มะนาต
มะนาต (อาหรับ: مناة เสียงอ่านภาษาอาหรับ: [maˈnaː(h)] กรรมการก, [maˈnaːt] construct state; บางครั้งทับศัพท์เป็น manāh) เป็นเทพีที่ถูกบูชาในคาบสมุทรอาหรับก่อนการมาของอิสลามและศาสดามุฮัมมัดในมักกะฮ์ พร้อมกับพี่น้องของพระองค์ อัลลาต และอัลอุซซา ในบรรดาพี่น้องของพระองค์ ตัวพระองค์ดั้งเดิมและแก่ที่สุด
มะนาต | |
---|---|
เทพีแห่งโชคชะตา โชคลาภ เวลา และความตาย | |
รูปปั้นนูนจากฮัฎร์ แสดงภาพเทพีอัลลาต ทรงยืนอยู่ระหว่างรูปปั้นหญิงสองคน โดยอาจเป็นอัลอุซซากับมะนาต ในศตวรรษที่ 2 | |
ศูนย์กลางของลัทธิ | มักกะฮ์ |
วิมาน | อัลมุชัลลัล |
สัญลักษณ์ | ดวงจันทร์เสี้ยว, แก้วแห่งความตาย |
เป็นที่นับถือใน | อาระเบีย |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
คู่ครอง | ฮุบัล |
พี่น้อง | อัลลาต, อัลอุซซา |
เทพที่เทียบเท่าในความเชื่ออื่น | |
เทียบเท่าในกรีก | อะแนงกี |
เทวรูปของพระองค์ถูกทำลาย หลังจากศาสนาอิสลามเจริญรุ่งเรืองขึ้น และไม่มีใครบูชาพระองค์ในคาบสมุทรอาหรับอีกเลย
ศัพทมูลวิทยา
มีความเป็นไปได้เกี่ยวกับพระนามของเทพีอยู่ 2 แบบ ประการแรก น่าจะมาจากคำว่า "มะนะ" ดังนั้น พระนามของพระองค์มีความหมายว่า "ตัดสินให้" หรืออีกแบบหนึ่งคือ "กำหนด" ประการที่สอง มันมาจากคำว่า มะนิยะ แปลว่า "โชคชะตา" ทั้งสองความหมายเหมาะกับหน้าที่ของพระองค์ในฐานะเทพีแห่งโชคชะตา
การสักการะ
เนื่องจากเป็นเทพีแห่งโชคชะตา โชคลาภ และเวลา พระองค์แก่กว่าอัลลาตกับอัลอุซซา เพราะมีการตั้งชื่อถึงพระองค์ เช่น อับดุลมะนาฮ์ หรือซัยด์ มะนาฮ์ ถูกพบก่อนชื่อของอัลลาตหรืออัลอุซซา แต่ทั้งสามเป็นเทพีที่เก่าแก่ที่สุดของมักกะฮ์
วิหารของพระองค์เคยถูกสร้างระหว่างมักกะฮ์กับมะดีนะฮ์บนชายฝั่งของทะเลแดง เช่นที่อัลมุชัลลัล โดยบนูเอาส์กับบนูคอซรอจญ์เป็นเผ่าที่อุทิศแด่เทพีองค์นี้มากที่สุด จากกวีที่น่าจะเขียนโดยอับดุลอุซซา อิบน์ วะดีอะฮ์ อัลมุซานี ไว้ว่า:
... ข้าขอสาบานต่อมะนาต ณ ที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งคอซรอจญ์
ภาพลักษณ์ของพระองค์ในช่วงแรกเป็นภาพไม้ที่ถูกชุ่มไปด้วยเลือดที่เชือดพลี แต่ภาพลักษณ์ที่รู้จักกันมากที่สุดอยู่ที่อัลมุชัลลัล เมื่อชาวอาหรับก่อนการมาของอิสลามจะมาแสวงบุญที่อัลมุชัลลัล พวกเขาจะโกนหัวและยืนต่อหน้าเทวรูปมะนาตสักครู่หนึ่ง พวกเขาถือว่าการแวงบุญจะไม่สมบูรณ์ถ้ายังไม่ไปเยี่ยมเทวรูปพระองค์
เทวรูปของพระองค์อยู่ท่ามกลางเทวรูป 360 องค์ที่กะอ์บะฮ์ รายงานจากอิบน์ อัลกัลบี เมื่อผู้แสวงบุญเดินวนรอบกะอ์บะฮ์ พวกเขาจะสวดต่อพระนามของพระองค์กับพี่น้องของพระองค์ คืออัลลาตกับอัลอุซซา เพื่อให้พรและป้องกันพวกเขา
มะนาตมีหน้าที่เฝ้าหลุมฝังศพ ตามจารึกบนป้ายสุสานที่เขียนว่า "และขอให้ดุชาเราะฮ์กับมะนาตกับก็อยเซาะฮ์สาปแช่งคนที่ขายสุสานนี้ หรือซื้อมัน หรือจำนำมัน หรือให้มันเป็นของขวัญ..."
หลังการมาของอิสลาม
ถูกกล่าวในโองการชัยฏอน
มีรายงานอยู่หลายสายที่สืบไปยังสายรายงานของมุฮัมมัด อิบน์ กะอับ ที่ถูกลบออกไปสองชั่วรุ่นโดยอิบน์ อิสฮาก โดยมีเรื่องอยู่ว่า ในขณะที่มุฮัมมัดขอให้หมู่ญาติกับเพื่อนบ้านจากมักกะฮ์เข้ารับอิสลาม ตอนที่ท่านอ่านอายะฮ์จากซูเราะฮ์ อันนัจม์ ที่เทวทูตญิบรีลประทานไว้ว่า
- แล้วพวกเจ้ามิได้เห็นอัลลาต และอัลอุซซา
- และตัวอื่นคือตัวที่สาม, มะนาต ดอกหรือ?
- (ซูเราะฮ์ที่ 53, 19–20)
ชัยฏอนทำให้ท่านอ่านประโยคอื่นเป็น:
- แท้จริงสามองค์นั้นคือ อัลเฆาะรอนีก ซึ่งการขอร้องจะต้องแสวงหา (ภาษาอาหรับ:تلك الغرانيق العلى وإن شفاعتهن لترتجى.)
ประโยคนั้นมาจากบทสวดมนต์ของพหุเทวนิยมมักกะฮ์ที่กล่าวถึงเทพีทั้งสามในตอนที่เดินวนรอบกะอ์บะฮ์
การทำลายวิหาร
ในเดือนเดียวกันที่ส่งคอลิด อิบน์ อัลวะลีดไปทำลายอัลอุซซากับซุวา ซะอัด อิบน์ ซัยด์ อัลอัชฮาลีถูกส่งไปที่อัลมะชัลลัลพร้อมกับทหารม้า 20 นาย เพื่อทำลายเทวรูปที่มีชื่อว่า มะนาต ที่ถูกบูชาโดยพวกพหุเทวนิยมเผ่าเอาส์กับคอสรอจญ์ ตอนไปถึงที่นั่น ได้ปรากฏหญิงผิวดำแก้ผ้าที่มีผมกระเซิง ร้องไห้และตีอกของเธอ ซะอัดฆ่าเธอพร้อมกับทำลายเทวรูปและโลงศพ
อ้างอิง
- ↑ Al-Kalbi 2015, p. 13.
- ↑ Tate 2005, p. 170.
- ↑ Phipps 1999, p. 22.
- Griffo 2011, p. 104.
- Andrae 2012, p. 17.
- ↑ Al-Kalbi 2015, p. 12.
- Jordan 2014, p. 187.
- ↑ Papaconstantinou 2016, p. 253.
- ↑ Al-Kalbi 2015, p. 17.
- (กุรอาน ซูเราะฮ์ที่ 53)
- Abu Khalil, Shawqi (1 March 2004). Atlas of the Prophet's biography: places, nations, landmarks. Dar-us-Salam. p. 226. ISBN 978-9960-897-71-4.
- "Obligation to destroy idols - islamqa.info". สืบค้นเมื่อ 17 December 2014.
- List of Battles of Muhammad 2011-07-26 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- "The Sealed Nectar". สืบค้นเมื่อ 17 December 2014.
- "Sa‘d bin Zaid Al-Ashhali was also sent", Witness-Pioneer.com 2011-09-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
สารานุกรม
- Al-Kalbi, Ibn (2015). Book of Idols. Princeton University Press. ISBN 9781400876792.CS1 maint: ref=harv (link)
- Andrae, Tor (2012). Mohammed: The Man and His Faith. Courier Corporation. ISBN 9780486119090.CS1 maint: ref=harv (link)
- Brown, Daniel W. (2011). A New Introduction to Islam. John Wiley & Sons. ISBN 9781444357721.CS1 maint: ref=harv (link)
- Griffo, Kedar; Birkley, Michael (2011). Religion, Politics, and Freemasonry: A Violent Attack Against Ancient Africa. lulu.com. ISBN 9780557886005.CS1 maint: ref=harv (link)แม่แบบ:Self-published source
- Jordan, Michael (2014). Dictionary of Gods and Goddesses. Infobase Publishing. ISBN 9781438109855.CS1 maint: ref=harv (link)
- Khan, Nasir (2006). Perceptions of Islam in the Christendoms: A Historical Survey. International Specialized Book Service Incorporated. ISBN 9788256015016.CS1 maint: ref=harv (link)
- Papaconstantinou, Arietta; Schwartz, Daniel L. (2016). Conversion in Late Antiquity: Christianity, Islam, and Beyond: Papers from the Andrew W. Mellon Foundation. Routledge. ISBN 9781317159735.CS1 maint: ref=harv (link)
- Phipps, William E. (1999). Muhammad and Jesus: A Comparison of the Prophets and Their Teachings. A&C Black. ISBN 9780826412072.CS1 maint: ref=harv (link)
- Tate, Karen (2005). Sacred Places of Goddess: 108 Destinations. CCC Publishing. ISBN 9781888729177.CS1 maint: ref=harv (link)
- van der Toorn, Karel; Becking, Bob; van der Horst, Pieter (1999). MDictionary of Deities and Demons in the Bible. Wm. B. Eerdmans Publishing. ISBN 9780802824912.CS1 maint: ref=harv (link)
- Van Donzel, E. J. (1994). Islamic Desk Reference. BRILL. ISBN 9789004097384.CS1 maint: ref=harv (link)