บ้านสาขลา
บ้านสาขลา เป็นชุมชนเก่าแก่ซึ่งในปัจจุบันประกอบเป็นหมู่ที่ 3, 4, 5 และ 7 ของตำบลนาเกลือ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ
ประวัติ
จากหลักฐานทางโบราณวัตถุที่ค้นพบเป็นเศษเครื่องถ้วยชามประเภทต่าง ๆ พบเศษถ้วยชามสังคโลกที่อายุย้อนไปได้ถึงสมัยสุโขทัย เศษเครื่องถ้วยลายครามจากสมัยอยุธยา เครื่องถ้วยเบญจรงค์ในสมัยรัตนโกสินทร์ ซึ่งแสดงว่าเป็นชุมชนที่มีเศรษฐกิจมั่งคั่งหลายยุคหลายสมัย
กล่าวกันว่าชื่อบ้านสาขลาเพี้ยนมาจากชื่อ บ้านสาวกล้า เหตุเพราะครั้งหนึ่งในอดีตมีทหารพม่าเดินทัพผ่านมา แต่ผู้ชายในหมู่บ้านถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารที่อื่นกันหมด เหลือแต่ผู้หญิงและคนชรา ถึงกระนั้นชาวบ้านที่เหลือก็ร่วมมือกันสู้พม่าอย่างกล้าหาญจนชนะได้ หมู่บ้านนี้จึงมีชื่อเรียกว่า "หมู่บ้านสาวกล้า" ชุมชนมีวัดสาขลาที่สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2325
เหตุการณ์ที่สำคัญของหมู่บ้านสาขลานาเกลือ คือ เกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่เมื่อ พ.ศ. 2526 ต้นเพลิงอยู่บริเวณบ้านหัวเกาะ มีบ้านเรือนวอดวายไป 15–20 หลัง ไม่มีผู้เสียชีวิต ต่อมาในช่วง พ.ศ. 2537 ถนนคอนกรีตเสริมเหล็กกว้าง 8 เมตร ระยะทาง 7.5 กิโลเมตร สร้างแล้วเสร็จ โดยใช้เวลาสิบปีในการก่อสร้าง ทำให้การเดินทางด้วยเรือลดลง
ภูมิประเทศ
บ้านสาขลาเป็นที่ราบลุ่มปากแม่น้ำเจ้าพระยามีลำคลองหลายสายไหลผ่าน เช่น คลองยายบู่ เป็นต้น บริเวณที่ราบแบ่งออกเป็น 3 ตอน คือ บริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณตอนใต้ใกล้ทะเล และบริเวณที่ราบทางทิศเหนือและทิศตะวันตกมีน้ำทะเลท่วมถึง
ก่อน พ.ศ. 2495 ลักษณะดินบริเวณบ้านสาขลาสามารถปลูกพืชผักสวนครัวได้ดี ไม่มีน้ำท่วมและปัญหาการทรุดตัวของดิน จนเมื่อ พ.ศ. 2482 รัฐบาลได้ขุดสันดอนแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อเปิดเส้นทางเดินเรือเข้าสู่ท่าเรือคลองเตย จึงทำให้เกิดน้ำทะเลหนุนเข้ามาในคลองสรรพสามิต ทำให้คลองแยกจากคลองสรรพสามิตกว้างขึ้น และทำให้เกิดแอ่งน้ำที่เกิดจากชักน้ำทะเลเข้าทำนาเกลือและบางส่วนเกิดพื้นที่ชุ่มน้ำเนื่องจากทะเลหนุน ทำให้เกิดดินเค็ม พืชผักสวนครัวล้มตาย
เศรษฐกิจ
ก่อนการขุดสันดอนแม่น้ำเจ้าพระยา ชาวสาขลาประกอบอาชีพประมงชายฝั่ง จับกุ้ง หอย ปู ปลา มาขายในหมู่บ้านและส่งตลาดปากน้ำ บ้านสาขลายังเป็นแหล่งพักสินค้าไปจังหวัดสมุทรสาครและสมุทรสงคราม ผ่านคลองสรรพสามิต มีการชักน้ำทะเลมาทำนาเกลือ ส่งไปขายไปออกคลองขุนราชพินิจใจและจังหวัดสมุทรสาคร ต่อมาชาวบ้านได้เปลี่ยนอาชีพมาทำวังกุ้งและเลี้ยงปูทะเลซึ่งให้มูลค่ามากกว่า
ปัจจุบันหลังมีถนนคอนกรึตเสริมเหล็ก นอกจากส่งกุ้งปูขายและทำวังกุ้ง ชาวบ้านสามารถออกไปทำงานนอกพื้นที่ได้ เช่น พนักงานบริษัท รับจ้างทั่วไป เป็นต้น และหมู่บ้านสาขลาได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว ชมวิถีชีวิตชาวบ้านแบบเรียบง่ายและวัฒนธรรมดั้งเดิม ในชื่อ ตลาดโบราณบ้านสาขลา ของฝากขึ้นชื่อของหมู่บ้านสาขลาคือ กุ้งเหยียด ชมพระปรางค์เอียงของวัดสาขลา และนักท่องเที่ยวนั่งเรือออกไปชมป่าชายเลน
สังคมและวัฒนธรรม
ชาวบ้านสาขลาใช้ภาษาไทยกลาง แต่จะมีบางคำและบางสำเนียงเป็นภาษามอญ เช่น เรียกโอ่งว่า โพล่, เรียกตู้ว่า ฮั้ว, เรียกผ้าขาวม้าว่า ผ้ายี่โป คำลงท้ายจะลงด้วย นิ, เน่อะ และ ดี่
ประเพณีในหมู่บ้าน ได้แก่ ประเพณีแข่งเรือและประกวดเรือประเภทต่าง ๆ ในช่วงวันออกพรรษา ประเพณีแห่หลวงพ่อโตไปตามลำคลองสรรพสามิต มีการละเล่นอย่างการเล่นสะบ้าและการเข้าทรงผีกระด้ง
อ้างอิง
- "หมู่บ้านสาขลา". ไทยศึกษา.
- ↑ หนุ่มลูกทุ่ง. "สัมผัสประวัติศาสตร์ ดื่มด่ำธรรมชาติ ตามหาแผ่นดินที่หายไปใน "บ้านสาขลา"". ผู้จัดการออนไลน์.
- ทรงเกียรติ เที้ยธิทรัพย์. "เทคโนโลยีการก่อสร้างอาคารพักอาศัยที่เหมาะสม สำหรับพื้นที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา : กรณีศึกษา หมู่บ้านสาขลา ต.นาเกลือ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ" (PDF). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์.
- วลัยลักษณ์ ทรงศิริ. . มูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-07-22. สืบค้นเมื่อ 2022-01-05.
- "ตลาดโบราณ บ้านสาขลา".
- "บ้านสาขลา". กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา.
- สิรินาถ เรืองชีวิน. "แนวทางแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัย : กรณีศึกษาชุมชนบ้านสาขลา ตำบลนาเกลือ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ" (PDF). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์.