fbpx
วิกิพีเดีย

อำเภอพังโคน

พังโคน เป็นอำเภอที่ตั้งอยู่เกือบกึ่งกลางจังหวัดสกลนคร และเป็นอำเภอที่มีความเจริญมากอีกอำเภอหนึ่ง เป็นรองแค่เพียงอำเภอเมืองสกลนคร และอำเภอสว่างแดนดิน ถือเป็นศูนย์กลางทางด้านการค้าและการคมนาคมขนส่งทางตอนกลางของจังหวัด

อำเภอพังโคน
การถอดเสียงอักษรโรมัน
 • อักษรโรมันAmphoe Phang Khon
คำขวัญ: 
วัฒนธรรมเซิ้งผีโขน พังโคนเมืองไก่ย่าง
เขื่อนกว้างลำน้ำอูน ถิ่นสมบูรณ์จำปาชนบท
แผนที่จังหวัดสกลนคร เน้นอำเภอพังโคน
พิกัด: 17°23′33″N 103°42′34″E / 17.39250°N 103.70944°E / 17.39250; 103.70944
ประเทศ ไทย
จังหวัดสกลนคร
พื้นที่
 • ทั้งหมด383.8 ตร.กม. (148.2 ตร.ไมล์)
ประชากร
 (2563)
 • ทั้งหมด52,585 คน
 • ความหนาแน่น137.01 คน/ตร.กม. (354.9 คน/ตร.ไมล์)
รหัสไปรษณีย์ 47160
รหัสภูมิศาสตร์4705
ที่ตั้งที่ว่าการที่ว่าการอำเภอพังโคน ตำบลพังโคน อำเภอพังโคน จังหวัดสกลนคร 47160
ส่วนหนึ่งของสารานุกรมประเทศไทย

ที่ตั้งและอาณาเขต

อำเภอพังโคนตั้งอยู่ทางตอนกลางค่อนไปทางทิศตะวันตกของจังหวัด มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงดังต่อไปนี้

ประวัติ

อำเภอพังโคน เดิมคือ เมือง”จัมปาชนบท” โดยตามประวัติกล่าวว่า ชาวภูไทอพยพมาจากเมืองวังฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง พากันมาตั้งบ้านเรือน ใช้ชื่อว่า “บ้านจัมปา” อันเป็นนามของดอกไม้ (บ้านจัมปา ซึ่งปัจจุบันคือ บ้านนาเหมือง หมู 2 ตำบลพังโคน) โดยมีท้าวแก้ว เป็นหัวหน้า

ต่อมาปี พ.ศ. 2420 เป็นปีที่ 10 ในรัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ยกบ้านจัมปาขึ้นเป็น เมืองจัมปาชนบท ขึ้นตรงกับเมืองสกลนครและโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้ ท้าวแก้ว วงศ์ประทุม เป็นพระบำรุงนิคมเขต เจ้าเมืองจัมปาชนบท

พระบำรุงนิคมเขต เจ้าเมืองจัมปาชนบท เป็นผู้มองกาลไกล จึงได้ชักชวนชาวบ้านกรมการที่อยู่ในเขตแดนเมืองจัมปาชนบท ให้ทำนาเป็นอาชีพ ตัวท่านและครอบครัว ก็ทำนาเป็นตัวอย่างแก่ราษฎรทั้งหลาย ที่นาของท่านอยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศเหนือ “หนองสิม” เรียกว่า “ทุ่งนาเหมือง” มาจนถึงปัจจุบัน

เมื่อครั้น พระบำรุงนิคมเขต(แก้ว) เป็นเจ้าเมืองอยู่นั้น มีกรมการเมือง ประกอบด้วย อุปราช(อุปฮาด) ราชวงศ์ ราชบุตร นอกจากนั้นยังมีตำแหน่งเมืองซ้าย เมืองขวา เมืองฮาม เมืองแสน เมืองจันทน์ ต่อมา มีการยุบเมืองให้เป็นเป็นอำเภอ เจ้าเมืองเปลี่ยนเป็น นายอำเภอ อุปราชหรืออุปฮาด เป็นปลัดอำเภอ ราชวงศ์ เป็นสมุห์บัญชี-อำเภอ และราชบุตร เป็นเสมียนอำเภอ

พระบำรุงนิคมเขต(แก้ว) เป็นต้นตระกูล “วงศ์ประทุม” เมื่อถึงแก่กรรม ท้าวคำไข ตำแหน่งอุปราช(อุปฮาด) บรรดาศักดิ์ที่พระประทุมเทวาพิทักษ์ ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เป็นเจ้าเมืองจัมปาชนบท ในบรรดาศักดิ์ที่ พระบำรุงนิคมเขต (คำไข) สืบต่อมา

ครั้นเมื่อ พ.ศ. 2445 มหาอำมาตย์โท พระยามหาอำมาตย์ธิบดี ปลัดทูลฉลองกระทรวงมหาดไทย ได้มาตรวจราชการ จึงได้สั่งเปลี่ยนแปลงาเขตการปกครองหัวเมืองเสียใหม่คือ บรรดาหัวเมืองต่าง ๆ ที่มีอาณาเขตใกล้ชิดกัน ให้ยุบลงเป็นอำเภอหรือยุบไปขึ้นกับอำเภอที่มีอาณาเขตใกล้ชิดกัน เมืองจัมปาชนบท อยู่ใกล้กับอำเภอพรรณนานิคมก็ให้ยุบโอนขึ้นกับอำเภอพรรณนานิคม

ต่อมาทางราชการได้สร้างทางหลวงแผ่นดินสายอุดรธานี – สกลนคร – นครพนม เส้นทางนี้ได้ตัดผ่านศูนย์กลางบ้านดอนพังโคน (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 22 กิโลเมตรที่ 107) ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองจัมปาชนบทไปทางทิศเหนือ ประมาณ 1 กิโลเมตร จึงได้มีบรรดาชาวเมืองจัมปาชนบท พากันอพยพบ้างเมืองมาอยู่ตามแนวสองข้างทางเรียกว่า “บ้านพังโคน” หรือบ้านดอนพังโคน” ปัจจุบันมีสี่แยกทางสาย 22 ตัดกับสาย 222 และ227 ชาวบ้านเรียกสี่แยก 2 วา เนื่องจากแยกไปทางทิศเหนือ คือ อำเภอวานรนิวาส และทิศใต้ คือ อำเภอวาริชภูมิ อำเภอพังโคน

เมื่อปี พ.ศ. 2511 กระทรวงมหาดไทยได้ประกาศจัดตั้งกิ่งอำเภอพังโคน โดยแบ่งท้องที่ตำบลม่วงไข่ ตำบลแร่ และตำบลไฮหย่อง แยกจากอำเภอพรรณนานิคม ทั้งนี้มีพ่อค้าประชาชนชาวอำเภอพัง-โคนได้ร่วมบริจาคเงินซื้อที่ดินจำนวน 35 ไร่ ให้เป็นสถานที่ตั้งที่ว่าการอำเภอ และศูนย์ราชการกิ่งอำเภออยู่ห่างจากสี่แยก 2 วา ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 1 กิโลเมตร เมื่อท้องที่กิ่งอำเภอพังโคนเจริญขึ้น ทางราชการจึงมีพระราชกฤษฎีกา ยกฐานะกิ่งอำเภอพังโคน เป็น “อำเภอพังโคน” โดยแบ่งเขตการปกครอง ออกเป็น 5 ตำบล

ชื่อ

บ้านพังโคน มีประวัติเล่ามาว่า เมื่อวันเดือนปีใดไม่ปรากฏ นครเวียงจันทน์เกิดกบฏ พวกกบฏได้ปล่อยช้างมงคลหรือพลายคำมิ่ง ตัวผู้มีงากับช้างดอ ชื่อ มิ่งมงคล ไม่มีงา และช้างพัง ชื่อโคน รวม 3 เชื่อก ของเจ้านครเวียงจันทน์ ข้ามโขงมาฝั่งของไทย เมืองเจ้านครเวียงจันทน์ไปปราบกบฏเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงสั่งให้บรรดาควาญช้างต้น ข้ามโขงมาตามเอาช้างมิ่งมงคลที่ปล่อยมานั้นคืน ได้ติดตามมาพบช้างที่ริมหนองอีนาง เขตท้องที่อำเภอพรรณานิคม จึงพากันจับช้างดอชื่อมิ่งมงคลที่หนองอีนางนั่นเอง

ส่วนอีก 2 เชือก คือพลายคำมิ่งกับพังโคนไปตามไปพบที่ดอนตูม ซึ่งอยู่กลางทุ่งนามีต้นตูมขึ้นอยู่มากใกล้กับหมู่บ้านจัมปา จึงจับพลายคำมิ่งได้ ส่วนช้างพับที่ชื่อโคนจับไม่ได้ จึงลงความเห็นว่าต้องใช้ปืนยิงที่เท้าให้เจ็บเสียก่อนจึงจะจับได้ เมื่อถูกยิงแทนที่จะจับได้กลับอาละวาดเป็นการใหญ่ บรรดาคราญช้างจึงลงความเห็นควรจะจับตาย จึงใช้ปืนยิงให้ตายแล้วจึงนำซากช้างพังที่ชื่อโคนมาฝังไว้ บริเวณดอนตูมแห่งนี้แล้วจึงพากันนำช้าง 2 เชือก กลับนครเวียงจันทน์

