มาโกะ โคมูโระ
มาโกะ โคมูโระ (ญี่ปุ่น: 小室 眞子; โรมาจิ: Komuro Mako; ประสูติ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2534) หรือพระนามเดิม เจ้าหญิงมาโกะแห่งอากิชิโนะ (ญี่ปุ่น: 眞子内親王; โรมาจิ: Mako Naishinnō) เป็นพระธิดาพระองค์ใหญ่ในเจ้าชายฟูมิฮิโตะ อากิชิโนะโนะมิยะ กับเจ้าหญิงคิโกะ พระชายาฯ เป็นพระภาติยะในสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ และเป็นพระราชนัดดาในสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ เคยทรงงานเป็นนักวิจัยในพิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยโตเกียว ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์เพื่อเสกสมรสกับเค โคมูโระ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2564
มาโกะ โคมูโระ | |
---|---|
มาโกะเมื่อวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ. 2558 | |
เกิด | เจ้าหญิงมาโกะแห่งอากิชิโนะ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2534 (30 ปี) โรงพยาบาลสำนักพระราชวัง โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น |
การศึกษาสูงสุด | มหาวิทยาลัยนานาชาติคริสเตียน (ศศ.บ.) มหาวิทยาลัยเลสเตอร์ (ศศ.ม.) |
อาชีพ | นักวิจัย |
คู่สมรส | เค โคมูโระ (พ.ศ. 2564–ปัจจุบัน) |
บิดามารดา | เจ้าชายฟูมิฮิโตะ อากิชิโนะโนะมิยะ เจ้าหญิงคิโกะ พระชายาฯ |
พระประวัติ
มาโกะประสูติเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2534 ณ โรงพยาบาลสำนักพระราชวัง กรุงโตเกียว เป็นพระบุตรพระองค์ใหญ่จากทั้งหมดสามพระองค์ในเจ้าชายฟูมิฮิโตะ อากิชิโนะโนะมิยะ กับเจ้าหญิงคิโกะ พระชายาฯ มีพระขนิษฐาและพระอนุชาคือเจ้าหญิงคาโกะและเจ้าชายฮิซาฮิโตะแห่งอากิชิโนะ ตามลำดับ
มาโกะสำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาจากโรงเรียนกากูชูอิงอันเป็นโรงเรียนหญิงล้วน ในปี พ.ศ. 2553 ทรงศึกษาต่อด้านภาษาอังกฤษเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน ณ วิทยาลัยทรีนิตีในดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ ขณะที่พระองค์ฝึกงาน ทรงปฏิสันถารอย่างไม่เป็นทางการกับแมรี แมคาลิส (Mary McAleese) ประธานาธิบดีแห่งไอร์แลนด์ และทรงท่องเที่ยวในประเทศไอร์แลนด์เหนือ ต่อมาทรงเข้ารับการศึกษาระดับอุดมศึกษาปริญญาตรีสาขามรดกด้านศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยนานาชาติคริสเตียน โตเกียว จนสำเร็จการศึกษาเมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2557 นอกจากนี้พระองค์ยังได้รับอนุญาตให้ขับรถในญี่ปุ่นและทรงมีใบอนุญาตขับขี่ตั้งแต่ยังไม่จบปริญญาตรี ต่อมาวันที่ 17 กันยายนปีเดียวกันนั้น ทรงเข้าศึกษาสาขาพิพิธภัณฑ์ศึกษา มหาวิทยาลัยเลสเตอร์ สหราชอาณาจักรเป็นระยะเวลาหนึ่งปี จนสำเร็จการศึกษาปริญญาโทสาขาดังกล่าวในปี พ.ศ. 2559 ก่อนหน้านี้ ทรงศึกษาด้านประวัติศาสตร์ศิลป์วิทยา มหาวิทยาลัยเอดินบะระ ตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2555 ถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2556 รวมเป็นระยะเวลา 9 เดือนในโปรแกรมนักศึกษาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม
ศูนย์การแพทย์โตเกียวเอ็นเอ็นที (NTT Tokyo Medical Center) วินิจฉัยว่ามาโกะประชวรด้วยโรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง (Post-traumatic stress disorder) ตั้งแต่ยังทรงศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น
พระกรณียกิจ
ในปี พ.ศ. 2546 เจ้าหญิงมาโกะและเจ้าหญิงคาโกะตามเสด็จพระบิดาและมารดาเสด็จเยือนประเทศไทยด้วยพระบิดาเป็นพระสหายของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งถือเป็นการเสด็จเยือนต่างประเทศครั้งแรกของเจ้าหญิงมาโกะและเจ้าหญิงคาโกะ
ในปี พ.ศ. 2549 เจ้าชายฟูมิฮิโตะและเจ้าหญิงมาโกะประกอบศาสนกิจที่ศาลเจ้าอิเซะ ต่อมาพระองค์ตามเสด็จพระบิดามารดาและพระขนิษฐามาประเทศไทยในวันที่ 7-13 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง การรับปริญญาดุษฎีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี และทรงร่วมวิจัยปักษีวิทยาของพระบิดา
วันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2554 พระองค์ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนมงกุฎ ชั้นที่ 1 และทรงปฏิบัติพระกรณียกิจในฐานะพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2554 พระองค์เป็นอาสาสมัครปฏิบัติงานในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในโทโฮะกุ พ.ศ. 2554 โดยไม่มีพระประสงค์แสดงพระองค์ว่าเป็นเจ้านาย
เจ้าหญิงมาโกะสนพระทัยในกิจการของผู้พิการทางการได้ยินเช่นเดียวกับเจ้าหญิงคิโกะ พระมารดา ทั้งนี้พระองค์สามารถสื่อสารด้วยภาษามือญี่ปุ่นได้
ชีวิตส่วนพระองค์
ความสนพระทัย
ระหว่างที่ยังทรงศึกษาในโรงเรียนกากูชูอิงนั้น ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2549 พระองค์ได้เสด็จไปประเทศออสเตรียจากโครงการร่วมบ้านกับคนท้องถิ่น (homestay program) ที่ได้รับการสนับสนุนจากโรงเรียน และประทับที่นั้นเป็นเวลาสองสัปดาห์ ทรงประทับในบ้านของชายออสเตรียในเวียนนาซึ่งเป็นสหายของทัตสึฮิโกะ คาวาชิมะ พระอัยกาฝ่ายพระมารดา ทั้งนี้ทรงสนพระทัยด้านศิลปะและวัฒนธรรม ทรงเข้าชมพิพิธภัณฑ์ อาสนวิหารนักบุญสเทเฟน และพระราชวังเชินบรุนน์
พระองค์เคยหาประสบการณ์พิเศษจากการทรงงานในพิพิธภัณฑ์โคเวนทรีระหว่างที่ยังทรงศึกษาในมหาวิทยาลัยเลสเตอร์ สหราชอาณาจักร ปัจจุบันเจ้าหญิงมาโกะทรงงานเป็นนักวิจัยในพิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยโตเกียว
ความนิยม
เจ้าหญิงมาโกะเป็นเน็ตไอดอลมาตั้งแต่ พ.ศ. 2547 หลังมีพระฉายาลักษณ์ขณะทรงฉลองพระองค์นักเรียนแบบกะลาสีออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ ต่อมาพระฉายาลักษณ์ดังกล่าวและวีดิโอที่จัดทำโดยแฟนอาร์ตที่ชื่นชมเจ้าหญิงคาโกะพระขนิษฐา ถูกอัปโหลดลงเว็บไซต์นิโกนิโกโดงะ (ญี่ปุ่น: ニコニコ動画) อันเป็นเว็บไซต์ที่แบ่งปันวีดิโอที่ชนนิยม ผลคือมีผู้รับชมกว่า 340,000 ครั้ง และมีผู้แสดงความเห็น 86,000 ข้อความ ส่วนสำนักพระราชวังอิมพีเรียลได้แสดงความเห็นว่าไม่ทราบว่าจะจัดการกับปรากฏการณ์นี้อย่างไร เพราะพวกเขาไม่เห็นร่องรอยแห่งการอาฆาตมาดร้ายหรือดูหมิ่นพระราชวงศ์
เสกสมรส
เจ้าหญิงมาโกะทรงคบหากับเค โคมูโระ (ญี่ปุ่น: 小室圭; โรมาจิ: Komuro Kei) ชายสามัญชนผู้เคยศึกษาในมหาวิทยาลัยนานาชาติคริสเตียนด้วยกัน ทั้งสองพบกันครั้งแรก ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านชิบูยะ โคมูโระเคยทำงานเป็นนายธนาคาร ขณะนั้นกำลังศึกษาวิชาเอกกฎหมาย สถาบันมหาบัณฑิตยุทธศาสตร์ความร่วมมือระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยฮิตตสึบาชิ เจ้าชายฟูมิฮิโตะและโคมูโระปฏิเสธการสืบค้นปูมหลังโดยสำนักพระราชวังก่อนพระราชพิธีหมั้น หลังจากนั้นจึงเกิดการขุดคุ้ยเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโคมูโระขึ้น โดยเฉพาะเรื่องอื้อฉาว เช่น ชีวิตสมรสและการฉ้อโกงเงินของมารดานายโคมูโระ และกรณีโคมูโระกลั่นแกล้งเพื่อนในชั้นเรียน
วันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2560 สำนักพระราชวังญี่ปุ่นได้ประกาศว่าเจ้าหญิงมาโกะและนายโคมูโระจะมีการหมั้นหมายกัน โดยจะมีพิธีหมั้นในวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2561 และจะมีพิธีเสกสมรสในวันที่ 4 พฤศจิกายนปีเดียวกัน ต่อมาในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 สำนักพระราชวังประกาศเลื่อนพิธีเสกสมรสออกไปจนถึงปี พ.ศ. 2563 และให้เหตุผลว่าทั้งสองยังไม่พร้อมสำหรับการเสกสมรส โดยเจ้าหญิงมาโกะทรงกล่าวขออภัยมาด้วยว่า "ข้าพเจ้าขออภัยที่สร้างความวุ่นวายและภาระที่เพิ่มขึ้นแก่ผู้ที่ช่วยเหลือเราในการเตรียมงาน" รวมทั้งเพื่อรอให้ผ่านพ้นพิธีสละพระราชบัลลังก์ของสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ พระอัยกาในปี พ.ศ. 2562 ออกไปก่อน ทั้งนี้เจ้าหญิงมาโกะจะเป็นเจ้านายฝ่ายในพระองค์ที่เก้าที่เสกสมรสกับชายสามัญชน และจะต้องลาออกจากฐานันดรศักดิ์ตามกฎมนเทียรบาล แต่พระราชพิธีเสกสมรสถูกระงับไว้ เพราะปัญหาด้านการเงินของมารดานายโคมูโระ นอกจากนี้แหล่งข้อมูลบางแห่งระบุว่าตาของนายโคมูโระมีเชื้อสายเกาหลี
วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2564 สำนักข่าวเอ็นเอชเครายงานข่าวว่าเจ้าหญิงมาโกะจะเสกสมรสกับนายโคมูโระในวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2564 แต่จะไม่มีการจัดพิธีหมั้นและพิธีเสกสมรสตามธรรมเนียมญี่ปุ่น รวมทั้งทรงปฏิเสธเงินบำเหน็จการลาออกจากฐานันดรศักดิ์จำนวน 150 ล้านเยน หรือราว 44 ล้านบาท โดยหลังจากพิธีเสกสมรสเสร็จสิ้นลงแล้ว พระองค์จะออกไปใช้ชีวิตกับพระภัสดาที่นิวยอร์ก สหรัฐ
ที่สุดเจ้าหญิงมาโกะและโคมูโระได้จดทะเบียนสมรสภายในหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่งเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2564 หรือวันสามวันหลังวันครบรอบวันประสูติของเจ้าหญิง พระองค์ต้องลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์หลังการเสกสมรส เช่นเดียวกับซายาโกะ คูโรดะ ซึ่งเป็นพระปิตุจฉา หลังการจดทะเบียนสมรส มีการตั้งโต๊ะสัมภาษณ์ ทั้งสองจะตอบคำถามที่สื่อมวลชนญี่ปุ่นส่งมาล่วงหน้า ทั้งนี้เพื่อป้องกันคำถามที่รุนแรง เพราะมาโกะยังประชวรด้วยโรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง
มาโกะออกไปประทับ ณ พระตำหนักส่วนพระองค์ย่านชิบูยะเพื่อรอหนังสือเดินทางและวีซ่าสหรัฐ เพราะเมื่อลาออกจากฐานันดรศักดิ์แล้ว จะต้องย้ายออกจากพระราชวังของพระราชวงศ์ตามกฎหมาย และจะติดตามพระภัสดาซึ่งสำเร็จการศึกษาด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยฟอร์ดแฮมใน พ.ศ. 2564 และทำงานในบริษัทกฎหมายโลเวนสไตน์แซนด์เลอร์ แอลแอลพี (Lowenstein Sandler LLP) ในนิวยอร์ก วันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 มาโกะและโคมูโระเดินทางออกจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อใช้ชีวิตที่สหรัฐ
พระเกียรติยศ
พระอิสริยยศ
- 23 ตุลาคม พ.ศ. 2534 – 26 ตุลาคม พ.ศ. 2564 : เจ้าหญิงมาโกะแห่งอากิชิโนะ
- 26 ตุลาคม พ.ศ. 2564 – ปัจจุบัน : มาโกะ โคมูโระ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- ญี่ปุ่น: เครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนมงกุฎ ชั้นที่ 1 (พ.ศ. 2554)
- บราซิล: เครื่องอิสริยาภรณ์รีอูบรังกู ชั้นที่ 1 (12 ตุลาคม พ.ศ. 2564)
- ปารากวัย: เครื่องอิสริยาภรณ์กิตติคุณแห่งชาติ ชั้นที่ 1 (5 ตุลาคม พ.ศ. 2564)
พงศาวลี
พงศาวลีของมาโกะ โคมูโระ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
- "Visit of the General Public to the Palace for His Majesty's Birthday". The Imperial Household Agency. สืบค้นเมื่อ 30 October 2021.
- "Number of Imperial Telegrams (1991)". The Imperial Household Agency. สืบค้นเมื่อ 30 October 2021.
- "「研究部」". The University Museum, The University of Tokyo (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 15 September 2016.
- "Their Imperial Highnesses Crown Prince and Crown Princess Akishino and their family". Imperial Household Agency. สืบค้นเมื่อ 26 October 2021.
- "Japanese royal to spend time in Dublin studying English". The Irish Times. June 18, 2010. สืบค้นเมื่อ April 11, 2016.
- "「眞子さま、アイルランドから帰国 」". The Nikkei (ภาษาญี่ปุ่น). August 15, 2010. สืบค้นเมื่อ April 11, 2016.
- "Princess Mako Graduates University". The Royal Forums.
- "Their Imperial Highnesses Prince and Princess Akishino and their family - The Imperial Household Agency". kunaicho.go.jp.
- . Sankei Shimbun (ภาษาญี่ปุ่น). March 26, 2014. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2020-07-09. สืบค้นเมื่อ April 11, 2016.
- 「〈眞子さま〉国際基督教大学を卒業「一生の思い出の4年間」 Mainichi Shimbun March 26, 2014
- "Princess Mako celebrates her graduation from university". Royalista.
- "Princess Mako leaves for one year of study in England ‹ Japan Today: Japan News and Discussion". japantoday.com.
- "Japan's Princess Mako to study at Edinburgh University". deadlinenews.co.uk.
- "Princess Mako describes life at British university as 'fruitful' - The Japan Times". The Japan Times.
- . ed.ac.uk. 4 June 2013. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2014-03-27. สืบค้นเมื่อ 2017-05-18.
- . MSN Sankei News (ภาษาญี่ปุ่น). Sankei Shimbun. August 3, 2012. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ December 19, 2012. สืบค้นเมื่อ April 11, 2016.
- . The Asahi Shimbun (ภาษาญี่ปุ่น). The Asahi Shimbun. Oct 1, 2021. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ October 1, 2021. สืบค้นเมื่อ October 25, 2021.
- "Princess Mako's marriage prospects unknown, Crown Prince Akishino says". The Japan Times. 22 June 2019. สืบค้นเมื่อ 4 September 2021.
- ↑ McCurry, Justin (1 October 2021). "Princess Mako wedding announcement stirs up media frenzy in Japan". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 1 October 2021.
- ↑ Landers, Peter; Inada, Miho (1 October 2021). "Japan's Princess Mako to Marry as Palace Blames Media for Her PTSD". The Wall Street Journal. สืบค้นเมื่อ 1 October 2021.
- ↑ "เผยโฉมหนุ่มสุดหล่อ ว่าที่คู่หมั้นเจ้าหญิงแห่งญี่ปุ่น". MGR Online. 17 พฤษภาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 18 พฤษภาคม 2560. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - "Princess Mako off to Austria". The Japan Times.
- List of Overseas Visits by the Emperor, Empress and Imperial Family (1999 – 2008)
- "Japan's Princess Mako turns 20 and becomes newest adult member of Imperial Family". Telegraph.co.uk. 24 October 2011.
- 眞子さま、身分を隠しボランティア活動「実際に行ってみないとわからない…」
- "Image of Mako sign language".
- 「眞子さまがホームステイ 夏にオーストリアへ」 2015-01-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Hokkaido Shimbun July 11, 2006 10:44
- 「世界遺産の宮殿を見学 ウィーンで眞子さま」 Chugoku Shimbun August 12, 2006
- ""เจ้าหญิงมาโกะ" เรียนต่อเมืองนอกเงียบ ๆ ปฏิบัติเยี่ยง "สามัญชน ม.ชม-ทรงถ่อมตัว"". มติชนออนไลน์. 24 กันยายน 2558. สืบค้นเมื่อ 18 พฤษภาคม 2560. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help)[ลิงก์เสีย] - 5:00
- . Yahoo! Netallica. 15 June 2008. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 15 June 2008.
- Yoshida, Reiji (16 May 2017). "Princess Mako, granddaughter of Emperor, set to marry ex-classmate". The Japan Times Online. สืบค้นเมื่อ 16 May 2017.
- "Princess Mako to lose Japan royal status by marrying commoner". BBC. 18 May 2017. สืบค้นเมื่อ 27 September 2017.
- "เผยประวัติว่าที่คู่หมั้นหนุ่มที่เจ้าหญิงมาโกะจะทรงสละฐานันดรศักดิ์มาแต่งงานด้วย". ข่าวสด. 17 พฤษภาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 18 พฤษภาคม 2560. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - . Bunshun Online (ภาษาญี่ปุ่น). Bunshun. May 9, 2021. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ September 3, 2021. สืบค้นเมื่อ October 25, 2021.
- . News Post Seven (ภาษาญี่ปุ่น). Shogakukan. October 13, 2021. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ October 23, 2021. สืบค้นเมื่อ October 25, 2021.
- "Japan's Princess Mako announces engagement". BBC. 4 September 2017. สืบค้นเมื่อ 27 September 2017.
- "Japan's Princess Mako Gives Up her Royal Status to Marry a Commoner". Time. 3 September 2017. สืบค้นเมื่อ 21 October 2017.
- "ญี่ปุ่นเผย 2 กำหนดการสำคัญ พระจักรพรรดิสละบังลังก์, เจ้าหญิงเสกสมรส". MGR Online. 23 พฤศจิกายน 2560. สืบค้นเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2560. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - . NHK World. 6 February 2018. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2018-02-07. สืบค้นเมื่อ 6 February 2018.
- "รีบเกินไป! 'เจ้าหญิงมาโกะ' ขอเลื่อนงานหมั้น-เสกสมรสแฟนหนุ่มไปอีก 2 ปี". ไทยรัฐออนไลน์. 6 กุมภาพันธ์ 2561. สืบค้นเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2561. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - "เจ้าหญิงมาโกะแห่งญี่ปุ่นเลื่อนพิธีเสกสมรสกับหนุ่มสามัญชนออกไปอย่างน้อย 2 ปี". MGR Online. 6 กุมภาพันธ์ 2561. สืบค้นเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2561. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - "เจ้าหญิงมาโกะแห่งญี่ปุ่นทรงเลื่อนพิธีเสกสมรสออกไปจนถึงปี 2020". บีบีซีไทย. 7 กุมภาพันธ์ 2561. สืบค้นเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2561. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - "เจ้าหญิงมาโกะของญี่ปุ่นเลื่อนพิธีเสกสมรส". มติชนออนไลน์. 6 กุมภาพันธ์ 2561. สืบค้นเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2561. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - Fogarty, Philippa (19 May 2017). "The princess, the palace and the shrinking royal line". BBC. สืบค้นเมื่อ 27 September 2017.
- "Princess Mako's marriage prospects unknown, Crown Prince Akishino says". The Japan Times. 22 June 2019. สืบค้นเมื่อ 14 July 2019.
- "คู่หมั้น 'เจ้าหญิงมาโกะ' ประกาศเคลียร์ปัญหาหนี้สินของครอบครัว-พร้อมเดินหน้าพิธีเสกสมรส". ผู้จัดการออนไลน์. 23 มกราคม 2562. สืบค้นเมื่อ 1 มกราคม 2563. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - Julian Ryall (7 กุมภาพันธ์ 2561). "Bad debts and Korean blood: Japanese tabloids in a frenzy after Princess Mako's wedding postponed". South China Morning Post. สืบค้นเมื่อ 5 ตุลาคม 2563. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - "Princess Mako to wed boyfriend Komuro this year". NHK. 1 กันยายน 2564. สืบค้นเมื่อ 2 กันยายน 2564. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - "เจ้าหญิงมาโกะ เข้าพิธีเสกสมรสปลายปีนี้ และไม่ขอรับเงินจากราชวงศ์ตามสิทธิที่ได้รับ". มติชนออนไลน์. 1 กันยายน 2564. สืบค้นเมื่อ 2 กันยายน 2564. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - Reuters, Story by. "Japan's Princess Mako celebrates final birthday as member of imperial family before wedding to commoner". CNN. สืบค้นเมื่อ 2021-10-23.
- Fogarty, Philippa (19 May 2017). "The princess, the palace and the shrinking royal line". BBC. สืบค้นเมื่อ 4 September 2021.
- "眞子さまと小室さんの会見 質疑応答は取りやめに". TV Asashi News (ภาษาญี่ปุ่น). TV Asashi. October 26, 2021. สืบค้นเมื่อ October 26, 2021.
- "眞子さま渋谷区内のマンションで渡米準備 あす婚姻届提出後に皇籍離脱". TBS News (ภาษาญี่ปุ่น). October 25, 2021. สืบค้นเมื่อ October 25, 2021.
- Philip Wang (14 พฤศจิกายน 2564). "Former Japanese princess moves to New York with newlywed husband". CNN (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2564. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - "อดีตเจ้าหญิงมาโกะพร้อมสามี ออกเดินทางตั้งต้นชีวิตใหม่ที่สหรัฐฯ". ไทยรัฐออนไลน์. 14 พฤศจิกายน 2564. สืบค้นเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2564. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - Régine. . Noblesse & Royautés. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2013-06-12. สืบค้นเมื่อ 2017-06-22.
- "Brazil Decorates Princess Mako". Nippon.com.
- "Crown Prince Akishino, Princess Mako Get Medals from Paraguay". 5 October 2021.
แหล่งข้อมูลอื่น
- วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ เจ้าหญิงมาโกะแห่งอากิชิโนะ
- Their Imperial Highnesses Prince and Princess Akishino and their family at the Imperial Household Agency website