐ” ปลัดทูลฉลอง กรมพระอาลักษณ์ และเมื่อเจ้านครเชียงใหม่นำช้างเผือกมาถวาย ท่านจึงได้แต่งฉันท์กล่อมช้าง
พ.ศ. 2414 ท่านได้คิดแบบสอนอ่านหนังสือไทย รวม 6 เล่ม ได้แก่ มูลบทบรรพกิจ วาหนิติ์นิกร อักษรประโยค สังโยคพิธาน พิศาลการันต์ ไวพจน์พิจารณ์ (ไวพจน์พิจารณ์แต่งในปี พ.ศ. 2425) ซึ่งเป็นที่ถูกพระราชหฤทัยของพระองค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นอันมาก ท่านจึงได้เลื่อนยศขึ้นเป็น “พระสารประเสริฐ” ปลัดทูลฉลอง กรมพระอาลักษณ์
พ.ศ. 2415 ท่านได้เป็นครูสอนหนังสือไทย ในกรมมหาดเล็ก
พ.ศ. 2416 โปรดเกล้าฯ ให้เป็นอาจารย์สอนพระราชวงศ์ที่ยังพระเยาว์ และบุตรหลานข้าราชการได้รับพระราชทานเงินเดือน เดือนละ 60 บาท ภายหลังได้คิดแบบเรียนอีกหลายเล่ม เช่น อนันตวิภาค เขมรากษรมาลา (หนังสือขอม) นิติสารสาธก ปกรนำพจนาตถ์ โคลงฉันท์หลายเรื่อง
พ.ศ. 2418 ในปีนั้นพระยาศรีสุนทรโวหาร (ฟัก สาลักษณ) เจ้ากรมพระอาลักษณ์ ถึงแก่อนิจกรรม จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งพระสารประเสริฐขึ้นเป็น พระศรีสุนทรโวหาร เจ้ากรมอาลักษณ์ ถือศักดินา 3,000 ไร่
พ.ศ. 2422 เมื่อมีการปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดารามท่านได้มีส่วนในการแต่งโคลงรามเกียรติ์เพื่อจารึกที่ระเบียงรอบพระอุโบสถ และเป็นท่านยังเป็นแม่กองตรวจโคลงรามเกียรติ์ที่ข้าราชการแต่งทูลเกล้าฯ ถวายอีกด้วย ผลงานและความชอบในครั้งนั้นได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น"พระยาศรีสุนทรโวหาร ญานปรีชามาตย์ บรมนารถนิตยภักดี พิริยพาหะ" ถือศักดินา 3,000 ไร่ และได้รับพระราชทานเบี้ยหวัดปีละ 4 ชั่ง
พ.ศ. 2425 ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ให้เป็นองคมนตรีเป็นที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน และทำหน้าที่เป็นเลขานุการสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน และองคมนตรีสภาอีกด้วย และให้มีการปฏิรูปการศึกษา โดยตั้งโรงเรียนหลวงแห่งแรก ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อ พ.ศ. 2414 โดยมีพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) เป็นอาจารย์ใหญ่คนแรก
ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรเกล้าฯ ให้เป็นพระอาจารย์ถวายอักษร สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร
19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2432 ท่านได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นทุติยจุลจอมเกล้า และได้รับพระราชทานพานหมากทอง คนโททอง กระโถนทอง เป็นเครื่องยศ
อนิจกรรม
พ.ศ. 2434 ท่านได้ป่วยด้วยโรคชรา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานหมอหลวงรักษา และให้พาหมอเชลยศักดิ์มารักษาด้วย แต่อาการไม่ดีขึ้น ดังนั้นในวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2434 ท่านได้ถึงแก่อนิจกรรม สิริอายุได้ 69 ปี ได้รับพระราชทานโกศโถเป็นเกียรติยศ ต่อมาได้มีการพระราชทานเพลิงศพพระยาศรีสุนทรโวหารเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2438 ณ เมรุ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จเป็นองค์ประธาน
ผลงาน
- มูลบทบรรพกิจ
- วาหนิติ์นิกร
- อักษรประโยค
- จอมราชจงเจริญ
- สังโยคภิธาน
- ไวพจน์พิจารณ์
- พิศาลการันต์
- อนันตวิภาค
- เขมรากษรมาลา (เป็นแบบหนังสือขอม)
- นิติสารสาธก
- ปกีรณำพจนาตถ์ (คำกลอน)
- ไวพจน์ประพันธ์
- อุไภยพจน์
- สังโยคภิธานแปล
- วิธีสอนหนังสือไทย
- มหาสุปัสสีชาดก
- วรรณพฤติคำฉันท์
- ฉันท์กล่อมช้าง
- ฉันทวิภาค
- ร่ายนำโคลงภาพพระราชพงศาวดาร
- โคลงภาพพระราชพงศาวดาร รูปที่ 65 และ 85
- คำนมัสการคุณานุคุณ
- สยามสาธก วรรณสาทิศ
- พรรณพฤกษา
- พหุบาทสัตวาภิธาน
- ฯลฯ
การรำลึกถึง
- อนุสาวรีย์ของพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ตั้งอยู่บนถนนศรีโสธรตัดใหม่ ในเขตเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา
- ในคำขวัญประจำจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้มีการกล่าวถึงพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ไว้ในวรรคที่ 3 ว่า "...พระยาศรีสุนทรปราชญ์ภาษาไทย..."
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. 2432 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 2 ทุติยจุลจอมเกล้า (ท.จ.) (ฝ่ายหน้า)
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์ช้างเผือก (ต.ช.)
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย (จ.ม.)
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ – เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา (ร.ด.ม.(ศ))
- เครื่องยศตามแบบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทุติยจุลจอมเกล้า
- พานหมากทองคำ
- กระโถนทองคำ
- คนโททองคำ
อ้างอิง
- พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร)
- บุคคลสำคัญของไทย baanjomyut.com
- "ประกาศพระราชทานนามสกุล ครั้งที่ 18 (ลำดับที่ 1433 ถึงลำดับที่ 1483)" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. สำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา. 31 (0 ง): 827. 12 กรกฎาคม 2457. สืบค้นเมื่อ 5 กรกฎาคม 2563. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - "พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) (ต่อ)". สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา. สืบค้นเมื่อ 18 มกราคม 2559. Check date values in:
|accessdate=
(help) - สามัญศึกษาจังหวัดฉะเชิงเทรา,2540:99-100
- เกษม หน่ายคอน และคณะ, 2540 : 1-4
- พีระ เทพพิทักษ์ และคณะ,2539:63
- ↑ การพระราชพิธีฉัตรมงคลแลพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า
- พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย). อนันตวิภาค. พระนคร : พิศาลบรรณนิติ, 2445. หน้า 1 ก-ค.
- ราชกิจจานุเบกษา, ข่าวตาย, เล่ม 8, ตอน 30, 25 ตุลาคม 2534, หน้า 265
- เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานเพลิงศพพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย)