ภาษาแมนจู
ภาษาแมนจู (แมนจู:ᠮᠠᠨᠵᡠᡤᡳᠰᡠᠨ; manju gisun) (จีนกลาง: 满语; พินอิน: mǎn yǔ หมาน อวี่) เป็นภาษากลุ่มตังกูสิตใกล้สูญพันธุ์ซึ่งมีผู้พูดทางภาคเหนือของประเทศจีน เป็นภาษาแม่ของชาวแมนจู แต่ปัจจุบัน ชาวแมนจูส่วนมากพูดภาษาจีนกลาง และมีผู้พูดเป็นภาษาแม่และพูดได้บ้างน้อยกว่า 70 คน จากผู้มีเชื้อสายแมนจูรวมเกือบ 10 ล้านคน แม้ภาษาซิเบที่มีผู้พูด 40,000 คน แทบเหมือนกับภาษาแมนจูในทุกด้าน แต่ผู้พูดภาษาซิเบ ซึ่งอาศัยอยู่ในมณฑลซินเจียงทางตะวันตกไกล มีเชื้อสายแตกต่างจากชาวแมนจู
แมนจู | |
---|---|
ᠠᠨᠵᡠ ᡤᡳᠰᡠᠨ manju gisun | |
ประเทศที่มีการพูด | จีน |
ภูมิภาค | มณฑลเฮย์หลงเจียง |
จำนวนผู้พูด | 18 (ไม่ทราบวันที่) (ไม่พบวันที่) |
ตระกูลภาษา | ภาษากลุ่มตังกูสิต
|
รหัสภาษา | |
ISO 639-2 | mnc |
ISO 639-3 | mnc |
ภาษาแมนจูเป็นภาษารูปคำติดต่อ เขียนจากบนลงล่าง คาดว่าพัฒนามาจากภาษาจูร์เชน มีคำยืมจากภาษามองโกเลียและภาษาจีนจำนวนมาก มีอักษรเป็นของตนเองเรียกว่าอักษรแมนจู ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับอักษรมองโกเลีย โครงสร้างประโยคเป็นแบบประธาน-กรรม-กริยา
ระบบการเขียน
ภาษาแมนจูเขียนด้วยอักษรแมนจูที่พัฒนามาจากอักษรมองโกล ซึ่งเป็นรูปแบบการเขียนในแนวตั้งของ อักษรอุยกูร์ในยุคก่อนได้รับอิทธิพลจากศาสนาอิสลาม, ภาษาแมนจูมีการเขียนด้วยอักษรโรมัน ซึ่งพัฒนาขึ้นโดย Paul Georg von Möllendorff, บรรพบุรุษของชาวแมนจูคือชาวจูร์เชนประดิษฐ์อักษรจูร์เชนขึ้นใช้ โดยพัฒนามาจากอักษรคีตัน ซึ่งไม่มีความสัมพันธ์กันระหว่างอักษรแมนจูกับอักษรจูร์เชน
ชื่อ
ราชวงศ์ชิงเรียกภาษาแมนจูว่า "ชิงเหวิน" 清文 หรือ "ชิงอวี่" 清語 ("ภาษาชิง") และ "กว๋ออวี่" 國語 ("ภาษาแห่งชาติ") ซึ่งเป็นชื่อที่ราชวงศ์ก่อน ๆ ที่ไม่ใช่ราชวงศ์ฮั่นใช้เรียกภาษาของตัวเอง คำว่า "กว๋อ" ("ชาติ") มักใช้เรียกภาษาในเอกสารแมนจูว่า "กว๋อเหวิน" 國文 หรือ "กว๋ออวี่" 國語 ในสนธิสัญญาเนียร์ชินสก์ฉบับภาษาแมนจู คำว่า "ภาษาจีน" (Dulimbai gurun i bithe) ใช้กล่าวถึงสามภาษาคือ ภาษาจีน ภาษาแมนจู และภาษามองโกล โดยไม่ได้ใช้เรียกแค่ภาษาเดียว ปัจจุบัน คำว่า "กว๋ออวี่" หมายถึงภาษาจีน
ประวัติและความสำคัญ
ภาษาแมนจูเป็นภาษาสำคัญในสมัยราชวงศ์ชิง แต่ชาวแมนจูกลับหันมาใช้ภาษาจีนมากขึ้น และเริ่มสูญเสียภาษาของตนเอง และต้องมีการอนุรักษ์ภาษา ใน พ.ศ. 2315 จักพรรดิเฉียนหลงพบว่าข้าราชการชาวแมนจูจำนวนมากไม่เข้าใจภาษาแมนจู จักรพรรดิเจียกิง (พ.ศ. 2325 – 2363) กล่าวเช่นกันว่าข้าราชการไม่เข้าใจและเขียนภาษาแมนจูไม่ได้ เมื่อราว พ.ศ. 2442 – 2443 พบว่าในเฮยหลงเจียงมีชายชาวแมนจูที่อ่านภาษาแมนจูได้เพียง 1% และพูดได้เพียง 0.2% ในราว พ.ศ. 2449 – 2450 ราชวงศ์ชิงได้จัดให้มีการศึกษาภาษาแมนจู และใช้ภาษาแมนจูเป็นคำสั่งทางทหาร
การใช้ภาษาแมนจูในสถานะภาษาราชการในสมัยราชวงศ์ชิงลดลงเรื่อยๆ ในช่วงต้นของราชวงศ์ เอกสารที่มีความอ่อนไหวทางการเมืองหรือเป็นหัวข้อทางการจะเขียนเป็นภาษาแมนจูไม่ใช้ภาษาจีน บันทึกลักษณะนี้ยังคงเขียนต่อมาจนถึงปีท้ายๆของราชวงศ์ที่สิ้นสุดใน พ.ศ. 2455 เอกสารภาษาแมนจูยังถูกเก็บรักษาในฐานะเอกสารสำคัญสมัยราชวงศ์ชิง ในปัจจุบัน ตัวเขียนภาษาแมนจูยังเห็นได้ในสถาปัตยกรรมของนครต้องห้าม สัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์จะเขียนทั้งในภาษาแมนจูและภาษาจีน ภาษานี้ใช้ในการออกคำสั่งทางทหารจนถึง พ.ศ. 2421
นักวิชาการชาวยุโรป
นักวิชาการชาวยุโรปในพุทธศตวรรษที่ 23 ที่ไม่สามารถอ่านภาษาจีนเพราะระบบการเขียนที่ซับซ้อนเลือกที่จะแปลจากภาษาแมนจูหรือใช้รูปแบบที่มีภาษาแมนจูคู่ขนานอยู่ด้วย โดยกล่าวว่าภาษาแมนจูเป็นหน้าต่างในการเข้าไปศึกษาวรรณคดีจีน นักวิชาการด้านจีนชาวรัสเซียได้ศึกษาภาษาแมนจูเช่นกัน หลังจากที่มาจัดตั้งนิกายรัสเซียนออร์ธอดอกซ์ในปักกิ่ง มีการแปลเอกสารจากภาษาแมนจู และทำพจนานุกรมภาษาแมนจู-จีน มีการสอนการแปลภาษาแมนจูในอินกุตส์ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 23 และสอนต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน ชาวยุโรปได้ใช้การถอดคำในภาษาจีนด้วยอักษรแมนจู เพื่อช่วยในการออกเสียงภาษาจีนซึ่งนิยมใช้มากกว่าระบบที่ใช้อักษรโรมัน
สถานการณ์ปัจจุบัน
ในปัจจุบันมีผู้พูดภาษาแมนจูเหลือน้อยมาก โดยในแมนจูเรียไม่มีผู้พูดภาษานี้แล้ว หันมาพูดภาษาจีนกันทั้งสิ้น กลุ่มผู้ใช้ภาษาแมนจูเป็นภาษาแม่เหลืออยู่ในหมู่บ้าน Sanjiazi ในเฮยหลงเจียง และมีผู้พูดภาษานี้อีกเล็กน้อยในตำบลไอฮุย ในเขตปกครองตนเอง Heihe
จริงๆแล้วรูปแบบสมัยใหม่ของภาษานี้คือภาษาซิเบของชาวซิเบที่อาศัยในซินเจียง และอพยพมาอยู่ในจักรวรรดิชิง เมื่อ พ.ศ. 2307 ภาษาซิเบสมัยใหม่ใกล้เคียงกับภาษาแมนจู แม้ว่าจะมีความแตกต่างบ้างในการเขียนและการออกเสียง ภาษาซิเบมีการสอนเป็นภาษาที่สองในวิทยาลัยครูอีลีในเขตปกครองตนเองอีลีคาซัค มณฑลซินเจียง]] มีการออกอากาศทางโทรทัศน์เป็นครั้งคราวด้วยภาษาซิเบ ประมาณสองครั้งต่อสัปดาห์ มีหลายแห่งในประเทศจีนที่สอนภาษาแมนจู หลายโรงเรียนในเฮยหลงเจียงเริ่มมีการสอนวิชาภาษาแมนจูในมหาวิทยาลัยเฮยหลงเจียงมีศูนย์วิจัยภาษาแมนจู และมีความพยายามฟื้นฟูภาษาแมนจู
สัทวิทยา
ภาษาเขียนของภาษาแมนจูจัดเป็นภาษาพยางค์เปิด เพราะมีเสียงตัวสะกดได้เสียงเดียวคือ /n/ ซึ่งคล้ายกับภาษาจีนกลางในปักกิ่ง และภาษาญี่ปุ่น คำดั้งเดิมในภาษาจึงลงท้ายด้วยเสียงสระทั้งหมด ลักษณะเช่นนี้พบได้ในทุกสำเนียง แต่พบมากที่สุดในสำเนียงใต้ที่กลายมาเป็นภาษาเขียน
สระ
ระบบสระของภาษาแมนจูมีสระเป็นกลาง (([i] และ [u]) ที่มีอิสระที่จะปรากฏกับสระใดๆก็ได้ สระหน้า [e] จะไม่ปรากฏร่วมกับสระหลัง ([o] และ [a]) สระ [ū] จัดเป็นสระหลัง แต่บางครั้งก็ปรากฏร่วมกับสระ [e] ได้ ส่วนในภาษาซิเบจะออกเสียงเป็น [u]
การเปลี่ยนเสียงสระ
การเปลี่ยนเสียงสระในภาษาแมนจูอธิบายได้ด้วยหลักของอี้จิง โดยสระหน้าเป็นพยางค์หยิน ส่วนสระหลังเป็นพยางค์หยาง ซึ่งเป็นเพราะคำที่ใช้สระหน้ามักเป็นเพศหญิง และคำที่ใช้สระหลังมักเป็นเพศชาย จึงมีคู่ของคำในภาษาที่เมื่อเปลี่ยนสระจะเปลี่ยนเพศของคำด้วย เช่น hehe (ผู้หญิง) และ haha (ผู้ชาย) หรือ eme (แม่) และ ama (พ่อ)
คำยืม
ภาษาแมนจูมีคำยืมจำนวนมากจากภาษาจีน มีสัญลักษณ์พิเศษที่ใช้แสดงสระของคำยืมจากภาษาจีน และสัญลักษณ์สำหรับพยัญชนะที่ใช้เฉพาะในคำยืมจากภาษาจีน นอกจากนั้นยังมีคำยืมจากภาษามองโกเลียด้วย
ไวยากรณ์
ประโยค
คำคุณศัพท์นำหน้าด้วยคำนามที่ขยาย การเรียงประโยคเป็นแบบประธาน-กรรม-กริยา มีการใช้สัญลักณ์การกควบคู่กับปรบท เช่น
bi tere niyalma+i emgi gene+he
ฉัน คนนั้น+GEN กับ ไป+PAST
ฉันไปกับคนนั้น
สองประโยคต่อไปนี้สามารถรวมเข้าด้วยกันด้วย converb ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงการกระทำรองเข้ากับการกระทำหลัก เช่น
tere sargan boo ci tuci+ke
นั้น ผู้หญิง บ้าน ABL ไป.ออก+PAST.FINITE
ผู้หญิงคนนั้นออกมาจากบ้าน
tere sargan hoton de gene+he
นั้น ผู้หญิง เมือง DAT ไป+PAST.FINITE
ผู้หญิงคนนั้นไปในเมือง
tere sargan boo ci tuci+fi, hoton de gene+he
นั้น ผู้หญิง บ้าน ABL ไป.ออก+PAST.CONVERB, เมือง DAT ไป+PAST.FINITE
ผู้หญิงคนนั้นที่ออกจากบ้าน ไปในเมือง
คำนาม
คำนามในภาษาแมนจูแบ่งเป็นการกจำนวนมากดังนี้
- การกพื้นฐาน
- การกประธาน - ใช้สำหรับประธาน ไม่มีปัจจัย
- การกกรรมตรง ใช้สำหรับกรรมตรงของประโยค ใช้ปัจจัย -be.
- การกแสดงความเป็นเจ้าของ ใช้บ่งชี้ความเป็นเจ้าของ ใช้ปัจจัย -i หรืออนุภาค ni ถ้าตามหลังคำที่ลงท้ายด้วย -ng ตัวอย่างเช่น wangni moo (ต้นไม้ของพระราชา)
- การกสถานที่และเวลา ใช้บ่งชี้ตำแหน่ง เวลา สถานที่ หรือกรรมรอง ใช้ปัจจัย -de.
- ablative – ใช้บ่งชี้กำเนิดของการกระทำ หรือพื้นฐานสำหรับการเปรียบเทียบ ใช้ปัจจัย -ci.
- การกเครื่องมือ ใช้บ่งชี้จุดกำเนิดของการกระทำ แสดงโดยอนุภาค deri ใช้มากในภาษาแมนจูคลาสสิก
- การกใช้น้อย:
- initiative – แสดงจุดเริ่มต้นของการกระทำ ใช้ปัจจัย - deri
- terminative – ใช้แสดงจุดสิ้นสุดของการกระทำ ใช้ปัจจัย - tala/tele/tolo
- indef. allative - ใช้แสดงสถานที่ เหตุการณ์ที่ไม่รู้เมื่อการกระทำนั้นมาถึงสถานที่นั้น ใช้ปัจจัย- si
- indef. locative - ใช้แสดงสถานที่ เหตุการณ์ที่ไม่รู้เมื่อการกระทำนั้นเกิดขึ้นที่สถานที่นั้น ใช้ปัจจัย - la/le/lo
- indef. ablative – ใช้ระบุ มาจากที่ มาจาเหตุการณ์ที่ไม่รู้เมื่อการกระทำมาจากสถานที่ที่แน่นอนใกล้ๆกันนั้น ใช้ปัจจัย - tin
- distributive – ใช้แสดงสิ่งหนึ่งในบางอย่าง ใช้ปัจจัย - dari
- formal – ใช้แสดงความคล้ายคลึง ใช้ปัจจัย - gese
- identical – ใช่แสดงความเหมือน ใช้ปจจัย- ali/eli/oli
- orientative – ใช้แสดงการเข้าไปสู่ แสดงตำแหน่งและแนวโน้ม ใช้ปัจจัย - ru
- revertive – ใช้แสดงการกลับหรือต่อต้าน ใช้ปัจจัย - ca/ce/co
- translative – ใช้แสดงการเปลี่ยนรูปแบบหรือคุณสมบัติ ใช้ปัจจัย - ri
- in. accusative – แสดงว่าการสัมผัสของการกระทำนั้นยังมาสมบูรณ์ ใช้ปัจจัย - a/e/o/ya/ye/yo
อ้างอิง
- Lague, David (16 March 2007). "China's Manchu speakers struggle to save language". The New York Times.
- Saarela, Måten Söderblom (2014). Benjamin A Elman (บ.ก.). The Manchu Script and Information Management: Some Aspects of Qing China's Great Encounter with Alphabetic Literacy. Rethinking East Asian Languages, Vernaculars, and Literacies, 1000–1919. BRILL. p. 169. ISBN 9789004279278.
- Elliot, Mark C. (19 January 2006). Pamela Kyle Crossley; และคณะ (บ.ก.). Empire at the Margins: Culture, Ethnicity, and Frontier in Early Modern China. University of California Press. p. 38. ISBN 9780520230156.
- Rhoads, Edward J. M. (2000). Manchus and Han: Ethnic Relations and Political Power in Late Qing and Early Republican China, 1861–1928. University of Washington Press. p. 109. ISBN 9780295980409.
- Zhao, Gang (January 2006). (PDF). 32 (Number 1). Sage Publications: 12. doi:10.1177/0097700405282349. JSTOR 20062627. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 25 March 2014. สืบค้นเมื่อ 23 May 2014. Cite journal requires
|journal=
(help) - Yu, Hsiao-jung. "Manchu Rule over China and the Attriion of the Manchu Language" (PDF). University of California, Santa Barbara.
- Lague, David (17 March 2007). "Manchu Language Lives Mostly in Archives". The New York Times.
- Lague, David (18 March 2007). "Chinese Village Struggles to Save Dying Language". The New York Times.
- . Study In China.org. 2006. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 6 March 2016.
- "29 Manchu Teachers of Huanren, Benxi Are Now On Duty" (ภาษาจีน). Liaoning News. 20 March 2012.
- "A High School Opens Manchu Class in Liaoning" (ภาษาจีน). China News.com. 29 October 2011.
- "Manchu Class Comes Into A Middle School Class of Jilin For the First Time" (ภาษาจีน). Sina Education. 22 March 2012.
- Johnson, Ian (5 October 2009). "In China, the Forgotten Manchu Seek to Rekindle Their Glory". The Wall Street Journal. สืบค้นเมื่อ 5 October 2009.
แหล่งข้อมูลอื่น
"A Manchu Grammar with Analysed Texts"
by P.G. von Möllendorff, 1892
- ภาษาแมนจู ข้อมูลการท่องเที่ยวจาก วิกิท่องเที่ยว
- Manchu Swadesh vocabulary list of basic words (from Wiktionary's Swadesh-list appendix)
- Entry for Manchu at Rosetta Project
- Unicode Manchu/Sibe/Daur Fonts and Keyboards – English
- Unicode Manchu/Sibe/Daur Fonts and Keyboards – Chinese
- Manchu language Gospel of Mark
- Manchu alphabet and language at Omniglot
- Manchu Test Page
- Manchu-Chinese–English Lexicon
- online Manchu-Chinese, Manchu–Japanese lexicon (จีน)
- Manchu Wikibook
- anaku Manchu Script Creator (จีน)
- A Dying Language
- Contrast In Manchu Vowel Systems
- Lament for a dying language
- Manchu Word Of The Day, Open Source Manchu–English dictionary
- Manju Nikan Inggiri Gisun i Buleku Bithe (Manchu-Chinese-English dictionary
- Manchu language guide
- The Manchu Studies Group