สถาปัตยกรรม สถาปัตยกรรมล้านช้างได้รับอิทธิพลจากศิลปะล้านนาในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 20 อาณาจักรล้านช้างมีความสัมพันธ์กับอาณาจักรล้านนา โดยในสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชไปปกครอง อาณาจักรล้านนาอยู่ 2 ปีหลังจากที่พระยาโพธิสาลราช ผู้เป็นพระบิดาซึ่งปกครองล้านช้างสวรรคต พระเจ้าไชยเชษฐา จึงกลับมาปกครองอาณาจักรล้างช้าง พร้อมกับการนำพระแก้วมรกต พระพุทธสิหิงค์และพุทธรูปที่สำคัญอื่น ๆ จากล้านนามาด้วย หลังจากนั้นอาณาจักรล้านนากับอาณาจักรล้านช้างได้มีความสัมพันธ์กันเรื่อยมาจนถึงปลายพุทธศตวรรษที่ 21 จึงเป็นที่ประจักษ์ชัดว่าศิลปะล้านช้างได้รับอิทธิพลจากศิลปะล้านนา ดังเช่น เจดีย์ทรงระฆัง เช่น พระธาตุหมากโม วัดวิชุล เมืองหลวงพระบาง ซึ่งเป็นศิลปะแบบล้านนาซึ่งมีต้นแบบมาจาก พระธาตุหริภุญชัย จังหวัดลำพูน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากศิลปะพุกาม สืบสายต่อเนื่องมาจากลังกาอีกทอดหนึ่ง
รูปแบบสิมและวิหารแบบล้านช้าง คือ แผนผังมีทั้งแบบที่มีการยกเก็จหรือย่อมุม และผังรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าไม่ยกเก็จ การซ้อนชั้นหลังคามีทั้งแบบซ้อน 2 ชั้น 2 ตับ แบบไม่ซ้อนชั้นแต่มีตับเดียว และแบบที่ซ้อน 3 ชั้น แต่ไม่ซ้อนตับหลังคา มีสัดส่วนของอาคารที่ค่อนข้างเตี้ย และใช้เส้นแอ่นโค้งของหลังคาที่แอ่นกว่าของล้านนา ส่วนตกแต่งอันมีลักษณะเฉพาะตน คือ โก่งคิ้ว/ฮังผึ้ง (รังผึ้ง) รูปครึ่งวงกลม มีฝาสาท (ปราสาท) หรือช่อฟ้ากลาง และมีคันทวยแบบหูช้างและคันทวยแขนนาง
รูปแบบเจดีย์หรือธาตุอันเป็นเอกลักษณ์ของล้านช้าง เจดีย์ทรงระฆังสี่เหลี่ยม หรือที่เรียกว่า เจดีย์ทรงดอกบัวเหลี่ยม ศิลปะลาว เรียกว่า หัวน้ำเต้าหรือแบบหัวปลี ซึ่งได้รับอิทธิพลจากเจดีย์ย่อมุมของอยุธยาและพม่า แบบที่ 2 คือ เจดีย์ทรงปราสาทยอด เป็นเจดีย์ที่มีรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของล้านช้าง ซึ่งมีลักษณะเด่นคือ เจดีย์ที่เป็นเรือนธาตุมีซุ้มจระนำประดิษฐานพระพุทธรูป เหนือเรือนธาตุจะเป็นองค์ ระฆังสี่เหลี่ยมและมียอดแหลม แบบที่ 3 คือ เจดีย์ที่มีเรือนธาตุซ้อนกันหรือแบบพระธาตุพนม เริ่มปรากฏในราวต้นพุทธศตวรรษที่ 23 ธาตุในรูปทรงนี้จะเป็นธาตุที่เกิดจากการมาต่อเติมอาคารทรงสี่เหลี่ยมหลังคาซ้อนเป็นชั้น ๆ แล้วเติมธาตุทรงบัวเหลี่ยมที่ส่วนยอด ธาตุแบบนี้ยอดทรงบัวเหลี่ยมจะถูกดึงให้สูงขึ้นเพื่อให้ส่วนยอดสมดุลกับเรือนธาตุทรงสี่เหลี่ยมด้านล่าง และแบบที่ 4 คือ ธาตุที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะไทย สร้างขึ้นตามรูปแบบที่ได้รับจากแม่แบบไปโดยจะมีการเปลี่ยนแปลงน้อยมาก โดยจะปรากฏทั้งเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง เจดีย์ทรงเครื่องแบบรัตนโกสินทร์และเจดีย์ทรงกลม ธาตุในรูปแบบนี้มักปรากฎเมื่อประมาณกลางพุทธศตวรรษที่ 24 ไปแล้ว
ประติมากรรม พระพุทธรูปล้านช้างในช่วงแรก เริ่มตั้งแต่รัชสมัยพระเจ้าฟ้างุ้ม จนกระทั่งรัชสมัยพระนางมหาเทวี มีต้นแบบจากพระพุทธรูปเขมรแบบบายน และมีการผสมผสานกับศิลปะของไทย เช่น เชียงแสน สุโขทัย เป็นต้น ลักษณะของพระพุทธรูปในช่วงนี้ มีลักษณะคล้ายภาพสามมิติ กล่าวคือ เหมือนการแหงนมองพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่ ฝ่าเท้าที่วางทับกันจะมีลักษณะเปิดในแนวเอียงฝ่าเท้าออกมาด้านนอก
พระพุทธรูปล้านช้างตอนต้นช่วงกลาง ประมาณกลางพุทธศตวรรษที่ 19 ถึงกลางพุทธศตวรรษที่ 20 ตั้งแต่รัชสมัยของพระเจ้าไชยจักรพรรดิแผ่นแผ้วถึงสมัยพระเจ้าวิชุลราช แสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ของความเป็นล้านช้างที่ค่อนข้างชัดเจน มีพุทธลักษณะ คือ พระเพลา (ตัก) กว้าง เส้นสังฆาฏิยาวจรดพระนาภี (หน้าท้อง) พระอุระ (อก) แบน พระกรรณ (หู) มีเอกลักษณ์ชัดเจน เบ้าพระกรรณขนาดใหญ่ ติ่งพระกรรณขนาดเล็ก ยอดพระกรรณโค้งตามแบบศิลปะเขมรยุคปลาย และพระเศียร มีขนาดเล็กรับกับพระอังสา (บ่า)
พระพุทธรูปล้านช้างตอนต้นช่วงปลาย ประมาณกลางพุทธศตวรรษที่ 20 ถึงปลายพุทธศตวรรษที่ 22 มีการผสมผสานกับอิทธิพลจากศิลปะอื่น มีพุทธลักษณะ คือ พระเพลา (ตัก) กว้าง พระอุระ (อก) นูนล่ำสัน รับอิทธิพลจากศิลปะสุโทัย พระกรรณ (หู) มีเบ้าพระกรรณขนาดใหญ่ ติ่งพระกรรณห้อยยาวโค้งออกจากลำคอ พระเศียรส่วนมากมีลักษณะใหญ่ รับกับพระอังสาที่กว้างขึ้น และพระรัศมีประดับด้วยอัญมณี
อ้างอิง - ไธพัตย์ ภูชิสส์ชวกรณ์. "โบสถ์-วิหารแบบล้านช้างในประเทศไทย". หน้าจั่ว ว่าด้วยประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม และสถาปัตยกรรมไทย.
- "พุทธศิลป์ล้านช้าง: แนวคิด พัฒนาการ คุณค่าทางศิลปะ และวัฒนธรรม*". มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น.
- "ธาตุในอีสาน". ศูนย์อาชีพและธุรกิจมติชน.
- สมเกียรติ โล่ห์เพชรัตน์, ประวัติศาสตร์การสร้างพระพุทธรูปล้านช้าง, 2543.
ลปะล, านช, าง, อศ, ลปะในช, วงพ, ทธศตวรรษท, ครอบคล, มพ, นท, สองฝ, งแม, ำโขงในเขตสาธารณร, ฐประชาธ, ปไตยประชาชนลาวและส, วนใหญ, ของภาคตะว, นออกเฉ, ยงเหน, อของราชอาณาจ, กรไทยในป, จจ, ในด, นแดนด, งกล, าวจะม, กษณะทางศ, ลปะและว, ฒนธรรมร, วมก, สะท, อนให, เห, นถ, งปร, ช. silpalanchang khuxsilpainchwngphuththstwrrsthi 19 24 khrxbkhlumphunthisxngfngaemnaokhnginekhtsatharnrthprachathipityprachachnlawaelaswnihykhxngphakhtawnxxkechiyngehnuxkhxngrachxanackrithyinpccubn indinaedndngklawcamilksnathangsilpaaelawthnthrrmrwmkn silpalanchangsathxnihehnthungprchya khwamechux withichiwit silpaaelawthnthrrm thangphraphuththsasna thiehnchdecn phuththsilpthioddedn echn fnglawmiphrathatuhlwng phrathatuxinghng phrabang epntnswnfngithy echn phrathatuphnm phrathatuernu phrathatusrisxngrk phrais epntnphrathatuhlwng wdechiyngthxng phrathatuphnm phraesrim xngkhihy aela phraaesn xngkhelk phayinphrawiharwdpthumwnaramrachwrwihar phraphuththrupsilpalanchangsthaptykrrm aekikhsthaptykrrmlanchangidrbxiththiphlcaksilpalannainchwngplayphuththstwrrsthi 20 xanackrlanchangmikhwamsmphnthkbxanackrlanna odyinsmyphraecaichyechsthathirachippkkhrxng xanackrlannaxyu 2 pihlngcakthiphrayaophthisalrach phuepnphrabidasungpkkhrxnglanchangswrrkht phraecaichyechstha cungklbmapkkhrxngxanackrlangchang phrxmkbkarnaphraaekwmrkt phraphuththsihingkhaelaphuththrupthisakhyxun caklannamadwy hlngcaknnxanackrlannakbxanackrlanchangidmikhwamsmphnthkneruxymacnthungplayphuththstwrrsthi 21 cungepnthiprackschdwasilpalanchangidrbxiththiphlcaksilpalanna dngechn ecdiythrngrakhng echn phrathatuhmakom wdwichul emuxnghlwngphrabang sungepnsilpaaebblannasungmitnaebbmacak phrathatuhriphuychy cnghwdlaphun sungidrbxiththiphlcaksilpaphukam subsaytxenuxngmacaklngkaxikthxdhnungrupaebbsimaelawiharaebblanchang khux aephnphngmithngaebbthimikarykekchruxyxmum aelaphngrupsiehliymphunphaimykekc karsxnchnhlngkhamithngaebbsxn 2 chn 2 tb aebbimsxnchnaetmitbediyw aelaaebbthisxn 3 chn aetimsxntbhlngkha misdswnkhxngxakharthikhxnkhangetiy aelaichesnaexnokhngkhxnghlngkhathiaexnkwakhxnglanna swntkaetngxnmilksnaechphaatn khux okngkhiw hngphung rngphung rupkhrungwngklm mifasath prasath hruxchxfaklang aelamikhnthwyaebbhuchangaelakhnthwyaekhnnang 1 rupaebbecdiyhruxthatuxnepnexklksnkhxnglanchang ecdiythrngrakhngsiehliym hruxthieriykwa ecdiythrngdxkbwehliym silpalaw eriykwa hwnaetahruxaebbhwpli sungidrbxiththiphlcakecdiyyxmumkhxngxyuthyaaelaphma aebbthi 2 khux ecdiythrngprasathyxd epnecdiythimirupaebbthiepnexklksnkhxnglanchang sungmilksnaednkhux ecdiythiepneruxnthatumisumcranapradisthanphraphuththrup ehnuxeruxnthatucaepnxngkh rakhngsiehliymaelamiyxdaehlm 2 aebbthi 3 khux ecdiythimieruxnthatusxnknhruxaebbphrathatuphnm erimpraktinrawtnphuththstwrrsthi 23 thatuinrupthrngnicaepnthatuthiekidcakkarmatxetimxakharthrngsiehliymhlngkhasxnepnchn aelwetimthatuthrngbwehliymthiswnyxd thatuaebbniyxdthrngbwehliymcathukdungihsungkhunephuxihswnyxdsmdulkberuxnthatuthrngsiehliymdanlang aelaaebbthi 4 khux thatuthiidrbxiththiphlcaksilpaithy srangkhuntamrupaebbthiidrbcakaemaebbipodycamikarepliynaeplngnxymak odycapraktthngecdiyyxmumimsibsxng ecdiythrngekhruxngaebbrtnoksinthraelaecdiythrngklm thatuinrupaebbnimkprakdemuxpramanklangphuththstwrrsthi 24 ipaelw 3 pratimakrrm aekikhphraphuththruplanchanginchwngaerk erimtngaetrchsmyphraecafangum cnkrathngrchsmyphranangmhaethwi mitnaebbcakphraphuththrupekhmraebbbayn aelamikarphsmphsankbsilpakhxngithy echn echiyngaesn suokhthy epntn lksnakhxngphraphuththrupinchwngni milksnakhlayphaphsammiti klawkhux ehmuxnkaraehngnmxngphraphuththrupthimikhnadihy faethathiwangthbkncamilksnaepidinaenwexiyngfaethaxxkmadannxkphraphuththruplanchangtxntnchwngklang pramanklangphuththstwrrsthi 19 thungklangphuththstwrrsthi 20 tngaetrchsmykhxngphraecaichyckrphrrdiaephnaephwthungsmyphraecawichulrach aesdngthungkhwamepnexklksnkhxngkhwamepnlanchangthikhxnkhangchdecn miphuththlksna khux phraephla tk kwang esnsngkhatiyawcrdphranaphi hnathxng phraxura xk aebn phrakrrn hu miexklksnchdecn ebaphrakrrnkhnadihy tingphrakrrnkhnadelk yxdphrakrrnokhngtamaebbsilpaekhmryukhplay aelaphraesiyr mikhnadelkrbkbphraxngsa ba phraphuththruplanchangtxntnchwngplay pramanklangphuththstwrrsthi 20 thungplayphuththstwrrsthi 22 mikarphsmphsankbxiththiphlcaksilpaxun miphuththlksna khux phraephla tk kwang phraxura xk nunlasn rbxiththiphlcaksilpasuothy phrakrrn hu miebaphrakrrnkhnadihy tingphrakrrnhxyyawokhngxxkcaklakhx phraesiyrswnmakmilksnaihy rbkbphraxngsathikwangkhun aelaphrarsmipradbdwyxymni 4 xangxing aekikh ithphty phuchisschwkrn obsth wiharaebblanchanginpraethsithy hnacw wadwyprawtisastrsthaptykrrm aelasthaptykrrmithy phuththsilplanchang aenwkhid phthnakar khunkhathangsilpa aelawthnthrrm mhawithyalymhaculalngkrnrachwithyaly withyaekhtkhxnaekn thatuinxisan sunyxachiphaelathurkicmtichn smekiyrti olhephchrtn prawtisastrkarsrangphraphuththruplanchang 2543 ekhathungcak https th wikipedia org w index php title silpalanchang amp oldid 9482454, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,
บทความ
, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม
.jpg.html){kind=link}