เจลีก ดิวิชัน 1
เจลีก ดิวิชัน 1 (ญี่ปุ่น: J1リーグ โรมาจิ: J1 Rīgu ทับศัพท์จาก J1-League) เป็นลีกระดับสูงสุดของ ฟุตบอลลีกอาชีพแห่งประเทศญี่ปุ่น (ญี่ปุ่น: 日本プロサッカーリーグ โรมาจิ: Nippon Puro Sakkā Rīgu) และเป็นการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพเจลีก ระดับสูงสุดของประเทศญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในลีกที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในเอเชีย และเป็นลีกเดียวที่ถูกจัดอันดับไว้ในคลาส A โดยสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย
ก่อตั้ง | 2535 |
---|---|
ประเทศ | ญี่ปุ่น |
สมาพันธ์ | เอเอฟซี |
จำนวนทีม | 18 |
ระดับในพีระมิด | 1 |
ตกชั้นสู่ | เจลีก ดิวิชัน 2 |
ถ้วยระดับประเทศ | ถ้วยพระจักรพรรดิ ยามาซากิ นาบิสโก คัพ ฟุจิซีร็อกซ์ ซูเปอร์คัพ |
ถ้วยระดับนานาชาติ | เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก |
ทีมชนะเลิศปัจจุบัน | คะวะซะกิ ฟรอนตาเล่ (2020) |
ชนะเลิศมากที่สุด | คะชิมะ แอนท์เลอร์ส (8 ครั้ง) |
หุ้นส่วนโทรทัศน์ | SKY PerfecTV! (ประเทศญี่ปุ่น) EPSN Brasil (ประเทศบราซิล) สยามสปอร์ต , เอ็มคอตเอชดี (ประเทศไทย) |
เว็บไซต์ | เว็บไซต์ทางการ |
เจลีก ดิวิชัน 1 ฤดูกาล 2021 |
ชื่อของ เจลีก ดิวิชัน 1 ถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็น เจ1 ลีก ตั้งแต่ฤดูกาล 2015 และเมื่อมีผู้สนับสนุนหลักคือ เมจิ ยะสึดะ ไลฟ์ จึงมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า เมจิ ยะสึดะ เจ1 ลีก แต่ในประเทศไทยยังนิยมเรียกว่า เจลีก ดิวิชัน 1
ประวัติ
ก่อนยุคลีกอาชีพ (ก่อน 1992)
ก่อนจะเริ่มเข้าสู่ยุคเจลีก การแข่งขันระดับสูงสุดของสโมสรในญี่ปุ่น Japan Soccer League (JSL) ซึ่งจัดว่าเป็นลีกสมัครเล่น แม้ในยุคทศวรรษที่ 1960 และ 1970 จะได้รับความนิยมขึ้นมา (ช่วงที่ทีมชาติญี่ปุ่นได้เหรียญทองแดงจากกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 1968 ที่เม็กซิโก) แต่ JSL ก็เริ่มซบเซาอีกครั้งในช่วงทศวรรษที่ 1980 เช่นเดียวกับฟุตบอลลีกทั่วโลก แฟนบอลลดน้อยลง สนามคุณภาพไม่ดี และทีมชาติญี่ปุ่นก็ไม่ได้ทีมชั้นนำของเอเชียแต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้ สมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น (JFA) จึงได้ตัดสินใจก่อตั้งลีกอาชีพขึ้นมาเพื่อยกระดับของทีมชาติ เพิ่มความนิยมให้กับลีกในประเทศ และให้มีแฟนบอลมากขึ้น
ด้วยเหตุนี้ เจลีกจึงได้ก่อตั้งขึ้นในปี 1992 โดยมีสโมสรจาก JSL ดิวิชัน 1 เข้าร่วมการแข่งขัน 8 สโมสร ดิวิชัน 2 อีก 1 สโมสร และมีสโมสรชิมิซุ เอส-พัลส์ สโมสรน้องใหม่เข้าร่วมการแข่งขันอีก 1 สโมสร และได้มีการเปลี่ยนชื่อการแข่งขันเป็น ลีกฟุตบอลญี่ปุ่น (Japan Football League: JFL) จัดว่าเป็นลีกกึ่งอาชีพ แต่เจลีกก็ยังไม่ได้เริ่มอย่างเป็นทางการเพราะในตอนนั้นยังมีการแข่งขันยะมะซะกิ นาบิสโก คัพอยู่ ซึ่งเป็นการแข่งขันเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเปิดฤดูกาลจริงในปี 1993
ฤดูกาลแรกและยุครุ่งเรือง (1993-1995)
เจลีก เริ่มต้นอย่างเป็นทางการฤดูกาลแรกในวันที่ 15 พฤษภาคม 1993 โดยมี 10 ทีมเข้าร่วมการแข่งขัน นัดเปิดสนามเป็นการพบกันระหว่าง เวอร์ดี้ คะวะซะกิ (ปัจจุบันคือ โตเกียว เวอร์ดี้) กับ โยะโกะฮะมะ เอฟ มารินอส ที่สนามกีฬาแห่งชาติคะซุมิกะโอกะ
หลังยุครุ่งเรือง (1996-1999)
สามปีแรกของเจลีกประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ในต้นปี 1996 แฟนบอลลดลงอย่างรวดเร้ว และในปี 1997 มีแฟนบอลเข้าชมเฉลี่ยต่อเกมเหลือเพียงแค่ 10,131 คนเท่านั้น เทียบกับในปี 1994 มีแฟนบอลเกมละ 19,000 คน
เปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานและรูปแบบเกม (1999-2004)
ฝ่ายจัดการแข่งขันมองว่าแนวทางในขณะนั้นน่าจะเป็แนวทางที่ผิด จึงได้เริ่มแก้ปัญหา โดยมีทางแก้ไขอยู่สองวิธีด้วยกัน
วิธีแรก คือการออก วิสัยทัศน์ เจลีก 100 ปี โดยตั้งเป้าว่าจะต้องมีสโมสรอาชีพ 100 สโมสรในประเทศญี่ปุ่นภายในปี 2092 ซึ่งจะเป็นปีที่ครบรอบ 100 ปีของลีกพอดี นอกจากนี้ ฝ่ายจัดการแข่งขันลีกยังสนับสนุนให้สโมสรต่างๆช่วยกันสนับสนุนกีฬาฟุตบอลและกีฬาอื่นๆในท้องถิ่นเพื่อให้ได้รับความนิยมจากคนพื้นที่มากขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มรากหญ้า และสนับสนุนให้หาผู้สนับสนุนเป็นธุรกิจใหญ่ในท้องที่นั้นๆ ทางลีกเชื่อว่าความสัมพันธ์กับเมืองและชาวเมืองนั้นจะทำให้สโมสรดีขึ้นอย่างมั่นคงและยั่งยืน มากกว่าการมุ่งหาผู้สนับสนุนที่เป็นนักธุรกิจเจ้าใหญ่ๆระดับประเทศอย่างเดียวเท่านั้น
วิธีที่สองคือ การปรับโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ของลีกในปี 1999 โดยมี 9 สโมสรจากลีกกึ่งอาชีพ JFL และอีก 1 สโมสรจากเจลีก ร่วมสร้าง เจลีก ดิวิชัน 2 เริ่มทำการแข่งขันตั้งแต่ปี 1999 และดันให้ลีกอันดับสองอย่าง JFL กลายเป็นลีกอันดับ 3 ไป
และในยุคนี้จนถึงกี 2004 (ยกเว้นปี 1996) เจลีกถูกแบ่งเป็น 2 เลก และนำแชมป์เลกแรกกับเลกที่สองมาเพลย์ออฟหาแชมป์และรองแชมป์ของลีกไป แต่แชมป์เลกแรกกับเลกสองเป็นทีมเดียวกันก็ถือว่าเป็นแชมป์ไปโดยปริยาย แต่ระบบนี้ถูกยกเลิกไปตั้งแต่ปี 2005
ใช้ระบบลีกยุโรปและเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก (2005-2008)
นับตั้งแต่ฤดูกาล 2005 เจลีก ดิวิชัน 1 มีทีมเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 18 ทีม (จากที่เคยมี 16 ทีมในปี 2004) และระบบฤดูกาลแข่งขันเริ่มเปลี่ยนมาใช้แบบสโมสรในยุโรป ทีมที่ต้องตกชั้นเพื่มจาก 2 เป็น 2.5 ทีม นั่นคือ ทีมอันดับสามจากท้ายตารางจะต้องไปเล่นเพลย์ออฟกับทีมอันดับ 3 ในเจลีกดิวิชัน 2 เพื่อหาผู้ที่ต้องตกไปอยู่ดิวิชัน 2
อย่างไรก็ตาม ในสมัยก่อน สโมสรเจลีกไม่ค่อยจะจริงจังกับการแข่งชันเอเชียนแชมเปียนส์ลีกเท่าไหร่นักเนื่องจากต้องเดินทางไกลและคุณภาพของทีมที่ต้องแข่งด้วยนั้นยังไม่น่าสนใจเท่าไหร่ แต่ในปี 2008 มีทีมญี่ปุ่นผ่านเข้าไปสู่รอบก่อนรองชนะเลิศถึง 3 ทีมด้วยกัน
แต่เมื่อได้มีการผนวกเอลีกเข้าสู่ฟุตบอลเอเชียตะวันออก และเริ่มมีการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก ชาวเอเชียเริ่มหันมาสนใจฟุตบอลรายการนี้กันมากขึ้น ทำให้ลีกญี่ปุ่นและสโมสรต่างๆของญี่ปุ่นเริ่มหันมาให้ความสนใจฟุตบอลรายการเอเชียมากขึ้น ตัวอย่างเช่น คะวะซะกิ ฟรอนตาเล เริ่มสร้างฐานแฟนบอลในฮ่องกง ได้หลังจากที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันรายการนี้ในฤดูกาล 2007 และจากการที่อุระวะ เรดไดมอนส์และกัมบะ โอซะกะคว้าแชมป์เอเชียได้ในปี 2007 และ 2008 ความนิยมและความสนใจในฟุตบอลเวทีเอเชียก็เริ่มมีกขึ้น ด้วยเหตุนี้ ประกอบกับการจัดการลีกที่ดี สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียจึงได้ยกย่องให้เจลีกเป็นลีกที่อยู่ในอันดับสงสุด และมีโอกาสเล่นฟุตบอลเอเชียถ้วยใหญ่ถึง 4 ที่นับตั้งแต่ปี 2009 และลีกยังได้โอกาสในการขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดให้กับต่างประเทศ โดยเฉพาะในชาติเอเชียด้วยกัน
นับตั้งแต่ปี 2008 แชมป์รายการถ้วยพระจักรพรรดิสามารถเข้าร่วมการแข่งขันแชมเปียนส์ลีกในฤดูกาลต่อไปได้เลย แทนที่จะต้องรอไปเล่นในปีถัดไป (เช่น โตเกียวเวอร์ดี้เคยได้แชมป์รายการนี้ในปี 2005 แต่ต้องไปแข่งระดับเอเชียในฤดูกาล 2007 แทนที่จะเป็นฤดูกาล 2006) ด้วยเหตุนี้ จึงมีหนึ่งทีมที่ต้องเสียสละ นั่นคือ คะชิมะแอนต์เลอส์ ที่ได้แชมป์ในปี 2007 ก็ถูกระงับสิทธิ์ในการไปเล่นแทน แต่อย่างไรก็ตาม คะชิมะแอนต์เลอส์ก็ยังสามารถไปเล่นฟุตบอลเอเชียในปี 2009 ได้เนื่องจากสามารถคว้าแชมป์เจลีก ดิวิชัน 1 ในปี 2008 ได้นั่นเอง
เจลีกยุคใหม่ (2009-2016)
ในปี 2009 เกิดการเปลี่ยนแปลงในลีกครั้งใหญ่อีกครั้ง เริ่มจากการมี 4 สโมสรเข้าร่วมรายการเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก ต่อด้วยการมีทีมตกชั้นเพิ่มเป็น 3 ทีม นอกจากนี้ ด้วยกฎใหม่ของสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย เจลีกจึงต้องตั้งกฎให้มีผู้เล่นต่างชาติได้เพียง 4 คน แต่ต้องมี 1 คนที่มาจากชาติสมาชิกของสมาพันธ์ (ที่ไม่ใช่ญี่ปุ่น) นอกจากนั้น ยังมีการบังคับใช้ระบบไลเซนส์ของสโมสรเจลีกเพื่อตั้งมาตรฐานการอยู่ในลีกอาชีพสูงสุด
ในปี 2015 เจลีก ดิวิชัน 1 ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น เจ1 ลีก นอกจากนี้ ระบบลีกของเจลีกถูกแบ่งการแข่งขันออกเป็น 3 ช่วงด้วยกัน โดยในหนึ่งปีจะถูกแบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 ช่วง ส่วนช่วงที่สามจะเป็นช่วงสำหรับการเพลย์ออฟเพื่อตัดสินแชมป์ โดยมีทีมที่เข้าร่วมการแข่งขัน 5 ทีม ได้แก่ ทีมที่ทำคะแนนรวมสูงสุด 1 ทีม ทีมที่เก็บคะแนนได้มากที่สุดสองทีมในช่วงที่ 1 และทีมที่เก็บคะแนนได้มากที่สุดสองทีมในช่วงที่ 2
เจลีกยุคปัจจุบัน (2017-)
แม้ฝ่ายจัดการแข่งขันคิดจะใช้ระบบแบ่งครึ่งลีกไปประมาณ 5 ปี แต่ระบบนี้ได้มีการยกเลิกและเปลี่ยนไปเป็นระบบตารางคะแนนเดียวเช่นเดิมตั้งแต่ปี 2017 หลังจากได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์และได้รับเสียงตอบรับที่ไม่ดีจากแฟนบอล นั่นคือ ทีมที่ทำผลงานทั้งฤดูกาลได้ดีที่สุด จะได้แชมป์ไปครอง
ฤดูกาล 2020
ระบบลีก
เจลีก ดิวิชัน 1 ในฤดูกาล 2560 (ค.ศ. 2017) มีทีมเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 18 ทีม ทำการแข่งขันแบบพบกันหมดแบบเหย้า-เยือน ดังนั้น หนึ่งสโมสรจะทำการแข่งขันทั้งหมด 34 เกม และทีมที่ชนะจะได้ 3 คะแนน แพ้ได้ 0 คะแนน และหากเสมอกันได้ 1 คะแนน การจัดอันดับจะคิดคะแนนตามแต้ม และหากมีจำนวนแต้มเท่ากัน จะใช้หลักการจัดอันดับดังนี้
- พิจารณาจากผลต่างของประตูได้ และประตูเสีย (Goals Difference)
- พิจารณาเฉพาะประตูได้ (Goals Scored)
- พิจารณาจากผลการแข่งขันของทีมที่มีคะแนนเท่ากันที่เคยแข่งกันมาในฤดูกาล (Head To Head)
- พิจารณาคะแนนวินัย (Disciplinary Points)
หากจำเป็นจะมีการจับสลาก แต่ถ้าหากมีสองทีมที่ได้คะแนนเท่ากันในอันดับที่ 1 ทั้งสองทีมจะได้แชมป์ร่วมกัน สามอันดับแรกจะได้สิทธิ์เข้าแข่งขัน เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก ในฤดูกาลถัดไป และทีมสามอันดับสุดท้ายตกชั้นสู่ เจลีก 2
- เงินรางวัล (อ้างอิงจากปี 2015)
- แชมป์ (ผู้ชนะในรอบชิงของรอบแชมป์เปี้ยนชิพ): 100,000,000 เยน
- ผู้ชนะสเตจ 1 และ สเตจ 2: 50,000,000 เยน
- อันดับที่ 1 ในผลรวมคะแนนทั้ง 2 สเตจ: 80,000,000 เยน
- อันดับที่ 2 ในผลรวมคะแนนทั้ง 2 สเตจ: 30,000,000 เยน
- อันดับที่ 3 ในผลรวมคะแนนทั้ง 2 สเตจ: 20,000,000 เยน
- ผู้ชนะในรอบแรกและรอบรองชนะเลิศของรอบแชมป์เปี้ยนชิพ : 15,000,000 เยน
สโมสรที่เข้าร่วมการแข่งขัน
สโมสร | ที่ตั้ง | สนาม | จำนวนผู้ชม | ฤดูกาลที่ผ่านมา |
---|---|---|---|---|
โยโกฮามะ เอฟซี | คานางาวะ | มิตสึซาวะสเตเดียม | 15,046 | เจ2 (อันดับที่ 2) |
โยโกฮามะ เอ็ฟ มารินอส | นิสสัน สเตเดียม | 72,327 | เจ1 (ชนะเลิศ) | |
โชนัน เบลมาเร | บีเอ็มดับบลิวสเตเดียมฮิรัตสุกะ | 18,500 | เจ1 (อันดับที่ 16) | |
คะวะซะกิ ฟรอนตาเล | โทะโดะโระกิสเตเดียม | 26,232 | เจ1 (อันดับที่ 4) | |
กัมบะ โอซะกะ | โอซะกะ | พานาโซนิค สเตเดียม ซุอิตะ | 39,694 | เจ1 (อันดับที่ 7) |
เซเรซโซ โอซากะ | สนามกีฬายันมาร์ สนามกีฬาคันโช | 18,007 47,853 | เจ1 (อันดับที่ 5) | |
ซางัน โทซุ | ซางะ | เอคิมาเอะ สเตเดียม | 24,130 | เจ1 (อันดับที่ 15) |
โออิตะ ทรินิตา | โออิตะ | โชวะ เดนโกะ โดม โออิตะ | 40,000 | เจ1 (อันดับที่ 9) |
อูราวะ เรดไดมอนส์ | ไซตามะ | สนามกีฬาไซตะมะ 2002 | 63,700 | เจ1 (อันดับที่ 14) |
วิสเซล โคเบะ | เฮียวโงะ | โนเอเวอร์ สเตเดียม | 30,132 | เจ1 (อันดับที่ 8) |
เวกัลตะ เซ็นได | มิยะงิ | ยูร์เทค สเตเดียม เซ็นได | 19,694 | เจ1 (อันดับที่ 11) |
คาชิวะ เรย์โซล | ชิบะ | ฮิตาชิ คาชิวะ สเตเดียม | 15,900 | เจ2 (ชนะเลิศ) |
คอนซาโดเล ซัปโปโระ | ฮกไกโด | ซัปโปโระ โดม ซัปโปโระ อัตสึเบตสึ สเตเดียม | 41,484 20,861 | เจ1 (อันดับที่ 10) |
เอฟซี โตเกียว | โตเกียว | สนามกีฬาอะยิโนะโมะโตะ | 49,970 | เจ1 (อันดับที่ 2) |
ชิมิซุ เอส-พัลส์ | ชิซุโอะกะ | ไอเอไอ สเตเดียม | 20,339 | เจ1 (อันดับที่ 12) |
คาชิมะ แอนต์เลอส์ | อิบารากิ | สนามฟุตบอลคาชิมะ | 40,728 | เจ1 (อันดับที่ 3) |
นาโงยะ แกรมปัส | ไอชิ | สนามกีฬาปาโลมา มิซุโฮะ | 27,001 45,000 | เจ1 (อันดับที่ 13) |
ซานเฟรซ ฮิโรชิมะ | ฮิโรชิมะ | อีดิออน สเตเดียม | 36,894 | เจ1 (อันดับที่ 6) |
สถิติ
ทำเนียบแชมป์
ยุคแบ่งฤดูกาล (1993-2004) ตัวหนา ทีมที่เป็นแชมป์; † แข่งแบบฤดูกาลเดียว; ‡ ทีมเดียวกันชนะทั้งสองสเตจ
ผ | สเตจที่ 1 | สเตจที่ 2 | |
---|---|---|---|
1993 | คาชิมะ แอนต์เลอส์ | เวอร์ดี คาวาซากิ | |
1994 | ซานเฟรซ ฮิโรชิมะ | เวอร์ดี คาวาซากิ | |
1995 | โยโกฮามะ เอ็ฟ มารินอส | เวอร์ดี คาวาซากิ | |
1996 † | คาชิมะ แอนต์เลอส์ | ||
1997 | คาชิมะ แอนต์เลอส์ | จูบิโล อิวาตะ | |
1998 | จูบิโล อิวาตะ | คาชิมะ แอนต์เลอส์ | |
1999 | จูบิโล อิวาตะ | ชิมิซุ เอส-พัลส์ | |
2000 | โยโกฮามะ เอ็ฟ มารินอส | คาชิมะ แอนต์เลอส์ | |
2001 | จูบิโล อิวะตะ | คาชิมะ แอนต์เลอส์ | |
2002 ‡ | จูบิโล อิวะตะ | ||
2003 ‡ | โยโกฮามะ เอ็ฟ มารินอส | ||
2004 | โยโกฮามะ เอ็ฟ มารินอส | อุราวะ เรด ไดมอนด์ส |
ยุคฤดูกาลเดียว (2005–2014)
ฤดูกาล | ชนะเลิศ | รองชนะเลิศ | อันดับที่ 3 |
---|---|---|---|
2005 | กัมบะ โอซะกะ | อุราวะ เรด ไดมอนด์ส | คาชิมะ แอนต์เลอส์ |
2006 | อุราวะ เรด ไดมอนด์ส | คะวะซะกิ ฟรอนตาเล่ | กัมบะ โอซะกะ |
2007 | คาชิมะ แอนต์เลอส์ | อุราวะ เรด ไดมอนด์ส | กัมบะ โอซะกะ |
2008 | คาชิมะ แอนต์เลอส์ | คะวะซะกิ ฟรอนตาเล่ | นะโงะยะ แกรมปัส |
2009 | คาชิมะ แอนต์เลอส์ | คะวะซะกิ ฟรอนตาเล่ | กัมบะ โอซะกะ |
2010 | นาโงยะ แกรมปัส | กัมบะ โอซะกะ | เซเรโซ่ โอซะกะ |
2011 | คะชิวะ เรย์โซล | นาโงยะ แกรมปัส | กัมบะ โอซะกะ |
2012 | ซานเฟรซ ฮิโระชิมะ | เวกัลตะ เซนได | อุราวะ เรด ไดมอนด์ส |
2013 | ซานเฟรซ ฮิโระชิมะ | โยโกฮามะ เอ็ฟ มารินอส | คะวะซะกิ ฟรอนตาเล |
2014 | กัมบะ โอซะกะ | อุราวะ เรด ไดมอนด์ส | คาชิมะ แอนต์เลอส์ |
ยุคแบ่งฤดูกาล (2015-2016) ตัวหนา ทีมที่เป็นแชมป์; † แข่งแบบฤดูกาลเดียว; ‡ ทีมเดียวกันชนะทั้งสองสเตจ
ฤดูกาล | สเตจที่ 1 | สเตจที่ 2 |
---|---|---|
2015 | อุราวะ เรด ไดมอนด์ส | ซานเฟรซ ฮิโระชิมะ |
2016 | คาชิมะ แอนต์เลอส์ | อุราวะ เรด ไดมอนด์ส |
ยุคฤดูกาลเดียว (2017–ปัจจุบัน)
ฤดูกาล | ชนะเลิศ | รองชนะเลิศ | อันดับที่ 3 |
---|---|---|---|
2017 | คะวะซะกิ ฟรอนตาเล | คาชิมะ แอนต์เลอส์ | เซเรซโซ โอซะกะ |
2018 | คะวะซะกิ ฟรอนตาเล | ซานเฟรซ ฮิโระชิมะ | คาชิมะ แอนต์เลอส์ |
2019 | โยโกฮามะ เอ็ฟ มารินอส | เอฟซี โตเกียว | คาชิมะ แอนต์เลอส์ |
2020 | คะวะซะกิ ฟรอนตาเล | กัมบะ โอซะกะ | เอฟซี โตเกียว |
2021 |
ทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด
สโมสร | ชนะเลิศ | รองชนะเลิศ | ฤดูกาลที่ชนะเลิศ | ฤดูกาลที่รองชนะเลิศ |
---|---|---|---|---|
คาชิมะ แอนต์เลอส์ | 1996, 1998, 2000, 2001, 2007, 2008, 2009, 2016 | 1993, 1997, 2017 | ||
โยโกฮามะ เอ็ฟ มารินอส | 1995, 2003, 2004, 2019 | 2000, 2002, 2013 | ||
จูบิโล อิวะตะ | 1997, 1999, 2002 | 1998, 2001, 2003 | ||
คะวะซะกิ ฟรอนตาเล่ | 2017, 2018, 2020 | 2006, 2008, 2009 | ||
ซานเฟรซ ฮิโระชิมะ | 2012, 2013, 2015 | 1994, 2018 | ||
กัมบะ โอซะกะ | 2005, 2014 | 2010, 2015, 2020 | ||
โตเกียว เวอร์ดี | 1993, 1994 | 1995 | ||
อูราวะ เรดไดมอนส์ | 2006 | 2004, 2005, 2007, 2014, 2016 | ||
นาโงยะ แกรมปัส | 2010 | 1996, 2011 | ||
คะชิวะ เรย์โซล | 2011 | |||
ชิมิซุ เอส-พัลส์ | 1999 | |||
เวกัลตะ เซนได | 2012 | |||
เอฟซี โตเกียว | 2019 |
อ้างอิง
- รายละเอียดเจลีก
- "When Saturday Comes - How Japan created a successful league". Wsc.co.uk. 2010-07-18. สืบค้นเมื่อ 2013-12-12.
- John Duerden (11 August 2008). "Asian Debate: Is Japan Becoming Asia's Leader?". Goal.com. สืบค้นเมื่อ 19 August 2012.
- 川崎Fが香港でブレーク中、生中継で火 (ภาษาญี่ปุ่น). NikkanSports. March 8, 2008. สืบค้นเมื่อ March 8, 2008.
- Duerden, John. "J.League seeks to wrestle back spotlight from Chinese Super League". ESPN FC. ESPN. สืบค้นเมื่อ 2 March 2017.
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
- J.League(เจลีก-ลีกฟุตบอลอาชีพแห่งประเทศญี่ปุ่น) ทางเฟซบุ๊ก
- J.League (Thai Fan Page) ทางเฟซบุ๊ก
- เกรียนเจลีก ทางเฟซบุ๊ก