พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล
พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล เป็นนักการเมืองชาวไทย ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ เป็นบุตรสาวของ พิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์
พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล | |
---|---|
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2515 (49 ปี) |
พรรคการเมือง | ประชาธิปัตย์ |
ประวัติ
ดร.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล (ชิ้อเล่น น้ำผึ้ง) เกิดเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2515 เป็นบุตรสาวคนโตของ พิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล กับ ลลิดา พันธุ์วิชาติกุล สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี เศรษฐศาสตรบัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโท Master of Policy Econonics. University of Illinois (Urbana Champaign) และปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (การเมือง) จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง
การทำงาน
พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ประกอบธุรกิจโรงแรมและภัตตาคาร และธุรกิจสวนพนมชัย สวนปาล์มเก่าแก่ของจังหวัดกระบี่ ต่อมาในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 ลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ โดยการสนับสนุนของบิดา และได้รับเลือกตั้งเป็นครั้งแรก โดยการเลื่อนขึ้นมาแทน พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล มีบทาทในการอภิปราย แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศไทยหลายครั้ง ทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและในสังคมออนไลน์
นอกจากนั้นเธอยังเป็นกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ชุดที่นำโดย จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. 2563 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย (ท.ม.)
อ้างอิง
- เมื่อเขตเลือกตั้ง “กระบี่” ลด
- ปปช.เปิดคลังสมบัติ 'พิมพ์รพี-ส.ส.ป้ายแดง' ร่ำรวยกว่า 285 ล้าน
- ล้างมือ จากไทยรัฐ
- พีรพันธุ์ ยื่นลาออกสมาชิกประชาธิปัตย์ หลุด ส.ส. ทันที พิมพ์รพี ขยับขึ้นมาแทน
- "พิมพ์รพี" แฉ "ประเสริฐพงษ์" รู้อยู่แล้วฉีดวัคซีนซิโนแวค จี้สภาฯชง ปปช. ถอดออกจากส.ส.
- “ดร.พิมพ์รพี”แนะ“มหาดไทย”ทบทวนห้ามอปท.จัดหาวัคซีนโควิด
- ส.ส.ปชป.เสนอสร้างแอปฯ 'คนไม่พร้อม' สำรวจปชช.ไม่รับวัคซีนให้รัฐบริหารตรงจุด
- เปิดรายชื่อกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 39 คน
- ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๖๓, เล่ม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๑ ข หน้า ๑๑, ๒๒ มกราคม ๒๕๖๔