ต่อมาชาวบ้านจึงพากันเรียกดอนตูมแห่งนี้ว่า "ดอนพังโคน" ตามนามของช้างที่ชื่อ " พังโคน" และบริเวณดอนอีนางก็เรียกว่า " บ้านช้างมิ่ง" ตามนามช้าง ตลอดจนทุกวันนี้

(บ้านช้างมิ่งปัจจุบันคือตำบลช้างมิ่ง อำเภอพรรณานิคม เป็นชุมชนชาวคริสต์อีกชุมชนหนึ่งในสกลนคร)หมายเหตุการหนี้มาของพระวอ พระตา พระโสมพะมิต พระนาม เกิดขึ้นสมัยพระเจ้าตาก ได้มาตั้งที่อยู่ที่ผ้าขาวม่วงไข่ก่อน(จากใบลานเมืองอุบล) ผู้ไทและลาวชาวคริสต์นั้นช่วง กวดต้อนผู้คนหลังจากลูกพระตา (คำผง)ไปช่วยตีเวียงจันทน์(ตีกันเอง)

การแบ่งเขตการปกครอง

การปกครองส่วนภูมิภาค

อำเภอพังโคนแบ่งพื้นที่การปกครองออกเป็น 5 ตำบล 70 หมู่บ้าน

1. พังโคน (Phang Khon) 13 หมู่บ้าน
2. ม่วงไข่ (Muang Khai) 11 หมู่บ้าน
3. แร่ (Rae) 14 หมู่บ้าน
4. ไฮหย่อง (Hai Yong) 18 หมู่บ้าน
5. ต้นผึ้ง (Ton Phueng) 13 หมู่บ้าน

การปกครองส่วนท้องถิ่น

ท้องที่อำเภอพังโคนประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 6 แห่ง ได้แก่

  • เทศบาลตำบลพังโคน ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของตำบลพังโคน
  • เทศบาลตำบลไฮหย่อง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลไฮหย่องทั้งตำบล
  • เทศบาลตำบลพังโคนศรีจำปา ครอบคลุมพื้นที่ตำบลพังโคน (เฉพาะนอกเขตเทศบาลตำบลพังโคน)
  • เทศบาลตำบลแร่ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลแร่ทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลม่วงไข่ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลม่วงไข่ทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลต้นผึ้ง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลต้นผึ้งทั้งตำบล

สถานศึกษา

ระดับอุดมศึกษา

ระดับมัธยมศึกษา

  • โรงเรียนพังโคนวิทยาคม

ระดับประถมศึกษา

  • โรงเรียนบ้านพังโคน (จำปาสามัคคีวิทยา)

