เจ้าฟ้าก้อนแก้วอินแถลง (บางแห่งสะกดว่าอินทรแถลง) หรือที่ชาวเชียงตุงนิยมเรียกว่า เจ้าฟ้าเฒ่า เป็นโอรสองค์ที่ 5 ของเจ้าฟ้าโชติกองไท ได้ครองราชย์เป็นเจ้าหอคำเชียงตุงสืบแทนเจ้าพี่คือเจ้าฟ้าก๋องคำฟู ที่ถึงแก่พิราลัยในปี พ.ศ. 2441 ตลอดเวลาที่เจ้าฟ้าก้อนแก้วอินแถลงครองนครเชียงตุง พระองค์ได้สร้างความเจริญแก่นครเชียงตุงเป็นอย่างมาก เช่น การสร้างถนนหนทาง ทำนุบำรุงพระศาสนา เช่น สร้างวัดหลายแห่ง และมีการบูรณะปฏิสังขรณ์ เช่นวัดหัวข่วงที่ถูกไฟไหม้ก็สร้างใหม่แล้วยกเป็นวัดหลวง มีการสร้างวัดพระเจ้าหลวงประดิษฐานพระพุทธมหามัยมุนีจำลองมาจากเมืองมัณฑะเลย์ สร้างหอหลวงขึ้นใหม่เป็นตึกแบบอินเดีย บรรดาหอต่าง ๆ ที่พำนักของเจ้าแม่เฒ่า (ราชมารดา) เจ้าแม่นางเมือง (พระมเหสี) และบรรดานางฟ้า (พระสนม) โปรดให้เปลี่ยนเป็นตึกแบบใหม่ทั้งหมด รวมความว่าสิ่งใดที่จะนำความเจริญมาสู่บ้านเมือง ท่านผู้นี้ก็ได้พยายามจัดขึ้นทำขึ้น การติดต่อกับเพื่อนบ้านก็ให้ตัดถนนเป็นทางรถยนต์ติดต่อกับจังหวัดเชียงรายซึ่งเป็นจังหวัดชายแดนติดต่อกับเชียงตุง ทางตะวันตกก็มีทางรถยนต์ติดต่อกับตองยี กับได้ทำความสัมพันธ์กับเจ้านายพื้นเมืองทางเชียงใหม่และลำปางโดยทางแต่งงานของราชบุตรเป็นต้น โดยได้ปฏิบัติงานเป็นที่เรียบร้อยและเป็นที่พอใจแก่อังกฤษซึ่งเป็นเจ้าอาณานิคม จนรัฐบาลอังกฤษได้ยกให้เป็น C.I.E. (Companion of the Indian Empire)
เจ้าฟ้าก้อนแก้วอินแถลง |
---|
|
เจ้าหอคำเชียงตุง |
---|
ครองราชย์ | พ.ศ. 2439 - 2478 |
---|
ก่อนหน้า | เจ้าฟ้าก๋องคำฟู |
---|
ถัดไป | เจ้าฟ้ากองไท |
---|
|
---|
ภรรยา | มหาเทวี เจ้าแม่ปทุม หม่อม หม่อมจามฟอง หม่อมบุญยวง หม่อมแดง หม่อมทิพใหญ่ หม่อมทิพย์เล็ก |
---|
พระบุตร | 19 องค์ |
---|
ราชวงศ์ | มังราย |
---|
พระบิดา | เจ้าฟ้าโชติกองไท |
---|
พระมารดา | เจ้าแม่สุวรรณา (ราชธิดาเจ้าเมืองยอง) |
---|
ประสูติ | พ.ศ. 2418 |
---|
พิราลัย | พ.ศ. 2478 |
---|
เจ้าฟ้าก้อนแก้วอินแถลงมีมหาเทวี 1 องค์ และมีหม่อม 5 คน มีราชโอรสราชธิดารวม 19 พระองค์ ได้แก่
- แม่เจ้าปทุมมหาเทวี ราชธิดาเจ้าฟ้าเมืองสิงห์ เป็นแม่เจ้านางเมือง (พระมเหสี) มีราชธิดา 1 องค์ และราชบุตร 1 องค์ คือ
- เจ้านางทิพเกษร เสกสมรสกับเจ้าฟ้าหลวงเชียงคำ ดำรงตำแหน่งมหาเทวีเมืองเชียงคำ ภายหลังเมืองเชียงคำถูกอังกฤษยุบเมือง แล้วแบ่งดินแดนให้เมืองรอบ ๆ เจ้านางทิพเกษรจึงพาราชโอรส-ธิดากลับมาประทับที่นครเชียงตุง แม่เจ้าปทุมมาจึงประทานหอหนองเค้ ซึ่งเป็นตำหนักที่เจ้าฟ้าหลวงสร้างประทานพระองค์เอง ให้ราชธิดาและราชนัดดาประทับเป็นการถาวร ส่วนองค์เองได้เสด็จไปประทับกับเจ้าฟ้าพรหมลือ ราชโอรส ยังหอป่าม่านของเจ้าฟ้าพรหมลือ
- เจ้าฟ้าสิริสุวรรณราชยสสรพรหมลือ (ต้นสกุล ณ เชียงตุง ได้เสกสมรสกับเจ้าทิพวรรณ ณ ลำปาง (พ.ศ. 2446-2532) หลานสาวของเจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิต เจ้าหลวงลำปางองค์ที่ 13 (มารดาคือเจ้าหญิงฝนห่าแก้ว เป็นธิดาเจ้าหลวงลำปาง) ภายหลังที่เสกสมรสกับเจ้าทิพวรรณแล้ว เจ้าฟ้าหลวงโปรดให้สร้างหอป่าม่าน ให้เป็นที่ประทับของเจ้าฟ้าพรหมลือกับชายา
- เจ้าหม่อมจามฟอง เป็นนางฟ้า หรือพระสนมคนแรก เดิมเป็นสามัญชน เป็นธิดาของขุนนางเมืองยาง มีราชบุตร-ราชธิดารวม 6 องค์ คือ
- เจ้าฟ้ากองไท (ได้เป็นเจ้าหอคำเชียงตุงต่อจากพระบิดา) เสกสมรสกับเจ้านางจ่ายุ่น ราชธิดาของเจ้าฟ้าหลวงเมืองสีป้อ
- เจ้าฟ้าอินถา (ได้เป็นราชโอรสบุญธรรมเจ้าฟ้าหลวงเมืองสีป้อ)
- เจ้าฟ้าขุนเมือง เสกสมรสกับเจ้านางองยุ่น ราชธิดาของเจ้าฟ้าหลวงเมืองสีป้อ
- เจ้าฟ้าขุนศึก (ต้นสกุล ขุนศึกเม็งราย ได้สมรสกับนางสาวธาดา พัฒนถาบุตร ธิดาของแม่บัวจันทร์และนายดาบแดง พัฒนถาบุตร (2430-2523) คหบดีบ้านวัวลาย เชียงใหม่)
- เจ้านางบัวสวรรค์ หรือชาวนครเชียงตุงเรียกขานกันว่าเจ้านางเศรษฐี เนื่องจากภายหลังจากที่เจ้าแม่คือ เจ้าแม่นางฟองสิ้นชีพ เจ้านางสุวรรณาซึ่งเป็นพระมารดาของเจ้าฟ้ารัตนะก้อนแก้วอินแถลงได้รับไปอุปการะ เจ้านางบัวสวรรค์ได้อยู่ปฏิบัติดูแลเจ้านางสุวรรณาซึ่งเป็นเจ้าย่า จนกระทั่งเจ้านางสุวรรณาสิ้นชีพลง เจ้านางบัวสวรรค์จึงได้รับมรดกแก้วแหวนเงินทองทั้งหมดของเจ้าย่า รวมทั้งได้ครอบครองหอใหม่ ซึ่งเป็นตำหนักของเจ้านางสุวรรณาด้วย ชาวนครเชียงตุงจึงเรียกขานเจ้านางบัวสวรรค์ว่าเจ้านางเศรษฐี
- เจ้านางฟองแก้ว ภายหลังแม่เจ้านางฟองซึ่งเป็นเจ้าแม่สิ้นชีพลง เจ้านางขันคำซึ่งเป็นขนิษฐาต่างพระมารดาของเจ้าฟ้ารัตนะก้อนแก้วอินแถลงได้รับเจ้านางฟองแก้วไปอุปการะ เจ้านางฟองแก้วได้ปฏิบัติดูแลเจ้านางขันคำผู้เป็นเจ้าอามาจนตลอดอายุ เจ้านางฟองแก้วจึงได้รับมรดกแก้วแหวนเงินทอง ตลอดจนได้ครอบครองหอเจียงจันทร์ ซึ่งเป็นตำหนักของเจ้านางขันคำต่อมา
- เจ้าหม่อมทิพย์ใหญ่ เป็นธิดาของพญาปราสาท ขุนนางนครเชียงตุง มีราชโอรส-ธิดา 5 พระองค์ ได้แก่
- เจ้านางแว่นแก้ว (เป็นมหาเทวีเจ้าฟ้าหลวงเมืองล็อกจ๊อก ภายหลังทรงกระทำอัตวินิบาตกรรมโดยใช้ปืนยิงองค์เองสิ้นชีพ)
- เจ้านางสุคันธา (เสกสมรสกับเจ้าอินทนนท์ ณ เชียงใหม่ ราชบุตรของพลตรีเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าหลวงเชียงใหม่องค์ที่ 9)
- เจ้านางแว่นทิพย์ (เป็นมหาเทวีเจ้าฟ้าหลวงเมืองแสนหวี แต่ภายหลังหย่าร้าง และกลับมาพำนักที่นครเชียงตุง)
- เจ้าฟ้าสิงห์ไชย
- เจ้าฟ้าแก้วมาเมือง
- เจ้าหม่อมแดง มีราชโอรส-ธิดา 2 พระองค์ ได้แก่
- เจ้าฟ้าสายเมือง
- เจ้านางจันทร์ฟอง (สมรสกับข้าราชการป่าไม้ชาวไทย)
- เจ้าหม่อมบุญยวง มีราชโอรส-ธิดา 2 องค์ ได้แก่
- เจ้านางฟองนวล
- เจ้าฟ้าบุญวาทย์วงศา (ท่านผู้นี้มีบทบาทในการต้อนรับกองทัพไทยที่บุกเข้าเชียงตุงในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพพายัพของไทย ซึ่งนำโดยหลวงเสรีเริงฤทธิ์ ได้ใช้คุ้มของท่านผู้นี้เป็นกองบัญชาการ)
- เจ้าหม่อมทิพย์เล็ก มีราชโอรส-ธิดา 2 พระองค์ได้แก่
- เจ้านางบัวน้อย
- เจ้าฟ้ายอดเมือง
อ้างอิง - ↑ สมโชติ อ๋องสกุล (22 กุมภาพันธ์ 2560). "เจ้านางสุคันธา ณ เชียงใหม่ สายใยรักสองราชสำนัก เชียงใหม่-เชียงตุง". ศิลปวัฒนธรรม. สืบค้นเมื่อ 13 ตุลาคม 2561.
- ปราณี ศิริธร ณ พัทลุง. เจ้าทิพวรรณ ณ เชียงตุง. ม.ป.ท. : ม.ป.พ., 2532. 204 หน้า. หน้า ๑๑๙-๑๒๐. [อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพเจ้าทิพวรรณ ณ เชียงตุง ๒๗ มกราคม ๒๕๓๓]
- ชีวิตเจ้าฟ้า อนุสรณ์งานประชุมเพลิงเจ้าฟ้าขุนศึก เม็งราย ๔ มีนาคม ๒๕๓๘
ก่อนหน้า | | เจ้าฟ้าก้อนแก้วอินแถลง | | ถัดไป |
---|
เจ้าฟ้าก๋องคำฟู | | เจ้าหอคำเชียงตุง (พ.ศ. 2439 - 2478) | | เจ้าฟ้ากองไท |
เจ, าฟ, าก, อนแก, วอ, นแถลง, บางแห, งสะกดว, าอ, นทรแถลง, หร, อท, ชาวเช, ยงต, งน, ยมเร, ยกว, เจ, าฟ, าเฒ, เป, นโอรสองค, ของเจ, าฟ, าโชต, กองไท, ได, ครองราชย, เป, นเจ, าหอคำเช, ยงต, งส, บแทนเจ, าพ, อเจ, าฟ, าก, องคำฟ, งแก, ราล, ยในป, 2441, ตลอดเวลาท, ครองนครเช, . ecafakxnaekwxinaethlng bangaehngsakdwaxinthraethlng 1 hruxthichawechiyngtungniymeriykwa ecafaetha epnoxrsxngkhthi 5 khxngecafaochtikxngith idkhrxngrachyepnecahxkhaechiyngtungsubaethnecaphikhuxecafakxngkhafu thithungaekphiralyinpi ph s 2441 tlxdewlathiecafakxnaekwxinaethlngkhrxngnkhrechiyngtung phraxngkhidsrangkhwamecriyaeknkhrechiyngtungepnxyangmak echn karsrangthnnhnthang thanubarungphrasasna echn srangwdhlayaehng aelamikarburnaptisngkhrn echnwdhwkhwngthithukifihmksrangihmaelwykepnwdhlwng mikarsrangwdphraecahlwngpradisthanphraphuththmhamymunicalxngmacakemuxngmnthaely sranghxhlwngkhunihmepntukaebbxinediy brrdahxtang thiphankkhxngecaaemetha rachmarda ecaaemnangemuxng phramehsi aelabrrdanangfa phrasnm oprdihepliynepntukaebbihmthnghmd rwmkhwamwasingidthicanakhwamecriymasubanemuxng thanphunikidphyayamcdkhunthakhun kartidtxkbephuxnbankihtdthnnepnthangrthynttidtxkbcnghwdechiyngraysungepncnghwdchayaedntidtxkbechiyngtung thangtawntkkmithangrthynttidtxkbtxngyi kbidthakhwamsmphnthkbecanayphunemuxngthangechiyngihmaelalapangodythangaetngngankhxngrachbutrepntn odyidptibtinganepnthieriybrxyaelaepnthiphxicaekxngkvssungepnecaxananikhm cnrthbalxngkvsidykihepn C I E Companion of the Indian Empire ecafakxnaekwxinaethlngecahxkhaechiyngtung 1 khrxngrachyph s 2439 2478kxnhnaecafakxngkhafuthdipecafakxngithphrryamhaethwiecaaempthumhmxmhmxmcamfxnghmxmbuyywnghmxmaednghmxmthiphihyhmxmthiphyelkphrabutr19 xngkhrachwngsmngrayphrabidaecafaochtikxngithphramardaecaaemsuwrrna rachthidaecaemuxngyxng prasutiph s 2418phiralyph s 2478ecafakxnaekwxinaethlngmimhaethwi 1 xngkh aelamihmxm 5 khn mirachoxrsrachthidarwm 19 phraxngkh 2 idaek aemecapthummhaethwi rachthidaecafaemuxngsingh epnaemecanangemuxng phramehsi mirachthida 1 xngkh aelarachbutr 1 xngkh khux ecanangthipheksr esksmrskbecafahlwngechiyngkha darngtaaehnngmhaethwiemuxngechiyngkha phayhlngemuxngechiyngkhathukxngkvsyubemuxng aelwaebngdinaednihemuxngrxb ecanangthipheksrcungpharachoxrs thidaklbmaprathbthinkhrechiyngtung aemecapthummacungprathanhxhnxngekh sungepntahnkthiecafahlwngsrangprathanphraxngkhexng ihrachthidaaelarachnddaprathbepnkarthawr swnxngkhexngidesdcipprathbkbecafaphrhmlux rachoxrs ynghxpamankhxngecafaphrhmlux ecafasirisuwrrnrachyssrphrhmlux tnskul n echiyngtung idesksmrskbecathiphwrrn n lapang ph s 2446 2532 hlansawkhxngecabuywathywngsmanit ecahlwnglapangxngkhthi 13 mardakhuxecahyingfnhaaekw epnthidaecahlwnglapang phayhlngthiesksmrskbecathiphwrrnaelw ecafahlwngoprdihsranghxpaman ihepnthiprathbkhxngecafaphrhmluxkbchaya ecahmxmcamfxng epnnangfa hruxphrasnmkhnaerk edimepnsamychn epnthidakhxngkhunnangemuxngyang mirachbutr rachthidarwm 6 xngkh khux ecafakxngith idepnecahxkhaechiyngtungtxcakphrabida esksmrskbecanangcayun rachthidakhxngecafahlwngemuxngsipx ecafaxintha idepnrachoxrsbuythrrmecafahlwngemuxngsipx ecafakhunemuxng esksmrskbecanangxngyun rachthidakhxngecafahlwngemuxngsipx ecafakhunsuk tnskul khunsukemngray idsmrskbnangsawthada phthnthabutr thidakhxngaembwcnthraelanaydabaedng phthnthabutr 2430 2523 khhbdibanwwlay echiyngihm 3 ecanangbwswrrkh hruxchawnkhrechiyngtungeriykkhanknwaecanangesrsthi enuxngcakphayhlngcakthiecaaemkhux ecaaemnangfxngsinchiph ecanangsuwrrnasungepnphramardakhxngecafartnakxnaekwxinaethlngidrbipxupkara ecanangbwswrrkhidxyuptibtiduaelecanangsuwrrnasungepnecaya cnkrathngecanangsuwrrnasinchiphlng ecanangbwswrrkhcungidrbmrdkaekwaehwnenginthxngthnghmdkhxngecaya rwmthngidkhrxbkhrxnghxihm sungepntahnkkhxngecanangsuwrrnadwy chawnkhrechiyngtungcungeriykkhanecanangbwswrrkhwaecanangesrsthi ecanangfxngaekw phayhlngaemecanangfxngsungepnecaaemsinchiphlng ecanangkhnkhasungepnkhnisthatangphramardakhxngecafartnakxnaekwxinaethlngidrbecanangfxngaekwipxupkara ecanangfxngaekwidptibtiduaelecanangkhnkhaphuepnecaxamacntlxdxayu ecanangfxngaekwcungidrbmrdkaekwaehwnenginthxng tlxdcnidkhrxbkhrxnghxeciyngcnthr sungepntahnkkhxngecanangkhnkhatxma ecahmxmthiphyihy epnthidakhxngphyaprasath khunnangnkhrechiyngtung mirachoxrs thida 5 phraxngkh idaek ecanangaewnaekw epnmhaethwiecafahlwngemuxnglxkcxk phayhlngthrngkrathaxtwinibatkrrmodyichpunyingxngkhexngsinchiph ecanangsukhntha esksmrskbecaxinthnnth n echiyngihm rachbutrkhxngphltriecaaekwnwrth ecahlwngechiyngihmxngkhthi 9 ecanangaewnthiphy epnmhaethwiecafahlwngemuxngaesnhwi aetphayhlnghyarang aelaklbmaphankthinkhrechiyngtung ecafasinghichy ecafaaekwmaemuxng ecahmxmaedng mirachoxrs thida 2 phraxngkh idaek ecafasayemuxng ecanangcnthrfxng smrskbkharachkarpaimchawithy ecahmxmbuyywng mirachoxrs thida 2 xngkh idaek ecanangfxngnwl ecafabuywathywngsa thanphunimibthbathinkartxnrbkxngthphithythibukekhaechiyngtunginchwngsngkhramolkkhrngthisxng kxngthphphayphkhxngithy sungnaodyhlwngesrieringvththi idichkhumkhxngthanphuniepnkxngbychakar ecahmxmthiphyelk mirachoxrs thida 2 phraxngkhidaek ecanangbwnxy ecafayxdemuxngxangxing aekikh 1 0 1 1 smochti xxngskul 22 kumphaphnth 2560 ecanangsukhntha n echiyngihm sayiyrksxngrachsank echiyngihm echiyngtung silpwthnthrrm subkhnemux 13 tulakhm 2561 Check date values in accessdate date help prani sirithr n phthlung ecathiphwrrn n echiyngtung m p th m p ph 2532 204 hna hna 119 120 xnusrnnganphrarachthanephlingsphecathiphwrrn n echiyngtung 27 mkrakhm 2533 chiwitecafa xnusrnnganprachumephlingecafakhunsuk emngray 4 minakhm 2538 kxnhna ecafakxnaekwxinaethlng thdipecafakxngkhafu ecahxkhaechiyngtung ph s 2439 2478 ecafakxngith bthkhwamekiywkbchiwprawtiniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodyephimkhxmulekhathungcak https th wikipedia org w index php title ecafakxnaekwxinaethlng amp oldid 9298888, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,
บทความ
, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม