อะบูฏอลิบ อิบน์ อับดุลมุฏฏอลิบ
อะบูฏอลิบ อิบน์ อับดุลมุฏฏอลิบ (อาหรับ: ابو طالب بن عبد المطلب; ป. 539 – ป. 619) เป็นหัวหน้าเผ่าของบนูฮาชิม ในเผ่ากุเรชแห่งมักกะฮ์ หลังจากการเสียชีวิตของอับดุลมุฏฏอลิบ พ่อของเขา
อะบูฏอลิบ อิบน์ อับดุลมุฏฏอลิบ أَبُو طَالِب ٱبْن عَبْد ٱلْمُطَّلِب | |
---|---|
หัวหน้าเผ่าของกุเรช | |
ครองราชย์ | ป. ค.ศ. 578 - 619 |
ก่อนหน้า | อับดุลมุฏฏอลิบ อิบน์ ฮาชิม |
ถัดไป | อบูละฮับ อิบน์ อับดุลมุฏฏอลิบ |
คู่อภิเษก | ฟาฏิมะฮ์ บินต์ อะซัด |
พระราชบุตร | ฏอลิบ อิบน์ อบีฏอลิบ อะกีล อิบน์ อบีฏอลิบ ญะฟัร อิบน์ อบีฏอลิบ อะลี ฏุลัยก์ ฟาคิตะฮ์ บินต์ อบีฏอลิบ ญุมานะฮ์ บินต์ อบีฏลิบ ร็อยตะฮ์ บินต์ อบีฏอลิบ |
ประสูติ | ป. ค.ศ. 535 มักกะฮ์, ฮิญาซ (ปัจจุบันคือประเทศซาอุดีอาระเบีย) อิมรอน (عِمْرَان) หรือ อับดุลมะนาฟ (عَبْد مَنَاف) |
สวรรคต | ป. ค.ศ. 619 มักกะฮ์ |
อะบูฏอลิบเป็นลุงของศาสดา มุฮัมมัด และพ่อของอะลี นักวิชาการได้โต้เถียงกันว่าเขาเสียชีวิตในศาสนาอิสลามหรือไม่
ความสัมพันธ์กับมุฮัมมัด
อบูฏอลิบเป็นพี่ชายของอับดุลลอฮ์ อิบน์ อับดุลมุฏฏอลิบผู้เป็นพ่อของมุฮัมมัดที่เสียชีวิตก่อนที่มุฮัมมัดเกิด หลังจากอามีนะฮ์ บินต์ วาฮับแม่ของมุฮัมมัดเสียชีวิตตอนอายุ 6 ขวบ อับดุลมุฏฏอลิบจึงรับเลี้ยงต่อและเสียชีวิตตอนที่มุฮัมมัดอายุ 8 ขวบ อัล-ฮาริษไม่มีรายได้มากพอที่จะเลี้ยงดูเขา อบูฏอลิบจึงรับเลี้ยงเขาเพราะความเอื้ออาทรของเขา
มุฮัมมัดรักลุงคนนี้มาก และเขาก็รู้สึกเหมือนกัน ครั้งหนึ่งอบูฏอลิบกำลังจะไปค้าขาย มุฮัมมัดไม่อยากอยู่คนเดียว อบูฏอลิบจึงกล่าวว่า "ด้วยนามของพระเจ้า ฉันจะนำเขาไปด้วย และเราจะไม่แยกจากกัน"
ปกป้องมุฮัมมัด
ในสังคมเผ่า ความผูกพันของชนเผ่าเป็นสิ่งสำคัญ ไม่เช่นนั้นผู้คนจะถูกฆ่าตายโดยไม่ได้รับการยกเว้นโทษ ในขณะที่อบูฏอลิบ หัวหน้าเผ่าบนูฮาชิม ได้ปกป้องมุฮัมมัด หลังจากมุฮัมมัดเริ่มเผยแผ่อิสลามแบบเปิดเผย สมาชิกของเผ่ากุเรชรู้สึกเหมือนถูกทำร้าย จึงนำเรื่องไปบอกอบูฏอลิบให้มุฮัมมัดช่วยหยุดพฤติกรรมนี้เสียที แต่เขาปฏิเสธข้อเรียกร้องของพวกเขาและสนับสนุนมุฮัมมัดต่อไป ในอีกแง่หนึ่ง เผ่ากุเรชเริ่มทำร้ายบนูฮาชิมมากขึ้น ในบางรายงนกล่าวว่า อบูฏอลิบต้องการให้มุฮัมมัดไปพูดกับผู้นำชาวกุเรช แต่มุฮัมมัดได้เรียกร้องผู้นำชาวกุเรชให้กล่าวชาฮาดะฮ์ก่อน คำพูดนี้ทำให้ผู้นำชาวกุเรชตกใจมาก
ชาวกุเรชได้ทำทุกอย่างแม้กระทั่งการให้สินบน
ในเมื่อทุกอย่างล้มเหลวสิ้นเชิง ผู้นำเผ่าจึงลงมติคว่ำบาตรโดยไม่คบค้าและแต่งงานกับคนที่มีเชื้อสายบนูฮาชิม การคว่ำบาตรนี้เริ่มขึ้นในปีที่ 7 ในภารกิจของท่านศาสดาและมีระยะเวลาถึงสามปีโดยมีเป้าหมายคือเพิ่มแรงกดดันแก่บนูฮาชิมและแม้กระทั่งทำให้พวกเขาต้องหิวกระหายเพื่อความปลอดภัย สมาชิกจากบนูฮาชิมหลายคนจึงต้องอยู่ใกล้ขึ้นจนมีสภาพเหมือนสลัม แต่นี่ไม่ได้ทำลายมิตรภาพเพราะว่าพวกเขามีครอบครัวต่างเผ่าที่สามารถส่งสิ่งของจำเป็นมาได้ ทุกคนถูกย้ายหมด ยกเว้นอบูละฮับที่เข้าข้างพวกกุเรช และย้ายบ้านมาที่ถนนของอับดุลชาม และคิดว่ามุฮัมหมัดนั้นทั้งบ้าและหลอกลวง
การปกป้องมุฮัมมัดเป็นการเพิ่มแรงกดดันให้กับอบูฏอลิบและบนูฮาชิม ครั้งหนึ่งอบูฏอลิบกล่าวกับมุฮัมหมัดว่า "ช่วยปกป้องฉันและเธอด้วย และอย่าสร้างภาระอันหนักอึ้งที่ฉันรับไม่ได้เลย" มุฮัมมัดจึงตอบว่า "โอ้ท่านลุง! ด้วยนามของอัลลอฮ์ ฉันสาบานว่า ถ้าพวกเขานำดวงอาทิตย์ใส่มือขวา และนำดวงจันทร์ใส่มือซ้ายของฉัน ฉันจะไม่หยุดทำจนกว่าจะเสียชีวิตในหน้าที่" หลังจาดูความรู้สึกของหลานชายแล้ว เขาจึงพูดว่า "ทำในสิ่งที่เจ้าชอบต่อไป หลานชาย ในนามของพระเจ้า ฉันจะไม่หยุดช่วยเหลือเจ้า"
เสียชีวิต
อบูฏอลิบเสียชีวิตในปี ค.ศ.619 โดยมีอายุมากกว่า 80 ปี ประมาณ 10 ปีตั้งแต่มุฮัมมัดได้วะฮ์ยูครั้งแรก โดยปีนั้นเป็นที่รู้จักว่าปีแห่งความเศร้าโศกสำหรับมุฮัมหมัด เพราะอบูฏอลิบและเคาะดีญะฮ์เสียชีวิตในเดือนเดียวกัน
ก่อนที่อบูฏอลิบจะเสียชีวิต มุฮัมมัดขอให้เขาพูดชาฮาดะฮ์ ส่วนอีกรายงานกล่าวว่าอบูฏอลิบถูกชาวกุเรชบอกอย่ากล่าวชาฮาดะฮ์
และอีกรายงานกล่าวว่าขณะที่อบูฏอลิบกำลังเสียชีวิต อัล-อับบาสที่นั่งอยู่ใกล้เห็นเขาขยับริมฝีปาก และบอกว่าเขาได้บอกชาฮาดะฮ์แล้ว แต่มุฮัมมัดกล่าวว่าเขาไม่ได้ยิน ชาวมุสลิมบางคนเชื่อว่าหลักฐานนี้พิสูจน์ว่าเขาเสียชีวิตขณะที่เป็นมุสลิม แต่อย่างไรก็ตามรายงานส่วนใหญ่เขียนว่าอบูฏอลิบเสียชีวิตขณะที่เป็นพวกนอกศาสนา
หลังจากที่อบูฏอลิบเสียชีวิต มุฮัมมัดก็ไม่มีใครมาปกป้องเขา และอบูละฮับผู้นำคนใหม่ก็ไม่อยากปกป้องเขาเนื่องจากเป็นศัตรูกับเขา ดังนั้นมุฮัมมัดและผู้ติดตามจึงถูกทำร้ายและทรมานมากขึ้น จนมุฮัมมัดกล่าวว่า "ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ ชาวกุเรชได้ทำร้ายฉันมากขึ้นหลังจากที่อบูฏอลิบเสียชีวิต"
มุมมอง
ชีอะฮ์
ชาวชีอะฮ์เชื่อว่าเขาเป็นพ่อของอิหม่ามอะลี จึงสมควรมีฐานะพอ ๆ กันกับอะลี ชาวชีอะฮ์ได้ยกย่องอบูฏอลิบว่าเป็นผู้ปกป้องของมุฮัมหมัด มีหลายรายงานกล่าวว่าอบูฏอลิบเป็นมุสลิมอยู่แล้ว แต่เขาต้องปกปิดการศรัทธาของเขาเพื่อปกป้องมุฮัมมัดได้ดีกว่า
ชาวชีอะฮ์เชื่อว่าบรรพบุรุษของอบูฏอลิบเป็นมุสลิม เพราะเขาเป็นลูกหลานของอิสมาอิล อิบน์ อิบรอฮีม อย่างไรก็ตาม รายงานจากซูเราะฮ์ที่ 6 ,9 และ 19 ของอัลกุรอ่าน อะซัร พ่อของอิบรอฮีม (อาหรับ: أَب) นับถือลัทธิพหุเทวนิยม และเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธา นับตั้งแต่ อับ ถูกใช้ในฐานะลุงของชาวอาหรับ แต่ชาวชีอะฮ์บางคน บอกว่าอะซัรไม่ใช่พ่อแท้ ๆ ของอิบรอฮีม ส่วนพ่อแท้ ๆ ของท่านคือเตราห์ในคัมภีร์ไบเบิล ผู้ที่นับถือลัทธิพหุเทวนิยม
ซุนนี
ในฮะดีษของซอฮิหฺมุสลิมและบุคอรี กับอัลกุรอ่านซูเราะฮ์ที่28:56 ("แท้จริง เจ้าไม่สามารถที่จะชี้แนะทางที่ถูกต้องแก่ผู้ที่เจ้ารักได้ แต่อัลลอฮ์ทรงชี้แนะทางที่ถูกต้องแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และพระองค์ทรงรู้ดียิ่งถึงผู้ที่อยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง") เป็นหลักฐานว่าอบูฏอลิบปฏิเสธศาสนาอิสลามของหลานชาย
อีกรายงานจากอัล-มะดัยนีได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า "ฉันหวังว่าอบูฏอลิบจะเข้าอิสลามโดยศาสนทูตของพระเจ้าที่ชี้นำทางเขา แต่เขายังเป็นผู้ปฏิเสธ"
ครอบครัว
อบูฏอลิบแต่งงานกับฟาติมะฮ์ บินต์ อะสัด โดยมีลูกชาย 4 คน กับลูกสาว 3 คน ได้แก่:
- ฏอลิบ อิบน์ อบีฏอลิบ
- อะกีล อิบน์ อบีฏอลิบ
- ญะฟัร อิบน์ อบีฏอลิบ
- อะลี อิบน์ อบีฏอลิบ
- ฟากิตะฮ์ บินต์ อบีฏอลิบ (อุมม์ ฮานี)
- ญุมานะฮ์ บินต์ อบีฏอลิบ
- รัยตา บินต์ อบีฏอลิบ (อัสมา หรือ อุมม์ ฎอลิบ)
และภรรยาอีกคนชื่อว่า อิลลา โดยมีลูกชายคนที่ 5 ชื่อ: ตุลัยก์ อิบน์ อบีฏอลิบ
ดูเพิ่ม
- ครอบครัวต้นไม้ของอะลี
หมายเหตุ
อ้างอิง
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อDuas2013
- ↑ แม่แบบ:EI3
- Haykal, Muhammad Husayn (1976). The Life of Muhammad. North American Trust Publications. p. 54.
- Rubin, Uri (1995). The Eye of the Beholder. Princeton, New Jersey: Darwin Press, Inc. p. 93.
- The History of al-Tabari. Albany: State University of New York Press. 1988. p. 44.
- Armstrong, Karen (2000). Islam: A Short History. New York: Modern Library. p. 13.
- ↑ Rubin, Uri (1995). The Eye of the Beholder. Princeton, New Jersey: Darwin Press, Inc. p. 150.
- ↑ The History of al-Tabari. New York: State University Press. 1985. p. 95.
- The History of al-Tabari. New York: State University Press. 1985. p. 97.
- Haykal, Muhammad Husayn (1976). The Life of Muhammad. North American Trust Publications. p. 88.
- ↑ Armstrong, Karen (1993). Muhammad: A Biography of the Prophet. San Francisco: Harper Collins. p. 129.
- The History of al-Tabari. New York: State University Press. 1985. p. xliv.
- Lings, Martin (2006). Muhammad: His Life Based on the Earliest Sources. Rochester, Vermont: Inner Traditions. p. 90.
- Lings, Martin (2006). Muhammad: His Life Based on the Earliest Sources. Rochester, Vermont: Inner Traditions. p. 52.
- Haykal, Muhammad Husayn (1976). The Life of Muhammad. North American Trust Publications. p. 89.
- The History of al-Tabari. New York: State University Press. 1985. p. 96.
- Donner, Fred McGraw (1987). "The Death of Abu Talib". ใน John H. Marks; Robert M. Good (บ.ก.). Love and Death in the Ancient Near East. Guilford, Connecticut: Four Quarters. p. 245.
- Lings, Martin (2006). Muhammad: His Life Based on the Earliest Sources. Rochester, Vermont: Inner Traditions. p. 99.
- Rubin, Uri (1995). The Eye of the Beholder. Princeton, New Jersey: Darwin Press, Inc. p. 152.
- Haykal, Muhammad Husayn (1976). The Life of Muhammad. North American Trust Publications. p. 136.
- Armstrong, Karen (1993). Muhammad: A Biography of the Prophet. San Francisco: Harper Collins. p. 135.
- (150 Rubin)
- Donner, Fred McGraw (1987). "The Death of Abu Talib". ใน John H. Marks; Robert M. Good (บ.ก.). Love and Death in the Ancient Near East. Guilford, Connecticut: Four Quarters. p. 240.
- อัลกุรอาน 6:74–90
- อัลกุรอาน 9:113–114
- อัลกุรอาน 19:41–50
- Mohammad Taqi al-Modarresi (26 มีนาคม 2016). The Laws of Islam (PDF) (ภาษาEnglish). Enlight Press. ISBN 978-0994240989. สืบค้นเมื่อ 29 มกราคม 2018.CS1 maint: unrecognized language (link)
- "Was Azar the Father of Prophet Abraham?". Al-Islam.org (ภาษาอังกฤษ). Ahlul Bayt Digital Islamic Library Project. สืบค้นเมื่อ 12 สิงหาคม 2017.
- Book of Joshua, แม่แบบ:Bibleref2
- Stories of the Prophets, Ibn Kathir, Abraham and his father
- Diane Morgan (2010). Essential Islam: A Comprehensive Guide to Belief and Practice. ABC-CLIO. p. 114. ISBN 9780313360251.
- Muhammad Saed Abdul-Rahman (2009). The Meaning and Explanation of the Glorious Qur'an (Vol 7). MSA Publication Limited. p. 202. ISBN 9781861796615.
- Donner, Fred McGraw (1987). "The Death of Abu Talib". ใน John H. Marks; Robert M. Good (บ.ก.). Love and Death in the Ancient Near East. Guilford, Connecticut: Four Quarters. p. 238.
- Muhammad ibn Saad. Kitab al-Tabaqat al-Tabir. Translated by Haq, S. M. (1967). Ibn Sa'd's Kitab al-Tabaqat al-Kabir, Vol. I Parts I & II, pp. 135-136. Delhi: Kitab Bhavan.
- Muhammad ibn Saad. Kitab al-Tabaqat al-Tabir, vol. 8. Translated by Bewley, A. (1995). The Women of Madina, p. 35. London: Ta-Ha Publishers.