จังหวัดอุบลราชธานี
อุบลราชธานี มักจะเรียกกันด้วยชื่อสั้นๆ ว่า อุบลฯ อักษรย่อ อบ เป็นจังหวัดขนาดใหญ่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง มีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ 2 ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และอันดับที่ 5 ของประเทศไทย และมีประชากรมากเป็นอันดับ 3 ของประเทศ นับเป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีหลักฐานทั้งประวัติศาสตร์และโบราณคดีที่เก่าแก่ อาทิ ภาพเขียนสีที่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม และยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญหลายแห่ง ประเพณีที่ขึ้นชื่อของจังหวัดนี้คือแห่เทียนพรรษา มีพื้นที่อยู่ติดกับอำนาจเจริญ, ยโสธร, ศรีสะเกษ, ประเทศลาวและประเทศกัมพูชา
จังหวัดอุบลราชธานี | |
---|---|
จากซ้ายไปขวา บนลงล่าง:
| |
คำขวัญ: อุบลเมืองดอกบัวงาม แม่น้ำสองสี มีปลาแซ่บหลาย หาดทรายแก่งหิน ถิ่นไทยนักปราชญ์ ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามล้ำเทียนพรรษา ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์ ฉลาดภูมิปัญญาท้องถิ่น ดินแดนอนุสาวรีย์คนดีศรีอุบล | |
อักษรไทย | อุบลราชธานี |
อักษรโรมัน | Ubon Ratchathani |
ชื่อไทยอื่น ๆ | อุบล, อุบลราชธานีศรีวะนาไลประเทษราช |
การปกครอง | |
• ผู้ว่าราชการ | พงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ (ตั้งแต่ พ.ศ. 2564) |
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 15,774.00 ตร.กม. (6,090.38 ตร.ไมล์) |
อันดับพื้นที่ | อันดับที่ 5 |
ประชากร (พ.ศ. 2563) | |
• ทั้งหมด | 1,866,697 คน |
• อันดับ | อันดับที่ 2 |
• ความหนาแน่น | 118.34 คน/ตร.กม. (306.5 คน/ตร.ไมล์) |
• อันดับความหนาแน่น | อันดับที่ 44 |
รหัส ISO 3166 | TH-34 |
สัญลักษณ์ประจำจังหวัด | |
• ต้นไม้ | ยางนา |
• ดอกไม้ | บัว |
• สัตว์น้ำ | ปลาเทโพ |
ศาลากลางจังหวัด | |
• ที่ตั้ง | ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี ถนนแจ้งสนิท ตำบลแจระแม อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี 34000 |
• โทรศัพท์ | 0 4525 4539, 0 4531 9700 |
เว็บไซต์ | www |
จังหวัดอุบลราชธานีตั้งอยู่ในบริเวณแอ่งโคราช โดยมีลักษณะภูมิประเทศที่หลากหลายทั้งภูมิประเทศแบบที่ราบสูง ภูมิประเทศแบบภูเขาสลับซับซ้อนในชายแดนตอนใต้ โดยมีเทือกเขาที่สำคัญคือทิวเขาบรรทัดและทิวเขาพนมดงรัก มีแม่น้ำโขงกั้นระหว่างตัวจังหวัดและประเทศลาว และมีแม่น้ำสำคัญๆ ได้แก่ แม่น้ำมูลและแม่น้ำชี นอกจากนี้ยังมีลำน้ำที่สำคัญๆ หลายสาย อาทิ ลำเซบาย ลำเซบก ลำโดมใหญ่ ลำโดมน้อย
ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ส่วนมากนิยมประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลักโดยมีการทำนาข้าวและเพาะปลูกพืชไร่ชนิดต่าง ๆ เช่น ปอแก้ว มันสำปะหลัง ถั่วลิสง มีการเลี้ยงปศุสัตว์ และทำการประมงอยู่เล็กน้อย และยังมีอาชีพอื่นๆ ที่สำคัญด้วย อาทิ อุตสาหกรรมและการค้าการบริการ จังหวัดอุบลราชธานีได้รับขนานนามว่า" เมืองนักปราชญ์ เมืองศิลปินแห่งชาติ"[ต้องการอ้างอิง]
ประวัติศาสตร์
สมัยอยุธยาและธนบุรี
เมื่อปี พ.ศ. 2201–2228 เกิดวิกฤติทางการเมืองในนครเชียงรุ้ง เพราะกลุ่มจีนฮ่อธงขาวได้ยกกำลังเข้าปล้นเมืองและเข่นฆ่าผู้คน เจ้านครเชียงรุ้งคือ เจ้าอินทกุมาร เจ้านางจันทกุมารี และ เจ้าปางคำ (เจ้าปางคำได้อพยพไพร่พลมาสร้างเมืองที่หนองบัวลุ่มภูอยู่ก่อนแล้ว ต่อมาจึงได้เสด็จขึ้นไปรับเอาเจ้าทั้งสององค์นั้นแลไพร่พล อพยพมาอยู่ด้วยที่หนองบัวลุ่มภู) ได้อพยพไพร่พลมาขอพึ่งบารมีพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราชของเวียงจันทน์ พระเจ้าล้านช้างเวียงจันทน์จึงโปรดให้นำไพร่พลไปตั้งเมืองที่หนองบัวลุ่มภู (ปัจจุบันเป็นจังหวัดหนองบัวลำภู) โดยตั้งชื่อเมืองว่า "นครเขื่อนขันธ์ กาบแก้วบัวบาน"
ต่อมาพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช ให้เจ้าปางคำเสกสมรสกับพระราชนัดดามีโอรส คือ เจ้าพระตา (เจ้าพระวรปิตา) และเจ้าพระวอ (เจ้าพระวรราชภักดี) ซึ่งมีความสำคัญต่อเมืองอุบลราชธานีอย่างยิ่ง เพราะต่อมา พ.ศ. 2314 เกิดสงครามระหว่างเวียงจันทน์กับเมืองหนองบัวลุ่มภู โดยพระเจ้าสิริบุญสาร พระเจ้าแผ่นดินอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ เกิดความขัดแย้งกับเจ้าพระตา เจ้าพระวอ แม้ว่าเจ้าพระตาเจ้าพระวอจะได้เคยให้ความช่วยเหลือเจ้าสิริบุญสาร เมื่อครั้งเกิดการแย่งชิงราชบัลลังก์ในล้านช้างเวียงจันทน์ ด้วยการให้ที่พักพิงและหลบราชภัยในเมืองหนองบัวลุ่มภู(นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน) นานกว่าสิบปี ทั้งยังช่วยยกทัพไปชิงบัลลังก์ล้านช้างเวียงจันทน์จากเจ้านอง (น้องชายต่างบิดาของเจ้าชมพูซึ่งเป็นลูกของพี่ชายของพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช) มาให้แก่เจ้าสิริบุญสารจนได้นั่งเมืองเป็นพระเจ้าล้านช้างเวียงจันทน์ แต่เจ้าสิริบุญสารต้องการมีอำนาจเหนือดินแดนที่แวดล้อมล้านช้างเวียงจันทน์ (ล้านช้างหลวงพระบาง-เมืองหนองบัวลุ่มภู) และมีความระแวงเมืองหนองบัวลุ่มภู ที่มีไพร่พลมาก และมีกำลังทัพที่เก่งกาจสามารถ อีกทั้งเจ้าพระตาเจ้าพระวอ เป็นเชื้อเครือญาติกับพระเจ้าล้านช้างหลวงพระบาง (เจ้ากิ่งกิสราช) ซึ่งมีเชื้อสายเจ้าไทลื้อเมืองเชียงรุ้งสิบสองปันนาเหมือนกัน และได้เคยช่วยเหลือกันมา จากเมื่อคราวที่เกิดการแย่งชิงราชบัลลังก์ในล้านช้างเวียงจันทน์ เจ้าพระตา เจ้าพระวอ ได้พาเจ้าอินทกุมาร เจ้ากิ่งกิสราชและเจ้าอินทโสมไปหลบราชภัยที่เมืองล่าเมืองพงสิบสองปันนา แลล้านช้างหลวงพระบางและล้านช้างเวียงจันทน์ก็เป็นอริต่อกัน ด้วยความหวาดระแวงและการไร้ซึ่งจิตสำนึกต่อผู้มีพระคุณที่ได้ช่วยเหลือตนมาของเจ้าสิริบุญสาร พระองค์จึงต้องการมีอำนาจเหนือเมืองหนองบัวลุ่มภูแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด โดยเจ้าสิริบุญสารได้ขอให้เจ้าพระตาและเจ้าพระวอไปช่วยรักษาการที่ด่านบ้านหินโงมและได้ขอบุตรธิดาของเจ้าพระตา เจ้าพระวอ ไปเป็นนางห้ามและนางสนม (เพื่อเป็นตัวประกันอย่างธรรมเนียมเมืองขึ้นในสมัยนั้น) แต่เจ้าพระตา เจ้าพระวอ ไม่ยอมยกให้ เพราะเมืองหนองบัวลุ่มภูมิได้เป็นเมืองขึ้นแก่เวียงจันทน์ เจ้าพระตาและเจ้าพระวอจึงยกทัพกลับเมืองหนองบัวลุ่มภู ทำให้เจ้าสิริบุญสารใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างยกกองทัพมาตีเมืองหนองบัวลุ่มภู เจ้าพระตา เจ้าพระวอ ยกกองทัพออกต่อสู้จนกองทัพเวียงจันทน์แตกพ่ายกลับไปหลายครั้ง
สงครามระหว่างเวียงจันทน์กับเมืองหนองบัวลุ่มภู ต่อสู้กินเวลายาวนานถึง 3 ปี ไม่มีผลแพ้ชนะกัน พระเจ้าสิริบุญสารได้ส่งทูตไปขอกองทัพพม่าที่เมืองนคร เชียงใหม่ ให้มาช่วยตีเมืองหนองบัวลุ่มภู โดยมีเงื่อนไขเวียงจันทน์ยอมเป็นเมืองขึ้นของพม่า กองทัพพม่าที่เมืองเชียงใหม่ จึงให้ม่องระแง คุมกองทัพมาช่วยเจ้าสิริบุญสารรบ เมื่อฝ่ายเจ้าพระตาทราบข่าวศึก คะเนคงเหลือกำลังที่จะต้านศึกกองทัพใหญ่กว่าไว้ได้ จึงให้เจ้าคำโส เจ้าคำขุย เจ้าก่ำ เจ้าคำสิงห์ พาไพร่พล คนชรา เด็ก ผู้หญิง พร้อมพระสงฆ์ อพยพมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อหาที่สร้างบ้านแปลงเมืองใหม่ไว้รอท่า หากแพ้สงครามจะได้อพยพติดตามมาอยู่ด้วย
โดยแรกได้มาตั้งเมืองที่บ้านสิงห์โคก บ้านสิงห์ท่า (ปัจจุบันคือจังหวัดยโสธร) และการสู้รบในครั้งสุดท้าย เจ้าพระตาถึงแก่ความตายในสนามรบ เจ้าพระวอผู้เป็นบุตรชายคนโต พร้อมด้วยพี่น้องคือ นางอุสา นางสีดา นางแสนสีชาด นางแพงแสน เจ้าคำผง เจ้าทิตพรหม และนางเหมือนตา ได้หลบหนีออกจากเมืองมารับเสบียงอาหารจากบ้านสิงห์โคก สิงห์ท่า แล้วผ่านลงไปตั้งเมืองที่ "ดอนมดแดง" พร้อมขอพึ่งพระเจ้าองค์หลวงไชยกุมาร แห่งนครจำปาศักดิ์ ฝ่ายเจ้าสิริบุญสารทราบข่าวการตั้งเมืองใหม่ จึงให้อัคฮาดหำทอง และพญาสุโพ ยกกองทัพมาตีเจ้าพระวอสู้ไม่ได้ และเสียชีวิตในสนามรบ เจ้าคำผงผู้น้องจึงขึ้นเป็นหัวหน้ากลุ่ม พร้อมมีใบบอกลงไปที่เมืองนครราชสีมา และกรุงธนบุรี เพื่อขอพึ่งบารมีพระเจ้ากรุงธนบุรี ซึ่งให้เจ้าพระยาจักรี (ทองด้วง) และเจ้าพระยาสุรสีห์ (บุญมา) ยกกองทัพมาช่วยเจ้าคำผง ด้านพญาสุโพรู้ข่าวศึกของเจ้ากรุงธนบุรี จึงสั่งถอยทัพกลับเวียงจันทน์ แต่เจ้าพระยาจักรีและเจ้าพระยาสุรสีห์ ได้เดินทัพติดตามทัพเวียงจันทน์ จนสามารถเข้ายึดเมืองได้สำเร็จ จึงได้อัญเชิญพระแก้วมรกต พร้อมคุมตัวเจ้าสิริบุญสารไปกรุงธนบุรี ส่วนเจ้าคำผงหลังเสร็จศึกได้กลับไปตั้งเมืองอยู่ที่ดอนมดแดงเหมือนเดิม
จนกระทั่งใน พ.ศ. 2319 เกิดน้ำท่วมใหญ่ เจ้าคำผงจึงอพยพไพร่พลไปอยู่ที่ดอนห้วยแจระแม (ปัจจุบัน คือบ้านท่าบ่อ) รอจนน้ำลด แล้วในปีถัดมา ได้หาทำเลที่ตั้งเมืองใหม่ที่ที่ตำบลบ้านร้าง เรียกว่าดงอู่ผึ้ง ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำมูลอันเป็นที่ตั้งของจังหวัดอุบลราชธานีในปัจจุบัน พร้อมกับได้สร้างพระอารามหลวงขึ้นเป็นวัดแรก
ต่อมา พ.ศ. 2322 พระเจ้ากรุงธนบุรี โปรดเกล้าฯให้เจ้าพระยาราชสุภาวดี เชิญท้องตราขึ้นมาตั้งเป็นเมืองอุบลราชธานี พร้อมให้เจ้าคำผงเป็นเจ้าเมืองในราชทินนาม "พระประทุมราชวงศา" เจ้าทิตพรหมเป็นพระอุปฮาด เจ้าก่ำเป็นราชวงศ์ เจ้าสุดตาเป็นราชบุตร โดยเป็นคณะอาญาสี่ชุดแรกของเมืองอุบลราชธานี
สมัยรัตนโกสินทร์
ใน พ.ศ. 2334 เกิดขบถอ้ายเชียงแก้วเขาโอง ยกกำลังมาตีเมืองนครจำปาศักดิ์ เจ้าฝ่ายหน้าผู้น้องพระประทุมราชวงศาได้ยกกำลังไปรบ สามารถจับอ้ายเชียงแก้วได้ และทำการประหารชีวิตที่บริเวณแก่งตะนะ และในวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2335 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาเมืองอุบลขึ้นเป็นเมืองประเทศราช แต่งตั้งให้พระประทุมราชวงศาเป็นพระประทุมวรราชสุริยวงศ์ (คำผง) ซึ่งนับเป็นเจ้าเมืองอุบลราชธานีศรีวนาลัยประเทศราชคนแรก อีกทั้งยังพระราชทานพระสุพรรณบัตร และเครื่องยศเจ้าเมืองประเทศราช พร้อมทำพิธีสบถสาบานถือน้ำพิพัฒน์สัตยา ต่อมาใน พ.ศ. 2338 พระพรหมวรราชสุริยวงศ์ (ทิดพรหม) น้องชายเจ้าพระประทุม ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองอุบลราชธานีคนต่อมา รวมมีเจ้าเมืองอุบลราชธานี ที่พระมหากษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งทั้งสิ้น 4 ท่าน
ภายหลังการก่อตั้งเมืองอุบลราชธานีแล้ว ก็ได้มีการตั้งเมืองสำคัญในเขตปกครองของจังหวัดอุบลราชธานีขึ้นอีกหลายเมือง ดังนี้
- พ.ศ. 2357 โปรดฯ ให้ตั้งบ้านโคกพเนียง เป็นเมืองเขมราฐธานี
- พ.ศ. 2366 ยกบ้านนาคอขึ้นเป็นเมืองโขงเจียง (โขงเจียม) โดยขึ้นกับนครจำปาศักดิ์
- พ.ศ. 2388 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกบ้านช่องนางให้เป็นเมืองเสนางคนิคม และยกบ้านน้ำโดมใหญ่ขึ้นเป็นเมืองเดชอุดม ให้หลวงอภัยเป็นหลวงยกบัตรหลวงมหาดไทยเป็นหลวงปลัด ตั้งหลวงธิเบศร์เป็นพระศรีสุระ เป็นเจ้าเมือง รักษาราชการแขวงเมืองเดชอุดม
- พ.ศ. 2390 ตั้งบ้านดงกระชุหรือบ้านไร่ ขึ้นเป็นเมืองบัวกัน ต่อมาได้เปลี่ยนมาเป็นเมืองบัวบุณฑริก หรืออำเภอบุณฑริกในปัจจุบัน
- พ.ศ. 2401 ตั้งบ้านค้อใหญ่ให้เป็นเมือง ขอแต่งตั้งท้าวจันทบรมเป็นพระอมรอำนาจและเป็นเจ้าเมือง ตั้งท้าวบุตตะเป็นอุปฮาด และให้ท้าวสิงหราชเป็นราชวงศ์ นอกจากนี้ยังให้ท้าวสุริโยซึ่งเป็นราชบุตรรักษาราชการเมืองอำนาจเจริญขึ้นกับเมืองเขมราฐ
- พ.ศ. 2406 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งบ้านกว้างลำชะโด เป็นเมืองพิบูลมังสาหาร โดยตั้งท้าวธรรมกิติกา (จูมมณี)เป็นพระบำรุงราษฎร์และเป็นเจ้าเมือง และให้ตั้งบ้านสะพือเป็นเมืองตระการพืชผล โดยตั้งท้าวสุริยวงษ์ เป็นพระอมรดลใจและเป็นเจ้าเมือง
- พ.ศ. 2422 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งบ้านท่ายักขุเป็นเมืองชานุมานมณฑล และให้ตั้งบ้านเผลา (บ้านพระเหลา) เป็นเมืองพนานิคม
- พ.ศ. 2423 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งบ้านนากอนจอ เป็นเมืองวารินชำราบ
- พ.ศ. 2424 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งบ้านจันลานาโดม เป็นเมืองโดมประดิษฐ์ (ปัจจุบันเป็นหมู่บ้านที่อำเภอน้ำยืน)
- พ.ศ. 2425 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งบ้านทีเป็นเมืองเกษมสีมา ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็นอำเภอม่วงสามสิบ
จากเหตุการณ์ก่อตั้งเมืองทั้งหมดนี้ ส่งผลให้อุบลราชธานีเป็นเมืองที่มีเขตการปกครองอย่างกว้างขวางที่สุด ครอบคลุมพื้นที่ราบทางด้านตะวันออกของภาคอีสานตอนล่าง อีกทั้งยังมีแม่น้ำสายสำคัญถึง 3 สายด้วยกัน คือ แม่น้ำชี แม่น้ำมูล และแม่น้ำโขง นอกจากนี้ยังมีแม่น้ำสายเล็ก ๆ ที่มีกำเนิดจากเทือกเขาในพื้นที่ เช่น ลำเซบก ลำเซบาย ลำโดมใหญ่ เป็นต้น โดยแม่น้ำทั้งหลายเหล่านี้ไหลผ่านที่ราบทางด้านเหนือและทางด้านใต้เป็นแนวยาวสู่ปากแม่น้ำมูลและแม่น้ำโขง ให้ความอุดมสมบูรณ์ให้แก่พื้นที่ในบริเวณแถบนี้ทั้งหมด ทำให้เกิดสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมแก่การดำรงชีวิตของมนุษย์และสัตว์มาแต่ โบราณกาล
ใน พ.ศ. 2476 ได้มีการยกเลิกมณฑลทั้งประเทศ จังหวัดอุบลราชธานีซึ่งแยกออกมาจากมณฑลนครราชสีมาในขณะนั้น ได้กลายเป็นจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย หลังจากนั้นจังหวัดอุบลราชธานีก็ได้ถูกแบ่งออก
ใน พ.ศ. 2515 อำเภอยโสธรและอำเภอใกล้เคียงถูกแยกเป็นจังหวัดยโสธร และต่อมาใน พ.ศ. 2536 ได้ถูกแบ่งอีกครั้ง โดยอำเภออำนาจเจริญและอำเภอใกล้เคียงถูกแยกเป็นจังหวัดอำนาจเจริญ
ปัจจุบันจังหวัดอุบลราชธานีมีพื้นที่เป็นอันดับ 5 ของไทย และมีประชากรลำดับที่ 3 ของประเทศ
ภูมิศาสตร์
อาณาเขต
- ทิศเหนือ ติดต่อกับจังหวัดอำนาจเจริญและประเทศลาว
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับแขวงจำปาศักดิ์ (ประเทศลาว) โดยพรมแดนบางช่วงใช้แม่น้ำโขงเป็นตัวกำหนด
- ทิศใต้ ติดต่อกับจังหวัดพระวิหาร (ประเทศกัมพูชา)
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดศรีสะเกษและจังหวัดยโสธร
แนวพรมแดนติดต่อกับประเทศลาวและกัมพูชา รวมความยาวประมาณ 428 กิโลเมตร
- ติดต่อกับประเทศลาว 361 กิโลเมตร (จากอำเภอเขมราฐถึงอำเภอน้ำยืน ติดต่อกับแขวงสุวรรณเขต แขวงสาละวัน และแขวงจำปาศักดิ์)
- ติดต่อกับประเทศกัมพูชา 67 กิโลเมตร (อำเภอน้ำยืน ติดต่อกับจังหวัดพระวิหาร ประเทศกัมพูชา)
ภูมิประเทศ
จังหวัดอุบลราชธานีตั้งอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า แอ่งโคราช โดยสูงจากระดับน้ำทะเลเฉลี่ยประมาณ 120-140 เมตร (395-460 ฟุต) ลักษณะโดยทั่วไปเป็นที่สูงต่ำ เป็นที่ราบสูงลาดเอียงไปทางตะวันออกมีแม่น้ำโขง เป็นแนวเขตกั้นจังหวัดอุบลราชธานีกับประเทศลาว มีแม่น้ำชีไหลมาบรรจบกับแม่น้ำมูลซึ่งไหลผ่านกลางจังหวัดจากทิศตะวันตกมายังทิศตะวันออกแล้วไหลลงสู่แม่น้ำโขงที่อำเภอโขงเจียม และมีลำน้ำใหญ่ๆ อีกหลายสาย ได้แก่ ลำเซบาย ลำเซบก ลำโดมใหญ่ ลำโดมน้อย ห้วยตุงลุง และมีภูเขาสลับซับซ้อนหลายแห่งทางบริเวณชายแดนตอนใต้ ที่สำคัญคือ ทิวเขาบรรทัดและทิวเขาพนมดงรัก ซึ่งกั้นอาณาเขตระหว่างจังหวัดอุบลราชธานีกับประเทศลาวและประเทศกัมพูชา
ลักษณะภูมิสัณฐานของจังหวัดอุบลราชธานี แบ่งออกโดยสังเขป ดังนี้
- บริเวณที่เป็นสันดินริมน้ำ เกิดจากตะกอนลำน้ำที่พัดพามาทับถม สภาพพื้นที่เป็นเนินสันดินริมฝั่งแม่น้ำโขง และบางบริเวณสันดินริมฝั่งลำเซบาย
- บริเวณที่เป็นแบบตะพักลำน้ำ ที่เกิดจากการกระทำของขบวนการของน้ำนานมาแล้ว ประกอบด้วยบริเวณที่เป็นลานตะพักลำน้ำระดับต่ำ ระดับกลาง และระดับสูง ลักษณะพื้นที่ที่มีทั้งที่เป็นที่ราบแบบลูกคลื่นลอนลาดจนถึงลูกคลื่นลอนชัน จะอยู่ถัดจากบริเวณที่ราบลุ่มน้ำท่วมถึงขึ้นมา พื้นที่เหล่านี้จะพบในบริเวณทั่วไปของจังหวัด กล่าวคือทางตอนเหนือ ทางตะวันออก และทางใต้ บางแห่งใช้สำหรับทำนาและบางแห่งใช้สำหรับปลูกพืชไร่
- บริเวณที่เป็นแอ่งหรือที่ลุ่ตวมต่ำหลังลำน้ำ เกิดจากการกระทำของน้ำ พบบางแห่งในบริเวณริมแม่น้ำโขง แม่น้ำชี ลำเซบาย และลำโดมใหญ่ จะมีน้ำแช่ขังนานในฤดูฝน
- กำลังของน้ำจะมีมากจนสามารถพัดพาเอาตะกอนเหล่านั้นออกมานอกหุบเขาได้ เมื่อมาถึงนอกหุบเขาหรือเชิงเขา สภาพพื้นที่ก็จะเป็นที่ราบทางน้ำไหลกระจายออกไป ทำให้กำลังของน้ำลดลง ก็จะตกตะกอนในบริเวณน้ำ จะพบอยู่ทางตอนใต้และทางตะวันตกของจังหวัด
- บริเวณที่เป็นเนินที่เกิดจากการไหลของธารลาวา เป็นเนินเขาที่เกิดจากการไหลของธารลาวา ดินบริเวณนี้จะมีศักยภาพทางการเกษตรสูง ซึ่งเป็นผลจากการสลายตัวผุพังของหินบะซอลต์ บริเวณนี้จะพบอยู่ในอำเภอน้ำยืน
- บริเวณที่ลาดเชิงเขา เป็นที่ลาดเชิงเขาที่ตะกอนบริเวณที่เกิดจากการกระทำของน้ำนานมาแล้วทับถมกัน บริเวณนี้จะพบอยู่ในอำเภอโขงเจียม อำเภอพิบูลมังสาหาร อำเภอศรีเมืองใหม่ และอำเภอตระการพืชผล
- บริเวณที่ลาดเชิงซ้อน ลักษณะเป็นภูเขาหรือทิวเขามีความลาดชันมากกว่า 35 เปอร์เซ็นต์ จะพบบริเวณทิวเขาพนมดงรักในอำเภอน้ำยืน อำเภอนาจะหลวย และอำเภอบุณฑริก อีกแห่งหนึ่งคือ ทิวเขาภูเขาซึ่งจะพบมากในอำเภอโขงเจียมและอำเภอศรีเมืองใหม่
ภูมิอากาศ
- ฤดูฝน จะเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเรื่อยไปจนถึงปลายเดือนตุลาคม และมักปรากฏเสมอว่าฝนทิ้งช่วงในเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคม แต่ระยะเวลาการทิ้งช่วงมักจะไม่เหมือนกันในแต่ละปี
- ฤดูหนาว เนื่องจากเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกสุดของประเทศ ทำให้ได้รับอิทธิพลลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือก่อนภูมิภาคอื่น อุณหภูมิจะเริ่มลดต่ำลงตั้งแต่เดือนตุลาคมและจะสิ้นสุดปลายเดือนมกราคม
- ฤดูร้อน ถึงแม้ว่าเคยปรากฏบ่อยครั้งว่าอากาศยังคงหนาวเย็นยืดเยื้อมาจนถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ โดยส่วนใหญ่แล้วอากาศจะ เริ่มอบอ้าว ในเดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงประมาณต้นเดือนพฤษภาคมซึ่งอาจจะมีฝน เริ่มตกอยู่บ้างในปลายเดือนเมษายน
ทรัพยากร
ทรัพยากร ดิน จ.อุบลราชธานี เป็นจังหวัดที่มีเนื้อที่กว้างใหญ่และมีประชากรมาก ดินเป็นทรัพยากรคิด เป็นร้อยละ 86.6 ของพื้นที่ทั้งจังหวัด หรือประมาณ 10,299,063 ไร่ ด้านป่าไม้มีทั้งป่าเต็งรัง หรือป่าแดงมีอยู่ทั่วไป มีเขตป่าดงดิบในเขตอำเภอน้ำยืน และป่าผสม ส่วนป่าเบญจพรรณมีอยู่ในอำเภอเขมราฐ อำเภอบุณฑริก และอำเภอพิบูลมังสาหาร ไม้ส่วนใหญ่เป็นไม้กระยาเลย ได้แก่ ไม้ยาง ไม้ตระแบก ไม้แดง ไม้ประดู่ ไม้เคี่ยม ไม้ชุมแพรก ไม้กันเกรา สภาพพื้นที่ป่าไม้จากการสำรวจเมื่อปี 2538 มีเนื้อป่าประมาณ 2,495 ตร.กม. หรือประมาณ 1.56 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 15.49 ของเนื้อที่ทั้งหมดของจังหวัดอุบลราชธานี สำหรับพื้นที่ป่าไม้ของจังหวัดอุบลราชธานี แบ่งได้ดังนี้ ป่าถาวร ตามมติ ครม.จำนวน 1 ป่า เนื้อที่ 77,312.50 ไร่ ป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 46 ป่า เนื้อที่ 3,396,009.163 ไร่ พื้นที่ป่า สปก. จำนวน 40 ป่า เนื้อที่ 1,665,543.30 ไร่ ป่าอนุรักษ์ ตาม มติ ครม. จำนวน 10 ป่า เนื้อที่ 1,439,998.402 ไร่ ป่าอนุรักษ์ตามกฎหมาย จำนวน 5 ป่า เนื้อที่ 880,220.00 ไร่ สวนป่า จำนวน 15 ป่า เนื้อที่ 20,985.73 ไร่ พื้นที่ป่าธรรมชาติ (รวม จ.อำนาจเจริญ) เนื้อที่ 24,292,656 ไร่
แร่ธาตุ จากการสำรวจของกรมทรัพยากรธรณี พบว่า จังหวัดอุบลราชธานีมีแร่อโลหะเพียงชนิดเดียว คือ เกลือหิน ซึ่งเจาะพบแล้ว 2 แห่งคือ อำเภอเมืองอุบลราชธานีและอำเภอตระการพืชผล นอกจากนี้ มีทรัพยากรแร่ที่อยู่ในรูปของหินชนิดต่าง ๆ อีกมากมาย สำหรับแหล่งน้ำธรรมชาติที่สำคัญคือ แม่น้ำโขง แม่น้ำมูล แม่น้ำชี ลำเซบก ลำเซบาย ลำโดมใหญ่ ลำโดมน้อย และห้วยตุงลุง
การเมืองการปกครอง
การปกครองส่วนภูมิภาค
จังหวัดอุบลราชธานีแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 25 อำเภอ 219 ตำบล 2704 หมู่บ้าน ได้แก่
|
|
การปกครองส่วนท้องถิ่น
มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหมด 239 องค์กรแบ่งออกเป็น 1 เทศบาลนคร 4 เทศบาลเมือง 39 เทศบาลตำบล 1 องค์การบริหารส่วนจังหวัด และ 194 องค์การบริหารส่วนตำบล โดยมีรายชื่อเทศบาลดังนี้
อำเภอเมือง
อำเภอพิบูลมังสาหาร
อำเภอวารินชำราบ
อำเภอเดชอุดม
| อำเภอศรีเมืองใหม่
อำเภอโขงเจียม
อำเภอเขื่องใน
อำเภอเขมราฐ
อำเภอนาจะหลวย
อำเภอน้ำยืน
อำเภอบุณฑริก
อำเภอสำโรง
| อำเภอตระการพืชผล
อำเภอกุดข้าวปุ้น
อำเภอม่วงสามสิบ อำเภอตาลสุม อำเภอโพธิ์ไทร
อำเภอสิรินธร
อำเภอนาเยีย
อำเภอเหล่าเสือโก้ก
อำเภอสว่างวีระวงศ์
อำเภอน้ำขุ่น
|
รายชื่อเจ้าเมืองและผู้ว่าราชการจังหวัด
ชื่อ | วาระการดำรงตำแหน่ง |
---|---|
เจ้าเมืองอุบลราชธานีศรีวะนาไลประเทษราช | |
1. พระปทุมวรราชสุริยวงศ์ (เจ้าคำผง ณ อุบล ) | พ.ศ. 2335–2338 |
2. พระพรหมวรราชสุริยวงศ์ (เจ้าทิดพรหม พรหมวงศานนท์ ) | พ.ศ. 2338–2388 |
3. เจ้าราชบุตรสุ้ย | ถึงแก่อนิจกรรมที่กรุงเทพฯ ก่อนมาดำรงตำแหน่ง |
4. พระพรหมราชวงศา (กุทอง สุวรรณกูฏ) | พ.ศ. 2388–2409 |
5. เจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงศ์ (เจ้าหน่อคำ) | พ.ศ. 2409–2425 |
ผู้ดำรงตำแหน่งปลัดมณฑล และผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี | |
6. หลวงจินดารัตน์ | พ.ศ. 2425–2426 |
7. พระยาศรีสิงหเทพ (ทัด ไกรฤกษ์) | พ.ศ. 2426–2430 |
8. พระยาภักดีณรงค์ (สิน ไกรฤกษ์) | ไม่ทราบข้อมูล |
9. พระโยธีบริรักษ์ (เคลือบ ไกรฤกษ์) | ไม่ทราบข้อมูล |
10. พระอุบลเดชประชารักษ์ (เสือ ณ อุบล) | ไม่ทราบข้อมูล |
11. พระอุบลการประชานิตย์ (บุญชู พรหมวงศานนท์) | ไม่ทราบข้อมูล |
12. หม่อมอมรวงษ์วิจิตร (หม่อมราชวงศ์ปฐม คเนจร) | พ.ศ. 2450–2451 |
13. อำมาตย์เอกพระภิรมย์ราชา (พร้อม วาจรัต) | พ.ศ. 2456–2458 |
14. อำมาตย์เอกพระยาปทุมเทพภักดี (อ่วม บุณยรัตพันธุ์) | พ.ศ. 2458–2465 |
15. อำมาตย์โทพระยาปทุมเทพภักดี (ธน ณ สงขลา) | พ.ศ. 2465–2469 |
16. อำมาตย์เอกพระยาตรังคภูมาภิบาล (เจิม ปันยารชุน) | พ.ศ. 2469–2471 |
17. อำมาตย์โทพระยาสิงหบุรานุรักษ์ (สวาสดิ์ บุรณสมภพ) | พ.ศ. 2471–2473 |
18. อำมาตย์โทพระยาประชาศรัยสรเดช (ถาบ ผลนิวาส) | พ.ศ. 2473–2476 |
19. พ.ต.อ.พระขจัดทารุณกรรม (เงิน หนุนภักดี) | พ.ศ. 2476–2478 |
20. อำมาตย์เอกพระปทุมเทวาภิบาล (เยี่ยม เอกสิทธิ์) | พ.ศ. 2478–2481 |
21. อำมาตย์เอกพระยาอนุบาลพายัพกิจ (ปุ่น อาสนจินดา) | พ.ศ. 2481 |
22. อำมาตย์เอกพระพรหมนครานุรักษ์ (ฮกไถ่ พิศาลบุตร) | พ.ศ. 2481–2482 |
23. อำมาตย์โทพระยาอนุมานสารกรรม (โต่ง สารักคานนท์) | พ.ศ. 2482–2483 |
24. พ.ต.อ.พระกล้ากลางสมร (มงคล หงษ์ไกร) | พ.ศ. 2483–2484 |
25. หลวงนครคุณูปถัมภ์ (หยวก ไพโรจน์) | พ.ศ. 2484–2487 |
26. หลวงนรัตถรักษา (ชื่น นรัตถรักษา) | พ.ศ. 2487–2489 |
27. นายเชื้อ พิทักษากร | พ.ศ. 2489–2490 |
28. หลวงอรรถสิทธิ์สิทธิสุนทร (อรรถสิทธิ์ สิทธิสุนทร) | พ.ศ. 2490–2492 |
29. นายชอบ ชัยประภา | พ.ศ. 2492–2494 |
30. นายยุทธ จัณยานนท์ | พ.ศ. 2494–2495 |
31. นายสง่า สุขรัตน์ | พ.ศ. 2495–2497 |
32. นายเกียรติ ธนกุล | พ.ศ. 2497–2498 |
33. นายสนิท วิไลจิตต์ | พ.ศ. 2498–2499 |
34. นายประสงค์ อิศรภักดี | พ.ศ. 2499–2501 |
35. นายกำจัด ผาติสุวัณณ์ | พ.ศ. 2501–2509 |
36. นายพัฒน์ บุณยรัตพันธุ์ | พ.ศ. 2509–2513 |
37. พลตำรวจตรีวิเชียร ศรีมันตร | พ.ศ. 2513–2516 |
38. นายเจริญ ปานทอง | พ.ศ. 2516–2518 |
39. นายเดชชาติ วงศ์โกมลเชษฐ์ | พ.ศ. 2519–2520 |
40. นายประมูล จันทรจำนง | พ.ศ. 2520–2522 |
41. นายบุญช่วย ศรีสารคาม | พ.ศ. 2522–2526 |
42. นายเจริญสุข ศิลาพันธุ์ | พ.ศ. 2526–2528 |
43. เรือตรีดนัย เกตุสิริ | พ.ศ. 2528–2532 |
44. นายสายสิทธิ พรแก้ว | พ.ศ. 2532–2535 |
45. นายไมตรี ไนยกูล | พ.ศ. 2535–2537 |
46. นายนิธิศักดิ์ ราชพิธ | พ.ศ. 2537–2538 |
47. ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร. ยุวัฒน์ วุฒิเมธี | พ.ศ. 2538–2540 |
48. นายชาติสง่า โมฬีชาติ | พ.ศ. 2540–2541 |
49. นายศิวะ แสงมณี | พ.ศ. 2541–2543 |
50. นายรุ่งฤทธิ์ มกรพงศ์ | พ.ศ. 2543–2544 |
51. นายชัยสิทธิ์ โหตระกิตย์ | พ.ศ. 2544–2546 |
52. นายจิรศักดิ์ เกษณียบุตร | พ.ศ. 2546–2548 |
53. นายสุธี มากบุญ | พ.ศ. 2548–2550 |
54. นายชวน ศิรินันท์พร | พ.ศ. 2550–2553 |
55. นายสุรพล สายพันธ์ | พ.ศ. 2553–2555 |
56. นายวันชัย สุทธิวรชัย | พ.ศ. 2555–2557 |
57. นายเสริม ไชยณรงค์ | พ.ศ. 2557–2558 |
58. นายประทีป กีรติเรขา | พ.ศ. 2558 |
59. นายสมศักดิ์ จังตระกุล | พ.ศ. 2558–2560 |
60. นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ | พ.ศ. 2560–ปัจจุบัน |
ประชากรศาสตร์
ปี | ประชากร | ±% |
---|---|---|
2550 | 1,785,709 | — |
2551 | 1,795,453 | +0.5% |
2552 | 1,803,754 | +0.5% |
2553 | 1,813,088 | +0.5% |
2554 | 1,816,057 | +0.2% |
2555 | 1,826,920 | +0.6% |
2556 | 1,836,523 | +0.5% |
2557 | 1,844,669 | +0.4% |
2558 | 1,857,429 | +0.7% |
2559 | 1,862,965 | +0.3% |
2560 | 1,869,633 | +0.4% |
2561 | 1,874,548 | +0.3% |
2562 | 1,878,146 | +0.2% |
2563 | 1,866,682 | −0.6% |
อ้างอิง:กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย |
การศึกษา
- ระดับอาชีวศึกษา
- วิทยาลัยเทคนิคอุบลราชธานี
- วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี
- วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีอุบลราชธานี
- วิทยาลัยการสารพัดช่างอุบลราชธานี
- วิทยาลัยเทคนิคเดชอุดม
- วิทยาลัยเทคนิคตระการพืชผล
- วิทยาลัยการอาชีพวารินชำราบ
- วิทยาลัยเทคนิคเขมราฐ
- วิทยาลัยเทคนิคพิบูลมังสาหาร
- วิทยาลัยเทคโนโลยีอาชีวศึกษาอุบลราชธานี
- ระดับอุดมศึกษา
- มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
- มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ศูนย์อุบลราชธานี
- มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
- มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ศูนย์วิทยพัฒนาจังหวัดอุบลราชธานี
- มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตอุบลราชธานี
- มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ศูนย์การศึกษาอุบลราชธานี
- มหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์น
- มหาวิทยาลัยราชธานี
- วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์
- วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี
การขนส่ง
รถยนต์
ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ไปสระบุรี เลี้ยวเข้าทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) ต่อด้วยทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 24 (สายโชคชัย-เดชอุดม) ไปจนถึงอุบลราชธานี หรือใช้ เส้นทางกรุงเทพมหานคร–นครราชสีมา แล้วต่อด้วยทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 226 ผ่านบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และเข้าสู่จังหวัดอุบลราชธานี
รถไฟ
มีรถด่วนพิเศษ รถด่วน รถเร็ว รถท้องถิ่น และรถเร็วเสริมเฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่และเทศกาลสงกรานต์ จากกรุงเทพฯ ผ่านจังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ และศรีสะเกษ สุดปลายทางที่สถานีรถไฟอุบลราชธานี อำเภอวารินชำราบ โดยจังหวัดอุบลราชธานี มีสถานีรถไฟเล็ก ๆ อีก 2 แห่ง คือ สถานีบุ่งหวาย และสถานีห้วยขะยุง
รถโดยสารประจำทาง
การเดินทางจากกรุงเทพมหานครมายังจังหวัดอุบลราชธานีโดยรถโดยสารประจำทางทั้งชนิดรถธรรมดาและรถปรับอากาศนั้น จะออกเดินทางจากสถานีขนส่งสายตะวันออกเฉียงเหนือ (หมอชิตใหม่) มายังสถานีปลายทางคือ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดอุบลราชธานี นอกจากนี้ บริษัท ขนส่ง จำกัด ยังมีบริการรถโดยสารระหว่างอุบลราชธานีและเมืองปากเซของประเทศลาวทุกวัน
ส่วนรถประจำทางระหว่างจังหวัดนั้น มีเดินรถระหว่างอุบลราชธานีไปถึงจังหวัดปลายทางต่าง ๆ ในหลายภูมิภาคของประเทศ นอกจากนี้แล้ว กรมการขนส่งทางบกได้ออกประกาศถึงการเปิดเดินรถสายอุบลราชธานี -เกาะสมุย เพื่อเชื่อมเมืองท่องเที่ยวสำคัญของภูมิภาคในอนาคต และอีกในอนาคตข้างหน้า กรมการขนส่งทางบกยังมีแผนการที่จะเปิดเดินรถสายสายเหนืออีก 1 เส้นทาง คือ เส้นทางอุบลราชธานี - เชียงราย - แม่สาย โดยอาจดำเนินการบริษัทนครชัยแอร์ เพื่อเชื่อมเมืองท่องเที่ยวสำคัญของภูมิภาคในอนาคต ส่วนแผนการเปิดเส้นทางเดินรถระหว่างประเทศของกรมการขนส่งทางบกนั้น ในปัจจุบันมีอยู่ 3 เส้นทาง คือ สายอุบลราชธานี-จำปาศักดิ์, อุบลราชธานี-คอนพะเพ็ง และ อุบลราชธานี-เสียมราฐ
อากาศยาน
จังหวัดอุบลราชธานี มีท่าอากาศยานนานาชาติจำนวน 1 แห่ง คือ ท่าอากาศยานอุบลราชธานี โดยมีสายการบินจากจังหวัดอุบลราชธานีสู่จุดหมายปลายทางต่าง ๆ ดังนี้
- ไทยสมายล์ - กรุงเทพมหานคร (สุวรรณภูมิ)
- ไทยแอร์เอเชีย - กรุงเทพมหานคร (ดอนเมือง)
- นกแอร์ - กรุงเทพมหานคร (ดอนเมือง) / เชียงใหม่
- ไทยไลอ้อนแอร์ - กรุงเทพมหานคร (ดอนเมือง)
รถเมล์หรือรถสองแถวประจำทาง
เนื้อหาในบทความนี้ล้าสมัย โปรดปรับปรุงข้อมูลให้เป็นไปตามเหตุการณ์ปัจจุบันหรือล่าสุด ดูหน้าอภิปรายประกอบ |
ในปัจจุบัน การเดินทางภายในเขตตัวเมืองอุบลราชธานี-วารินชำราบ และบริเวณโดยรอบนั้นมีการบริการด้วยรถสองแถวประจำทางขนาดเล็กที่ให้การบริการโดยเอกชน จำนวนทั้งสิ้น 11 เส้นทาง ดังรายละเอียดต่อไปนี้
- สายที่ 1 บ้านธาตุ - สามแยกเข้าหมู่บ้านหนองแก
- สายที่ 2 สถานีรถไฟอุบลราชธานี - โรงเรียนศรีปทุมพิทยาคาร
- สายที่ 3 บ้านก่อ - โรงเรียนเทคโนโลยีและเกษตรกรรมอุบลราชธานี
- สายที 6 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ - การประปา
- สายที่ 7 ศาลปู่เจ้าคำจันทร์ - วัดพุทธนิคมกิติยาราม
- สายที่ 8 บ้านปลาดุก - สถานีโทรคมนาคมอุบลราชธานี
- สายที่ 9 ตลาดสดวารินชำราบ - หาดคูเดื่อ
- สายที่ 10 ศาลาบ้านดู่ - ศูนย์อพยพ
- สายที่ 11 บ้านบุ่งกาแซว - บ้านด้ามพร้า
- สายที่ 12 สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ - บ้านดง
- สายที่ 14 (ขึ้นต้นด้วยอักษร ม.) มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี - สถานีขนส่งผู้โดยสารอุบลราชธานี
- สายที่ 15 อุบลซีตี้บัส ท่าอากาศยานอุบลราชธานี - สถานีขนส่งผู้โดยสารอุบลราชธานี - เซ็นทรัลพลาซาอุบลราชธานี
รถแท็กซี่
สำหรับการเดินทางในเขตเมืองอุบลราชธานีและวารินชำราบนั้น ในปัจจุบันมีแท็กซี่มีเตอร์ให้บริการประมาณ 500 คัน ภาคเอกชนที่เปิดให้บริการเดินรถแท็กซี่ในจังหวัดอุบลราชธานี ได้แก่
- บริษัท แท็กซี่อุบล จำกัด ให้บริการในเขตพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ มุกดาหาร และยโสธร
- หจก. อุบลแท๊กซี่มิเตอร์พัฒนาให้บริการในเขตพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี
- บริษัท สหการอุบล 2011 จำกัด ให้บริการในเขตพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี
วัฒนธรรม
กีฬา
- ทีมสโมสรฟุตบอลประจำจังหวัด
- สโมสรฟุตบอลอุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด (พ.ศ. 2558–ปัจจุบัน)
- สโมสรฟุตบอลอุบลราชธานี เอฟซี (พ.ศ. 2558–ปัจจุบัน)
- กีฬานานาชาติ
- พ.ศ. 2568: กีฬาซีเกมส์ 2025
- ประเพณีแห่เทียนพรรษา
- ประเพณีฆ่านกหัสดีลิงค์ (นกสักกะไดลิงในงานพระราชทานเพลิงศพเจ้าเมืองและพระครูชั้นสัญญาบัตรขึ้นไป)
บุคคลที่มีชื่อเสียง
จังหวัดอุบลราชธานี ได้รับสมญานามว่าเป็นเมืองนักปราชญ์ และเมืองศิลปินแห่งชาติ ที่ทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติดังนี้
ด้านศาสนา
- พระครูวิเวกพุทธกิจ (เสาร์ กนฺตสีโล)-ผู้เป็นบูรพาจารย์สายพระป่าในประเทศไทย-ท่านเป็นอาจารย์ของพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต
- พระครูวินัยธรมั่น ภูริทตฺโต -พระอาจารย์ใหญ่สายวัดป่า หรือ พระอาจารย์ใหญ่แห่งวงศ์พระกรรมฐานวัดป่า
- สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสฺโส)-อดีตเจ้าอาวาสวัดบรมนิวาสราชวรวิหาร
- สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (สนั่น จนฺทปชฺโชโต)-อดีตเจ้าอาวาสวัดนรนาถสุนทริการาม
- สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พิมพ์ ธมฺมธโร)-อดีตเจ้าอาวาสวัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร
- สมเด็จพระมหาธีราจารย์ (ประสิทธิ์ เขมงฺกโร)- เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร
- พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท)-อดีตเจ้าอาวาสวัดบรมนิวาสราชวรวิหาร
- พระมงคลกิตติธาดา (อมร เขมจิตฺโต)-เป็นพระปฏิบัติด้านวิปัสสนากรรมฐาน โดยเป็นลูกศิษย์รุ่นแรกๆ ของพระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท)
- พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท)-อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองป่าพง
- พระญาณวิศิษฏ์สมิทธิวีราจารย์ (สิงห์ ขนฺตยาคโม)- แม่ทัพธรรมพระกรรมฐาน
- พระครูโศภณธรรมาภรณ์ (จูม โชติโก)-เป็นเถระผู้นำภารธุระทั้งด้านคันถธุระและวิปัสสนาธุระ
- พระสุทธิธรรมรังสี (ลี ธมฺมธโร)-เป็นพระวิปัสสนาจารย์สายพระป่าในประเทศไทย
- หลวงปู่ขาว อนาลโย-พระนักปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
- พระอาจารย์ดี ฉนฺโน-ลูกศิษย์องค์สำคัญของ พระครูวิเวกพุทธกิจ (เสาร์ กนฺตสีโล) และ พระครูวินัยธรมั่น ภูริทตฺโต
- หลวงปู่สี สิริญาโณ-ป็นลูกศิษย์รุ่นแรกของ พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท) ปัจจุบันนับได้ว่าท่านเป็นผู้มีพรรษามากที่สุดในบรรดาศิษย์ของพระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท)ที่ยังดำรงค์ธาตุขันธ์อยู่
- พระเทพเมธาภรณ์ (ประสงค์ วราสโย)-เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม-กาญจนบุรี-สุพรรณบุรี (ธรรมยุต)
- หลวงปู่ผาง จิตฺตคุตฺโต-พระคณาจารย์สายพระป่าในประเทศไทย
- พระธรรมเสนานี ( กิ่ง มหัปผโล ป.ธ.๕)-อดีตเจ้าคณะภาค๑๐ และอดีตเจ้าอาวาสวัดมณีวราราม
- พระพุทธิวงศมุนี(บุญมา ทีปธัมโม)-อดีตเจ้าอาวาสวัดวัดจักรวรรดิราชาวาสวรมหาวิหาร
- พระอริยาจารย์(สุ้ย)-พระเถระผู้เป็นเค้ามูลสมญานามเมืองนักปราชญ์
ด้านศิลปิน
- ดร.คำหมา แสงงาม-ศิลปินแห่งชาติ
- ทองมาก จันทะลือ-ศิลปินแห่งชาติ
- เคน ดาเหลา-ศิลปินแห่งชาติ
- บุญเพ็ง ไฝผิวชัย-ศิลปินแห่งชาติ
- ฉวีวรรณ ดำเนิน-ศิลปินแห่งชาติ
- ฉลาด ส่งเสริม-ศิลปินแห่งชาติ
- คำพูน บุญทวี-ศิลปินแห่งชาติ
- เฉลิม นาคีรักษ์-ศิลปินแห่งชาติ
- เผ่า สุวรรณศักดิ์ศรี-ศิลปินแห่งชาติ
- สมบัติ เมทะนี-ศิลปินแห่งชาติ
- พงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา-ศิลปินแห่งชาติ
- คำปุน ศรีใส-ศิลปินแห่งชาติ
- บานเย็น รากแก่น-ศิลปินแห่งชาติ
- เทพพร เพชรอุบล-ศิลปิน
- สนธิ สมมาตร-ศิลปิน
- ทองใส ทับถนน-ศิลปิน
- อังคนางค์ คุณไชย-ศิลปิน
- แมน มณีวรรณ-ศิลปิน
- ภูศิลป์ วารินรักษ์-ศิลปิน
- มัลลิกา กิ่งแก้ว-ศิลปิน
- อรทัย ดาบคำ-ศิลปิน
- แคนดี้ รากแก่น-นักจัดรายการวิทยุ
- ต๋อง ชวนชื่น-นักแสดงตลก
- ออย ช็อคกิ้งพิ้งค์-นางแบบ
- รจนา เพชรกัณหา-นางแบบ
- รสริน จันทรา-นางแบบ
- รัสมี เวระนะ-นักร้อง
- ก้านตอง ทุ่งเงิน-นักร้อง
- ดอกอ้อ ทุ่งทอง-นักร้อง
- นพดล ดวงพร-ศิลปินมรดกอีสาน
- นันทิยา ศรีอุบล-นักร้องลูกทุ่ง
- เบญจมินทร์-นักประพันธ์เพลง
- บ. บุญค้ำ-นักเขียน
- บัวผัน ทังโส-นักร้องหมอลำ
- ผดุง ไกรศรี-นักเขียน
- พีรฉัตร จิตรมาส-นางแบบ
- เด่น อยู่ประเสริฐ-นักวิชาการ
ด้านการเมือง การปกครอง
- เจ้าพระประทุมวรราชสุริยวงศ์ (เจ้าคำผง ณ อุบล)-เจ้าเมืองอุบลราชธานีคนแรก
- เจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงศ์-เจ้าเมืองอุบลราชธานี
- หม่อมเจียงคำ ชุมพล ณ อยุธยา-ชาวอุบลราชธานี
- เกียรติศักดิ์ ส่องแสง-นักการเมือง
- เกรียง กัลป์ตินันท์-นักการเมือง
- ไขแสง สุกใส-นักการเมือง
- ชิดชัย วรรณสถิตย์-นักการเมือง
- ชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ-นักการเมือง
- ไชยศิริ เรืองกาญจนเศรษฐ์-นักการเมือง
- ณรงค์เดช นันทโพธิ์เดช-นักการเมือง
- ดุสิต โสภิตชา-นักการเมือง-นักการเมือง
- ทองอินทร์ ภูริพัฒน์-นักการเมือง
- ธนา เมตตาริกานนท์-นักการเมือง
- ธำรงค์ ไทยมงคล-นักการเมือง
- นฤพนธ์ ไชยยศ-พิธีกรรายการโทรทัศน์
- บุณย์ธิดา สมชัย-นักการเมือง
- ประสิทธิ์ ณรงค์เดช-นักการเมือง
- ประจวบ บุนนาค-นักการเมือง
- ปัญญา จินตะเวช-นักการเมือง
- ผัน บุญชิต-นักการเมือง
- ฟอง สิทธิธรรม-นักการเมือง
- อิสสระ สมชัย-นักการเมือง
- อรพินท์ ไชยกาล-นักการเมือง
- อดิศักดิ์ โภคกุลกานนท์-นักการเมือง
- เสรี สุชาตะประคัลภ์-นักการเมือง
- สุรศักดิ์ เทียมประเสริฐ-นักการเมือง
- สุพล ฟองงาม-นักการเมือง
- สุทัศน์ เงินหมื่น-นักการเมือง
- สุชาติ ตันติวณิชชานนท์-นักการเมือง
- สิทธิชัย โควสุรัตน์-นักการเมือง
- วิฑูรย์ นามบุตร-นักการเมือง
- วุฒิพงษ์ นามบุตร-นักการเมือง
- ศุภชัย ศรีหล้า-นักการเมือง
อ้างอิง
- จังหวัดอุบลราชธานี. "ข้อมูลการท่องเที่ยวจังหวัดอุบลราชธานี." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: [http://www.ubonratchathani.go.th/comm on_tourist.html http://www.ubonratchathani.go.th/common_tourist.html][ลิงก์เสีย] [ม.ป.ป.]. สืบค้น 18 เมษายน 2553.
- ↑ "รายงานจำนวนประชากรและบ้านทั่วราชอาณาจักร. (2562)" (PDF). การเคหะแห่งชาติ. สืบค้นเมื่อ 15 มีนาคม 2564. Check date values in:
|access-date=
(help) - "อุทยานแห่งชาติผาแต้ม". กระทรวงวัฒนธรรม. สืบค้นเมื่อ 14 มีนาคม 2564. Check date values in:
|access-date=
(help) - "แห่เทียนพรรษา". มิวเซียมไทยแลนด์. สืบค้นเมื่อ 14 มีนาคม 2564. Check date values in:
|access-date=
(help) - https://www.dotproperty.co.th/blog/%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B5-%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99-%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%8D%E0%B9%8C
- http://www.lib.ubu.ac.th/html/ub_info/introduction/history.html
- รับราชการในฐานะปลัดมณฑลอีสาน ดูใน ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ให้หม่อมอมรวงษ์วิจิตรไปว่าที่ปลัดมณฑลอิสาน ให้พระทรงสุรเดชไปว่าที่ผู้ว่าราชการเมืองอ่างทอง ให้หลวงสาทรศุภกิจว่าที่ผู้ว่าราชการเมืองสิงห์บุรี ให้พระอินทรประสิทธิ์ศรไปว่าที่ผู้ว่าราชการเมืองชัยภูมิ, เล่ม 24, ตอน 28, 13 ตุลาคม พ.ศ. 2450, หน้า 675
- สิ้นสุดวาระเนื่องจากถึงแก่กรรมระหว่างดำรงตำแหน่ง ดูใน ราชกิจจานุเบกษา, ข่าวตาย [หม่อมอมรวงษ์วิจิตร์ (ม.ร.ว. ปฐม), หลวงวิจารณ์สมบัติ (เริก), พระยาภักดีภูธร (นิล), เล่ม 25, ตอน 14, 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2451, หน้า 435 และ ดำรงราชานุภาพ. คำนำ ใน ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 4 อำมาตย์เอก พระยาศรีสำรวจ (ชื่น ภัทรนาวิก) ม.ม. ท.ช. รัตน ว.ป.ร.4 พิมพ์แจกในงานศพ พัน ภัทรนาวิก ผู้มารดา เมื่อปีเถาะสัปตศก พ.ศ. 2458. โบราณคดีสโมสร. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, 2458. หน้า ญ - ท.
- สำนักบริหารการทะเบียน. กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "จำนวนประชากรและบ้าน." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://stat.dopa.go.th/xstat/popyear.html 2555. สืบค้น 3 เมษายน 2556.
- Guide Ubon (2558). . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2015-09-21. สืบค้นเมื่อ January 22, 2016. Check date values in:
|date=
(help) - บริษัท เว็บสวัสดี จำกัด (มหาชน) (2558). . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2015-11-10. สืบค้นเมื่อ January 22, 2016. Check date values in:
|date=
(help) - GuideUbon. "ข้อมูลการเดินรถสองแถวจังหวัดอุบลราชธานี". สืบค้นเมื่อ January 22, 2016.
- มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. "การเดินทางไปจังหวัดอุบลราชธานี" (PDF). สืบค้นเมื่อ January 22, 2016.[ลิงก์เสีย]
- "Ubon Ratchatani bid to host 2025 SEA Games". 2 September 2016.
- https://th.wikipedia.org/wiki/หมวดหมู่:บุคคลจากจังหวัดอุบลราชธานี
ดูเพิ่ม
- รายชื่อวัดในจังหวัดอุบลราชธานี
- รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดอุบลราชธานี
- รายชื่อสาขาของธนาคารในจังหวัดอุบลราชธานี
- รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดอุบลราชธานี
แหล่งข้อมูลอื่น
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: จังหวัดอุบลราชธานี |
- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
- จังหวัดอุบลราชธานี - อีสานร้อยแปด
พิกัดภูมิศาสตร์: 15°15′N 104°50′E / 15.25°N 104.83°E
- แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ จังหวัดอุบลราชธานี
- แผนที่ จาก มัลติแมป โกลบอลไกด์ หรือ กูเกิลแผนที่
- ภาพถ่ายทางอากาศ จาก เทอร์ราเซิร์ฟเวอร์
- ภาพถ่ายดาวเทียม จาก วิกิแมเปีย