ฮะรัมท่านหญิงฟาติมะฮ์ มะอ์ซูมะฮ์
ฮะรัมท่านหญิงฟาติมะฮ์ มะอ์ซูมะฮ์ มีความสูง 20/1 ความยาว 95/2 และความกว้าง 20/1 เมตร มีการประดับด้วยกระเบื้องอย่างงดงามและประณีตในช่วงเริ่มต้นศตวรรษที่ ๗. ตัวฮะรัมมีกำแพงล้อมรอบสูงประมาณ 2 เมตร กว้างประมาณ ๔๐.๔ คูณ ๘๐.๔ ซึ่งก่อสร้างขึ้นเมื่อปีฮิจเราะฮ์ ๙๕๐. และได้รับการตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสค ปัจจุบันมีลูกกรงเงินล้อมรอบตัวฮะรัมไว้ซึ่งเรียกกันว่า (ฎอเรี้ยะอ์)
ประวัติโดยย่อ
สถานฝังร่างอันบริสุทธิ์ของฟาติมะฮ์ มะอ์ซูมะฮ์ ได้มีการบูรณะซ่อมแซมและต่อเติมเรื่อยมาในหน้าประวัติศาสตร์.
ใน ฮ.ศ.ที่ ๖๐๕ อะมีร มุซัฟฟัร อะห์มัด บินอิสมาอีล ตระกูลใหญ่แห่งมุซัฟฟัร เป็นผู้เชี่ยวชาญในการผลิตกระเบื้องผู้โด่งดังแห่งยุค มุฮัมหมัด บินอะบี ฏอเฮรกอชีย์ กุมมีย์ ได้ทำการสร้างและออกแบบกระเบื้องที่มีลวดลายหลากหลายไว้สำหรับประดับสุสาน. เขาใช้เวลา ๘ ปี ในการสร้างงานชิ้นนี้ และในปี ๖๑๓ การประดับกระเบื้องจึงแล้วเสร็จ.
จากคำบันทึกของ Jean Chardin นักเดินทางชาวฝรั่งเศสแห่งยุคซะฟาวีย์ (Safavid) ได้จารึกใน “มุชตาก ดาร” กล่าวถึงปีที่สร้างเอาไว้ ซึ่งคำนวณตามการเรียบเรียงอักษรแบบอาหรับที่ ๑๐๖๕ (ยุคกษัตริย์ชาอับบาสที่ ๒).
ในปีสุริยคติ 1377 (ปีอิหร่าน) สถานฝังพระศพได้มีการบูรณะซ่อมแซมขึ้นในรูปแบบใหม่ ซึ่งทำจากกระเบื้องและหิน และผนังด้านในประดับด้วยหินอ่อนสีเขียว.
ฎอเรี๊ยะห์ (Zarih)
ในปี ๙๖๕ จัทรคติ กษัตริย์ตะฮ์มาสบ์ ซะฟาวีย์ (Shah Tahmasb Safavid) ได้สั่งให้สร้างฎอเรี๊ยะห์ด้วยอิฐขึ้นสี่ด้าน ซึ่งแต่ละด้านประดับด้วยกระเบื้องโมเสคเจ็ดสี โดยให้แต่ละด้านมีช่องไฟเพื่อให้ประชาชนที่มาเยี่ยมเยือนสามารถมองเห็นสุสานด้านใน และสามารถหย่อนเงินบริจาคของตนลงไปในฎอเรี๊ยะห์ได้.
ในปี ๑๒๓๐ จัทรคติ กษัตริย์ฟัตฮ์อาลี ชาฮ์ ได้ประดับฎอเรี๊ยะห์นั้นด้วยเงิน ซึ่งฎอเรี๊ยะห์ดังกล่าวได้ชำรุดไปตามกาลเวลา และในปี ๑๒๘๐ จัทรคติ ได้มีการเปลี่ยนฎอเรี๊ยะห์เงินอันเก่าเป็นฎอเรี๊ยะห์เงินอันใหม่อีกครั้ง.
ฎอเรี๊ยะห์ดังกล่าวได้รับการบูรณะซ่อมแซมหลายครั้ง จนกระทั้งปีจัทรคติ ๑๓๖๘ ได้มีคำสั่งให้เปลี่ยนฎอเรี๊ยะห์อีกครั้ง โดยเพิ่มความละเอียดอ่อนและมีศิลป์อันงดงามตระการตาขึ้นกว่าเดิม ซึ่งฎอเรี๊ยะห์อันนี้ยังคงตั้งอยู่บนสุสานของท่านหญิงฟาติมะฮ์ มะอ์ซูมะฮ์ และปี ๑๓๘๐ สุริยคติ ได้มีการบูรณะซ่อมแซมอีกครั้ง. โดยได้ประดับฎอเรี๊ยะห์ด้วยการนำเงินแท้ ๙๒ และ๑๐๐ เปอร์เซ็นรวมกัน ที่ซื้อจากธนาคารกลางสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน และไม้ที่ใช้ในการสร้างฎอเรี๊ยะห์นั้นได้รับการออกแบบและแกะสลักโดยคณาจารย์หอศิลป์จากเมืองอิสฟาฮาน.
โดม
โดมอันแรกที่ได้ถูกสร้างขึ้น (หลังจากหลังคากระโจมในยุคมูซา บิน คัซรอจ) เหนือสุสานของท่านหญิงฟติมะฮ์ มะอ์ซูมะฮ์ เป็นโดมที่มีลักษณะเหมือนหอคอย โดยได้รับการอนุเคราะห์จากซัยหนับบุตรสาวของมุฮัมหมัด ตะกีย์ ซึ่งใช้วัสดุในการสร้างจากอิฐ หิน และปูนปลาสเตอร์ ในช่วงกลางศตวรรษที่สาม.
เมื่อกาลเวลาผ่านไปและมีสตรีบางส่วนจากตระกูลอะละวีย์ถูกฝังใกล้กับสุสานของท่านหญิงฟาติมะฮ์มะอ์ซูมะฮ์ จึงทำให้มีการสร้างโดมอีกสองโดมขึ้นมาใกล้กับโดมอันแรก.
โดมทั้งสามยังคงอยู่จนถึงปีจันทรคติที่ ๔๔๗ จนกระทั่งในปีดังกล่าว มีร อบุลฟัฎล์ อะรากีย์ (รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม) ได้สนับสนุนให้เชคฏูซีย์ สร้างโดมขึ้นมาใหม่โดยให้กว้างและใหญ่ขึ้น (ให้โดมทั้งสามเป็นโดมเดียวกัน) และประดับประดาด้วยการวาดลวดลายด้วยสีต่างๆ ตกแต่งและประดับประดาด้วยอิฐ และกระเบื้องที่มีลวดลายงดงาม โดยไม่ให้มีซุ้มประตูเชื่อมต่อกันเพื่อให้สุสานต่างๆ ของบรรดาลูกหลานศาสดาได้รวมอยู่ภายใต้โดมเดียวกัน
ในปีจันทรคติที่ ๙๒๕ โดมดังกล่าวได้รับการบูรณะโดย ชาฮ์บัยกีย์ บีกัม ภริยา ชาฮ์อิสมาอีล และพื้นผิวด้านนอกของโดมให้ตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสค. และยังให้สร้างซุ้มประตูที่สูงสง่าพร้อมกับสองมะนาเระฮ์ (หอคอย) ในบริเวณลานอะตีกด้วย.
ในที่สุดปีจันทรคติที่ ๑๒๑๘ รัชสมัยของกษัตริย์ ฟัตห์อะลี ชาฮ์ กาจาร โดมได้ถูกตกแต่งด้วยอิฐสีทอง ซึ่งยังคงอยู่จนถึงปีสุริยคติที่ ๑๓๗๙.
ในปี ๑๓๘๐ โดมภายนอกถูกทำลาย และเพื่อป้องกันความเสียหายอื่น ๆ แก่โดมทอง จึงมีการสั่งซ้อมแซมให้กลุ่มเตาลียัต ออสตอเนะ มุก็อดดัส จัดหาผู้รับเหมา และมัสอูดีย์ โคมัยนีย์ ได้รับมอบหมายให้ปรับโครงสร้างและซ่อมแซมโดมดังกล่าว. เมื่อมีการบูรณะใหม่อิฐทองทั้งหมดถูกเก็บรวบรวมไว้. ได้มีค่าใช้จ่ายถึง ๒๕ พันล้านริยาลหลังจากการบูรณะใหม่ของโดมดังกล่าว และได้มีการเปิดฤกษ์โดมใหม่ในวันที่ ๖ เดือนโฮรดิบิเฮช (เดือนที่สองของอิหร่าน) ปีสุริยคติที่ ๑๓๘๔ โดยพณฯ มุฮัมหมัด ตะกีย์ เบฮ์ญัต.
บรรดากษัตริย์ที่ฝังอยู่ในฮะรัม
กษัตริษ์สี่พระองค์จากราชวงศ์ซาฟาวีย์ , สองพระองค์จากราชวงศ์กาจาร และพระโอรสอีกหลายพระองค์จากเชื้อพระวงศ์กาจารที่ถูกฝั่งในบริเวณสุสานท่านหญิงฟาติมะฮ์ มะฮ์ซูมะฮ์.
บรรดากษัตริย์แห่งราชวงศ์ซาฟาวีย์
บรรดากษัตริย์แห่งราชวงศ์ซาฟาวีย์ จะถูกฝังอยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของสุสาน (ระวอก ยุนูบีย์). ซึ่งสุสานเหล่านี้ได้ถูกนำออกไป จนสถานที่ดังกล่าวเป็นผืนเดียวกัน.
- กษัตริษ์ชาฮ์ ซะฟีย์
- กษัตริย์ชาฮ์ อับบาสที่สอง
- กษัตริย์ชาฮ์ สุไลมาน
- กษัตริย์ชาฮ์ สุละต่าน ฮุเซน
บรรดากษัตริย์แห่งราชวงศ์กาจาร
บรรดากษัตริย์แห่งราชวงศ์กาจาร ถูกฝังอยู่ทางด้านเหนือของลานอะตีก. ซึ่งแท่นหินที่วางไว้เหนือสุสานถูกเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์.
- กษัตริย์ฟัตห์อาลี ชาฮ์ กาจาร
- กษัตริย์มุฮัมหมัด ชาฮ์ กาจาร
โอรสและผู้ปกครองแห่งราชวงศ์กาจาร
- มะด์ อุลยา (Malek Jahan Khanom, Mahd-e Olia) (มารดานาศิรุดดีน ชาฮ์ กาจาร) ฝั่งทิศใต้หลุมศพมุฮัมหมัด ชาฮ์
- มะนูเชะร์ มุอ์ตะมัด อัดเดาละฮ์ (Manouchehr Khan Gorji) (ผู้ปกครองเมืองอิสฟาฮาน) ใกล้กับสุสานมุฮัมหมัด ชาฮ์ กาจาร
- มีรซาฮะซัน มุสตะวะฟีย์ อัลมะมาลิก (Mostowfi ol-Mamalek) ใกล้กับสุสาน ฟัตห์อาลี ชาฮ์ กาจาร
- กะฮ์ระมาน มีรซา (โอรสของอับบาส มีร์ซา)
แกลเลอรี่
ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง
- มุฮัมหมัด นาฏิก อิสฟาฮานีย์
แหล่งที่มา
แม่แบบ:پانویس
- ฐานข้อมูลฮะรัมท่านหญิงฟาติมะฮ์ มะอ์ซูมะฮ์
- ประวัติศาสตร์ของท่านหญิงฟาติมะฮ์ มะอ์ซูมะฮ์?
- ประวัติฮะรัมท่านหญิงฟาติมะฮ์ มะอ์ซูมะฮ์