ประเทศเกาหลีใต้
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
พิกัดภูมิศาสตร์: 36°N 128°E / 36°N 128°E
สาธารณรัฐเกาหลี (อังกฤษ: Republic of Korea; เกาหลี: 대한민국 (ฮันกึล); 大韓民國 (ฮันจา)) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า เกาหลีใต้ (อังกฤษ: South Korea) เป็นประเทศในเอเชียตะวันออก มีพื้นที่ครอบคลุมส่วนใต้ของคาบสมุทรเกาหลี พรมแดนทางเหนือติดกับประเทศเกาหลีเหนือ มีประเทศญี่ปุ่นตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้โดยมีทะเลญี่ปุ่นและช่องแคบเกาหลีกั้นไว้ เกาหลีใต้มีประชากรราว 51 ล้านคน และกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากรอาศัยอยู่ในเขตเมืองหลวงและปริมณฑล (ซูโดกว็อน 수도권)
สาธารณรัฐเกาหลี 대한민국/大韓民國 (เกาหลี) | |
---|---|
คำขวัญ: 널리 인간 세계를 이롭게 하라 นำพาประโยชน์สุขแก่มนุษยชาติอย่างทั่วถึง | |
เมืองหลวง และ ใหญ่สุด | โซล 37°33′N 126°58′E / 37.550°N 126.967°E |
ภาษาราชการ | เกาหลี |
การปกครอง | รัฐเดี่ยว ระบบประธานาธิบดี สาธารณรัฐรัฐธรรมนูญ |
มุน แจ-อิน | |
ช็อง เซ-กยุน | |
สภานิติบัญญัติ | สมัชชาแห่งชาติ |
สถาปนาชาติ | |
2,333 ปีก่อนคริสตกาล | |
• การเคลื่อนไหว | 1 มีนาคม พ.ศ. 2462 |
• รัฐบาลชั่วคราว | 11 เมษายน พ.ศ. 2462 |
15 สิงหาคม พ.ศ. 2488 | |
8 กันยายน พ.ศ. 2488 | |
15 สิงหาคม พ.ศ. 2491 | |
พื้นที่ | |
• รวม | 100,363 ตารางกิโลเมตร (38,750 ตารางไมล์) (107) |
0.3 (301 ตร.กม.2 / 116 ตร.ไมล์2) | |
ประชากร | |
• 2562 ประมาณ | 51,709,098 (27) |
507 ต่อตารางกิโลเมตร (1,313.1 ต่อตารางไมล์) (13) | |
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | 2563 (ประมาณ) |
• รวม | 2.418 ล้านล้านดอลลาร์ (14) |
• ต่อหัว | 46,451 ดอลลาร์ (29) |
จีดีพี (ราคาตลาด) | 2563 (ประมาณ) |
• รวม | 1.626 ล้านล้านดอลลาร์ (12) |
• ต่อหัว | 31,246 ดอลลาร์ (27) |
จีนี (2016) | 35.7 ปานกลาง · 93 |
HDI (2019) | 0.916 สูงมาก · 23 |
สกุลเงิน | วอน (₩) (KRW) |
เขตเวลา | UTC+9 (เวลามาตรฐานเกาหลี) |
รูปแบบวันที่ |
|
ไฟบ้าน | 220V–60 Hz |
ขับรถด้าน | ขวา |
รหัสโทรศัพท์ | +82 |
โดเมนบนสุด |
|
ในภาษาเกาหลีอ่านชื่อประเทศว่า แทฮันมินกุก (대한민국; 大韓民國) โดยเรียกสั้น ๆ ว่า ฮันกุก (한국) ที่หมายถึงเกาหลี และบางครั้งจะใช้ชื่อว่า นัมฮัน (남한) ที่หมายถึง เกาหลีทางใต้ ส่วนชาวเกาหลีเหนือจะเรียกเกาหลีใต้ว่า นัมโชซ็อน (남조선) ที่หมายถึง โชซ็อนใต้
คาบสมุทรเกาหลีมีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 1 ล้านปี โดยเริ่มมีผู้คนอาศัยอยู่ตั้งแต่ช่วงยุคหินเก่าตอนต้่น (Lower Palaeolithic) ซึ่งพบหลักฐานในบันทึกของจีนเมื่อต้นศตวรรษที่ 7 ภายหลังจากการรวมสามราชอาณาจักรเกาหลีในปลายศตวรรษที่ 7 เกาหลีถูกปกครองโดยราชวงศ์โครยอ (ค.ศ. 918–1392) และราชวงศ์โชซ็อน (ค.ศ. 1392–1897) จักรวรรดิเกาหลีถูกผนวกเข้ากับจักรวรรดิญี่ปุ่นใน ค.ศ. 1910 และการปกครองของญี่ปุ่นในเกาหลีได้สิ้นสุดลงหลังจากความพ่ายแพ้ของฝ่ายอักษะในสงครามโลกครั้งที่สอง ต่อมา ประเทศเกาหลีได้ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนได้แก่ บริเวณตอนเหนือซึ่งถูกครอบครองโดยสหภาพโซเวียตและทางใต้ที่ครอบครองโดยสหรัฐอเมริกา และภายหลังจากการเจรจาเรื่องการรวมประเทศที่ล้มเหลว ดินแดนทางใต้ได้กลายสภาพเป็นสาธารณรัฐเกาหลีในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1948 ในขณะที่ดินแดนดั้งเดิมได้กลายเป็นเกาหลีเหนือ
ใน ค.ศ. 1950 การรุกรานของเกาหลีเหนือก่อให้เกิดสงครามเกาหลี ซึ่งยังนำไปสู่การแทรกแซงของสหประชาชาติที่นำโดยสหรัฐฯ ซึ่งให้การสนับสนุนเกาหลีใต้ ในขณะที่เกาหลีเหนือได้รับการสนับสนุนจากจีนและสหภาพโซเวียต หลังสงครามยุติใน ค.ศ. 1953 เศรษฐกิจของประเทศเริ่มฟื้นตัวขึ้น โดยมีการบันทึกว่าเกาหลีใต้มีผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เฉลี่ยเติบโตเร็วที่สุดในโลกระหว่าง ค.ศ. 1980-90 และปัจจุบันเกาหลีใต้ถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศประชาธิปไตยที่ก้าวหน้าที่สุดในทวีปเอเชีย อีกทั้งยังให้เสรีภาพกับสื่อในระดับสูง อย่างไรก็ตาม การทุจริตและเรื่องอื้อฉาวทางการเมืองยังคงเป็นปัญหาสำคัญในประเทศ อดีตประธานาธิบดีที่ยังมีชีวิตอยู่จำนวน 4 คนได้ถูกตัดสินให้จำคุกในความผิดจากคดีต่างๆ ตั้งแต่การใช้อำนาจในทางที่ผิดไปจนถึงการติดสินบนและการฉ้อฉล ซึง 2 จาก 4 คนนี้ยังคงต้องโทษอยู่จนถึงปัจจุบัน
เกาหลีใต้ถือเป็นประเทศพัฒนาแล้วและอยู่ในอันดับที่ 7 ของดัชนีการพัฒนามนุษย์ในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสิบของโลกโดยวัดจากผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ และยังถือเป็นประเทศที่มีความเร็วการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เร็วที่สุดชาติหนึ่งของโลก รวมทั้งเป็นประเทศที่มีโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนที่มีคุณภาพสูง เกาหลีใต้ยังเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับ 5 ของโลกและผู้นำเข้ารายใหญ่อันดับ 8 ของโลก นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 21 เกาหลีใต้มีชื่อเสียงในด้านวัฒนธรรมป๊อปที่มีอิทธิพลไปทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านดนตรี (เคป็อป) ละครโทรทัศน์ และภาพยนตร์ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เรียกว่าคลื่นเกาหลี และยังเป็นประเทศสมาชิกของคณะกรรมการองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจ (OECD) และกลุ่ม 20
ภูมิศาสตร์
ตั้งอยู่ที่ ละติจูด 33-39 องศาเหนือ ลองจิจูดที่ 125-131 องศาตะวันออก 70% ของประเทศเป็นภูเขา
ประวัติศาสตร์
ยุคเผ่าและอาณาจักรโชซ็อนโบราณ
ในยุคแรกดินแดนบนคาบสมุทรเกาหลีประกอบด้วยผู้คนหลายเผ่าพันธุ์ เผ่าแรกที่ปรากฏคือเผ่าโชซ็อนโบราณ ตั้งถิ่นฐานอยู่ทางภาคเหนือ เรืองอำนาจในช่วงพ.ศ. 143 – 243 ส่วนเผ่าอื่นได้แก่เผ่าพูยอ อยู่บริเวณปากแม่น้ำซุงคารีทางแมนจูเรียเหนือ เผ่าโคกูรยออยู่ระหว่างแม่น้ำพมาก และแม่น้ำอัมนก เผ่าอกจออยู่บริเวณมณฑลฮัมกย็อง เผ่าทงเยอยู่บริเวณมณฑลคังว็อน และเผ่าสามฮั่นคือ มาฮั่น ชินฮั่น และพยอนฮั่น ที่อยู่บริเวณแม่น้ำฮั่นและแม่น้ำนักดง ทางภาคใต้ของคาบสมุทรเกาหลี
ตำนานที่เป็นที่แพร่หลายในประเทศเกาหลีเล่าถึงกำเนิดของชนชาติตนว่า เจ้าชายฮวางวุง โอรสของเทพสูงสุดบนสวรรค์ลงมาสร้างเมืองที่ภูเขาแทแบ็ก ได้แต่งงานกับหญิงที่มีกำเนิดจากหมี มีโอรสชื่อตันกุน ต่อมาเป็นผู้ก่อตั้งอาณาจักรโชซ็อนโบราณ เมื่อ 1790 ปีก่อนพุทธศักราช
ดินแดนคาบสมุทรเกาหลีตกเป็นเมืองขึ้นจีนเมื่อ พ.ศ. 434 เมื่อจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้หรือกวนอู่ตี้แห่งราชวงศ์ฮั่นยกทัพเข้ายึดครองดินแดนของอาณาจักรโชซ็อนโบราณ และแบ่งเกาหลีเป็น 4 มณฑล คือ อาณาจักรนังนัง ชินบอน อิมดุน และฮย็อนโท อย่างไรก็ตาม จีนปกครองมณฑลนังนังอย่างจริงจังเพียงมณฑลเดียว มณฑลอื่น ๆ จึงค่อย ๆ แยกตัวเป็นเอกราช จน พ.ศ. 856 ชนเผ่าโคกูรยอเข้ายึดครองมณฑลนังนัง ขับไล่จีนออกไปได้สำเร็จ การตกเป็นเมืองขึ้นของจีนทำให้เกาหลีได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากจีนมาก เช่นตัวอักษรและศาสนา (พุทธและขงจื๊อ)
ยุคสามอาณาจักร
ในยุคนี้คาบสมุทรเกาหลีถูกปกครองโดยสามอาณาจักรที่รุ่งเรืองนับพันปีบนคาบสมุทรเกาหลี คือ
- อาณาจักรโคกูรยอ มีพื้นที่ตั้งแต่บริเวณตอนเหนือของคาบสมุทรเกาหลีตอนใต้และตอนกลางของคาบสมุทรเหลียวตง เป็นอาณาจักรที่มีกองทัพที่เข้มแข็งเป็นอย่างมาก ก่อตั้งขึ้นโดยพระเจ้าดงเมียงซอง เมื่อ 37 ปีก่อนคริสต์ศักราช เดิมโคกูรยอคืออาณาจักรพุกพูยอ พระเจ้าดงเมียงซองทรงเปลี่ยนชื่อเป็นอาณาจักรเป็นโคกูรยอ เมืองหลวงแห่งแรกคือ เมืองโจลบอน ในสมัยพระเจ้ายูริแห่งโคกูรยอได้ย้ายเมืองหลวงไปที่เมืองคุงแน และในสมัยพระเจ้าจางซูมหาราชได้ย้ายเมืองหลวงไปที่เมืองเปียงยาง อาณาจักรโคกูรยอล่มสลายลงเมื่อปี ค.ศ. 668 รัชสมัยพระเจ้าบอจาง จากการโจมตีของราชวงศ์ถังที่ปกครองประเทศจีนและอาณาจักรชิลลาที่อยู่ทางตอนใต้ อาณาจักรโคกูรยอมีอายุถึง 705 ปี
- อาณาจักรแพ็กเจ ตั้งอยู่บริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของคาบสมุทรเกาหลี ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 18 ปีก่อนคริสต์ศักราช โดยพระเจ้าอนจอซึ่งเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าดงเมียงซอง พระมเหสีโซซอโนพระราชมารดาของพระเจ้าอนจอทรงคิดจะตั้งอาณาจักรแห่งใหม่ขึ้นทางตอนใต้ ขึ้นเป็นอาณาจักรพี่น้องกับอาณาจักรโคกูรยอจึงได้อพยพประชาชนมาจากโคกูรยอและรวบรวมชนเผ่าต่างๆ เข้าด้วยกันก่อตั้งขึ้นเป็น อาณาจักรซิปเจ ปกครองโดยพระเจ้าอนจอภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็นอาณาจักรแพ็กเจ มีเมืองหลวงแห่งแรกคือเมืองวิรเย ในรัชสมัยพระเจ้ามุนจูได้ทรงย้ายเมืองหลวงไปที่เมืองอุงจิน และในรัชสมัยพระเจ้าซองได้ย้ายเมืองหลวงไปที่เมืองซาบี อาณาจักรแพ็กเจล่มสลายลงเมื่อปี ค.ศ. 660 รัชสมัยพระเจ้าอึยจาจากการโจมตีของอาณาจักรชิลลา อาณาจักรแพ็กเจมีอายุถึง 678 ปี
- อาณาจักรชิลลา ตั้งอยู่บริเวณตะวันออกเฉียงใต้ของคาบสมุทรเกาหลี ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 57 ปีก่อนคริสต์ศักราช โดยพระเจ้าฮยอกกอเซกษัตริย์พระองค์แรกแห่งชิลลา ทรงรวบรวมชนเผ่าต่างๆเข้าด้วยกันจนกลายเป็นอาณาจักรชิลลา มีเมืองหลวงอยู่ที่เมืองคยองจู อาณาจักรชิลลาสามารถรวบรวมอาณาจักรแพ็กเจและอาณาจักรโคกูรยอเข้าเป็นอาณาจักรเดียวกันได้ในปี ค.ศ. 668 รัชสมัยพระเจ้ามูยอล
- อาณาจักรคายา ตั้งอยู่บริเวณตอนใต้ของคาบสมุทรเกาหลีแถบแม่น้ำนักดง ประกอบด้วยห้าราชวงศ์ คือ ราชวงศ์กึมควันคายา ราชวงศ์โกรยองคายา ราชวงศ์พีฮวาคายา ราชวงศ์อาราคายา และราชวงศ์ซองซันคายา ราชวงศ์หลักคือราชวงศ์กึมควันคายา ก่อตั้งขึ้นโดยพระเจ้าซูโร เมื่อ 42 ปีก่อนคริสต์ศักราช มีตำนานว่าพระชายาของพระเจ้าซูโรเป็นองค์หญิงที่เดินทางมาจากประเทศอินเดียพระนามว่าองค์หญิงฮอฮวางอ๊ก ในรัชสมัยพระเจ้าคูฮย็องอาณาจักรคายาได้ถูกผนวกเข้ากับอาณาจักรชิลลาในรัชสมัยพระเจ้าบอปฮึง อาณาจักรคายามีอายุถึง 604
ยุคอาณาจักรเหนือใต้
เมื่อสิ้นสุดสมัย 3 อาณาจักรนั้น อาณาจักรชิลลาถือว่าเป็นผู้มีชัยเหนืออาณาจักรอื่นบนคาบสมุทรเกาหลีทั้งหมด ในทางประวัติศาสตร์ถือว่ายุคสมัยนี้ อาณาจักรชิลลาเป็นผู้รวบรวมแผ่นดินเกาหลีให้เป็นผืนเดียวกันได้เป็นครั้งแรกนับแต่ยุคสมัยดึกดำบรรพ์เป็นต้นมา จึงเรียกว่า ยุคชิลลารวมอาณาจักร ช่วงยุคสมัยนี้นับจากปีที่อาณาจักรโคกูรยอและอาณาจักรแพ็กเจล่มสลายลงไปใน พ.ศ. 1211 และสืบเนื่องไปจนถึง พ.ศ. 1478 แต่ที่จริงแล้ว อาณาจักรชิลลาไม่ได้ครอบครองดินแดนทั้งหมดไว้ ที่ครอบคลุมได้ทั้งหมดนั้นเพียงดินแดนทางตอนใต้เท่านั้น แม้แต่ดินแดนของโคกูรยอเดิม ชิลลาก็ได้มาเพียงบางส่วนเท่านั้น ไม่เพียงที่ต้องยกคาบสมุทรเหลียวตงให้กับจีน แต่ดินแดนทางเหนือจรดไปถึงแมนจูเรียตกอยู่ในการควบคุมของอาณาจักรเกิดใหม่อีกอาณาจักรหนึ่ง ชื่อว่า อาณาจักรพัลแฮ หรือเรียกว่า ป๋อไห่ ในชื่อเรียกตามภาษาจีน ในยุคสมัยนี้ นักประวัติศาสตร์บางท่านจึงจัดว่าเป็นยุคอาณาจักรเหนือใต้ของเกาหลี
ยุคสามอาณาจักรหลัง
หลังจากอาณาจักรพัลแฮถูกราชวงศ์เหลียวตีจนแตกนั้นประชาชนพากันอพยพลงใต้มาบริเวณอาณาจักรโคกุเรียวเดิม แล้วเชื้อพระวงศ์ของอาณาจักรพัลแฮ ก็สถาปนาอาณาจักรใหม่บริเวณอาณาจักรโคกุเรียวเดิม แล้วให้ชื่อว่า "อาณาจักรโคกูเรียวใหม่" แล้วสถาปนาตนเองป็นกษัตริย์พระนามว่า พระเจ้ากุงเย ส่วนชาวแพ็กเจที่อยู่ในอาณาจักรรวมชิลลาก็ได้ก่อกบฏต่ออาณาจักร มีหัวหน้าคือ คยอน ฮวอน แล้วไปตั้งถิ่นฐานที่บริเวณอาณาจักรแพ็กเจเดิม แล้วให้ชื่อว่า "อาณาจักรแพ็กเจใหม่" แล้วสถาปนาตนเองเป็นกษัตริย์พระนามว่า พระเจ้าคยอน ฮวอน แล้วทำการก่อกบฏต่ออาณาจักรรวมชิลลา ทำให้ชิลลาเกิดความระส่ำระส่าย จึงถือเป็นยุคสามอาณาจักรยุคหลัง
ยุคราชวงศ์โครยอ
วังฮูมาสถาปนาตนเองเป็นกษัตริย์แทโจแห่งราชวงศ์โคเรียวเมื่อ พ.ศ. 1486 อาณาจักรนี้เจริญสูงสุดในสมัยกษัตริย์มุนจง ยุคนี้เป็นยุคที่ส่งเสริมพระพุทธศาสนา มีการทำสงครามกับพวกญี่ปุ่นและมองโกล ถูกจีนควบคุมในสมัยราชวงศ์หยวน จนเมื่ออำนาจของราชวงศ์หยวนอ่อนแอลง อาณาจักรโครยอต้องพบกับปัญหาโจรสลัดญี่ปุ่นและการรุกรานของราชวงศ์หมิง ในที่สุดทำให้ฝ่ายทหารมีอำนาจมากขึ้นจนนำไปสู่การยึดอำนาจของนายพล อีซองกเย และสถาปนาราชวงศ์ใหม่ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1935
ยุคราชวงศ์โชซ็อน
นายพล ลี ซองเกสถาปนาตนเองเป็นกษัตริย์แทโจแห่งราชวงศ์โชซ็อน ในสมัยนี้ส่งเสริมลัทธิขงจื๊อให้เป็นลัทธิประจำชาติและเริ่มลดอิทธิพลของพุทธศาสนา สมัยกษัตริย์เซจงมหาราช ทรงประดิษฐ์อักษรฮันกึลขึ้นใช้แทนอักษรจีน
จักรวรรดิเกาหลี
จักรวรรดิเกาหลี หรือ แทฮันเจกุก (อังกฤษ: The Greater Korean Empire ; เกาหลี: 대한제국, ฮันจา: 大韓帝國, MC: Daehan Jeguk, MR: Taehan Chekuk) คือราชอาณาจักรโชซ็อนที่ประกาศยกสถานะของรัฐจากราชอาณาจักรเป็นจักรวรรดิ ตามพระบรมราชโองการของพระเจ้าโกจง พร้อมกับการเปลี่ยนพระอิสริยยศจาก กษัตริย์ เป็น จักรพรรดิ โดยพระองค์มีพระนามว่า สมเด็จพระจักรพรรดิควางมูแห่งจักรวรรดิเกาหลี เพื่อให้ประเทศเอกราชจากจักรวรรดิชิง และยกสถานะของประเทศมีความเท่าเทียมกับจักรวรรดิชิง และ จักรวรรดิญี่ปุ่น แม้ว่าโดยพฤติการณ์แล้วสถานะของเกาหลีไม่ได้เข้าข่ายการเป็นจักรวรรดิเลยก็ตาม จนกระทั่งถูกจักรวรรดิญี่ปุ่นยึดครองในปี พ.ศ. 2453
เกาหลีภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น
เมื่อ พ.ศ. 2453 ญี่ปุ่นได้ผนวกเกาหลีเป็นทาสของตนตามสนธิสัญญาการรวมญี่ปุ่น-เกาหลี ซึ่งสนธิสัญญานี้เป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่าย เพราะมีการลงนามของกษัตริย์เกาหลี เกาหลีเป็นเมืองขึ้นจนกระทั่งญี่ปุ่นเป็นฝ่ายแพ้สงครามเมื่อ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2488
ในระหว่างการปกครองของญี่ปุ่น มีการสร้างระบบคมนาคมแบบตะวันตก ส่วนใหญ่ล้วนทำเพื่อประโยชน์ของชาวเกาหลี ญี่ปุ่นยกเลิกราชวงศ์โชซ็อน ยุบพระราชวัง ช่วยปรับปรุงระบบภาษี ให้ส่งข้าวจากเกาหลีไปช่วยญี่ปุ่น มีการใช้แรงงานทาสในการสร้างถนนและทำเหมืองแร่
หลังการสวรรคตของกษัตริย์โกจง (Gojong) เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2461 ด้วยยาพิษ ทำให้เกิดการเรียกร้องเอกราชทั่วประเทศ เมื่อ 1 มีนาคม พ.ศ. 2461 ผลจากการลุกฮือขึ้นเรียกร้องเอกราชทำให้ชาวเกาหลีราว 7,000 คนถูกฆ่าโดยทหารและตำรวจญี่ปุ่น ชาวคริสต์เกาหลีจำนวนมากถูกฆ่าหรือเผาในโบสถ์ระหว่างการเรียกร้องเอกราชมีการจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลของเกาหลีที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน หลังจากการเคลื่อนไหว 1 มีนาคม เพื่อต่อต้านการยึดครองของญี่ปุ่น
การลุกฮือขึ้นต่อต้านญี่ปุ่นยังคงมีอยู่ต่อไป เช่น การลุกฮือของนักศึกษาทั่วประเทศเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2472 จนนำไปสู่การประกาศกฎอัยการศึกเมื่อ พ.ศ. 2474 หลังจากเกิดสงครามจีน-ญี่ปุ่นเมื่อ พ.ศ. 2480 ญี่ปุ่นพยายามลบล้างความเป็นชาติของเกาหลี การสอนประวัติศาสตร์และภาษาเกาหลีในโรงเรียนถูกห้าม การแสดงออกทางวัฒนธรรมที่เป็นเกาหลีถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ชาวเกาหลีถูกบังคับให้มีชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่น สิ่งของมีค่าถุกนำออกจากเกาหลีไปยังญี่ปุ่น. หนังสือพิมพ์ถูกห้ามตีพิมพ์ด้วยภาษาเกาหลี หนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์จำนวนมากถูกเผาทำลาย
ชาวเกาหลีจำนวนมากอพยพออกจากเกาหลีไปสู่แมนจูเรียและรัสเซีย ชาวเกาหลีในแมนจูเรียจัดตั้งขบวนการกู้เอกราชชื่อ "ทุงนิบกุน" (Dungnipgun) ขบวนการนี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจีน ทำสงครามกองโจรกับกองทัพญี่ปุ่น กองทัพเหล่านี้ได้รวมตัวกันเป็นกองทัพปลดปล่อยเกาหลี เมื่อราว พ.ศ. 2483 เคลื่อนไหวในจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชาวเกาหลีกว่าหมื่นคนเข้าร่วมในกองทัพปลดปล่อยประชาชนและกองทัพปฏิวัติแห่งชาติ
ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวเกาหลีถูกบังคับให้ร่วมมือกับญี่ปุ่น ชายชาวเกาหลีถูกเกณฑ์เข้าร่วมในกองทัพญี่ปุ่น ผู้หญิงจากจีนและเกาหลีราว 200,000 คน ถูกส่งตัวไปเป็นนางบำเรอของทหารญี่ปุ่น
การแบ่งแยกประเทศ
หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง แนวโน้มของการแบ่งประเทศเริ่มปรากฏขึ้นเมื่อ 8 กันยายน พ.ศ. 2488 เมื่อสหรัฐเข้าควบคุมภาคใต้ของคาบสมุทรเกาหลี และโซเวียตเข้าควบคุมภาคเหนือ โดยใช้เส้นขนาน(ละติจูด,เส้นรุ้ง)ที่ 38 องศาเป็นเส้นแบ่ง รัฐบาลชั่วคราวถูกยกเลิกเพราะสหรัฐเห็นว่าเป็นพวกคอมมิวนิสต์ ในครั้งแรกการแบ่งแยกนี้เป็นการชั่วคราว และจะให้เอกราชแก่เกาหลีเมื่อสี่ชาติมหาอำนาจคือ สหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต อังกฤษ และจีน จัดการปกครองในเกาหลีสำเร็จ
ในการประชุมไคโรเมื่อ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2486 กำหนดให้เกาหลีเป็นชาติอิสระ และการประชุมล่าสุดที่ยัลตาในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2488 ตกลงให้เกาหลีเป็นรัฐในอารักขาของชาติมหาอำนาจสี่ชาติ ต่อมา 9 สิงหาคม พ.ศ. 2488 โซเวียตยกทัพจากไซบีเรียเข้าสู่เกาหลีโดยไม่มีการต่อต้าน ญี่ปุ่นยอมแพ้เมื่อ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2488 มีการประชุมที่มอสโกเพื่อตกลงเกี่ยวกับอนาคตของเกาหลี โดยกำหนดให้เป็นรัฐในอารักขา 5 ปี และรวมส่วนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของสหรัฐและโซเวียตเข้าด้วยกัน มีการประชุมกันอีกครั้งที่กรุงโซลแต่องค์การตั้งประเทศใหม่ยังไม่ลุล่วง เดือนกันยายน พ.ศ. 2490 สหรัฐส่งปัญหาเกาหลีเข้าสู่สหประชาชาติเพื่อให้เกาหลีเป็นรัฐเดียวที่มีเอกภาพ แต่ผลจากสงครามเย็นทำให้สหรัฐวางแผนคุ้มกันเกาหลีเพื่อต่อต้านคอมมิวนิสต์ ส่งผลให้เกิดการแยกประเทศเมื่อ พ.ศ. 2491 เกิดเป็นสองประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจและการปกครองต่างกัน สหประชาชาติยอมรับสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) เป็นตัวแทนเกาหลีในสหประชาชาติเพียงรัฐเดียวเมื่อ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2491 สงครามเกาหลีระเบิดขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2493 เมื่อเกาหลีเหนือยกทัพข้ามเส้นขนานที่ 38 องศาบุกเข้าโจมตีเกาหลีใต้ เป็นการยุติความพยายามในขณะนั้นที่จะรวมประเทศทั้งสองอย่างสันติ สงครามดำเนินไปจนมีข้อตกลงหยุดยิงเมื่อ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2496
ความพยายามรวมประเทศหลังสงคราม
เกาหลีใต้มีความพยายามที่จะรวมประเทศอย่างสันติตั้งแต่ พ.ศ. 2513 โดยเปิดการเจรจากับเกาหลีเหนืออย่างต่อเนื่อง เริ่มจากการเจรจาระหว่างสภากาชาดฝ่ายใต้กับฝ่ายเหนือเพื่อให้ครอบครัวที่พลัดพรากระหว่างสงครามได้พบหน้ากัน มีการออกแถลงการณ์ระหว่างสองประเทศเมื่อ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 เพื่อยุติการกล่าวร้ายระหว่างกัน แต่การเจรจาเพื่อรวมประเทศไม่ราบรื่น ที่ประสบผลสำเร็จมีเพียงการอนุญาตให้ชาวเกาหลีทั้งสองประเทศข้ามเขตปลอดทหารไปมาหาสู่กันได้ในช่วง 20-23 กันยายน พ.ศ. 2528 และการเจรจาเกี่ยวกับกีฬาโอลิมปิก พ.ศ. 2531 ที่กรุงโซลเท่านั้น การเจรจาเรื่องอื่น ๆ หยุดชะงักลงหลัง พ.ศ. 2529 เนื่องจากเกาหลีเหนือไม่พอใจเกี่ยวกับการซ้อมรบระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นการขัดแย้งกับการรวมชาติ เกาหลีใต้พยายามประนีประนอมกับเกาหลีเหนือเพื่อการเจรจาจนมีการประชุมระดับผู้นำครั้งแรกเมื่อ 4 กันยายน พ.ศ. 2533 จากนั้นมีการประชุมต่อมาอีกหลายครั้ง อย่างไรก็ตาม การรวมชาติเกาหลียังเป็นสิ่งที่ต้องรอคอยต่อไปจนกระทั่งปัจจุบัน จนกระทั่ง คิม จอง อึน จะร่วมการประชุมระดับผู้นำครั้งที่ 3 กับ มุน แจ อิน ในวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2561 ที่หมุ่บ้านปันมุนจอม ในเขตปลอดทหารเกาหลี
การเมืองการปกครอง
หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2491 คาบสมุทรเกาหลีถูกแบ่งเป็นสองส่วนโดยเส้นละติจูดที่ 38 องศาเหนือ (มักเรียกว่าเส้นขนาน 38) โดยสหภาพโซเวียตดูแลเกาหลีเหนือมีการปกครองระบอบสังคมนิยม ส่วนสหรัฐอเมริกาดูแลเกาหลีใต้มีการปกครองระบอบประชาธิปไตย
สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ปกครองในระบอบประชาธิปไตย ประมุขของประเทศคือประธานาธิบดี ซึ่งได้รับการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนให้เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร มีนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา รัฐสภาเป็นองค์กรนิติบัญญัติ และศาลทำหน้าที่ทางตุลาการ ทั้งนี้ เกาหลีใต้มีการแบ่งเขตการปกครองเป็น 9 จังหวัด และ 6 เขตการปกครอง (โซล ปูซาน อินชอน แตกู ควังจู แตชอน)
รัฐธรรมนูญ
เกาหลีใต้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับแรกเมื่อ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2491 โดยได้มีการปรับปรุงแก้ไขมาโดยตลอดอีก 9 ครั้ง การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งล่าสุดมีขึ้นในปี พ.ศ. 2530 เมื่อรัฐบาลประธานาธิบดีช็อน ดู-ฮวัน ต้องประสบกับภาวะกดดันทางการเมืองจากพรรคการเมืองต่าง ๆ ซึ่งเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยตรง และในที่สุด ประธานาธิบดีชุน ดู ฮวาน ก็ยินยอมให้มีการลงประชามติ แก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยตรง โดยอยู่ในตำแหน่งได้เพียงวาระเดียว (5 ปี) และให้มีการจัดระบบการปกครองท้องถิ่นอิสระเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญที่ได้รับการแก้ไข ยังได้ยกเลิกอำนาจการยุบสภาของประธานาธิบดี และให้รัฐสภามีอำนาจหน้าที่ดูแลและตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล รวมทั้งระบุว่ากองทัพต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง รัฐธรรมนูญสาธารณรัฐเกาหลีฉบับปัจจุบันคือ ฉบับที่ ๑๐ มีทั้งสิ้น ๑๐ หมวด ๑๓๐ มาตรา ประกอบด้วย หมวด ๑ บททั่วไป (มาตรา ๑ - ๙) หมวด ๒ หน้าที่และสิทธิของพลเมือง (มาตรา ๑๐ - ๓๙) หมวด ๓ รัฐสภา (มาตรา ๔๐ - ๖๕) หมวด ๔ รัฐบาล แบ่งเป็น ส่วนที่ ๑ ประธานาธิบดี (มาตรา ๖๖ - ๘๕) ส่วนที่ ๒ ฝ่ายบริหาร (มาตรา๘๖ - ๙๓) ส่วนที่ ๓ องค์กรของรัฐบาล (มาตรา ๙๔ - ๙๖) ส่วนที่ ๔ ผู้ตรวจการแผ่นดิน (มาตรา ๙๗ - ๑๐๐) หมวด ๕ ศาล (มาตรา ๑๐๑ - ๑๑๐) หมวด ๖ ศาลรัฐธรรมนูญ (มาตรา ๑๑๑ - ๑๑๓) หมวด ๗ กรรมการการเลือกตั้ง (มาตรา ๑๑๔ - ๑๑๖) หมวด ๘ การปกครองท้องถิ่น (มาตรา ๑๑๗ - ๑๑๘) หมวด ๙ เศรษฐกิจ (มาตรา ๑๑๙ - ๑๒๗) หมวด ๑๐ การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ (มาตรา ๑๒๘ - ๑๓๐) (แก้ไขล่าสุดเมื่อ ๒๙ ตุลาคม ค.ศ. ๑๙๘๗ และประกาศใช้เมื่อ ๒๕ กุมภาพันธ์ ค.ศ. ๑๙๘๘)
ฝ่ายนิติบัญญัติ
รัฐธรรมนูญกำหนดให้รัฐสภา (National Assembly) เป็นผู้ใช้อำนาจนิติบัญญัติ ซึ่งรัฐสภาของเกาหลีใต้เป็นรูปแบบสภาเดียวประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 300 คน โดยสมาชิกจำนวน 246 คนมาจากการเลือกตั้งโดยตรง และ สมาชิกจำนวน 54 คนมาจากการแต่งตั้งโดยจัดสรรตามสัดส่วนของพรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้ง สมาชิกรัฐสภาแห่งชาติอยู่ในตำแหน่งคราวละ 4 ปี สภาจะเลือกประธาน (Speaker) และรองประธาน (Vice-Speaker) จำนวน 2 คน ตามรัฐธรรมนูญระบุไว้ว่า สามารถถอดถอนนายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีได้ หากสมาชิกรัฐสภา 1 ใน 3 เสนอขอและสมาชิกสภาข้างมากเห็นชอบตามเสนอ ซึ่งในกรณีการถอดถอนประธานาธิบดีนั้น ต้องเสนอโดยเสียงข้างมากและสมาชิกสภา 2 ใน 3 ให้ความเห็นชอบ โดยประธานฯและรองประธานรัฐสภานั้น จะมีวาระในการดำรงตำแหน่งคราวละ 2 ปี ซึ่งรัฐสภาชุดปัจจุบันคือสมัยที่ 20 มีนายชอง เซ กยุน เป็นประธานรัฐสภา รับตำแหน่งเมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๙ และมีวาระดำรงตำแหน่งคราวละ ๒ ปี นายชอง เซ กยุน เป็นสมาชิกรัฐสภาสังกัดพรรค Minjoo Party (พรรคฝ่ารัฐบาล) และเป็นสมาชิกรัฐสภาตั้งแต่สมัยที่ ๑๕ – ๒๐ จำนวนทั้งสิ้น ๖ สมัย และมีรองประธานรัฐสภาจำนวน ๒ คน ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกรัฐสภาจากพรรคฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านอย่างละ ๑ คน อย่างไรก็ดี ตามกฎหมายผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของเกาหลีใต้กำหนดให้สมาชิกรัฐสภาที่ได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภาจำเป็นต้องถอนตัวออกจากการสังกัดพรรคการเมืองเป็นการชั่วคราว (ข้อมูล เมื่อ 17 กันยายน 2560)
ฝ่ายบริหาร
- ประธานาธิบดี เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร ได้รับเลือกตั้งโดยตรงจากผู้มีสิทธิออกเสียง โดยมีวาระ 5 ปี และไม่สามารถลงสมัครแข่งขันเป็นครั้งที่ 2 ได้ เพื่อเป็นการป้องกันการขยายอำนาจ ประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งประมุขของรัฐ และผู้บัญชาการทหารสูงสุดด้วย รวมทั้งเป็นผู้มีอำนาจประกาศกฎอัยการศึก และมาตรการจำเป็นในยามฉุกเฉิน นอกจากนี้ประธานาธิบดีสามารถเสนอร่างกฎหมายให้รัฐสภาพิจารณาได้ อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีไม่มีอำนาจยุบสภา ประธานาธิบดีคนปัจจุบันได้แก่ มุน แจ-อิน ดำรงตั้งแหน่งตั้งวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2560
- คณะรัฐมนตรี ประกอบด้วยนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ซึ่งประธานาธิบดีเป็นผู้แต่งตั้งโดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ช่วยประธานาธิบดีในด้านบริหารประเทศ รวมทั้งมีอำนาจในการพิจารณานโยบายต่าง ๆ ของประเทศ และการเข้าร่วมประชุมรัฐสภา คณะรัฐมนตรีมีจำนวน 20 คน นอกจากนี้ ฝ่ายบริหารยังประกอบด้วย สภาที่ปรึกษาอาวุโส สภาความมั่นคงแห่งชาติ สภาที่ปรึกษาการรวมประเทศ สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจแห่งชาติ คณะกรรมการวางแผนและงบประมาณ คณะกรรมการเกี่ยวกับสิทธิสตรี สภาที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะกรรมการเกี่ยวกับธุรกิจขนาดกลางและเล็ก คณะกรรมการตรวจสอบการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาล และสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ โดยประธานของคณะกรรมการชุดต่าง ๆ ได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดี ทั้งนี้ หน่วยงานเหล่านี้ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแนะนำต่อคณะรัฐบาลด้วย
ฝ่ายตุลาการ
ประกอบไปด้วยศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา โดยประธานาธิบดีแต่งตั้งประธานศาลฎีกาด้วยความเห็นชอบของรัฐสภา การพิจารณาของศาลกำหนดให้เปิดเผยแก่สาธารณชนทั่วไปได้ ยกเว้นในกรณีที่เห็นว่าจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ หรือเป็นเรื่องที่จะสร้างปัญหาในด้านความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือเป็นภัยต่อขวัญของประชาชน คำพิพากษาจำเป็นต้องปิดเป็นความลับ นอกจากนี้ ยังมีศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีหน้าที่ในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ โดยให้ความคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน และมีอำนาจในการพิจารณาว่ากฎหมายฉบับใดที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญให้ถือเป็นโมฆะ (โดยมีขั้นตอนการดำเนินการเริ่มจากศาลรัฐธรรมนูญได้รับการร้องขอจากศาลชั้นต้นหรือจากกลุ่มบุคคลที่ข้อร้องเรียนได้รับการพิจารณาจากศาลชั้นต้น ให้พิจารณากฎหมายดังกล่าว) อนึ่ง ศาลรัฐธรรมนูญยังเป็นองค์กรที่มีหน้าที่ตัดสินความถูกต้องทางกฎหมายของกระบวนการถอดถอนเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐ ได้แก่ ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี และผู้พิพากษา รวมทั้งมีอำนาจสั่งยุบพรรคการเมืองตามข้อเสนอของฝ่ายบริหาร หากพบว่าพรรคการเมืองดังกล่าวดำเนินกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย
พรรคการเมือง
เมื่อ ธันวาคม พ.ศ. 2538 เกิดการรวมตัวของ 3 พรรคใหญ่ คือ
- พรรค Democratic Justice Party-DJP
- พรรค Reunification Democratic Party-RDP และ
- พรรค New Democratic Republican Party-NDRP และตั้งชื่อว่าพรรค New Korean Party-NKP
ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อ ธ.ค. 2540 ได้เกิดพรรคใหม่คือ
- พรรค Grand National Party -GNP (ซึ่งเป็นการรวมตัวของพรรค NKP กับพรรค New Party by the People)
- พรรค Millennium Democratic Party-MDP ซึ่งมีนาย คิม แด จุง เป็นหัวหน้าพรรค และ
- พรรค United Liberal Democrats-ULD ซึ่งมีนาย คิม จอง พิล เป็นหัวหน้าพรรค
โดยพรรค MDP กับพรรค ULD ได้ร่วมกันส่งนายคิม แด จุง เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี และได้รับชัยชนะ โดยนาย คิม จอง พิล ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ต่อมาพรรค ULD ได้ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ปัจจุบันมีพรรคฝ่ายค้าน (Grand National Party-GNP) และพรรครัฐบาล (Millennium Democratic Party-MDP) และพรรคฝ่ายค้านเสียงส่วนน้อย (United Liberal Democrats-ULD) ทั้งนี้ พรรคฝ่ายค้าน GNP สามารถคุมเสียงข้างมากเด็ดขาดในสภารวม 139 ที่นั่ง ทั้งนี้เมื่อ 15 เม.ย. 2547 มีการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาเกาหลีใต้สมัยที่ 17 โดยเป็นการเลือกสมาชิกรัฐสภาทั้งสิ้น 299 ที่นั่งประกอบด้วยการเลือกตั้งโดยตรง 243 ที่นั่ง และจากสัดส่วนพรรค (party list) 56 ที่นั่ง ผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการพรรค Uri ได้คะแนนเสียงข้างมากส่งผลให้พรรค Uri กลายเป็นฝ่ายครองเสียงข้างมากในรัฐสภาเกาหลีใต้ อย่างไรก็ตาม พรรค Uri ได้พ่ายแพ้ในการเลือกตั้งซ่อม 6 ครั้งในเดือนเมษายน 2548 ทำให้พรรค Uri ไม่ได้ครองเสียงข้างมากในสภาอีกต่อไป นอกจากนี้ ยังได้แพ้ในการเลือกตั้งซ่อมในเดือนตุลาคม 2548 อีก ทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลมีปัญหามากขึ้น
กระทรวง
สาธารณรัฐเกาหลีมีกระทรวง 17 กระทรวง โดยแต่ละกระทรวงจะมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเป็นหัวหน้า โดยได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเกาหลี และต้องรายงานงานต่างๆให้กับนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐเกาหลี
ในบางกระทรวงอาจมีหน่วยงานเทียบเท่าในสังกัด ซึ่งจะทำงานขึ้นตรงต่อทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงนั้นๆและนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐเกาหลีด้วย
รายชื่อกระทรวง
ลำดับที่ | ชื่อกระทรวงภาษาไทย | ชื่อกระทรวงภาษาอังกฤษ | ชื่อกระทรวงภาษาเกาหลี | อักษรย่อ |
---|---|---|---|---|
1 | กระทรวงยุทธศาสตร์ และการคลัง | Ministry of Strategy and Finance | 기획재정부 | MOSF |
2 | กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ และการวางแผนอนาคต | Ministry of Science, ICT and Future Planning | 미래창조과학부 | MSIP |
3 | กระทรวงศึกษาธิการ | Ministry of Education | 교육부 | MOE |
4 | กระทรวงการต่างประเทศ | Ministry of Foreign Affairs | 외교부 | MOFA |
5 | กระทรวงรวมชาติ | Ministry of Unification | 통일부 | MOU |
6 | กระทรวงยุติธรรม | Ministry of Justice | 법무부 | MOJ |
7 | กระทรวงกลาโหม | Ministry of National Defense | 국방부 | MND |
8 | กระทรวงความปลอดภัย และการบริการสาธารณะ | Ministry of Security and Public Administration | 안전행정부 | MOSPA |
9 | กระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว | Ministry of Culture, Sports and Tourism | 문화체육관광부 | MCST |
10 | กระทรวงการเกษตร อาหาร และกิจการชนบท | Ministry of Agriculture, Food and Rural Affairs | 농림축산식품부 | MAFRA |
11 | กระทรวงพาณิชย์ อุตสาหกรรม และพลังงาน | Ministry of Trade, Industry and Energy | 산업통상자원부 | MOTIE |
12 | กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ | Ministry of Health and Welfare | 보건복지부 | MOHW |
13 | กระทรวงสิ่งแวดล้อม | Ministry of Environment | 환경부 | ME |
14 | กระทรวงการจ้างงาน และแรงงาน | Ministry of Employment and Labor | 고용노동부 | MOEL |
15 | กระทรวงความเสมอภาพทางเพศ และครอบครัว | Ministry of Gender Equality and Family | 여성가족부 | MOGEF |
16 | กระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน และคมนาคม | Ministry of Land, Infrastructure and Transport | 국토교통부 | MOLIT |
17 | กระทรวงมหาสมุทรและประมง | Ministry of Oceans and Fisheries | 해양수산부 | MOF |
การแบ่งเขตการปกครอง
ประเทศเกาหลีใต้แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 8 จังหวัด (เกาหลี: 도) 1 จังหวัดปกครองตนเองพิเศษ (เกาหลี: 특별자치도) 6 มหานคร (เกาหลี: 광역시) 1 นครพิเศษ (เกาหลี: 특별시) และ 1 นครปกครองตนเองพิเศษ (เกาหลี: 특별자치)
แผนที่ | รายชื่อ | ฮันกึล | ฮันจา | ประชากร | |
---|---|---|---|---|---|
นครพิเศษ | |||||
โซล (ซออุล) | 서울특별시 | 서울特別市 | 9,794,304 | ||
นครปกครองตนเองพิเศษ | |||||
เซจง | 세종특별자치시 | 世宗特別自治市 | 96,000 | ||
มหานคร | |||||
ปูซาน (พูซัน) | 부산광역시 | 釜山廣域市 | 3,635,389 | ||
แทกู | 대구광역시 | 大邱廣域市 | 2,512,604 | ||
อินช็อน | 인천광역시 | 仁川廣域市 | 2,628,000 | ||
แทจ็อน | 대전광역시 | 大田廣域市 | 1,442,857 | ||
ควังจู | 광주광역시 | 光州廣域市 | 1,456,308 | ||
อุลซัน | 울산광역시 | 蔚山廣域市 | 1,087,958 | ||
จังหวัด | |||||
คย็องกี | 경기도 | 京畿道 | 10,415,399 | ||
คังว็อน | 강원도 | 江原道 | 1,592,000 | ||
ชุงช็องเหนือ | 충청북도 | 忠淸北道 | 1,462,621 | ||
ชุงช็องใต้ | 충청남도 | 忠淸南道 | 1,840,410 | ||
ช็อลลาเหนือ | 전라북도 | 全羅北道 | 1,890,669 | ||
ช็อลลาใต้ | 전라남도 | 全羅南道 | 1,994,287 | ||
คย็องซังเหนือ | 경상북도 | 慶尙北道 | 2,775,890 | ||
คย็องซังใต้ | 경상남도 | 慶尙南道 | 2,970,929 | ||
จังหวัดปกครองตนเองพิเศษ | |||||
เชจู | 제주특별자치도 | 濟州特別自治道 | 560,000 |
การต่างประเทศ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
กองทัพ
เศรษฐกิจ
เป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ ที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดด เป็นประเทศพัฒนาแล้ว
- การเพาะปลูก : พืชสำคัญได้แก่ ข้าวเจ้า ข้าวบาร์เลย์ แอปเปิล มันฝรั่ง ถั่วเหลือง ข้าวสาลี
- การเลี้ยงสัตว์ : สัตว์เลี้ยงสำคัญได้แก่ สุกร โค สัตว์ปีก และตัวไหม
- การประมง : ผลผลิตทางการประมงของเกาหลีใต้มีเหลือใช้ในประเทศจนสามารถส่งเป็นสนค้าส่งออกที่สำคัญอย่างหนึ่ง เกาหลีใต้สามารถจับปลาได้เป็นอันดับ 10 ของโลก (ไทยเป็นอันดับ 9 สถิติปี พ.ศ. 2535)
- การทำเหมืองแร่ : เกาหลีใต้ขาดแคลนถ่านหินและน้ำมันปิโตเลียม แต่มีแร่ธาตุอื่นๆอีกหลายชนิด ได้แก่ แกรไฟต์ ดินเกาลิน และทังสเตน
- อุตสาหกรรม : อุตสาหกรรมในเกาหลีใต้ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมเบา ผลผลิตทางอุตสาหกรรมที่สำคัญได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า สิ่งทอ รถยนต์ ปิโตรเคมี และเรือเดินสมุทร
การท่องเที่ยว
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การขนส่ง
ประชากรศาสตร์
เชื้อชาติ
ประชากร ใน พ.ศ. 2558 ประชากรประมาณ 51,529,338 คน มีเชื้อสายมาจากเกาหลี จีน ฟิลิปปินส์ และเชื้อสายอื่นๆอีก
- เชื้อชาติ : ประเทศเกาหลีแทบจะไม่มีชนชาติอื่นนอกจากคนเกาหลีเอง แต่ก็มีชาวจีนประมาณ 30,000 คน ซึ่งอยู่ตามเขตเมืองหลวงมาช้านานแล้ว และยังมีชาวฟิลิปปินส์อีก 72,000 คน
ศาสนา
ประเทศเกาหลีใต้ไม่มีศาสนาประจำชาติ และประชาชนมีอิสระในการนับถือศาสนา ในปี พ.ศ. 2548 ประชากรเกาหลีใต้เกือบครึ่งหนึ่งเป็นผู้ที่ไม่มีศาสนา ส่วนที่เหลือส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธหรือคริสต์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2550 มีการสำรวจสำมะโนประชากร พบว่าร้อยละ 29.2 นับถือศาสนาคริสต์ (ในจำนวนนี้เป็นโปรเตสแตนต์ร้อยละ 18.3 และคาทอลิกร้อยละ 10.9) รองลงมาคือร้อยละ 22.8 นับถือศาสนาพุทธ ต่อมาใน พ.ศ. 2558 ผลการสำรวจสำมะโนครัวประชากรพบว่ามีประชากรที่ไม่นับถือศาสนามากขึ้น คิดเป็นร้อยละ 56.9 นับถือศาสนาคริสต์ร้อยละ 27.6 (แบ่งเป็นโปรเตสแตนต์ร้อยละ 19.7 และคาทอลิกร้อยละ 7.9) และนับถือศาสนาพุทธร้อยละ 15.5
นอกจากนี้ยังศาสนิกของศาสนาอิสลาม ซึ่งเข้าสู่เกาหลีครั้งแรกในคริสต์ศตวรรษที่ 7 รวมทั้งลัทธิเกิดใหม่อย่างลัทธิช็อนโด และลัทธิว็อนบุล ทั้งยังมีการปฏิบัติศาสนกิจในลัทธิเชมัน ลัทธิดั้งเดิมของเกาหลีก่อนรับศาสนาอื่น ซึ่งนับถือเทพเจ้าผู้สร้างคือ ฮวันอิน (คือพระอินทร์ในพุทธศาสนา) ทั้งได้รับการนับถือในกลุ่มชาวคริสต์ทั้งคาทอลิกและโปรเตสแตนต์ด้วย
ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีศาสนิกมากที่สุดในเกาหลีใต้ มีศาสนิกชนราว 13.7 ล้านคน โดยประชากรราวสองในสามนิยมเข้าโบสถ์โปรเตสแตนต์ และประชากรร้อยละ 23 นิยมเข้าโบสถ์ของโรมันคาทอลิก อย่างไรก็ตามในช่วงปี พ.ศ. 2523 ศาสนิกชนเข้าโบสถ์โปรเตสแตนต์ลดลง เพราะการขยายตัวของนิกายโรมันคาทอลิก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเกาหลีใต้ถือเป็นประเทศที่มีการส่งมิชชันนารีออกเผยแผ่ศาสนามากเป็นอันดับสองของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา
ศาสนาพุทธเข้ามามีบทบาทในเกาหลีตั้งแต่ปี พ.ศ. 915 จากการสำรวจสำมะโนประชากรในปี ค.ศ. 2005 มีศาสนิกชนราว 10.7 ล้านคน ปัจจุบันชาวพุทธส่วนใหญ่ในเกาหลีใต้ร้อยละ 90 นับถือนิกายโจ-กเย ซึ่งศาสนวัตถุของพุทธศาสนาจำนวนมากได้กลายเป็นสมบัติประจำชาติ ซึ่งตกทอดมาจากยุครัฐเหนือใต้ และยุคโครยอที่ศาสนาพุทธมีความเจริญจนถึงขีดสุด และภายหลังศาสนาพุทธได้อ่อนแอลงจากการปราบปรามของราชวงศ์โชซ็อนซึ่งนับถือลัทธิขงจื๊อ
ศาสนาอิสลามเคยเข้ามามีอิทธิพลในดินแดนเกาหลีตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 7 ในยุครัฐเหนือใต้ แต่ผู้สืบเชื้อสายได้หันไปนับถือศาสนาพุทธหรือเชมันแทน เนื่องจากเกาหลีขาดการติดต่อกับโลกอาหรับ ปัจจุบันจากการเผยแผ่ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 มีชาวมุสลิมสัญชาติเกาหลีใต้ราว 30,000-35,000 คน ขณะที่อิสลามิกชนส่วนใหญ่ราว 100,000 คนในเกาหลีใต้เป็นแรงงานชาวต่างชาติ อาทิ บังกลาเทศ และปากีสถาน
ภาษา
วัฒนธรรม
ศิลปะเกาหลีมีลักษณะเด่นหลายประการที่ทำให้เกิดแบบของตัวเอง ศิลปะเกาหลียกย่องธรรมชาติ และการใช้สีอ่อนและเรียบก็ปรากฏอยู่เสมอในภาพเขียนและเครื่องปั้นแบบเกาหลี
ศิลปะเกาหลี
ศิลปะเกาหลีมีลักษณะเด่นหลายประการที่ทำให้เกิดแบบของตัวเอง ศิลปะเกาหลียกย่องธรรมชาติ และการใช้สีอ่อนและเรียบก็ปรากฏอยู่เสมอในภาพเขียนและเครื่องปั้นแบบเกาหลี วัฒนธรรมงานหัตกรรมพื้นบ้านคือศิลปะที่สืบทอดกันมาหลายร้อยปี งานไม้และเครื่องเขินของเกาหลีเป็นที่รู้จักกันดี โดยเน้นการออกแบบเพื่อประโยชน์ใช้สอยและความเรียบง่าย สิ่งสะดุดตาในงานไม้เกาหลีคือศิลปะการประดับมุก งานหัตกรรมโลหะทำด้วยทอง ทำด้วยสำริด ทางด้านพระพุทธศาสนามีการสร้างพระพุทธรูปสำริด ระฆังวัดที่หล่อด้วยสำริด เอกลักษณ์ของระฆังเกาหลีคือรูปร่างการออกแบบและเสียง ศิลปะเครื่องปั้นดินเผา เกาหลีเป็นประเทศที่เป็นที่ยอมรับในการพัฒนาศิลปะด้านนี้และเครื่องปั้นดินเผาที่มีชื่อเสียงคือ ศิลาดล เป็นเครื่องเคลือบที่มีความสดใส ฝีมือประณีต นิยมเคลือบด้วยสีขาวซึ่งพัฒนาให้สวยงามในยุคโกเรียว เพื่อการอนุรักษ์สิ่งดีงามตั้งแต่อดีต ทางการเกาหลีได้จัดตั้งโครงการสมบัติประจำชาติเกาหลีใต้ขึ้น
ศิลปะของนักปราชญ์ เดิมรูปแบบตัวอักษรเกาหลีและญี่ปุ่นเป็นอักษรจีน ซึ่งเป็นตัวเขียนที่ยังใช้อยู่ในเอเชียตะวันออกร่วมพันปี แม้ว่าหลังจากที่เกาหลี ประดิษฐ์อักษรฮันกึล ในปี พ.ศ. 1989 (ค.ศ. 1446) ตัวอักษรจีนยังคงใช้ในภาษาทางการ จนถึงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 เพราะว่าตัวอักษรจีนมีอยู่นับหมื่นตัว แต่ละตัวมีความแตกต่างกัน มีวิธีเขียนหลายแบบ หลายความหมาย การเรียนอ่านและการเขียนตัวอักษรจีนไม่ใชเรื่องง่าย ศิลปะการเขียนอักษรจีนได้เข้ามาในประเทศเกาหลีเมื่อ 1,500 ปีมาแล้ว
การเขียนตัวอักษรด้วยพู่กันเกาหลีเรียกว่า "บุดกึลซี" ต้องอาศัยปัจจัย 4 ของนักปราชญ์ ได้แก่ หมึก แท่งหินฝนหมึก พู่กันและกระดาษ ศิลปินเขียนพู่กันส่วนใหญ่มักเป็นทั้งนักปราชญ์และจิตรกร ศิลปินเหล่านี้อาจใช้พู่กันเล่มเดียวกันเขียนกลอนบรรยายภาพ ภาพวาดเกาหลี เป็นศิลปะที่มีธรรมเนียมนิยมของตนเองอย่างสมบูรณ์ จิตรกรรม ภาพจิตกรรมของเกาหลีมีมานานแล้ว สถาบันภาพวาดก่อตั้งขึ้นในยุคโกกุริวสถาบันแห่งนี้เน้นภาพวาดที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา รูปแบบจิตรกรรมที่หลากหลายได้พัฒนาสืบต่อกันมาจนถึงสมัยโซชอน พร้อมนำรูปแบบศิลปะจีนแบบใหม่รวมทั้งเทคนิคการวาดภาพแบบตะวันตก มีการใช้สีสันสดใสในภาพที่วาดเกี่ยวกับศาสนานี้
เครื่องแต่งกายประจำชาติของเกาหลี
ชาวเกาหลีมีชุดประจำชาติตั้งแต่สมัยโบราณ เรียกว่า ฮันบก (ฮันหมายถึงชาวเกาหลี บกหมายถึงชุด รวมกันหมายถึงชุดของชาวเกาหลี) ฮันบกทั้งของผู้หญิงและผู้ชายมีลักษณะหลวมๆ เพื่อความสะดวกสบายและคล่องแคล่วไม่ใช้กระดุมหรือตะขอ แต่จะใช้ผ้าผูกไว้แทน ชุดของผู้ชาย ข้างล่างประกอบด้วย "ปันซือ" แต่สมัยใหม่เรียกว่า "แพนที" ซึ่งหมายถึงกางเกงใน ชั้นนอกสวม "บาจี" เป็นกางเกงขายาวหลวมๆรวบปลายขาไว้ด้วย "แทมิน" เป็นแถบผ้าใช้มัดขากางเกง"บันโซเม" เป็นเสื้อรัดรูปแขนสั้นไว้ข้างใน เสื้อนอกเรียกว่า "จอโกลี" เป็นเสื้อแขนยาวไม่มีปกไม่มีกระเป๋า
ชุดของผู้หญิง ประกอบด้วย "แพนที" หรือกระโปรงที่อยู่ข้างใน ข้างบนใช้ "ซ็อกชีมา" เป็นแถบผ้าขนาดใหญ่ ใช้มัดทรวงอกไว้แทนเสื้อยกทรง ข้างนอกสวม "ชีมา" เป็นกระโปรงยาวกรอมเท้า สวมเสื้อ "จอโกรี" เป็นเสื้อนอกแขนยาว ฮันบกเป็นภาพรวมศิลปะของเกาหลีที่สามารถพบเห็นได้ตามท้องถนนของเกาหลี ราวกับถนนสายแฟชั่นของปารีส ฮันบกชุดแต่งกายประจำชาติของเกาหลีทำจากผ้าสีสันสดใส เนื้อผ้าจะขึ้นอยู่กับโอกาสและวัยของผู้ใส่ เด็กหญิงหรือหญิงสาวจะสวมกระโปรงสีแดงเสื้อสีเหลือง จะเปลี่ยนเป็นกระโปรงสีแดง เสื้อสีเขียวเมื่อแต่งงานแล้ว ส่วนหญิงสูงอายุอาจเลือกสีสันต่างๆ ที่สดใส และเลือกใช้เนื้อผ้าได้หลากหลาย
ปัจจุบันชุดแต่งกายวัฒนธรรมเดิมจะใช้เฉพาะโอกาสพิเศษเท่านั้น แต่ตามถนนหนทาง และรถไฟใต้ดินจะยังคงเห็นผู้คนสวมใส่กันอยู่บ้าง โดยเฉพาะผู้สูงอายุยังคงสวมใส่ชุดฮันบกอยู่
ดนตรี
เพลง
อาหาร
อาหารเกาหลี เป็นอาหารประจำชาติของชาวเกาหลีในประเทศเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ อาหารเกาหลีที่เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดคือกิมจิ (เกาหลี: 김치, MC: Gimchi, MR: Kimch'i คิมชี) ซึ่งเป็นผักดองที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวเกาหลี รวมทั้งพีบิมบับ หรือ "ข้าวยำเกาหลี" มีลักษณะเป็นข้าวสวยโรยหน้าด้วยผักที่ปรุงแล้วนิยมทานร่วมกับไข่ดาว น้ำพริก ไข่ลวก และเนื้อสัตว์ชนิดต่างๆคลุกให้เข้ากัน
อาหารอื่นๆที่เป็นที่นิยมทั้งในหมู่คนเกาหลีและนักท่องเที่ยวได้แก่ อาหารปิ้งย่าง (เนื้อสัตว์และอาหารทะเลนำไปย่างทานกับน้ำจิ้มรสชาติต่างๆ), ไก่ทอด, เกี๊ยวซ่าเกาหลี, ข้าวผัดเกาหลี และหัวไชเท้าดอง
อ้างอิง
- (PDF). Faculty of Philosophy and Social-Political Sciences: 6. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม (PDF) เมื่อ September 25, 2013. สืบค้นเมื่อ January 16, 2014.
- "[시행 2016.8.4.] [법률 제13978호, 2016.2.3., 제정] (Enforcement 2016.8.4. Law No. 13978, enacted on February 3, 2016)" (ภาษาเกาหลี). 2016. สืบค้นเมื่อ July 26, 2017.
- "Kosis 100대 지표".
- ↑ "World Economic Outlook Database, October 2019". IMF.org. International Monetary Fund. สืบค้นเมื่อ 30 October 2019.
- "Distribution of income (Gini index)". e-National Index. Daejeon: Korea National Statistical Office. สืบค้นเมื่อ June 30, 2017.
- "Human Development Report 2020" (PDF) (ภาษาอังกฤษ). United Nations Development Programme. December 15, 2020. สืบค้นเมื่อ December 15, 2020.
- "Korea - Geography and Maps | Goway Travel". www.goway.com.
- "20th CENTURY: Korea as a Colony of Japan, 1910-1945 | Central Themes and Key Points | Asia for Educators | Columbia University". afe.easia.columbia.edu.
- "US Enters the Korean Conflict". National Archives (ภาษาอังกฤษ). 2016-08-15.
- "Korea: A History Of The North-South Split". Sky News (ภาษาอังกฤษ).
- "The Korean War, 1950-1953 - The Cold War, 1948-1960 - OCR A - GCSE History Revision - OCR A". BBC Bitesize (ภาษาอังกฤษ).
- "Korean War | Eisenhower Presidential Library". www.eisenhowerlibrary.gov.
- "Korean War | National Army Museum". www.nam.ac.uk (ภาษาอังกฤษ).
- Sicard, Sarah (2020-06-25). "A brief history of the Korean War". Military Times (ภาษาอังกฤษ).
- Service (KOCIS), Korean Culture and Information. "Transition to a Democracy and Transformation into an Economic Powerhouse : Korea.net : The official website of the Republic of Korea". www.korea.net.
- Kim & Chang - Hyun Ho Eun (2019-12-05). "Spotlight: free speech and media freedom in South Korea". Lexology (ภาษาอังกฤษ).
- "South Korea : Distinct improvement after a bad decade | Reporters without borders". RSF (ภาษาอังกฤษ).
- "South Korea Corruption Rank | 1995-2020 Data | 2021-2023 Forecast | Historical | Chart". tradingeconomics.com.
- "South Korea Corruption Report". GAN Integrity (ภาษาอังกฤษ).
- Ferrier, Kyle. "The South Korean Presidency Isn't Cursed. It Just Needs to Be Reformed". thediplomat.com (ภาษาอังกฤษ).
- "South Korea's troubling history of jailing ex-presidents". American Enterprise Institute - AEI (ภาษาอังกฤษ). 2018-10-09.
- Welle (www.dw.com), Deutsche. "Former South Korean president sentenced to prison | DW | 30.11.2020". DW.COM (ภาษาอังกฤษ).
- "Ex-President Roh Tae-woo to Pay Remainder of Massive Fine". english.chosun.com (ภาษาอังกฤษ).
- "South Korea Internet Speed | 2007-2017 Data | 2020-2021 Forecast | Historical | Chart". tradingeconomics.com.
- "Internet Speeds by Country - Fastest Internet In The World Map". www.fastmetrics.com.
- "South Korea's Mobile and Broadband Internet Speeds". Speedtest Global Index (ภาษาอังกฤษ).
- "The Global Impact of South Korean Popular Culture: Hallyu Unbound ed. by Valentina Marinescu". ResearchGate (ภาษาอังกฤษ).
- "'Korean Wave' of pop culture sweeps across Asia". www.cnn.com (ภาษาอังกฤษ).
- Yong Jin, Dal (Fall 2012). "Hallyu 2.0: The New Korean Wave in the Creative Industry". International Institute Journal. 2 (1).
- "South Korea — History and Culture". www.iexplore.com.
- "Korea Information - History". Korean Cultural Center New York (ภาษาอังกฤษ).
- "Korean History and Political Geography". Asia Society (ภาษาอังกฤษ).
- "Three Kingdoms Period in Korea". World History Encyclopedia (ภาษาอังกฤษ).
- https://www.korea.net/AboutKorea/History/Three-Kingdoms-other-States
- Yi, Kodme; Kim, Hwajoong (2016-07-21). "The 'Nurses Ordinance' of Korea under Japanese Rule". Journal of Korean Community Nursing (ภาษาKorean).CS1 maint: unrecognized language (link)
- "Korea - Korea under Japanese rule". Encyclopedia Britannica (ภาษาอังกฤษ).
- 宮田 節子 [Miyata, Setsuko]. "創氏改名" [Creating Surnames and Changing Given Names}, 明石書店 [Akashi-shoten], 1992, al. ISBN 4-7503-0406-9
- [1]
- 山脇 啓造 Yamawaki, Keizo. 近代日本と外国人労働者―1890年代後半と1920年代前半における中国人・朝鮮人労働者問題 Modern Japan and Foreign Laborers: Chinese and Korean Laborers in the late 1890s and early 1920s, 明石書店 Akashi-shoten, 1994, et al. ISBN 4-7503-0568-5
- http://archives.cnn.com/2001/WORLD/asiapcf/east/03/29/japan.comfort.women/index.html] [2] [3] Comfort-Women.org
- Pruitt, Sarah. "Why Are North and South Korea Divided?". HISTORY (ภาษาอังกฤษ).
- "Korea - Division of Korea". Encyclopedia Britannica (ภาษาอังกฤษ).
- "Government Ministry of Foreign Affairs, Republic of Korea". www.mofa.go.kr.
- "Ministries in Korea - Information about Korea - Nowak & Partner / Recruitment, Market Entry, Project Management". www.nowak-partner.com.
- ↑ South Korea National Statistical Office's 19th Population and Housing Census (2015): "Religion organizations' statistics". Retrieved December 20, 2016
- "Constitution of the Republic of Korea". Constitutional Court of Korea. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ March 23, 2008. สืบค้นเมื่อ June 26, 2009.
- . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2010-03-06. สืบค้นเมื่อ 2019-12-15.
- "International Religious Freedom Report 2008 – Korea, Republic of". U.S. Department of State. Bureau of Democracy, Human Rights, and Labor. January 22, 2009. สืบค้นเมื่อ January 31, 2010.
- ↑ Grayson, James Huntley (2002). Korea: A Religious History. Routledge. p. 195. ISBN 0-7007-1605-X.
- Religion in Korea, Asia Info Organization
- Colin Whittaker, Korea Miracle (book), Eastbourne, 1988, p. 63.
- ↑ Agence France-Presse (January 31, 2009). "S. Korea president faces protests from Buddhists". The Straits Times. สืบค้นเมื่อ January 31, 2009.
- Kim, Andrew Eungi (2000). "Christianity, Shamanism, and Modernization in South Korea". CBS Interactive. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ June 28, 2012. สืบค้นเมื่อ February 13, 2009.
- Moll, Rob (March 1, 2009). "Missions Incredible". Christianity Today. Christianity Today International. สืบค้นเมื่อ February 17, 2009.
- "Buddhism in Korea". Korean Buddhism Magazine, Seoul. 1997. สืบค้นเมื่อ February 17, 2009.
- "International Religious Freedom Report 2008 – Korea, Republic of". United States Department of State. September 19, 2009. สืบค้นเมื่อ February 17, 2009.
- "BBC – Korean Zen Buddhism". Bbc.co.uk. October 2, 2002. สืบค้นเมื่อ April 25, 2010.
- Islamic Korea - Pravda.Ru
- Bae Ji-sook (2007-08-10). . The Korea Times. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2019-10-22. สืบค้นเมื่อ 2019-12-15.
- "Islam takes root and blooms". Islamawareness.net. November 22, 2002. สืบค้นเมื่อ April 25, 2010.
- "Korea's Muslims Mark Ramadan". The Chosun Ilbo. Seoul. September 11, 2008. สืบค้นเมื่อ March 4, 2012.
- Service (KOCIS), Korean Culture and Information. "Traditional Arts : Korea.net : The official website of the Republic of Korea". www.korea.net.
- Planet, Lonely. "Arts in Seoul, South Korea". Lonely Planet (ภาษาอังกฤษ).
- CNN, By Violet Kim. "Korean food: 40 best dishes we can't live without". CNN (ภาษาอังกฤษ).
ดูเพิ่ม
- ภาษาเกาหลี
- วอน สกุลเงินในเกาหลีใต้
- ธงชาติเกาหลีใต้
- ฟุตบอลทีมชาติเกาหลีใต้
- ราชวงศ์โชซ็อน ราชวงศ์สุดท้ายของเกาหลี
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
ค้นหาเกี่ยวกับ เกาหลีใต้ เพิ่มที่โครงการพี่น้องของวิกิพีเดีย | |
บทนิยาม จากวิกิพจนานุกรม | |
สื่อ จากคอมมอนส์ | |
อัญพจน์ จากวิกิคำคม | |
ข้อความต้นฉบับ จากวิกิซอร์ซ | |
ตำรา จากวิกิตำรา |
- ข้อมูลประเทศเกาหลีใต้ จากเว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ ประเทศไทย
- ข้อมูลประเทศเกาหลี จาก เว็บเอเปกไทย
- ข้อมูลประเทศเกาหลีใต้จากเวิลด์แฟกต์บุก เว็บไซต์ซีไอเอ สหรัฐอเมริกา (อังกฤษ)
- Korea ข้อมูลประเทศเกาหลีใต้จากเว็บไซต์สารานุกรมบริทานิกา (อังกฤษ)
- ประเทศเกาหลีใต้ ข้อมูลการท่องเที่ยวจาก วิกิท่องเที่ยว