fbpx
วิกิพีเดีย

เจ้าฟ้าก้อนแก้วอินแถลง

เจ้าฟ้าก้อนแก้วอินแถลง (บางแห่งสะกดว่าอินทรแถลง) หรือที่ชาวเชียงตุงนิยมเรียกว่า เจ้าฟ้าเฒ่า เป็นโอรสองค์ที่ 5 ของเจ้าฟ้าโชติกองไท ได้ครองราชย์เป็นเจ้าหอคำเชียงตุงสืบแทนเจ้าพี่คือเจ้าฟ้าก๋องคำฟู ที่ถึงแก่พิราลัยในปี พ.ศ. 2441 ตลอดเวลาที่เจ้าฟ้าก้อนแก้วอินแถลงครองนครเชียงตุง พระองค์ได้สร้างความเจริญแก่นครเชียงตุงเป็นอย่างมาก เช่น การสร้างถนนหนทาง ทำนุบำรุงพระศาสนา เช่น สร้างวัดหลายแห่ง และมีการบูรณะปฏิสังขรณ์ เช่นวัดหัวข่วงที่ถูกไฟไหม้ก็สร้างใหม่แล้วยกเป็นวัดหลวง มีการสร้างวัดพระเจ้าหลวงประดิษฐานพระพุทธมหามัยมุนีจำลองมาจากเมืองมัณฑะเลย์ สร้างหอหลวงขึ้นใหม่เป็นตึกแบบอินเดีย บรรดาหอต่าง ๆ ที่พำนักของเจ้าแม่เฒ่า (ราชมารดา) เจ้าแม่นางเมือง (พระมเหสี) และบรรดานางฟ้า (พระสนม) โปรดให้เปลี่ยนเป็นตึกแบบใหม่ทั้งหมด รวมความว่าสิ่งใดที่จะนำความเจริญมาสู่บ้านเมือง ท่านผู้นี้ก็ได้พยายามจัดขึ้นทำขึ้น การติดต่อกับเพื่อนบ้านก็ให้ตัดถนนเป็นทางรถยนต์ติดต่อกับจังหวัดเชียงรายซึ่งเป็นจังหวัดชายแดนติดต่อกับเชียงตุง ทางตะวันตกก็มีทางรถยนต์ติดต่อกับตองยี กับได้ทำความสัมพันธ์กับเจ้านายพื้นเมืองทางเชียงใหม่และลำปางโดยทางแต่งงานของราชบุตรเป็นต้น โดยได้ปฏิบัติงานเป็นที่เรียบร้อยและเป็นที่พอใจแก่อังกฤษซึ่งเป็นเจ้าอาณานิคม จนรัฐบาลอังกฤษได้ยกให้เป็น C.I.E. (Companion of the Indian Empire)

เจ้าฟ้าก้อนแก้วอินแถลง
เจ้าหอคำเชียงตุง
ครองราชย์พ.ศ. 2439 - 2478
ก่อนหน้าเจ้าฟ้าก๋องคำฟู
ถัดไปเจ้าฟ้ากองไท
ภรรยามหาเทวี
เจ้าแม่ปทุม
หม่อม
หม่อมจามฟอง
หม่อมบุญยวง
หม่อมแดง
หม่อมทิพใหญ่
หม่อมทิพย์เล็ก
พระบุตร19 องค์
ราชวงศ์มังราย
พระบิดาเจ้าฟ้าโชติกองไท
พระมารดาเจ้าแม่สุวรรณา (ราชธิดาเจ้าเมืองยอง)
ประสูติพ.ศ. 2418
พิราลัยพ.ศ. 2478

เจ้าฟ้าก้อนแก้วอินแถลงมีมหาเทวี 1 องค์ และมีหม่อม 5 คน มีราชโอรสราชธิดารวม 19 พระองค์ ได้แก่

  1. แม่เจ้าปทุมมหาเทวี ราชธิดาเจ้าฟ้าเมืองสิงห์ เป็นแม่เจ้านางเมือง (พระมเหสี) มีราชธิดา 1 องค์ และราชบุตร 1 องค์ คือ
    1. เจ้านางทิพเกษร เสกสมรสกับเจ้าฟ้าหลวงเชียงคำ ดำรงตำแหน่งมหาเทวีเมืองเชียงคำ ภายหลังเมืองเชียงคำถูกอังกฤษยุบเมือง แล้วแบ่งดินแดนให้เมืองรอบ ๆ เจ้านางทิพเกษรจึงพาราชโอรส-ธิดากลับมาประทับที่นครเชียงตุง แม่เจ้าปทุมมาจึงประทานหอหนองเค้ ซึ่งเป็นตำหนักที่เจ้าฟ้าหลวงสร้างประทานพระองค์เอง ให้ราชธิดาและราชนัดดาประทับเป็นการถาวร ส่วนองค์เองได้เสด็จไปประทับกับเจ้าฟ้าพรหมลือ ราชโอรส ยังหอป่าม่านของเจ้าฟ้าพรหมลือ
    2. เจ้าฟ้าสิริสุวรรณราชยสสรพรหมลือ (ต้นสกุล ณ เชียงตุง ได้เสกสมรสกับเจ้าทิพวรรณ ณ ลำปาง (พ.ศ. 2446-2532) หลานสาวของเจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิต เจ้าหลวงลำปางองค์ที่ 13 (มารดาคือเจ้าหญิงฝนห่าแก้ว เป็นธิดาเจ้าหลวงลำปาง) ภายหลังที่เสกสมรสกับเจ้าทิพวรรณแล้ว เจ้าฟ้าหลวงโปรดให้สร้างหอป่าม่าน ให้เป็นที่ประทับของเจ้าฟ้าพรหมลือกับชายา
  2. เจ้าหม่อมจามฟอง เป็นนางฟ้า หรือพระสนมคนแรก เดิมเป็นสามัญชน เป็นธิดาของขุนนางเมืองยาง มีราชบุตร-ราชธิดารวม 6 องค์ คือ
    1. เจ้าฟ้ากองไท (ได้เป็นเจ้าหอคำเชียงตุงต่อจากพระบิดา) เสกสมรสกับเจ้านางจ่ายุ่น ราชธิดาของเจ้าฟ้าหลวงเมืองสีป้อ
    2. เจ้าฟ้าอินถา (ได้เป็นราชโอรสบุญธรรมเจ้าฟ้าหลวงเมืองสีป้อ)
    3. เจ้าฟ้าขุนเมือง เสกสมรสกับเจ้านางองยุ่น ราชธิดาของเจ้าฟ้าหลวงเมืองสีป้อ
    4. เจ้าฟ้าขุนศึก (ต้นสกุล ขุนศึกเม็งราย ได้สมรสกับนางสาวธาดา พัฒนถาบุตร ธิดาของแม่บัวจันทร์และนายดาบแดง พัฒนถาบุตร (2430-2523) คหบดีบ้านวัวลาย เชียงใหม่)
    5. เจ้านางบัวสวรรค์ หรือชาวนครเชียงตุงเรียกขานกันว่าเจ้านางเศรษฐี เนื่องจากภายหลังจากที่เจ้าแม่คือ เจ้าแม่นางฟองสิ้นชีพ เจ้านางสุวรรณาซึ่งเป็นพระมารดาของเจ้าฟ้ารัตนะก้อนแก้วอินแถลงได้รับไปอุปการะ เจ้านางบัวสวรรค์ได้อยู่ปฏิบัติดูแลเจ้านางสุวรรณาซึ่งเป็นเจ้าย่า จนกระทั่งเจ้านางสุวรรณาสิ้นชีพลง เจ้านางบัวสวรรค์จึงได้รับมรดกแก้วแหวนเงินทองทั้งหมดของเจ้าย่า รวมทั้งได้ครอบครองหอใหม่ ซึ่งเป็นตำหนักของเจ้านางสุวรรณาด้วย ชาวนครเชียงตุงจึงเรียกขานเจ้านางบัวสวรรค์ว่าเจ้านางเศรษฐี
    6. เจ้านางฟองแก้ว ภายหลังแม่เจ้านางฟองซึ่งเป็นเจ้าแม่สิ้นชีพลง เจ้านางขันคำซึ่งเป็นขนิษฐาต่างพระมารดาของเจ้าฟ้ารัตนะก้อนแก้วอินแถลงได้รับเจ้านางฟองแก้วไปอุปการะ เจ้านางฟองแก้วได้ปฏิบัติดูแลเจ้านางขันคำผู้เป็นเจ้าอามาจนตลอดอายุ เจ้านางฟองแก้วจึงได้รับมรดกแก้วแหวนเงินทอง ตลอดจนได้ครอบครองหอเจียงจันทร์ ซึ่งเป็นตำหนักของเจ้านางขันคำต่อมา
  3. เจ้าหม่อมทิพย์ใหญ่ เป็นธิดาของพญาปราสาท ขุนนางนครเชียงตุง มีราชโอรส-ธิดา 5 พระองค์ ได้แก่
    1. เจ้านางแว่นแก้ว (เป็นมหาเทวีเจ้าฟ้าหลวงเมืองล็อกจ๊อก ภายหลังทรงกระทำอัตวินิบาตกรรมโดยใช้ปืนยิงองค์เองสิ้นชีพ)
    2. เจ้านางสุคันธา (เสกสมรสกับเจ้าอินทนนท์ ณ เชียงใหม่ ราชบุตรของพลตรีเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าหลวงเชียงใหม่องค์ที่ 9)
    3. เจ้านางแว่นทิพย์ (เป็นมหาเทวีเจ้าฟ้าหลวงเมืองแสนหวี แต่ภายหลังหย่าร้าง และกลับมาพำนักที่นครเชียงตุง)
    4. เจ้าฟ้าสิงห์ไชย
    5. เจ้าฟ้าแก้วมาเมือง
  4. เจ้าหม่อมแดง มีราชโอรส-ธิดา 2 พระองค์ ได้แก่
    1. เจ้าฟ้าสายเมือง
    2. เจ้านางจันทร์ฟอง (สมรสกับข้าราชการป่าไม้ชาวไทย)
  5. เจ้าหม่อมบุญยวง มีราชโอรส-ธิดา 2 องค์ ได้แก่
    1. เจ้านางฟองนวล
    2. เจ้าฟ้าบุญวาทย์วงศา (ท่านผู้นี้มีบทบาทในการต้อนรับกองทัพไทยที่บุกเข้าเชียงตุงในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพพายัพของไทย ซึ่งนำโดยหลวงเสรีเริงฤทธิ์ ได้ใช้คุ้มของท่านผู้นี้เป็นกองบัญชาการ)
  6. เจ้าหม่อมทิพย์เล็ก มีราชโอรส-ธิดา 2 พระองค์ได้แก่
    1. เจ้านางบัวน้อย
    2. เจ้าฟ้ายอดเมือง

อ้างอิง

  1. สมโชติ อ๋องสกุล (22 กุมภาพันธ์ 2560). "เจ้านางสุคันธา ณ เชียงใหม่ สายใยรักสองราชสำนัก เชียงใหม่-เชียงตุง". ศิลปวัฒนธรรม. สืบค้นเมื่อ 13 ตุลาคม 2561. Check date values in: |accessdate=, |date= (help)
  2. ปราณี ศิริธร ณ พัทลุง. เจ้าทิพวรรณ ณ เชียงตุง. ม.ป.ท. : ม.ป.พ., 2532. 204 หน้า. หน้า ๑๑๙-๑๒๐. [อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพเจ้าทิพวรรณ ณ เชียงตุง ๒๗ มกราคม ๒๕๓๓]
  3. ชีวิตเจ้าฟ้า อนุสรณ์งานประชุมเพลิงเจ้าฟ้าขุนศึก เม็งราย ๔ มีนาคม ๒๕๓๘
ก่อนหน้า เจ้าฟ้าก้อนแก้วอินแถลง ถัดไป
เจ้าฟ้าก๋องคำฟู   เจ้าหอคำเชียงตุง
(พ.ศ. 2439 - 2478)
  เจ้าฟ้ากองไท

เจ, าฟ, าก, อนแก, วอ, นแถลง, บางแห, งสะกดว, าอ, นทรแถลง, หร, อท, ชาวเช, ยงต, งน, ยมเร, ยกว, เจ, าฟ, าเฒ, เป, นโอรสองค, ของเจ, าฟ, าโชต, กองไท, ได, ครองราชย, เป, นเจ, าหอคำเช, ยงต, งส, บแทนเจ, าพ, อเจ, าฟ, าก, องคำฟ, งแก, ราล, ยในป, 2441, ตลอดเวลาท, ครองนครเช, . ecafakxnaekwxinaethlng bangaehngsakdwaxinthraethlng 1 hruxthichawechiyngtungniymeriykwa ecafaetha epnoxrsxngkhthi 5 khxngecafaochtikxngith idkhrxngrachyepnecahxkhaechiyngtungsubaethnecaphikhuxecafakxngkhafu thithungaekphiralyinpi ph s 2441 tlxdewlathiecafakxnaekwxinaethlngkhrxngnkhrechiyngtung phraxngkhidsrangkhwamecriyaeknkhrechiyngtungepnxyangmak echn karsrangthnnhnthang thanubarungphrasasna echn srangwdhlayaehng aelamikarburnaptisngkhrn echnwdhwkhwngthithukifihmksrangihmaelwykepnwdhlwng mikarsrangwdphraecahlwngpradisthanphraphuththmhamymunicalxngmacakemuxngmnthaely sranghxhlwngkhunihmepntukaebbxinediy brrdahxtang thiphankkhxngecaaemetha rachmarda ecaaemnangemuxng phramehsi aelabrrdanangfa phrasnm oprdihepliynepntukaebbihmthnghmd rwmkhwamwasingidthicanakhwamecriymasubanemuxng thanphunikidphyayamcdkhunthakhun kartidtxkbephuxnbankihtdthnnepnthangrthynttidtxkbcnghwdechiyngraysungepncnghwdchayaedntidtxkbechiyngtung thangtawntkkmithangrthynttidtxkbtxngyi kbidthakhwamsmphnthkbecanayphunemuxngthangechiyngihmaelalapangodythangaetngngankhxngrachbutrepntn odyidptibtinganepnthieriybrxyaelaepnthiphxicaekxngkvssungepnecaxananikhm cnrthbalxngkvsidykihepn C I E Companion of the Indian Empire ecafakxnaekwxinaethlngecahxkhaechiyngtung 1 khrxngrachyph s 2439 2478kxnhnaecafakxngkhafuthdipecafakxngithphrryamhaethwiecaaempthumhmxmhmxmcamfxnghmxmbuyywnghmxmaednghmxmthiphihyhmxmthiphyelkphrabutr19 xngkhrachwngsmngrayphrabidaecafaochtikxngithphramardaecaaemsuwrrna rachthidaecaemuxngyxng prasutiph s 2418phiralyph s 2478ecafakxnaekwxinaethlngmimhaethwi 1 xngkh aelamihmxm 5 khn mirachoxrsrachthidarwm 19 phraxngkh 2 idaek aemecapthummhaethwi rachthidaecafaemuxngsingh epnaemecanangemuxng phramehsi mirachthida 1 xngkh aelarachbutr 1 xngkh khux ecanangthipheksr esksmrskbecafahlwngechiyngkha darngtaaehnngmhaethwiemuxngechiyngkha phayhlngemuxngechiyngkhathukxngkvsyubemuxng aelwaebngdinaednihemuxngrxb ecanangthipheksrcungpharachoxrs thidaklbmaprathbthinkhrechiyngtung aemecapthummacungprathanhxhnxngekh sungepntahnkthiecafahlwngsrangprathanphraxngkhexng ihrachthidaaelarachnddaprathbepnkarthawr swnxngkhexngidesdcipprathbkbecafaphrhmlux rachoxrs ynghxpamankhxngecafaphrhmlux ecafasirisuwrrnrachyssrphrhmlux tnskul n echiyngtung idesksmrskbecathiphwrrn n lapang ph s 2446 2532 hlansawkhxngecabuywathywngsmanit ecahlwnglapangxngkhthi 13 mardakhuxecahyingfnhaaekw epnthidaecahlwnglapang phayhlngthiesksmrskbecathiphwrrnaelw ecafahlwngoprdihsranghxpaman ihepnthiprathbkhxngecafaphrhmluxkbchaya ecahmxmcamfxng epnnangfa hruxphrasnmkhnaerk edimepnsamychn epnthidakhxngkhunnangemuxngyang mirachbutr rachthidarwm 6 xngkh khux ecafakxngith idepnecahxkhaechiyngtungtxcakphrabida esksmrskbecanangcayun rachthidakhxngecafahlwngemuxngsipx ecafaxintha idepnrachoxrsbuythrrmecafahlwngemuxngsipx ecafakhunemuxng esksmrskbecanangxngyun rachthidakhxngecafahlwngemuxngsipx ecafakhunsuk tnskul khunsukemngray idsmrskbnangsawthada phthnthabutr thidakhxngaembwcnthraelanaydabaedng phthnthabutr 2430 2523 khhbdibanwwlay echiyngihm 3 ecanangbwswrrkh hruxchawnkhrechiyngtungeriykkhanknwaecanangesrsthi enuxngcakphayhlngcakthiecaaemkhux ecaaemnangfxngsinchiph ecanangsuwrrnasungepnphramardakhxngecafartnakxnaekwxinaethlngidrbipxupkara ecanangbwswrrkhidxyuptibtiduaelecanangsuwrrnasungepnecaya cnkrathngecanangsuwrrnasinchiphlng ecanangbwswrrkhcungidrbmrdkaekwaehwnenginthxngthnghmdkhxngecaya rwmthngidkhrxbkhrxnghxihm sungepntahnkkhxngecanangsuwrrnadwy chawnkhrechiyngtungcungeriykkhanecanangbwswrrkhwaecanangesrsthi ecanangfxngaekw phayhlngaemecanangfxngsungepnecaaemsinchiphlng ecanangkhnkhasungepnkhnisthatangphramardakhxngecafartnakxnaekwxinaethlngidrbecanangfxngaekwipxupkara ecanangfxngaekwidptibtiduaelecanangkhnkhaphuepnecaxamacntlxdxayu ecanangfxngaekwcungidrbmrdkaekwaehwnenginthxng tlxdcnidkhrxbkhrxnghxeciyngcnthr sungepntahnkkhxngecanangkhnkhatxma ecahmxmthiphyihy epnthidakhxngphyaprasath khunnangnkhrechiyngtung mirachoxrs thida 5 phraxngkh idaek ecanangaewnaekw epnmhaethwiecafahlwngemuxnglxkcxk phayhlngthrngkrathaxtwinibatkrrmodyichpunyingxngkhexngsinchiph ecanangsukhntha esksmrskbecaxinthnnth n echiyngihm rachbutrkhxngphltriecaaekwnwrth ecahlwngechiyngihmxngkhthi 9 ecanangaewnthiphy epnmhaethwiecafahlwngemuxngaesnhwi aetphayhlnghyarang aelaklbmaphankthinkhrechiyngtung ecafasinghichy ecafaaekwmaemuxng ecahmxmaedng mirachoxrs thida 2 phraxngkh idaek ecafasayemuxng ecanangcnthrfxng smrskbkharachkarpaimchawithy ecahmxmbuyywng mirachoxrs thida 2 xngkh idaek ecanangfxngnwl ecafabuywathywngsa thanphunimibthbathinkartxnrbkxngthphithythibukekhaechiyngtunginchwngsngkhramolkkhrngthisxng kxngthphphayphkhxngithy sungnaodyhlwngesrieringvththi idichkhumkhxngthanphuniepnkxngbychakar ecahmxmthiphyelk mirachoxrs thida 2 phraxngkhidaek ecanangbwnxy ecafayxdemuxngxangxing aekikh 1 0 1 1 smochti xxngskul 22 kumphaphnth 2560 ecanangsukhntha n echiyngihm sayiyrksxngrachsank echiyngihm echiyngtung silpwthnthrrm subkhnemux 13 tulakhm 2561 Check date values in accessdate date help prani sirithr n phthlung ecathiphwrrn n echiyngtung m p th m p ph 2532 204 hna hna 119 120 xnusrnnganphrarachthanephlingsphecathiphwrrn n echiyngtung 27 mkrakhm 2533 chiwitecafa xnusrnnganprachumephlingecafakhunsuk emngray 4 minakhm 2538 kxnhna ecafakxnaekwxinaethlng thdipecafakxngkhafu ecahxkhaechiyngtung ph s 2439 2478 ecafakxngith bthkhwamekiywkbchiwprawtiniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodyephimkhxmulekhathungcak https th wikipedia org w index php title ecafakxnaekwxinaethlng amp oldid 9298888, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม