fbpx
วิกิพีเดีย

สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ

บทความนี้เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ของอาณาจักรอยุธยา สำหรับพระอิสริยยศของจักรพรรดิญี่ปุ่น ดูที่ ไดโจเท็นโน

สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้า (พระนามเดิม พระเทียรราชา) พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 15 แห่งอาณาจักรอยุธยา เป็นพระมหากษัตริย์ที่ได้รับการยกย่องว่ามีบุญญาธิการมากเพราะทรงมีช้างเผือกในครอบครองถึง 7 ช้าง จนได้รับการขนานพระนามว่า พระเจ้าช้างเผือก ในรัชกาลนี้ เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมืองจากคราวขุนวรวงศาธิราช สภาพบ้านเมืองไม่ได้สงบสุขเท่าที่ควร มีเหตุการณ์ความไม่สงบทั้งภายในและภายนอก โดยเฉพาะสงครามกับกรุงหงสาวดี

สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ
พระเจ้ากรุงศรีอยุธยา
ครองราชย์พ.ศ. 2091-2108 (ครั้งที่ 1)
ราชาภิเษกพ.ศ. 2091
ก่อนหน้าขุนวรวงศาธิราช
ถัดไปสมเด็จพระมหินทราธิราช
ครองราชย์พ.ศ. 2110/2111-2111 (ครั้งที่ 2)
ก่อนหน้าสมเด็จพระมหินทราธิราช
ถัดไปสมเด็จพระมหินทราธิราช
พระอัครมเหสีพระสุริโยทัย
พระราชบุตรพระราเมศวร
สมเด็จพระมหินทราธิราช
พระวิสุทธิกษัตรีย์
พระบรมดิลก
พระเทพกษัตรีย์
พระแก้วฟ้า
พระศรีเสาวราช
ราชวงศ์ราชวงศ์สุพรรณภูมิ
พระราชบิดาสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2
พระราชสมภพพ.ศ. 2055
สวรรคตพ.ศ. 2111 (56 พรรษา)

พระราชประวัติ

รายพระนามพระมหากษัตริย์ไทย
ราชวงศ์สุพรรณภูมิ
  1. สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 1913 – 1931
  2. สมเด็จพระเจ้าทองลัน 1931
  3. สมเด็จพระนครินทราธิราช 1952 – 1967
  4. สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 1967 – 1991
  5. สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ 1991 – 2031
  6. สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 2031 – 2034
  7. สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 2034 – 2072
  8. สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4 2072 – 2076
  9. สมเด็จพระรัษฎาธิราช 2076 – 2077
  10. สมเด็จพระชัยราชาธิราช 2077 – 2089
  11. สมเด็จพระยอดฟ้า 2089 – 2091
  12. สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ 2091 – 2111
  13. สมเด็จพระมหินทราธิราช 2111 – 2112

สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ มีพระนามเดิมว่า พระเทียรราชา สันนิษฐานว่าเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 อันประสูติจากสนม และเป็นพระอนุชาต่างพระราชมารดากับสมเด็จพระไชยราชาธิราช

ด้านชีวิตครอบครัว ได้อภิเษกสมรสกับพระสุริโยทัย และมีพระราชโอรสธิดา 5 พระองค์คือ พระราเมศวร สมเด็จพระมหินทราธิราช พระวิสุทธิกษัตรีย์ พระบรมดิลก และพระเทพกษัตรี นอกจากนี้ยังอาจจะมีพระสนมอีก เพราะปรากฏพระนาม พระศรีเสาวราช พระแก้วฟ้า เป็นพระราชโอรสและพระราชธิดาของพระองค์ด้วยในชั้นหลัง

ปี พ.ศ. 2089 หลังถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระไชยราชาธิราชแล้ว พระเทียรราชาทรงลี้ภัยออกผนวชอยู่วัดราชประดิษฐานตลอดรัชสมัยสมเด็จพระยอดฟ้าและขุนวรวงศาธิราช ครั้งนั้นขุนพิเรนทรเทพได้ร่วมกับขุนอินทรเทพ หมื่นราชเสน่หา (ในราชการ) และหลวงศรียศ ปรึกษากันว่าแผ่นดินเป็นทุรยศ ควรจับขุนวรวงศาธิราชไปประหารชีวิตเสีย แล้วให้พระเทียรราชาซึ่งทรงผนวชอยู่เป็นพระเจ้าแผ่นดินแทน จึงพากันไปเข้าเฝ้าพระเทียรราชา กราบทูลแผนการให้ทรงทราบ ก็ทรงเห็นด้วย ฝ่ายขุนอินทรเทพ หมื่นราชเสน่หา และหลวงศรียศ เห็นว่าควรเสี่ยงเทียนว่าพระเทียรราชามีพระบารมีมากกว่าขุนวรวงศาธิราชหรือไม่ ขุนพิเรนทรเทพไม่เห็นชอบ แต่พระเทียรราชาทรงเห็นด้วย ค่ำวันนั้นทั้งหมดจึงไปยังพระอุโบสถวัดป่าแก้วเพื่อทำพิธีเสี่ยงทาย เมื่อจุดเทียนแล้วปรากฏว่าเทียนของขุนวรวงศาธิราชยาวกว่า ขุนพิเรนทรเทพจึงโกรธว่าห้ามแล้ว ยังขืนทำอีก แล้วคายชานหมากทิ้ง บังเอิญไปถูกเทียนขุนวรวงศาธิราชดับลง ทั้ง 5 คนจึงยินดีอย่างยิ่ง ขณะนั้นมีพระภิกษุลึกลับเข้ามาในอุโบสถ ให้พรว่าที่ปรารถนานั้นจะสำเร็จแน่ ออกจากอุโบสถก็หายตัวไป

เมื่อขุนวรวงศาธิราชเสด็จฯ ทางชลมารคไปทรงคล้องช้างเผือก ขุนพิเรนทรเทพกับพวกได้จัดกองเรือออกสกัด เข้าจับขุนวรวงศาธิราช นางพระยาแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ และพระราชโอรส ฆ่าเสียทั้งหมด เอาศพไปเสียบประจานไว้ ณ วัดแร้ง เว้นชีวิตไว้แต่พระศรีสิน แล้วเข้ายึดพระราชวัง ให้ส่งเรือพระที่นั่งชัยสุพรรณหงส์ไปรับพระเทียรราชาซึ่งลาสิกขาบทแล้วมาราชาภิเษกเป็นสมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้า ครองกรุงศรีอยุธยาแทน

ในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหมอบรัดเล ได้ออกพระนามว่า สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราช รามินทรธิบดินทราเชน สุริเยนทรยโสดมราไชสวรรยาธิปัต

พระราชกรณียกิจที่สำคัญ

ในระหว่างปี พ.ศ. 2092 - 2106 สมเด็จพระมหาจักรพรรดิโปรดให้ปรับปรุงกิจการทหาร และเสริมสร้างบ้านเมืองให้มั่นคงแข็งแรงกว่าเดิม ยุทธศาสตร์ในการป้องกันคือ ใช้พระนครเป็นที่มั่น

  • เมื่อ พ.ศ. 2092 ทรงให้ก่อกำแพงพระนครศรีอยุธยาก่ออิฐถือปูนตามแบบฝรั่งเป็นครั้งแรก จากเดิมที่ถมดินเป็นเชิงเทินแล้วปักเสาไม้ระเนียดด้านบน
  • โปรดให้รื้อกำแพงเมืองหน้าด่านชั้นนอกออก 3 เมืองคือ สุพรรณบุรี ลพบุรี และนครนายก เพื่อป้องกันไม่ให้ข้าศึกอาศัยเป็นที่ตั้งมั่น
  • โปรดให้ขุดคลองมหานาคเป็นคูเมืองออกไปถึงชายทุ่งภูเขาทอง คาดว่าเริ่มขุดตั้งแต่ศึกพระสุริโยทัยขาดคอช้างแต่เพิ่งมาเสร็จ
  • โปรดให้สำรวจบัญชีสำมะโนครัวใหม่ ตามหัวเมืองชั้นในทุกหัวเมือง ทำให้ทราบจำนวนชายฉกรรจ์ที่สามารถทำการรบได้
  • ทรงตั้งเมืองใหม่ขึ้น 3 เมือง เพื่อให้เป็นที่รวมพลและง่ายต่อการเกณฑ์เข้าพระนคร
  • พ.ศ. 2095 โปรดให้แปลงเรือแซ (เรือยาวตีกรรเชียง ใช้คนพาย ประมาณ 20 คน) เป็นเรือชัย (เรือที่มีปืนใหญ่ยิงได้ที่หัวเรือ) และหัวสัตว์ คือการพัฒนาเรือรบนั่นเอง ซึ่งก็คือเรือที่ใช้ในพระราชพิธีปัจจุบัน
  • โปรดให้จับช้างเข้ามาใช้ในราชการ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงสามารถจับช้างเผือกได้ถึงเจ็ดเชือก จึงได้รับขนานพระนามว่า พระเจ้าช้างเผือก อีกพระนามหนึ่ง

พ.ศ. 2106 สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช แห่งอาณาจักรล้านช้าง มีพระราชประสงค์เป็นไมตรีกับกรุงศรีอยุธยา จึงส่งทูตมาขอพระเทพกษัตรี พระราชธิดาพระองค์เล็กไปเป็นพระชายา สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงรับไมตรีแต่ตอนนั้นพระเทพกษัตรีทรงพระประชวร พระองค์จึงส่งพระแก้วฟ้าไปถวายแทน

เมื่อพระไชยเชษฐาทรงทราบว่าไม่ใช่พระเทพกษัตรีจึงถวายพระแก้วฟ้าคืนใน พ.ศ. 2107 สมเด็จพระมหาจักรพรรดิจึงทรงส่งพระเทพกษัตรีย์ไปยังล้านช้างแต่พระเจ้าบุเรงนองทรงทราบเข้าจึงส่งทหารไปชิงตัวพระเทพกษัตรีมา

สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงทราบก็ทรงเสียพระทัย จึงเสด็จไปประทับที่วังหลัง ให้พระมหินทร์พระโอรสว่าราชการแทน เมื่อพระชนมายุประมาณ 59 พรรษา ต่อมาได้เสด็จออกผนวชใน พ.ศ. 2109 โดยมีข้าราชการออกบวชด้วยจำนวนมาก

พระมหินทร์ ทรงได้ว่าราชการแทนในช่วงหนึ่ง ต่อมาทรงมีเรื่องกินแหนงแคลงใจกับพระมหาธรรมราชา จนเกิดความร้าวฉานระหว่างพิษณุโลกกับกรุงศรีอยุธยาเนื่องจากพระองค์สมคบพระไชยเชษฐาไปตีเมืองพิษณุโลก จนพระองค์มิอาจรั้งราชการแผ่นดินจึงทูลเชิญให้สมเด็จพระมหาจักรพรรดิลาผนวชหลังจากที่ผนวชได้ไม่นาน แล้วกลับมาว่าราชการตามเดิม

พระองค์กับพระมหินทร์เสด็จขึ้นไปเมืองพิษณุโลก ขณะที่พระมหาธรรมราชาเสด็จไปหงสาวดีแล้วนำพระวิสุทธิกษัตรีพร้อมด้วยพระเอกาทศรถมาอยู่ที่กรุงศรีอยุธยา เมื่อพระมหาธรรมราชาทราบเรื่องจึงให้ไปเข้ากับหงสาวดีอย่างเปิดเผย

เมื่อ พ.ศ. 2111 ระหว่างสงครามกับอาณาจักรตองอู สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงพระประชวรหนักประมาณ 25 วัน และเสด็จสวรรคตในขณะที่ทัพพม่าดีปิดล้อมกรุงศรีอยุธยาอยู่ สิริพระชนมพรรษา 57 พรรษา ครองสิริราชสมบัติได้ 20 ปี

ราชการสงคราม

ศึกพระสุริโยทัยขาดคอช้าง

 
พระสุริโยทัย (กลาง) ไสช้างเข้าขวางช้างสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ (ขวา) ซึ่งกำลังเสียทีช้างพระเจ้าแปร (ซ้าย) ในสงครามพระเจ้าตะเบ็งชเวตี้ (จิตรกรรมประกอบโคลงพระราชพงศาวดาร ฝีพระหัตถ์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์)

ในปี พ.ศ. 2091 หลังจากสมเด็จพระมหาจักรพรรดิขึ้นครองราชย์ได้เพียงเจ็ดเดือน การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญครั้งนี้เป็นที่กระฉ่อนไปทั่ว จนทราบไปยังพระกรรณพระเจ้าหงสาวดีตะเบ็งชะเวตี้ กษัตริย์พม่าทรงพระราชดำริว่า ทางกรุงศรีอยุธยาผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน เห็นเป็นโอกาสที่จะแผ่อำนาจมายังกรุงศรีอยุธยา จึงได้ยกกองทัพใหญ่มาทางด่านพระเจดีย์สามองค์ เมืองกาญจนบุรี (บางพงศาวดารบอกว่า พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ได้เสด็จมาทอดพระเนตรกำแพงเมืองอยุธยาก่อนหน้านี้มาครั้งหนึ่งแล้ว เพื่อประเมินกำลังศึก) โดยตั้งค่ายหลวงที่ตำบลกุ่มดอง ทัพพระมหาอุปราชาบุเรงนองตั้งที่เพนียด ทัพพระเจ้าแปรตั้งที่บ้านใหม่มะขามหย่อง ทัพพระยาพะสิม ตั้งอยู่ที่ตำบลทุ่งวรเชษฐ์

ในวันอาทิตย์ ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 4 พ.ศ. 2092 สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ เสด็จออกไปดูลาดเลากำลังศึก ณ ทุ่งภูเขาทอง พร้อมกับพระสุริโยทัย พระราเมศวร และพระมหินทร์ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิได้กระทำยุทธหัตถีกับพระเจ้าแปร ช้างพระที่นั่งเสียที พระสุริโยทัยจึงทรงไสช้างเข้าขวางช้างข้าศึก เพื่อป้องกันสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ พระเจ้าแปรได้ทีจึงฟันพระสุริโยทัยด้วยของ้าว สิ้นพระชนม์บนคอช้าง พระราเมศวรและพระมหินทร์ ได้ขับช้างเข้ากันพระศพกลับเข้าพระนคร

ในการต่อสู้กับข้าศึกในขั้นต่อไป สมเด็จพระมหาจักรพรรดิโปรดให้นำปืนใหญ่นารายณ์สังหาร ลงเรือสำเภาแล่นไปตามลำน้ำโจมตีข้าศึกที่ตั้งล้อมกรุงศรีอยุธยาอยู่ อำนาจการยิงของปืนใหญ่ทำให้ฝ่ายพม่าล้มตายเป็นอันมาก ประกอบกับเป็นเวลาใกล้ฤดูฝน และเสบียงอาหารร่อยหรอลง อีกทั้งทางฝ่ายพม่าได้ข่าวว่า มีกองทัพไทยจากหัวเมืองเหนือยกมาสนับสนุน เกรงว่าจะถูกตีกระหนาบ จึงปรึกษากับแม่ทัพนายกองจะยกทัพกลับ แม่ทัพทั้งหลายเห็นควรจะยกทัพกลับทางด่านเจดีย์สามองค์ (กาญจนบุรี) แต่พระเจ้าตเบ็งชเวตี้เห็นว่าทางที่ยกมานั้น ทรงทำลายเสบียงอาหารเสียหมดแล้ว ถ้ายกไปทางนี้จะประสบปัญหาขาดแคลน และจะถูกทหารไทยยกมาซ้ำเติมลำบากอยู่ จึงทรงให้ยกทัพขึ้นไปทางด่านแม่ละเมา (ตาก) เพื่อตีทัพของพระมหาธรรมราชาด้วยไพร่พลนั้นน้อยนัก และจะได้แย่งเสบียงมา เมื่อปะทะกับกองทัพของพระมหาธรรมราชาและพระราเมศวร ไล่ติดตามไปจนเกือบถึงเมืองกำแพงเพชร ฝ่ายพม่าได้ทำอุบายซุ่มกำลังไว้ทั้งสองข้างทาง พอกองทัพกรุงศรีอยุธยาถลำเข้าไป จึงได้เข้าล้อมไว้ จับได้ทั้งพระมหาธรรมราชา และพระราเมศวร สมเด็จพระมหาจักรพรรดิต้องทรงขอหย่าศึก และไถ่ตัวคืนโดยแลกกับช้างชนะงาสองเชือกคือ พลายศรีมงคลกับพลายมงคลทวีป จากนั้นกองทัพพม่าก็ถอยกลับไปยังหงสาวดี

ส่วนการพระศพพระสุริโยทัยนั้นเมื่อเสร็จศึกสงครามแล้วโปรดให้ตั้งการพระราชพิธีพระราชทานเพลิง ณ สวนหลวง และให้สถาปนาที่พระราชทานเพลิงเป็นพระอารามเพื่ออุทิศ พระราชกุศลพระราชทาน แด่สมเด็จพระอัครมเหสี ประกอบด้วยพระเจดีย์ พระวิหาร แล้วพระราชทานนามพระอารามอันเป็นพระราชานุสรณ์แห่งพระสุริโยทัยแห่งนี้ว่า วัดสบสวรรค์ ในปัจจุบันชื่อ วัดสวนหลวงสบสวรรค์

สงครามกับเขมร

พ.ศ. 2099 ในเดือน 12 สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงให้แต่งทัพไปตีเมืองละแวก พระยาองค์ (โอง) สวรรคโลก (เชื่อว่าเป็นคนเดียวกับพระยาสวรรคโลกที่กำจัดขุนวรวงศาธิราช) เป็นทัพหลวง ยกทัพ 30,000 ให้พระมหามนตรีถืออาชญาสิทธิ์ พระมหาเทพถือวัวเกวียน ให้พระยาเยาวเป็นแม่ทัพเรือ แต่ลมพัดไม่เป็นใจทัพเรือจึงตามทัพบกไม่ทัน พระยารามลักษณ์แม่ทัพบกได้เข้าตีเขมรในตอนกลางคืน แต่เสียทีถอยหนีมาถึงทัพใหญ่ ในศึกนี้เสียพระยาองค์ (โอง) สวรรคโลกกับไพร่พลอีกจำนวนมาก

สงครามช้างเผือก

พระเจ้าบุเรงนองผู้ครองราชย์เป็นพระเจ้าหงสาวดีต่อจากพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ ทราบเรื่องช้างเผือก จึงส่งราชทูตเชิญพระราชสาส์นมาขอพระราชทานช้างเผือกสองช้าง สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงให้เหตุผลเชิงปฏิเสธเพราะทรงเห็นด้วยกับพระราเมศวร พระยาจักรี และพระสุนทรสงคราม พระเจ้าบุเรงนองจึงถือสาเหตุนั้น ยกกองทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา เมื่อ พ.ศ. 2106 ด้วยกำลังพลสองแสนคน จัดเป็นทัพกษัตริย์หกทัพ ได้เตรียมทัพเรือพร้อมปืนใหญ่กับจ้างชาวโปรตุเกสอาสาสมัคร 400 คน เป็นทหารปืนใหญ่ ให้เมืองเชียงใหม่สนับสนุนเสบียงอาหาร โดยลำเลียงมาทางเรือ เปลี่ยนเส้นทางเดินทัพมาทางด่านแม่ละเมา เข้าตีหัวเมืองฝ่ายเหนือของไทยมาตามลำดับเพื่อตัดกำลังที่จะยกมาช่วยกรุงศรีอยุธยา

ฝ่ายกรุงศรีอยุธยาเตรียมตัวป้องกันพระนคร โดยคาดว่าพม่าจะยกกำลังมาทางด่านเจดีย์สามองค์ ทำให้พระเจ้าบุเรงนองตีเมืองกำแพงเพชร สวรรคโลก สุโขทัย พิชัย และพิษณุโลกได้ ครั้นลงมาถึงเมืองชัยนาท กองทัพพม่าก็ได้ปะทะกับกองทัพกรุงศรีอยุธยาของพระราเมศวร แต่ฝ่ายกรุงศรีอยุธยาต้านทานไม่ได้ต้องถอยกลับเข้ากรุงศรีอยุธยา กองทัพพม่าได้เข้าล้อมกรุงศรีอยุธยาไว้ แล้วระดมยิงปืนใหญ่เข้าในพระนครทุกวัน จนราษฎรได้รับความเดือดร้อนและเสียขวัญ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ต้องเสด็จไปเจรจากับพระเจ้าบุเรงนอง ที่พลับพลาบริเวณตำบลวัดหน้าพระเมรุ กับวัดหัสดาวาส ยอมเป็นไมตรี โดยได้มอบช้างเผือก 4 ช้าง พร้อมกับพระราเมศวร พระยาจักรี และพระสุนทรสงครามให้แก่พม่า โดยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงต่อรองขอดินแดนของอยุธยาทั้งหมดที่พระเจ้าบุเรงนองยึดไว้คืน พระเจ้าบุเรงนองก็ถวายคืนแต่โดยดี จากนั้นพม่าก็ถอยกลับไปหงสาวดี

สงครามเสียกรุง

ใน พ.ศ. 2111 พม่าได้ยกกองทัพใหญ่เจ็ดกองทัพโดยมีทัพเมืองพิษณุโลกอยู่ด้วย มีกำลังห้าแสนคน เดินทัพเข้ามาทางด่านแม่ละเมาเข้าล้อมกรุงศรีอยุธยาไว้ทั้งสี่ด้าน โดยมุ่งตีหักเข้ามาทางด้านทิศตะวันออก ซี่งเป็นด้านที่คูเมืองแคบสุด และใช้กำลังทางเรือปิดกั้นลำน้ำทางตอนใต้ เพื่อไม่ให้ฝ่ายไทยติดต่อกับหัวเมืองทางใต้และต่างประเทศ

ความไม่สงบภายใน

กบฏพระศรีศิลป์

ประมาณ พ.ศ. 2098 พระศรีศิลป์ พระราชโอรสของสมเด็จพระไชยราชาธิราชกับท้าวศรีสุดาจันทร์มีอายุได้ 14 ปี สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงให้บวชเป็นสามเณรอยูที่วัดราชประดิษฐานแต่พระศรีศิลป์กลับวางแผนก่อกบฏและถูกจับได้ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงไม่ประหารแต่ให้คุมตัวไว้ที่วัดธรรมิกราช

จนถึง พ.ศ. 2104 พระศรีศิลป์มีอายุครบ 20 สมเด็จพระมหาจักรพรรดิจะให้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ (พระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐฯ กล่าวว่าตอนนั้นบวชอยูที่วัดมหาธาตุ แต่พระศรีศิลป์หนีไปซุ่มพลอยู่ตำบลม่วงมดแดง จึงรับสั่งให้เจ้าพระยามหาเสนาบดีไปตาม

ฝ่ายพระศรีศิลป์จึงยกกองทัพมาก่อกบฏ เข้ากรุงศรีอยุธยามาในวันพฤหัสบดี แรม 14 ค่ำ เดือน 8 วันรุ่งขึ้นพระศรีศิลป์เข้าพระราชวังได้ครั้งนั้นได้ แต่พระศรีศิลป์ต้องพระแสงปืนสิ้นพระชนม์ในพระราชวัง ผู้ที่มีส่วนร่วมในการก่อการทั้งหมดถูกนำไปประหารชีวิตเหตุการณ์จึงเข้าสู่ภาวะปกติ

กบฏปัตตานี

หลังสงครามช้างเผือก มุซาฟาร์ ชาฮฺ สุลต่านแห่งปัตตานี ยกทัพมาช่วยกรุงศรีอยุธยา เมื่อกองทัพปัตตานีมาถึงปากแม่น้ำเจ้าพระยา ปรากฏว่ากองทัพพม่าได้ล่าถอยออกไปแล้ว สุลต่านมุซาฟาร์ ชาฮฺได้นำกองทัพชาวมลายูเข้าไปพักในกรุงศรีอยุธยา ในระหว่างที่พักอยู่ในกรุงศรีอยุธยานั้นได้เกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่างกองทัพมลายูปัตตานีกับกองทัพกรุงศรีอยุธยา จึงได้เกิดการสู้รบกันขึ้น สุลต่านมุซาฟาร์ ชาฮฺ นำกองทัพเข้ายึดพระราชวังได้ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิจึงต้องเสด็จหนีไปที่เกาะมหาพราหมณ์แล้วจึงรวบรวมกำลังเข้าตีตอบโต้ กองทัพปัตตานีต้องถอยร่นออกมาถึงปากอ่าว สุลต่านมุซาฟาร์ ชาฮฺ สิ้นพระชนม์ขณะยกทัพกลับพระศพถูกฝังไว้ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณปากอ่าว[ต้องการอ้างอิง]

พงศาวลี

พระราชตระกูลในสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา)
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
พระราชธิดาในพระมหาธรรมราชาที่ 2
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
พระธิดาในราชวงศ์พระร่วง
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
พระสนม ไม่ปรากฏพระนาม
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

อ้างอิง

เชิงอรรถ
  1. พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า 70
  2. นามานุกรมพระมหากษัตริย์ไทย, หน้า 105
  3. พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า 67
  4. พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า 68
  5. พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า 69
บรรณานุกรม
  • มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา. นามานุกรมพระมหากษัตริย์ไทย. กรุงเทพฯ : มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา, 2554. 264 หน้า. ISBN 978-616-7308-25-8
  • ประชุมพงศาวดารภาคที่ 82 เรื่องพระราชพงศาวดารกรุงสยามจากต้นฉบับของบริติชมิวเซียมกรุงลอนดอน. กรุงเทพฯ : พิมพ์ครั้งที่ 2, กรมศิลปากร, 2537. 423 หน้า. ISBN 974-419-025-6
  • พระราชพงศาวดาร ฉบับสมเด็จพระพนรัตน์ วัดพระเชตุพน ตรวจสอบชำระจากเอกสารตัวเขียน. กรุงเทพฯ : อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง, 2558. 558 หน้า. หน้า (38)-(39), (41). ISBN 978-616-92351-0-1
  • พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น. นนทบุรี : ศรีปัญญา, 2553. 800 หน้า. ISBN 978-616-7146-08-9

ดูเพิ่ม

ก่อนหน้า สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ถัดไป
ขุนวรวงศาธิราช
(พ.ศ. 2091)
   
พระเจ้ากรุงศรีอยุธยา
(พ.ศ. 2091-2108 (ครั้งที่ 1)
พ.ศ. 2110/2111-2111 (ครั้งที่ 2))
  สมเด็จพระมหินทราธิราช
(พ.ศ. 2111-2112)


สมเด, จพระมหาจ, กรพรรด, เน, อหาในบทความน, ไม, กต, องแม, นยำ, โปรดช, วยก, นตรวจสอบ, และปร, บปร, โดยเฉพาะอย, างย, เพ, มแหล, งอ, างอ, งท, าเช, อถ, อได, วย, เร, ยนร, าจะนำสารแม, แบบน, ออกได, อย, างไรและเม, อไร, บทความน, เก, ยวก, บพระมหากษ, ตร, ของอาณาจ, กรอย, ธยา,. enuxhainbthkhwamniimthuktxngaemnya oprdchwykntrwcsxb aelaprbprung odyechphaaxyangying ephimaehlngxangxingthinaechuxthuxiddwy eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir bthkhwamniekiywkbphramhakstriykhxngxanackrxyuthya sahrbphraxisriyyskhxngckrphrrdiyipun duthi idocethnon smedcphramhackrphrrdirachathiracheca 1 phranamedim phraethiyrracha phramhakstriyrchkalthi 15 aehngxanackrxyuthya epnphramhakstriythiidrbkarykyxngwamibuyyathikarmakephraathrngmichangephuxkinkhrxbkhrxngthung 7 chang cnidrbkarkhnanphranamwa phraecachangephuxk inrchkalni epnchwngepliynphanthangkaremuxngcakkhrawkhunwrwngsathirach sphaphbanemuxngimidsngbsukhethathikhwr miehtukarnkhwamimsngbthngphayinaelaphaynxk odyechphaasngkhramkbkrunghngsawdismedcphramhackrphrrdiphraecakrungsrixyuthyakhrxngrachyph s 2091 2108 khrngthi 1 rachaphieskph s 2091kxnhnakhunwrwngsathirachthdipsmedcphramhinthrathirachkhrxngrachyph s 2110 2111 2111 khrngthi 2 kxnhnasmedcphramhinthrathirachthdipsmedcphramhinthrathirachphraxkhrmehsiphrasurioythyphrarachbutrphraraemswr smedcphramhinthrathirach phrawisuththikstriy phrabrmdilk phraethphkstriy phraaekwfa phrasriesawrachrachwngsrachwngssuphrrnphumiphrarachbidasmedcphraramathibdithi 2phrarachsmphphph s 2055swrrkhtph s 2111 56 phrrsa enuxha 1 phrarachprawti 2 phrarachkrniykicthisakhy 3 rachkarsngkhram 3 1 sukphrasurioythykhadkhxchang 3 2 sngkhramkbekhmr 3 3 sngkhramchangephuxk 3 4 sngkhramesiykrung 4 khwamimsngbphayin 4 1 kbtphrasrisilp 4 2 kbtpttani 5 phngsawli 6 xangxing 7 duephimphrarachprawti aekikhrayphranamphramhakstriyithy rachwngssuphrrnphumismedcphrabrmrachathirachthi 1 1913 1931 smedcphraecathxngln 1931 smedcphrankhrinthrathirach 1952 1967 smedcphrabrmrachathirachthi 2 1967 1991 smedcphrabrmitrolknath 1991 2031 smedcphrabrmrachathirachthi 3 2031 2034 smedcphraramathibdithi 2 2034 2072 smedcphrabrmrachathirachthi 4 2072 2076 smedcphrarsdathirach 2076 2077 smedcphrachyrachathirach 2077 2089 smedcphrayxdfa 2089 2091 smedcphramhackrphrrdi 2091 2111 smedcphramhinthrathirach 2111 2112smedcphramhackrphrrdi miphranamedimwa phraethiyrracha snnisthanwaepnphrarachoxrsinsmedcphraramathibdithi 2 xnprasuticaksnm aelaepnphraxnuchatangphrarachmardakbsmedcphraichyrachathirach 2 danchiwitkhrxbkhrw idxphiesksmrskbphrasurioythy aelamiphrarachoxrsthida 5 phraxngkhkhux phraraemswr smedcphramhinthrathirach phrawisuththikstriy phrabrmdilk aelaphraethphkstri nxkcakniyngxaccamiphrasnmxik ephraapraktphranam phrasriesawrach phraaekwfa epnphrarachoxrsaelaphrarachthidakhxngphraxngkhdwyinchnhlngpi ph s 2089 hlngthwayphraephlingphrabrmsphsmedcphraichyrachathirachaelw phraethiyrrachathrngliphyxxkphnwchxyuwdrachpradisthantlxdrchsmysmedcphrayxdfaaelakhunwrwngsathirach khrngnnkhunphiernthrethphidrwmkbkhunxinthrethph hmunrachesnha inrachkar aelahlwngsriys pruksaknwaaephndinepnthurys khwrcbkhunwrwngsathirachippraharchiwitesiy aelwihphraethiyrrachasungthrngphnwchxyuepnphraecaaephndinaethn cungphaknipekhaefaphraethiyrracha krabthulaephnkarihthrngthrab kthrngehndwy faykhunxinthrethph hmunrachesnha aelahlwngsriys ehnwakhwresiyngethiynwaphraethiyrrachamiphrabarmimakkwakhunwrwngsathirachhruxim khunphiernthrethphimehnchxb aetphraethiyrrachathrngehndwy khawnnnthnghmdcungipyngphraxuobsthwdpaaekwephuxthaphithiesiyngthay 3 emuxcudethiynaelwpraktwaethiynkhxngkhunwrwngsathirachyawkwa khunphiernthrethphcungokrthwahamaelw yngkhunthaxik aelwkhaychanhmakthing bngexiyipthukethiynkhunwrwngsathirachdblng thng 5 khncungyindixyangying 4 khnannmiphraphiksuluklbekhamainxuobsth ihphrwathiprarthnanncasaercaen xxkcakxuobsthkhaytwip 5 emuxkhunwrwngsathirachesdc thangchlmarkhipthrngkhlxngchangephuxk khunphiernthrethphkbphwkidcdkxngeruxxxkskd ekhacbkhunwrwngsathirach nangphrayaaemxyuhwsrisudacnthr aelaphrarachoxrs khaesiythnghmd exasphipesiybpracaniw n wdaerng ewnchiwitiwaetphrasrisin 5 aelwekhayudphrarachwng ihsngeruxphrathinngchysuphrrnhngsiprbphraethiyrrachasunglasikkhabthaelwmarachaphieskepnsmedcphramhackrphrrdirachathiracheca khrxngkrungsrixyuthyaaethn 1 inphngsawdarkrungsrixyuthya chbbhmxbrdel idxxkphranamwa smedcphramhackrphrrdirachathirach raminthrthibdinthraechn surieynthryosdmraichswrryathiptphrarachkrniykicthisakhy aekikhinrahwangpi ph s 2092 2106 smedcphramhackrphrrdioprdihprbprungkickarthhar aelaesrimsrangbanemuxngihmnkhngaekhngaerngkwaedim yuththsastrinkarpxngknkhux ichphrankhrepnthimn emux ph s 2092 thrngihkxkaaephngphrankhrsrixyuthyakxxiththuxpuntamaebbfrngepnkhrngaerk cakedimthithmdinepnechingethinaelwpkesaimraeniyddanbn oprdihruxkaaephngemuxnghnadanchnnxkxxk 3 emuxngkhux suphrrnburi lphburi aelankhrnayk ephuxpxngknimihkhasukxasyepnthitngmn oprdihkhudkhlxngmhanakhepnkhuemuxngxxkipthungchaythungphuekhathxng khadwaerimkhudtngaetsukphrasurioythykhadkhxchangaetephingmaesrc oprdihsarwcbychisamaonkhrwihm tamhwemuxngchninthukhwemuxng thaihthrabcanwnchaychkrrcthisamarththakarrbid thrngtngemuxngihmkhun 3 emuxng ephuxihepnthirwmphlaelangaytxkareknthekhaphrankhr yktladkhwyepn emuxngnnthburi ykbanthacinepn emuxngsakhrburi aebngexaekhtemuxngrachburikbemuxngsuphrrnburiepn emuxngnkhrchysri ph s 2095 oprdihaeplngeruxaes eruxyawtikrrechiyng ichkhnphay praman 20 khn epneruxchy eruxthimipunihyyingidthihwerux aelahwstw khuxkarphthnaeruxrbnnexng sungkkhuxeruxthiichinphrarachphithipccubn oprdihcbchangekhamaichinrachkar smedcphramhackrphrrdithrngsamarthcbchangephuxkidthungecdechuxk cungidrbkhnanphranamwa phraecachangephuxk xikphranamhnungph s 2106 smedcphraichyechsthathirach aehngxanackrlanchang miphrarachprasngkhepnimtrikbkrungsrixyuthya cungsngthutmakhxphraethphkstri phrarachthidaphraxngkhelkipepnphrachaya smedcphramhackrphrrdithrngrbimtriaettxnnnphraethphkstrithrngphraprachwr phraxngkhcungsngphraaekwfaipthwayaethnemuxphraichyechsthathrngthrabwaimichphraethphkstricungthwayphraaekwfakhunin ph s 2107 smedcphramhackrphrrdicungthrngsngphraethphkstriyipynglanchangaetphraecabuerngnxngthrngthrabekhacungsngthharipchingtwphraethphkstrimasmedcphramhackrphrrdithrngthrabkthrngesiyphrathy cungesdcipprathbthiwnghlng ihphramhinthrphraoxrswarachkaraethn emuxphrachnmayupraman 59 phrrsa txmaidesdcxxkphnwchin ph s 2109 odymikharachkarxxkbwchdwycanwnmakphramhinthr thrngidwarachkaraethninchwnghnung txmathrngmieruxngkinaehnngaekhlngickbphramhathrrmracha cnekidkhwamrawchanrahwangphisnuolkkbkrungsrixyuthyaenuxngcakphraxngkhsmkhbphraichyechsthaiptiemuxngphisnuolk cnphraxngkhmixacrngrachkaraephndincungthulechiyihsmedcphramhackrphrrdilaphnwchhlngcakthiphnwchidimnan aelwklbmawarachkartamedimphraxngkhkbphramhinthresdckhunipemuxngphisnuolk khnathiphramhathrrmrachaesdciphngsawdiaelwnaphrawisuththikstriphrxmdwyphraexkathsrthmaxyuthikrungsrixyuthya emuxphramhathrrmrachathraberuxngcungihipekhakbhngsawdixyangepidephyemux ph s 2111 rahwangsngkhramkbxanackrtxngxu smedcphramhackrphrrdithrngphraprachwrhnkpraman 25 wn aelaesdcswrrkhtinkhnathithphphmadipidlxmkrungsrixyuthyaxyu siriphrachnmphrrsa 57 phrrsa khrxngsirirachsmbtiid 20 pirachkarsngkhram aekikhsukphrasurioythykhadkhxchang aekikh dubthkhwamhlkthi sngkhramphraecataebngchewti phrasurioythy klang ischangekhakhwangchangsmedcphramhackrphrrdi khwa sungkalngesiythichangphraecaaepr say insngkhramphraecataebngchewti citrkrrmprakxbokhlngphrarachphngsawdar fiphrahtthsmedcphraecabrmwngsethx ecafakrmphrayanrisranuwdtiwngs inpi ph s 2091 hlngcaksmedcphramhackrphrrdikhunkhrxngrachyidephiyngecdeduxn karepliynaeplngkhrngsakhykhrngniepnthikrachxnipthw cnthrabipyngphrakrrnphraecahngsawditaebngchaewti kstriyphmathrngphrarachdariwa thangkrungsrixyuthyaphldepliynaephndin ehnepnoxkasthicaaephxanacmayngkrungsrixyuthya cungidykkxngthphihymathangdanphraecdiysamxngkh emuxngkaycnburi bangphngsawdarbxkwa phraecataebngchaewtiidesdcmathxdphraentrkaaephngemuxngxyuthyakxnhnanimakhrnghnungaelw ephuxpraeminkalngsuk odytngkhayhlwngthitablkumdxng thphphramhaxuprachabuerngnxngtngthiephniyd thphphraecaaeprtngthibanihmmakhamhyxng thphphrayaphasim tngxyuthitablthungwrechsthinwnxathity khun 6 kha eduxn 4 ph s 2092 smedcphramhackrphrrdi esdcxxkipduladelakalngsuk n thungphuekhathxng phrxmkbphrasurioythy phraraemswr aelaphramhinthr smedcphramhackrphrrdiidkrathayuththhtthikbphraecaaepr changphrathinngesiythi phrasurioythycungthrngischangekhakhwangchangkhasuk ephuxpxngknsmedcphramhackrphrrdi phraecaaepridthicungfnphrasurioythydwykhxngaw sinphrachnmbnkhxchang phraraemswraelaphramhinthr idkhbchangekhaknphrasphklbekhaphrankhrinkartxsukbkhasukinkhntxip smedcphramhackrphrrdioprdihnapunihynaraynsnghar lngeruxsaephaaelniptamlanaocmtikhasukthitnglxmkrungsrixyuthyaxyu xanackaryingkhxngpunihythaihfayphmalmtayepnxnmak prakxbkbepnewlaiklvdufn aelaesbiyngxaharrxyhrxlng xikthngthangfayphmaidkhawwa mikxngthphithycakhwemuxngehnuxykmasnbsnun ekrngwacathuktikrahnab cungpruksakbaemthphnaykxngcaykthphklb aemthphthnghlayehnkhwrcaykthphklbthangdanecdiysamxngkh kaycnburi aetphraecatebngchewtiehnwathangthiykmann thrngthalayesbiyngxaharesiyhmdaelw thaykipthangnicaprasbpyhakhadaekhln aelacathukthharithyykmasaetimlabakxyu cungthrngihykthphkhunipthangdanaemlaema tak ephuxtithphkhxngphramhathrrmrachadwyiphrphlnnnxynk aelacaidaeyngesbiyngma emuxpathakbkxngthphkhxngphramhathrrmrachaaelaphraraemswr iltidtamipcnekuxbthungemuxngkaaephngephchr fayphmaidthaxubaysumkalngiwthngsxngkhangthang phxkxngthphkrungsrixyuthyathlaekhaip cungidekhalxmiw cbidthngphramhathrrmracha aelaphraraemswr smedcphramhackrphrrditxngthrngkhxhyasuk aelaithtwkhunodyaelkkbchangchnangasxngechuxkkhux phlaysrimngkhlkbphlaymngkhlthwip caknnkxngthphphmakthxyklbipynghngsawdiswnkarphrasphphrasurioythynnemuxesrcsuksngkhramaelwoprdihtngkarphrarachphithiphrarachthanephling n swnhlwng aelaihsthapnathiphrarachthanephlingepnphraxaramephuxxuthis phrarachkuslphrarachthan aedsmedcphraxkhrmehsi prakxbdwyphraecdiy phrawihar aelwphrarachthannamphraxaramxnepnphrarachanusrnaehngphrasurioythyaehngniwa wdsbswrrkh inpccubnchux wdswnhlwngsbswrrkh sngkhramkbekhmr aekikh ph s 2099 ineduxn 12 smedcphramhackrphrrdithrngihaetngthphiptiemuxnglaaewk phrayaxngkh oxng swrrkholk echuxwaepnkhnediywkbphrayaswrrkholkthikacdkhunwrwngsathirach epnthphhlwng ykthph 30 000 ihphramhamntrithuxxachyasiththi phramhaethphthuxwwekwiyn ihphrayaeyawepnaemthpherux aetlmphdimepnicthpheruxcungtamthphbkimthn phrayaramlksnaemthphbkidekhatiekhmrintxnklangkhun aetesiythithxyhnimathungthphihy insukniesiyphrayaxngkh oxng swrrkholkkbiphrphlxikcanwnmak sngkhramchangephuxk aekikh phraecabuerngnxngphukhrxngrachyepnphraecahngsawditxcakphraecataebngchaewti thraberuxngchangephuxk cungsngrachthutechiyphrarachsasnmakhxphrarachthanchangephuxksxngchang smedcphramhackrphrrdithrngihehtuphlechingptiesthephraathrngehndwykbphraraemswr phrayackri aelaphrasunthrsngkhram phraecabuerngnxngcungthuxsaehtunn ykkxngthphmatikrungsrixyuthya emux ph s 2106 dwykalngphlsxngaesnkhn cdepnthphkstriyhkthph idetriymthpheruxphrxmpunihykbcangchawoprtueksxasasmkhr 400 khn epnthharpunihy ihemuxngechiyngihmsnbsnunesbiyngxahar odylaeliyngmathangerux epliynesnthangedinthphmathangdanaemlaema ekhatihwemuxngfayehnuxkhxngithymatamladbephuxtdkalngthicaykmachwykrungsrixyuthyafaykrungsrixyuthyaetriymtwpxngknphrankhr odykhadwaphmacaykkalngmathangdanecdiysamxngkh thaihphraecabuerngnxngtiemuxngkaaephngephchr swrrkholk suokhthy phichy aelaphisnuolkid khrnlngmathungemuxngchynath kxngthphphmakidpathakbkxngthphkrungsrixyuthyakhxngphraraemswr aetfaykrungsrixyuthyatanthanimidtxngthxyklbekhakrungsrixyuthya kxngthphphmaidekhalxmkrungsrixyuthyaiw aelwradmyingpunihyekhainphrankhrthukwn cnrasdridrbkhwameduxdrxnaelaesiykhwy smedcphramhackrphrrdi txngesdcipecrcakbphraecabuerngnxng thiphlbphlabriewntablwdhnaphraemru kbwdhsdawas yxmepnimtri odyidmxbchangephuxk 4 chang phrxmkbphraraemswr phrayackri aelaphrasunthrsngkhramihaekphma odysmedcphramhackrphrrdithrngtxrxngkhxdinaednkhxngxyuthyathnghmdthiphraecabuerngnxngyudiwkhun phraecabuerngnxngkthwaykhunaetodydi caknnphmakthxyklbiphngsawdi sngkhramesiykrung aekikh in ph s 2111 phmaidykkxngthphihyecdkxngthphodymithphemuxngphisnuolkxyudwy mikalnghaaesnkhn edinthphekhamathangdanaemlaemaekhalxmkrungsrixyuthyaiwthngsidan odymungtihkekhamathangdanthistawnxxk singepndanthikhuemuxngaekhbsud aelaichkalngthangeruxpidknlanathangtxnit ephuximihfayithytidtxkbhwemuxngthangitaelatangpraethskhwamimsngbphayin aekikhkbtphrasrisilp aekikh praman ph s 2098 phrasrisilp phrarachoxrskhxngsmedcphraichyrachathirachkbthawsrisudacnthrmixayuid 14 pi smedcphramhackrphrrdithrngihbwchepnsamenrxyuthiwdrachpradisthanaetphrasrisilpklbwangaephnkxkbtaelathukcbid smedcphramhackrphrrdithrngimpraharaetihkhumtwiwthiwdthrrmikrachcnthung ph s 2104 phrasrisilpmixayukhrb 20 smedcphramhackrphrrdicaihxupsmbthepnphraphiksu phrarachphngsawdarchbbhlwngpraesrith klawwatxnnnbwchxyuthiwdmhathatu aetphrasrisilphniipsumphlxyutablmwngmdaedng cungrbsngihecaphrayamhaesnabdiiptamfayphrasrisilpcungykkxngthphmakxkbt ekhakrungsrixyuthyamainwnphvhsbdi aerm 14 kha eduxn 8 wnrungkhunphrasrisilpekhaphrarachwngidkhrngnnid aetphrasrisilptxngphraaesngpunsinphrachnminphrarachwng phuthimiswnrwminkarkxkarthnghmdthuknaippraharchiwitehtukarncungekhasuphawapkti kbtpttani aekikh hlngsngkhramchangephuxk musafar chah sultanaehngpttani ykthphmachwykrungsrixyuthya emuxkxngthphpttanimathungpakaemnaecaphraya praktwakxngthphphmaidlathxyxxkipaelw sultanmusafar chah idnakxngthphchawmlayuekhaipphkinkrungsrixyuthya inrahwangthiphkxyuinkrungsrixyuthyannidekidkhwamkhdaeyngkhunrahwangkxngthphmlayupttanikbkxngthphkrungsrixyuthya cungidekidkarsurbknkhun sultanmusafar chah nakxngthphekhayudphrarachwngid smedcphramhackrphrrdicungtxngesdchniipthiekaamhaphrahmnaelwcungrwbrwmkalngekhatitxbot kxngthphpttanitxngthxyrnxxkmathungpakxaw sultanmusafar chah sinphrachnmkhnaykthphklbphrasphthukfngiwrimfngaemnaecaphrayabriewnpakxaw txngkarxangxing phngsawli aekikhphrarachtrakulinsmedcphramhackrphrrdi smedcphrabrmrachathirachthi 2 ecasamphraya smedcphrabrmitrolknath phrarachthidainphramhathrrmrachathi 2 smedcphraramathibdithi 2 phrathidainrachwngsphrarwng smedcphramhackrphrrdi phrasnm impraktphranam xangxing aekikhechingxrrth 1 0 1 1 phrarachphngsawdarkrungsrixyuthya chbbphncnthnumas ecim hna 70 namanukrmphramhakstriyithy hna 105 phrarachphngsawdarkrungsrixyuthya chbbphncnthnumas ecim hna 67 phrarachphngsawdarkrungsrixyuthya chbbphncnthnumas ecim hna 68 5 0 5 1 phrarachphngsawdarkrungsrixyuthya chbbphncnthnumas ecim hna 69 brrnanukrmmulnithismedcphraethphrtnrachsuda namanukrmphramhakstriyithy krungethph mulnithismedcphraethphrtnrachsuda 2554 264 hna ISBN 978 616 7308 25 8 prachumphngsawdarphakhthi 82 eruxngphrarachphngsawdarkrungsyamcaktnchbbkhxngbritichmiwesiymkrunglxndxn krungethph phimphkhrngthi 2 krmsilpakr 2537 423 hna ISBN 974 419 025 6 phrarachphngsawdar chbbsmedcphraphnrtn wdphraechtuphn trwcsxbcharacakexksartwekhiyn krungethph xmrinthrphrinting aexnd phblichching 2558 558 hna hna 38 39 41 ISBN 978 616 92351 0 1 phrarachphngsawdarkrungsrixyuthya chbbphncnthnumas ecim aelaexksarxun nnthburi sripyya 2553 800 hna ISBN 978 616 7146 08 9duephim aekikhrayphranamphramhakstriyithykxnhna smedcphramhackrphrrdi thdipkhunwrwngsathirach ph s 2091 phraecakrungsrixyuthya ph s 2091 2108 khrngthi 1 ph s 2110 2111 2111 khrngthi 2 smedcphramhinthrathirach ph s 2111 2112 ekhathungcak https th wikipedia org w index php title smedcphramhackrphrrdi amp oldid 9530642, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม