วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์
วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์ หรือวัดเมือง เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกงฝั่งตะวันตก เลขที่ ๑๕๖ ถนนมรุพงษ์ ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์ | |
---|---|
ชื่อสามัญ | วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์, วัดเมือง |
ที่ตั้ง | ตำบลสองคลอง อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา |
ประเภท | พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ |
นิกาย | มหานิกาย |
ส่วนหนึ่งของสารานุกรมพระพุทธศาสนา |
ประวัติ
วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ โดยโปรดให้ เจ้าพระยายมราช เจ้าพระยามหาโยธา หาที่จะสร้างเมืองฉะเชิงเทราใหม่ และโปรดให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าไกรสร กรมหลวงรักษ์รณเรศ (หม่อมไกรสร) ซึ่งเป็นพระราชโอรสองค์ที่ ๓๓ ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑ เป็นแม่กองทำการสร้างกำแพงเมืองฉะเชิงเทรา และพระองค์ได้สร้างวัดหนึ่งด้วย ดังในพระราชนิพนธ์ ในพระบาทสมเด็จฯ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แสดงไว้ว่า
"...แล้วโปรดให้กรมหลวงรักษรณเรศออกไปสร้างป้อมกำแพงที่เมืองฉเชิงเทราอีกตำบล ๑ โปรดให้สร้างวัดไว้ในกลางเมือง ซึ่งพระราชทานนามในบัดนี้ว่า วัดปิตุลาธิราชรังสฤษดิ..."
เดิมทีวัดเมืองตั้งอยู่ตรงอยู่ที่กลางเมืองฉะเชิงเทรา แต่ เมื่อเกิดกบฏอั้งยี่ขึ้นในปี พ.ศ. ๒๓๙๑ ทำให้วัดเมืองถูกเผาทำลาย ภายหลังการกบฏแล้ว ราวปี พ.ศ. ๒๔๒๗ พระยาวิเศษฤๅไชย(ช้าง) ได้ทำการย้ายวัดออกมาสร้างใหม่ในสถานที่ตั้งปัจจุบัน (จึงเป็นหลักฐานที่สำคัญว่าแท่นประหารอั้งยี่ที่วัดนี้ไม่ใช่เรื่องจริง) ปรากฏหลักฐานในบันทึกของ เซอร์ เออร์เนสต์ เมสัน ซาโตว (Sir Ernest Mason Satow) อัครราชทูตอังกฤษ ประจำกรุงสยาม เมื่อคราวตรวจพื้นที่ เมืองต่างๆในแม่น้ำบางปะกง ว่า
"...เจ้าเมืองปล่อยเรื่องหยุมหยิมในการบริหารปกครองอยู่ในอำนาจของน้องชาย ผู้ซึ่งเป็นปลัดและอายุได้ ๗๕ ปีแล้ว ท่านสนใจแต่เพียงการเตรียมตนสำหรับโลกหน้าโดยการสร้างวัดแห่งหนึ่ง..."
เมื่อสร้างวัดเสร็จแล้ว ในระยะแรกยังเรียกชื่อวัดว่า วัดท้ายเมือง เนื่องจากสร้างในพื้นที่ท้ายเมืองฉะเชิงเทรา และได้รับพระราชทานนามวัดใหม่ จากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า “วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฏ์” อันเป็นการเฉลิมพระเกียรติให้พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ในวาระฉลองพระชนมายุครบรอบ ๑๐๐ พรรษา ในปีพ.ศ. ๒๔๓๐ และวัดนี้ได้ใช้เป็นที่พระราชทานเพลิงศพพระยาวิเศษฤๅไชย(ช้าง) เจ้าเมืองฉะเชิงเทราในปีเดียวกันนั้นเอง ในเวลานั้นวัดน่าจะมีแค่ พระอุโบสถเพียงอย่างเดียว ส่วนพระวิหารน่าจะสร้างขึ้นในสมัยหลัง ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่าการที่ต้องสร้างพระวิหารขึ้นมานั้นอาจจะใช้เป็นที่จัดพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาแทนการใช้ที่อุโบสถวัดโสธรวรารามวรวิหาร
พุทธาวาสของวัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์ มีพระอุโบสถและพระวิหารล้อมรอบด้วยกำแพงแก้ว ประกอบด้วยพระปรางค์หลายองค์ที่บริเวณมุมของกำแพงแก้วปัจจุบันได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์จนอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์
วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์ มีชื่ออยู่ในทะเบียนวัดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และมีสภาพเป็นวัดตามมาตรา ๓๑ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติมแห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ ว่า ตั้งเมื่อ พ.ศ. ๒๓๘๕ และได้รับวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๕ ซึ่งมีเจ้าคณะปกครองฝ่ายสงฆ์ได้ปกครองดูแลตลอดมาจนถึงปัจจุบัน
ต่อมาวัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ยกเป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดสามัญ เมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๑ เนื่องใน โอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ นับแต่ วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์ เป็นพระอารามหลวง
ทำเนียบเจ้าอาวาส
วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์ เดิมเป็นวัดราษฎร์ ตั้งแต่สร้างวัดมาตามหลักฐาน ที่ปรากฏ มีพระภิกษุผู้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสที่พอสืบค้นได้ ดังนี้
- พระอธิการแก้ว
- พระครูธรรมภาณีวรคุณ (ช่วย แย้มจินดา) พ.ศ. ๒๔๕๔ - ๒๔๘๕
- พระครูอุดมสมณคุณ (เติม ทองเสริม) พ.ศ. ๒๔๘๕ - ๒๕๑๔
- พระครูจินดาภิรมย์ (ชด แย้มจินดา) พ.ศ. ๒๕๑๔ - ๒๕๒๔
- พระครูไพโรจน์ธรรมาภิวัฒน์ (สง่า ธมฺมโสภโณ) พ.ศ. ๒๕๒๔ - ๒๕๔๕
- พระสมุห์พงษ์พันธ์ วีรธมฺโม (ปัจจุบัน พระครูวีรศรัทธาธรรม เจ้าอาวาสวัดสุนีย์ศรัทธาธรรม)รักษาการเจ้าอาวาส วันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๔๕ ถึงวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖
- พระเทพปัญญาเมธี (ประยนต์ อจฺจาทโร ป.ธ.๙) พ.ศ. ๒๕๔๗ (๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ ) ถึง พ.ศ. ๒๕๕๒
- พระธรรมปริยัติมุนี (ประยนต์ อจฺจาทโร ป.ธ. ๙) พ.ศ. ๒๕๕๒ (๔ มีนาคม ๒๕๕๒) - ปัจจุบัน (พ.ศ. ๒๕๖๑)
ด้านการศาสนศึกษา
มีโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา อยู่ในความผิดชอบของ กองพุทธศาสนศึกษา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ดำเนินการจัดการศึกษาทางวิชาการพระพุทธศาสนา แผนกนักธรรม-ภาษาบาลี และหลักสูตรการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ในระดับมัธยมศึกษา (ม.๑-ม.๖)
การศึกษา แผนกธรรม นักธรรม (ตรี-โท-เอก), ธรรมศึกษา (ตรี-โท-เอก)
การศึกษาแผนกบาลี เปรียญธรรม ๑-๒ ถึง ๙
การศึกษาแผนกสามัญ ในระดับมัธยมศึกษา (ม.๑-ม.๖)
อ้างอิง
- https://th.wikisource.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A3_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88_%E0%B9%93%E0%B9%93
- หนังสือ ๑๐๐ เอกสารสำคัญ: สรรพสาระประวัติศาสตร์ไทย เล่มที่ ๑๕ เอกสารลำดับที่ ๖๗ หน้า๑๗๔-๑๗๕ เอกสารบันทึกประจำวันฯ เพชรรุ่ง เทียนปิ๋วโรจน์
- ข้อนำเสนอใหม่หลักฐานว่าด้วยที่ตั้งเดิมของวัดเมือง