อ้างอิง

อำเภอพ, งโคน, งโคน, เป, นอำเภอท, งอย, เก, อบก, งกลางจ, งหว, ดสกลนคร, และเป, นอำเภอท, ความเจร, ญมากอ, กอำเภอหน, เป, นรองแค, เพ, ยงอำเภอเม, องสกลนคร, และอำเภอสว, างแดนด, อเป, นศ, นย, กลางทางด, านการค, าและการคมนาคมขนส, งทางตอนกลางของจ, งหว, ดอำเภอการถอดเส, ยงอ, . phngokhn epnxaephxthitngxyuekuxbkungklangcnghwdsklnkhr aelaepnxaephxthimikhwamecriymakxikxaephxhnung epnrxngaekhephiyngxaephxemuxngsklnkhr aelaxaephxswangaedndin thuxepnsunyklangthangdankarkhaaelakarkhmnakhmkhnsngthangtxnklangkhxngcnghwdxaephxphngokhnxaephxkarthxdesiyngxksrormn xksrormnAmphoe Phang Khonkhakhwy wthnthrrmesingphiokhn phngokhnemuxngikyangekhuxnkwanglanaxun thinsmburncapachnbthaephnthicnghwdsklnkhr ennxaephxphngokhnphikd 17 23 33 N 103 42 34 E 17 39250 N 103 70944 E 17 39250 103 70944praeths ithycnghwdsklnkhrphunthi thnghmd383 8 tr km 148 2 tr iml prachakr 2563 thnghmd52 585 khn khwamhnaaenn137 01 khn tr km 354 9 khn tr iml rhsiprsniy 47160rhsphumisastr4705thitngthiwakarthiwakarxaephxphngokhn tablphngokhn xaephxphngokhn cnghwdsklnkhr 47160swnhnungkhxngsaranukrmpraethsithy enuxha 1 thitngaelaxanaekht 2 prawti 3 chux 4 karaebngekhtkarpkkhrxng 4 1 karpkkhrxngswnphumiphakh 4 2 karpkkhrxngswnthxngthin 5 sthansuksa 6 xangxingthitngaelaxanaekht aekikhxaephxphngokhntngxyuthangtxnklangkhxnipthangthistawntkkhxngcnghwd mixanaekhttidtxkbekhtkarpkkhrxngkhangekhiyngdngtxipni thisehnux tidtxkbxaephxwanrniwas thistawnxxk tidtxkbxaephxphrrnanikhm thisit tidtxkbxaephxphrrnanikhmaelaxaephxwarichphumi thistawntk tidtxkbxaephxswangaedndinprawti aekikhxaephxphngokhn edimkhux emuxng cmpachnbth odytamprawtiklawwa chawphuithxphyphmacakemuxngwngfngsayaemnaokhng phaknmatngbaneruxn ichchuxwa bancmpa xnepnnamkhxngdxkim bancmpa sungpccubnkhux bannaehmuxng hmu 2 tablphngokhn odymithawaekw epnhwhnatxmapi ph s 2420 epnpithi 10 inrchkalthi 5 thrngphrakrunaoprdeklaihykbancmpakhunepn emuxngcmpachnbth khuntrngkbemuxngsklnkhraelaoprdeklaaetngtngih thawaekw wngsprathum epnphrabarungnikhmekht ecaemuxngcmpachnbthphrabarungnikhmekht ecaemuxngcmpachnbth epnphumxngkalikl cungidchkchwnchawbankrmkarthixyuinekhtaednemuxngcmpachnbth ihthanaepnxachiph twthanaelakhrxbkhrw kthanaepntwxyangaekrasdrthnghlay thinakhxngthanxyuhangcaktwemuxngipthangthisehnux hnxngsim eriykwa thungnaehmuxng macnthungpccubnemuxkhrn phrabarungnikhmekht aekw epnecaemuxngxyunn mikrmkaremuxng prakxbdwy xuprach xuphad rachwngs rachbutr nxkcaknnyngmitaaehnngemuxngsay emuxngkhwa emuxngham emuxngaesn emuxngcnthn txma mikaryubemuxngihepnepnxaephx ecaemuxngepliynepn nayxaephx xuprachhruxxuphad epnpldxaephx rachwngs epnsmuhbychi xaephx aelarachbutr epnesmiynxaephxphrabarungnikhmekht aekw epntntrakul wngsprathum emuxthungaekkrrm thawkhaikh taaehnngxuprach xuphad brrdaskdithiphraprathumethwaphithks idrbphrakrunaoprdeklaihepnecaemuxngcmpachnbth inbrrdaskdithi phrabarungnikhmekht khaikh subtxmakhrnemux ph s 2445 mhaxamatyoth phrayamhaxamatythibdi pldthulchlxngkrathrwngmhadithy idmatrwcrachkar cungidsngepliynaeplngaekhtkarpkkhrxnghwemuxngesiyihmkhux brrdahwemuxngtang thimixanaekhtiklchidkn ihyublngepnxaephxhruxyubipkhunkbxaephxthimixanaekhtiklchidkn emuxngcmpachnbth xyuiklkbxaephxphrrnnanikhmkihyuboxnkhunkbxaephxphrrnnanikhmtxmathangrachkaridsrangthanghlwngaephndinsayxudrthani sklnkhr nkhrphnm esnthangniidtdphansunyklangbandxnphngokhn thanghlwngaephndinhmayelkh 22 kiolemtrthi 107 sungxyuhangcakemuxngcmpachnbthipthangthisehnux praman 1 kiolemtr cungidmibrrdachawemuxngcmpachnbth phaknxphyphbangemuxngmaxyutamaenwsxngkhangthangeriykwa banphngokhn hruxbandxnphngokhn pccubnmisiaeykthangsay 22 tdkbsay 222 aela227 chawbaneriyksiaeyk 2 wa enuxngcakaeykipthangthisehnux khux xaephxwanrniwas aelathisit khux xaephxwarichphumi xaephxphngokhnemuxpi ph s 2511 krathrwngmhadithyidprakascdtngkingxaephxphngokhn odyaebngthxngthitablmwngikh tablaer aelatablihhyxng aeykcakxaephxphrrnnanikhm thngnimiphxkhaprachachnchawxaephxphng okhnidrwmbricakhenginsuxthidincanwn 35 ir ihepnsthanthitngthiwakarxaephx aelasunyrachkarkingxaephxxyuhangcaksiaeyk 2 wa ipthangthistawntkpraman 1 kiolemtr emuxthxngthikingxaephxphngokhnecriykhun thangrachkarcungmiphrarachkvsdika ykthanakingxaephxphngokhn epn xaephxphngokhn odyaebngekhtkarpkkhrxng xxkepn 5 tablchux aekikhbanphngokhn miprawtielamawa emuxwneduxnpiidimprakt nkhrewiyngcnthnekidkbt phwkkbtidplxychangmngkhlhruxphlaykhaming twphumingakbchangdx chux mingmngkhl imminga aelachangphng chuxokhn rwm 3 echuxk khxngecankhrewiyngcnthn khamokhngmafngkhxngithy emuxngecankhrewiyngcnthnipprabkbtepnthieriybrxyaelw cungsngihbrrdakhwaychangtn khamokhngmatamexachangmingmngkhlthiplxymannkhun idtidtammaphbchangthirimhnxngxinang ekhtthxngthixaephxphrrnanikhm cungphakncbchangdxchuxmingmngkhlthihnxngxinangnnexngswnxik 2 echuxk khuxphlaykhamingkbphngokhniptamipphbthidxntum sungxyuklangthungnamitntumkhunxyumakiklkbhmubancmpa cungcbphlaykhamingid swnchangphbthichuxokhncbimid cunglngkhwamehnwatxngichpunyingthiethaihecbesiykxncungcacbid emuxthukyingaethnthicacbidklbxalawadepnkarihy brrdakhraychangcunglngkhwamehnkhwrcacbtay cungichpunyingihtayaelwcungnasakchangphngthichuxokhnmafngiw briewndxntumaehngniaelwcungphaknnachang 2 echuxk klbnkhrewiyngcnthntxmachawbancungphakneriykdxntumaehngniwa dxnphngokhn tamnamkhxngchangthichux phngokhn aelabriewndxnxinangkeriykwa banchangming tamnamchang tlxdcnthukwnni banchangmingpccubnkhuxtablchangming xaephxphrrnanikhm epnchumchnchawkhristxikchumchnhnunginsklnkhr hmayehtukarhnimakhxngphrawx phrata phraosmphamit phranam ekidkhunsmyphraecatak idmatngthixyuthiphakhawmwngikhkxn cakiblanemuxngxubl phuithaelalawchawkhristnnchwng kwdtxnphukhnhlngcaklukphrata khaphng ipchwytiewiyngcnthn tiknexng karaebngekhtkarpkkhrxng aekikhkarpkkhrxngswnphumiphakh aekikh xaephxphngokhnaebngphunthikarpkkhrxngxxkepn 5 tabl 70 hmuban 1 phngokhn Phang Khon 13 hmuban2 mwngikh Muang Khai 11 hmuban3 aer Rae 14 hmuban4 ihhyxng Hai Yong 18 hmuban5 tnphung Ton Phueng 13 hmubankarpkkhrxngswnthxngthin aekikh thxngthixaephxphngokhnprakxbdwyxngkhkrpkkhrxngswnthxngthin 6 aehng idaek ethsbaltablphngokhn khrxbkhlumphunthibangswnkhxngtablphngokhn ethsbaltablihhyxng khrxbkhlumphunthitablihhyxngthngtabl ethsbaltablphngokhnsricapa khrxbkhlumphunthitablphngokhn echphaanxkekhtethsbaltablphngokhn ethsbaltablaer khrxbkhlumphunthitablaerthngtabl xngkhkarbriharswntablmwngikh khrxbkhlumphunthitablmwngikhthngtabl xngkhkarbriharswntabltnphung khrxbkhlumphunthitabltnphungthngtablsthansuksa aekikhradbxudmsuksa mhawithyalyethkhonolyirachmngkhlxisan withyaekhtsklnkhrradbmthymsuksa orngeriynphngokhnwithyakhmradbprathmsuksa orngeriynbanphngokhn capasamkhkhiwithya xangxing aekikh bthkhwamekiywkbekhtkarpkkhrxngkhxngpraethsithyniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodyephimkhxmul duephimthi sthaniyxy praethsithy ekhathungcak https th wikipedia org w index php title xaephxphngokhn amp oldid 9356330, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม