fbpx
วิกิพีเดีย

แม่น้ำตาปี

แม่น้ำตาปี เป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่สุดในภาคใต้ของประเทศไทย มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาหลวง อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช และไหลสู่อ่าวไทยที่อ่าวบ้านดอน อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี นักปราชญ์ชาวกรีกนามว่าปโตเลมี ได้กล่าวถึง แม่น้ำอัตตาบาส์ ซึ่งหมายถึง แม่น้ำตาปี

แม่น้ำตาปี ช่วงที่ไหลผ่านเมืองสุราษฎร์ธานี
แม่น้ำตาปี ช่วงที่ไหลผ่าน อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช

ประวัติ

ชื่อแม่น้ำตาปี พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2458 โดยมี มหาอำมาตย์โท พระยามหาอำมาตยาธิบดี เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ลงนามสนองฯ ณ วันที่ 29 สิงหาคม 2458

เดิมมีชื่อว่า "แม่น้ำหลวง" เพราะมีต้นกำเนิดอยู่ที่ภูเขาหลวงซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของเทือกเขานครศรีธรรมราช อยู่ในเขตพื้นที่ อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช ไหลผ่านอำเภอฉวาง อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ผ่าน อำเภอพระแสง อำเภอเวียงสระ อำเภอบ้านนาสาร อำเภอเคียนซา อำเภอพุนพิน และไหลออกสู่อ่าวไทยที่อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นแม่น้ำสายยาวที่สุดของภาคใต้

ด้วยแม่น้ำสายนี้ มีความยาวครอบคลุมพื้นที่มาก ชาวพื้นเมือง จึงเรียกชื่อแตกต่างกันไปตามสถานที่ เช่น เมื่อผ่านอำเภอพุนพิน เรียกแม่น้ำท่าข้าม ด้วยความที่เป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่สุดในมณฑลปักษ์ใต้ ตลอดสายแห่งลุ่มแม่น้ำสายนี้จึงอุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การเพาะปลูก การค้าขาย จัดเป็นแม่น้ำสายสำคัญอีกสายหนึ่งของราชอาณาจักรสยามในเวลานั้น

เมื่อรัชกาลที่ 6 เสด็จไปประทับ ณ พระตำหนักสวนสราญรมย์ ตำบลท่าข้าม ได้พระราชทานชื่อเมืองไชยาเป็นเมืองสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2458 และมีพระราชดำรัสว่าสมควรที่เปลี่ยนชื่อแม่น้ำในตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ตลอดทั้งลำน้ำตั้งปากน้ำที่ออกสู่ทะเล ถึงเกาะปราบ ปากแม่น้ำพุมดวง คลองสินปุน คลองกะเบียด จนถึงสันเขาหลวง ว่า แม่น้ำตาปี

การตั้งชื่อแม่น้ำนี้ คล้ายกับชื่อแม่น้ำ ตาปติ และ เมืองสุรัฎฐ (สุราษฎร์) ในประเทศอินเดีย ซึ่งแม่น้ำตาปติมีต้นกำเนิดจากภูเขาสัตตปุระ ไหลลงสู่มหาสมุทรอินเดียที่อ่าวแคมเบย์ ปากแม่น้ำนี้มีเมืองชื่อว่า สุรัฎฐ์ ตั้งอยู่ ซึ่งสภาพของเมืองทั้งสองอาจคล้ายคลึงกัน ประกอบกับทรงทราบว่า ชาวเมืองไชยาเป็นผู้มีคุณธรรม ตั้งมั่นในพระธรรมศาสนาสอดคล้องกับ ความหมายของคำว่า สุราษฎร์ธานี และได้พระราชทานนามพระตำหนักที่ชาวเมืองสร้างถวายเป็นที่ประทับบนเนินท่าข้ามว่า สวนสราญรมย์ ซึ่งปัจจุบัน เป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลสวนสราญรมย์

คลองสาขา

แม่น้ำตาปี เกิดจากเทือกเขาหลวงในอำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราชไหลผ่าน อำเภอฉวาง อำเภอบ้านนาสาร อำเภอเวียงสระ อำเภอทุ่งใหญ่ อำเภอพระแสง อำเภอเคียนซา อำเภอพุนพิน และอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี ไหลออกสู่ทะเลที่อ่าวบ้านดอน แม่น้ำตาปี มีความยาวทั้งหมดประมาณ 232 กิโลเมตร มีคลองสาขาที่สำคัญ 6 สาย ได้แก่

  • คลองฉวาง ต้นน้ำอยู่ในอำเภอบ้านนาสาร ไหลผ่านอำเภอบ้านนาสารหลายตำบล บรรจบแม่น้ำตาปีที่ตำบลท่าชี เรียกว่าปากหวางหรือว่าปากจน
  • คลองสินปุน ต้นน้ำอยู่ในเขตจังหวัดกระบี่ ไหลมารวมกับแม่น้ำตาปี ทางฝั่งซ้ายในตำบลสินปุน อำเภอพระแสง
  • คลองอิปัน ต้นน้ำมาจากอำเภอทับปุด จังหวัดพังงา ไหลมารวมกับแม่น้ำตาปีทางฝั่งซ้ายในตำบลสินปุน อำเภอพระแสง
  • คลองพุนพิน แยกจากฝั่งซ้ายของแม่น้ำตาปี ใกล้สะพานรถไฟพระจุลจอมเกล้า ตำบลท่าข้าม อำเภอพุนพิน ไปออกทะเลที่อ่าวบ้านดอน
  • คลองท่ากูบ ต้นน้ำมาจากบ้านขุนทะเล ไหลมารวมกับแม่น้ำตาปีทางฝั่งขวา
  • คลองมะขามเตี้ย ต้นน้ำมากจากบึงขุนทะเล ไหลมารวมกับแม่น้ำตาปี ทางฝั่งขวาใกล้ตลาดบ้านดอน อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี
  • คลองขวาง แยกจากฝั่งซ้ายตรงกันข้ามกับหน้าตลาดบ้านดอน อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี ไปบรรจบกับคลองพุนพิน ที่ตำบลลิเล็ด อำเภอพุนพิน
  • คลองศก ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากอุทยานแห่งชาติเขาสก คลองยัน ซึ่งมีต้นกำเนิดจากพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกรุง
  • แม่น้ำพุมดวง

ความสำคัญทางประวัติศาสตร์

ใน ราว ค.ศ. 100 - ราว ค.ศ. 178 ปโตเลมี นักปราชญ์ชาวกรีก ได้กล่าวถึง แม่น้ำอัตตาบาส์ หมายถึง แม่น้ำตาปี เป็นเส้นทางเดินทางและเมืองท่าสำคัญ ในหนังสือดาราศาสตร์และภูมิศาสตร์

จากคลองสาขาที่มาจากจังหวัดกระบี่ และจังหวัดพังงา เป็นเส้นทางสำคัญในยุคอาณาจักรศรีวิชัย ที่ชาวต่างชาติใช้เป็นเส้นทางในการลำเลียงสินค้าจากทะเลอันดามัน มหาสมุทรอินเดีย ขึ้นฝั่งยังบริเวณอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา มาสู่อ่าวไทยที่บริเวณปากแม่น้ำพุมเรียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีเส้นทางที่สำคัญอย่างน้อย 4 เส้นทาง คือ

  1. จากทุ่งตึกผ่านทางคลองเหล ผ่านมาทางเขาสก เข้าคลองพุมดวง เข้าแม่น้ำตาปี และมาออกที่อ่าวบ้านดอน
  2. จากคณะมะรุ่ยผ่านทางคลองชะอุ่น คลองสก คลองพุมดวง แม่น้ำตาปี แล้วออกทางอ่าวบ้านดอน
  3. จากคลองปกาสัย ผ่านคลองโตรม คลองอิปัน ออกแม่น้ำตาปี แล้วต่อมาออกอ่าวบ้านดอน
  4. จากคลองท่อมผ่านคลองสินปุน ออกแม่น้ำตาปี และอ่าวบ้านดอน

การใช้ประโยชน์

ปัจจุบัน แม่น้ำตาปี ได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์ในหลายด้าน ทั้งการอุปโภค บริโภค และการนันทนาการท่องเที่ยว

เป็นเขื่อนผลิตพลังงานไฟฟ้า กั้นแม่น้ำตาปีบริเวณต้นน้ำคลองศก ระดับน้ำในเขื่อนสูงสุดที่ 100 เมตร นำน้ำที่เก็บไว้สำหรับการผลิตไฟฟ้า และการชลประทานสำหรับพื้นที่อำเภอพนม และอำเภอคีรีรัฐนิคม

  • ล่องแก่งคลองยัน-คลองศก

ในอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง ได้จัดกิจกรรมล่องแก่งชมธรรมชาติสองข้างทางของคลองยันที่ไหลผ่านบริเวณพื้นที่อุทยาน และในบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาสก มีเอกชนจ้ดกิจกรรมล่องห่วงยางไปตามลำน้ำคลองสก เป็นกิจกรรมนันทนาการท่องเที่ยวในพื้นที่

  • การอุปโภคบริโภค

โดยนำน้ำจากแม่น้ำตาปี เป็นแหล่งน้ำดิบสำหรับผลิตน้ำประปา นอกจากนี้ยังมีโรงงานที่ตั้งขึ้นสองฝั่งแม่น้ำที่ใช้น้ำจากแม่น้ำตาปี ในการอุปโภคและบริโภคจำนวนมาก

อ้างอิง

  1. เทือกเขาหลวง ต้นกำเนิดแม่น้ำตาปี
  2. สถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม
  • ชมนก ตกปู

พิกัดภูมิศาสตร์: 9°11′50″N 99°22′57″E / 9.19722°N 99.38250°E / 9.19722; 99.38250

แม, ำตาป, เป, นแม, ำสายใหญ, ดในภาคใต, ของประเทศไทย, นกำเน, ดจากเท, อกเขาหลวง, อำเภอพ, งหว, ดนครศร, ธรรมราช, และไหลส, าวไทยท, าวบ, านดอน, อำเภอเม, องส, ราษฎร, ธาน, งหว, ดส, ราษฎร, ธาน, กปราชญ, ชาวกร, กนามว, าปโตเลม, ได, กล, าวถ, แม, ำอ, ตตาบาส, งหมายถ, วงท, ไหล. aemnatapi epnaemnasayihythisudinphakhitkhxngpraethsithy mitnkaenidcakethuxkekhahlwng xaephxphipun cnghwdnkhrsrithrrmrach aelaihlsuxawithythixawbandxn xaephxemuxngsurasdrthani cnghwdsurasdrthani nkprachychawkriknamwapotelmi idklawthung aemnaxttabas sunghmaythung aemnatapiaemnatapi chwngthiihlphanemuxngsurasdrthani aemnatapi chwngthiihlphan x thungihy c nkhrsrithrrmrach enuxha 1 prawti 2 khlxngsakha 3 khwamsakhythangprawtisastr 4 karichpraoychn 5 xangxingprawti aekikhchuxaemnatapi phrabathsmedcphramngkuteklaecaxyuhw thrngphrakrunaoprdekla phrarachthan emuxwnthi 29 krkdakhm 2458 odymi mhaxamatyoth phrayamhaxamatyathibdi esnabdikrathrwngmhadithy lngnamsnxng n wnthi 29 singhakhm 2458edimmichuxwa aemnahlwng ephraamitnkaenidxyuthiphuekhahlwngsungepnyxdekhathisungthisudkhxngethuxkekhankhrsrithrrmrach xyuinekhtphunthi xaephxphipun cnghwdnkhrsrithrrmrach ihlphanxaephxchwang xaephxthungihy cnghwdnkhrsrithrrmrach phan xaephxphraaesng xaephxewiyngsra xaephxbannasar xaephxekhiynsa xaephxphunphin aelaihlxxksuxawithythixaephxemuxngsurasdrthani cnghwdsurasdrthani epnaemnasayyawthisudkhxngphakhitdwyaemnasayni mikhwamyawkhrxbkhlumphunthimak chawphunemuxng cungeriykchuxaetktangkniptamsthanthi echn emuxphanxaephxphunphin eriykaemnathakham dwykhwamthiepnaemnasayihythisudinmnthlpksit tlxdsayaehnglumaemnasaynicungxudmsmburn ehmaaaekkarephaapluk karkhakhay cdepnaemnasaysakhyxiksayhnungkhxngrachxanackrsyaminewlannemuxrchkalthi 6 esdcipprathb n phratahnkswnsrayrmy tablthakham idphrarachthanchuxemuxngichyaepnemuxngsurasdrthani emuxwnthi 29 krkdakhm ph s 2458 aelamiphrarachdarswasmkhwrthiepliynchuxaemnaintwemuxngsurasdrthani tlxdthnglanatngpaknathixxksuthael thungekaaprab pakaemnaphumdwng khlxngsinpun khlxngkaebiyd cnthungsnekhahlwng wa aemnatapikartngchuxaemnani khlaykbchuxaemna tapti aela emuxngsurdth surasdr inpraethsxinediy sungaemnataptimitnkaenidcakphuekhasttpura ihllngsumhasmuthrxinediythixawaekhmeby pakaemnanimiemuxngchuxwa surdth tngxyu sungsphaphkhxngemuxngthngsxngxackhlaykhlungkn prakxbkbthrngthrabwa chawemuxngichyaepnphumikhunthrrm tngmninphrathrrmsasnasxdkhlxngkb khwamhmaykhxngkhawa surasdrthani aelaidphrarachthannamphratahnkthichawemuxngsrangthwayepnthiprathbbneninthakhamwa swnsrayrmy sungpccubn epnthitngkhxngorngphyabalswnsrayrmy 1 khlxngsakha aekikhaemnatapi ekidcakethuxkekhahlwnginxaephxphipun cnghwdnkhrsrithrrmrachihlphan xaephxchwang xaephxbannasar xaephxewiyngsra xaephxthungihy xaephxphraaesng xaephxekhiynsa xaephxphunphin aelaxaephxemuxngsurasdrthani ihlxxksuthaelthixawbandxn aemnatapi mikhwamyawthnghmdpraman 232 kiolemtr mikhlxngsakhathisakhy 6 say idaek khlxngchwang tnnaxyuinxaephxbannasar ihlphanxaephxbannasarhlaytabl brrcbaemnatapithitablthachi eriykwapakhwanghruxwapakcn khlxngsinpun tnnaxyuinekhtcnghwdkrabi ihlmarwmkbaemnatapi thangfngsayintablsinpun xaephxphraaesng khlxngxipn tnnamacakxaephxthbpud cnghwdphngnga ihlmarwmkbaemnatapithangfngsayintablsinpun xaephxphraaesng khlxngphunphin aeykcakfngsaykhxngaemnatapi iklsaphanrthifphraculcxmekla tablthakham xaephxphunphin ipxxkthaelthixawbandxn khlxngthakub tnnamacakbankhunthael ihlmarwmkbaemnatapithangfngkhwa khlxngmakhametiy tnnamakcakbungkhunthael ihlmarwmkbaemnatapi thangfngkhwaikltladbandxn xaephxemuxngsurasdrthani khlxngkhwang aeykcakfngsaytrngknkhamkbhnatladbandxn xaephxemuxngsurasdrthani ipbrrcbkbkhlxngphunphin thitabllield xaephxphunphin khlxngsk sungmitnkaenidmacakxuthyanaehngchatiekhask khlxngyn sungmitnkaenidcakphunthixuthyanaehngchatiaekngkrung aemnaphumdwng 2 khwamsakhythangprawtisastr aekikhin raw kh s 100 raw kh s 178 potelmi nkprachychawkrik idklawthung aemnaxttabas hmaythung aemnatapi epnesnthangedinthangaelaemuxngthasakhy inhnngsuxdarasastraelaphumisastrcakkhlxngsakhathimacakcnghwdkrabi aelacnghwdphngnga epnesnthangsakhyinyukhxanackrsriwichy thichawtangchatiichepnesnthanginkarlaeliyngsinkhacakthaelxndamn mhasmuthrxinediy khunfngyngbriewnxaephxtakwpa cnghwdphngnga masuxawithythibriewnpakaemnaphumeriyng xaephxichya cnghwdsurasdrthani odymiesnthangthisakhyxyangnxy 4 esnthang khux cakthungtukphanthangkhlxngehl phanmathangekhask ekhakhlxngphumdwng ekhaaemnatapi aelamaxxkthixawbandxn cakkhnamaruyphanthangkhlxngchaxun khlxngsk khlxngphumdwng aemnatapi aelwxxkthangxawbandxn cakkhlxngpkasy phankhlxngotrm khlxngxipn xxkaemnatapi aelwtxmaxxkxawbandxn cakkhlxngthxmphankhlxngsinpun xxkaemnatapi aelaxawbandxnkarichpraoychn aekikhpccubn aemnatapi idthuknamaichpraoychninhlaydan thngkarxupophkh briophkh aelakarnnthnakarthxngethiyw ekhuxnrchchpraphaepnekhuxnphlitphlngnganiffa knaemnatapibriewntnnakhlxngsk radbnainekhuxnsungsudthi 100 emtr nanathiekbiwsahrbkarphlitiffa aelakarchlprathansahrbphunthixaephxphnm aelaxaephxkhirirthnikhm lxngaekngkhlxngyn khlxngskinxuthyanaehngchatiaekngkrung idcdkickrrmlxngaekngchmthrrmchatisxngkhangthangkhxngkhlxngynthiihlphanbriewnphunthixuthyan aelainbriewnxuthyanaehngchatiekhask miexkchncdkickrrmlxnghwngyangiptamlanakhlxngsk epnkickrrmnnthnakarthxngethiywinphunthi karxupophkhbriophkhodynanacakaemnatapi epnaehlngnadibsahrbphlitnaprapa nxkcakniyngmiorngnganthitngkhunsxngfngaemnathiichnacakaemnatapi inkarxupophkhaelabriophkhcanwnmakxangxing aekikh ethuxkekhahlwng tnkaenidaemnatapi sthankarnkhunphaphsingaewdlxm chmnk tkpuphikdphumisastr 9 11 50 N 99 22 57 E 9 19722 N 99 38250 E 9 19722 99 38250ekhathungcak https th wikipedia org w index php title aemnatapi amp oldid 9168453, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม