fbpx
วิกิพีเดีย

อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย

อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย เป็นปราสาทหินทรงขอมโบราณแบบบาปวน ตั้งอยู่ในอำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ประกอบด้วยปราสาทหินในสมัยอาณาจักรขอมที่ใหญ่โตและงดงาม สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ราวพุทธศตวรรษที่ 16 เพื่อใช้เป็นเทวสถานของศาสนาพราหมณ์ และเปลี่ยนเป็นพุทธศาสนานิกายมหายาน ในเวลาต่อมา

อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย
Phimai Historical Park
ชาลาทางเดินและองค์ประธาน
ข้อมูลทั่วไป
ประเภทปราสาทหิน
สถาปัตยกรรมขอมแบบบาปวน (ยุคแรก)
ขอมแบบนครวัด (ยุคต่อเติม)
เมืองอำเภอพิมาย, จังหวัดนครราชสีมา
ประเทศประเทศไทย
เริ่มสร้างราวพุทธศตวรรษที่ 16
ปรับปรุงราวพุทธศตวรรษที่ 17

ปราสาทหินพิมาย สร้างขึ้นตามความเชื่อเกี่ยวกับสวรรค์ และโลกมนุษย์ ลักษณะผังของปราสาทหินพิมายนั้นสร้างขึ้นคล้ายเขาพระสุเมรุ มีองค์ปราสาทประธาน ซึ่งอยู่ใจกลางของเทวสถาน เป็นเสมือนทางเชื่อมระหว่างโลกกับสวรรค์ ปราสาทหินพิมาย เป็นปราสาทหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในอำเภอพิมาย และจังหวัดนครราชสีมา

ประวัติ

 
ผังอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย

เมืองพิมายเป็นเมืองที่สร้างตามแบบแผนของศิลปะเขมร มีลักษณะเป็นเวียงสี่เหลี่ยม ชื่อ พิมาย น่าจะมาจากคำว่า วิมาย หรือ วิมายปุระ ที่ปรากฏในจารึกภาษาเขมรบนแผ่นหินตรงกรอบประตูระเบียงคดด้านหน้าของปราสาท จากหลักฐานศิลาจารึกและศิลปะสร้างบ่งบอกว่า ปราสาทหินพิมายคงเริ่มสร้างขึ้นสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ราวพุทธศตวรรษที่ 16 ในฐานะเทวสถานของศาสนาพราหมณ์ รูปแบบของศิลปะเป็นแบบบาปวนผสมผสานกับศิลปะแบบนครวัด ซึ่งหมายถึงปราสาทนี้ได้ถูกดัดแปลงมาเป็นสถานที่ทางศาสนาพุทธในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7

เมื่ออิทธิพลของวัฒนธรรมขอมเริ่มเสื่อมลงหลังรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และมีการสถาปนาอาณาจักรสุโขทัยในเวลาต่อมา เมืองพิมายคงจะหมดความสำคัญลง และหายไปในที่สุด เนื่องไม่ปรากฏหลักฐานเกี่ยวกับเมืองพิมายเลยในสมัยสุโขทัย

ที่ตั้ง

ตัวอุทยานตั้งอยู่ฟากทิศตะวันออกของแม่น้ำมูล และอยู่ในจังหวัด นครราชสีมา อ.พิมาย บนพื้นที่ 115 ไร่ วางแผนเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 565 เมตร ยาว 1,030 เมตร ลักษณะพิเศษของปราสาทหินพิมาย คือ ปราสาทหินแห่งนี้สร้างหันหน้าไปทางทิศใต้ ต่างจากปราสาทหินอื่น ๆ ที่มักหันไปทางทิศตะวันออก สันนิษฐานว่าเพื่อให้หันรับกับเส้นทางตัดมาจากเมือง พระนคร เมืองหลวงในสมัยนั้นของอาณาจักรขะแมร์ ซึ่งเข้ามาสู่เมืองพิมายทางทิศใต้

สิ่งก่อสร้างภายในอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย

พลับพลา

ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้ากำแพงชั้นนอก ด้านซ้ายมือของทางเดินเข้าสู่ตัวปราสาท เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เดิมเรียกกันว่า "คลังเงิน" จากตำแหน่งที่ตั้งสันนิษฐานว่าคงเป็นที่พักเตรียมพระองค์สำหรับกษัตริย์ หรือเจ้านายชั้นสูงที่เสด็จมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนา รวมทั้งเป็นสถานที่พักจัดขบวนสิ่งของถวายต่าง ๆ จากการขุดแต่งบริเวณนี้เมื่อปี พ.ศ. 2511 ได้พบโบราณวัตถุจำนวนมาก มีทั้งรูปเคารพ เครื่องประดับ และเหรียญสำริด เป็นเหตุให้เรียกกันว่า "คลังเงิน"

สะพานนาคราช

 
สะพานนาคราช ปราสาทหินพิมาย

ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าทางเข้าโคปุระด้านทิศใต้สร้างด้วยหินทราย มีผังเป็นรูปกากบาท กว้าง 4 ม. ยาว 31.70 ม. ยกพื้นสูง ราวสะพานทำเป็นตัวนาค ที่ปลายราวสะพานทำเป็นรูปนาคราชชูคอแผ่พังพานเป็นรูปนาค 7 เศียร สะพานนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการเดินทางเข้าสู่ศาสนสถานอันศักดิ์สิทธิ์ตามคติความเชื่อเรื่องจักรวาล เชื่อว่าเป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับโลกสวรรค์ คตินีถือสืบกันมาในศาสนาฮินดูและพุทธศาสนานิกายมหายาน

ซุ้มประตูและกำแพงแก้ว

 
บริเวณชาลาทางเดินเข้าสู่ปราสาทประธานภายใน

ซุ้มประตูหรือโคปุระ ตั้งอยู่กึ่งกลางของแนวกำแพงแก้ว อยุ่ในแนวตรงกันหมดทั้ง 4 ด้าน คือ ทิศเหนือ-ใต้ อยู่ตรงกึ่งกลางของกำแพง ทิศตะวันออก-ตะวันตกค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย ผังโดยรอบของซุ้มประตูจะมีลักษณะเป็นรูปกากบาท จากกำแพงแก้วเข้ามาด้านในเชื่อกันว่าเป็นดินแดนของโลกสวรรค์ อันเป็นที่อยู่ของเทพเจ้า

ชาลาทางเดิน

ก่อสร้างด้วยหินทราย เชื่อมต่อระหว่างซุ้มประตูด้านทิศใต้ของระเบียงคดที่ล้อมรอบปราสาทประธาน โดยทำทางเดินยกพื้นสูงประมาณ 1 เมตร แบ่งเป็น 3 ช่องทางเดิน ผังทำเป็นรูปกากบาท จากการบูรณะพบเศษกระเบื้องมุงหลังคาและบราลีดินเผาจำนวนมาก สันนิษฐานว่าเดิมคงเป็นระเบียงโปร่ง หลังคามุงกระเบื้อง รองรับด้วยเสาไม้ครับ

ซุ้มประตูและระเบียงคด

เป็นอาคารก่อด้วยหินทรายยกพื้นสูง อยู่ล้อมรอบปราสาทประธาน ระเบียงคดมีลักษณะคล้ายกำแพงแก้วทั้ง 4 ด้าน โดยมีตำแหน่งที่ตั้งตรงกับแนวของประตูเมือง และประตูทางเข้าปราสาทประธาน ปรากฏหลักฐานสำคัญที่ซุ้มประตูด้านทิศใต้ บริเวณกรอบประตูพบจารึกภาษาเขมร อักษรขอมโบราณ ระบุศักราชตรงกับ พ.ศ. 1651-1655 กล่าวถึงการสร้างรูปเคารพ การสร้างเมือง ตลอดจนปรากฏพระนามของขุนนางชั้นสูง และพระนามมหากษัตริย์คือ พระเจ้าธรณินทรวรมันที่1

ปราสาทประธาน

 
ปรางค์ประธาน

เป็นส่วนสำคัญที่สุดของปราสาทหินพิมาย เป็นปราสาทองค์ใหญ่ สร้างขึ้นราวพุทธศรรตวรรษที่ 16-17 ก่อสร้างด้วยศิลาทรายสีขาวหันหน้าไปทางทิศใต้ ซึ่งแตกต่างจากศาสนสถานแบบขอมในที่อื่น ๆ ซึ่งมักจะหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ปราสาทประธานประกอบด้วยส่วนสำคัญ 2 ส่วนคือ มณฑป และ เรือนธาตุ มีการจำหลักลวดลายประดับตามส่วนต่าง ๆ เช่น หน้าบัน ทับหลัง มักจำหลักเป็นภาพเล่าเรื่องรามเกียรติ์และเรื่องราวทางพุทธศาสนา ยกเว้นทางด้านทิศใต้ จำหลักเป็นภาพศิวนาฏราช ภายในเรือนธาตุเป็นส่วนสำคัญที่สุดเรียกว่า ห้องครรภคฤหะ เป็นที่ประดิษฐานรูปเคารพสำคัญ พื้นห้องตรงมุมด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือมีร่องน้ำมนต์ต่อลอดผ่านพื้นห้องออกไปทางด้านนอก เรียกว่า ท่อโสมสูตร

ปรางค์หินแดง

สร้างขึ้นราวปลายพุทธศตวรรษที่ 17 ตั้งอยู่ทางด้านขวาของปรางค์ประธาน มีมุขยื่นออกไปทั้ง 4 ทิศ เหนือกรอบประตูทางเข้าด้านทิศเหนือ มีทับหลังหินทรายจำหลักภาพเล่าเรื่องมหากาพย์มหาภารตะ ตอนอรชุนล่าหมูป่า ส่วนกรอบประตูด้านอื่นคงเหลือร่องรอยเฉพาะเสาประดับกรอบประตูศิลปะแบบเขมรประดับอยู่

หอพราหมณ์

เป็นอาคารก่อด้วยหินทรายและศิลาแลง ตั้งอยู่บนฐานเดียวกันกับบปรางค์หินแดง ในปี พ.ศ. 2493 ได้ค้นพบศิวลึงค์ สลักด้วยหินทรายจำนวน 7 ชิ้นอยู่ภายในหอพราหมณ์ เชื่อกันว่าอาคารหลังนี้คงเป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาพราหมณ์ แต่จากรูปแบบและตำแหน่งที่ตั้งเดิมคงเป็นที่ตั้งของบรรณาลัยมากกว่า.

ปรางค์พรหมทัต

ลักษณะของปรางค์องค์นี้ สร้างด้วยศิลาแลงตั้งอยู่ด้านหน้าของปราสาทประธานทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ ฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ประตูทำเป็นมุขยื่นออกไปทั้ง 4 ทิศ ภายในองค์ปรางค์พบประติมากรรมสำคัญ 2 ชิ้น คือ ประติมากรรมรูปบุคคลขนาดใหญ่อยู่ในท่านั่งขัดสมาธิ สลักด้วยหินทราย สันนิษฐานว่าเป็นรูปจำลองของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ชาวบ้านเรียกว่า ท้าวพรหมทัต ส่วนอีกรูปเป็นรูปสตรีนั่งคุกเข่าสลักด้วยหินทราย ส่วนศีรษะและแขนหักหายไป เชื่อกันว่าเป็นรูปของพระนางชัยราขเทวีมเหสี ชาวบ้านเรียกตามนิยายพื้นบ้านว่า นางอรพิม ปัจจุบันประติมากรรมทั้ง 2 ชิ้นนี้จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพิมาย

บรรณาลัย

ตั้งอยู่บริเวณลานชั้นนอก ระหว่างกำแพงแก้วและซุ้มประตูระเบียงคด ด้านทิศตะวันตกเป็นอาคาร 2 หลังขนาดเดียวกัน ผังอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ายกพื้นสูง ก่อด้วยหินทรายกั้นเป็นห้องยาวตลอดแนว พบร่องรอยหลุมเสารูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส เดิมคงเป็นหลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้อง เชื่อกันว่าบรรณาลัยคือสถานที่เก็บรักษาคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา

ทัศนียภาพปราสาทพิมาย

แหล่งข้อมูลอื่น

อ้างอิง

  1. http://www.phanomrungpuri.co.th/th/node/25#.VUXa646qqko
  2. ครอบครัวข่าว 3 พาเที่ยว อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย หรือ ปราสาทหินพิมาย พุทธสถานในนิกายมหายานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา 2019-08-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, website:http://news.ch3thailand.com/ 2020-06-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน .สืบค้นเมื่อ 10/08/2562
  3. จัดเต็ม แสง สี เสียง ที่ปราสาทหินใหญ่ที่สุดในเมืองไทย ในงาน “เที่ยวพิมาย นครราชสีมา”, website:https://mgronline.com/ .สืบค้นเมื่อ 10/08/2562
  4. . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2019-01-13. สืบค้นเมื่อ 2021-10-04.
  5. . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-05-03.

พิกัดภูมิศาสตร์: 15°12′5″N 102°30′27″E / 15.20139°N 102.50750°E / 15.20139; 102.50750

ทยานประว, ศาสตร, มาย, เป, นปราสาทห, นทรงขอมโบราณแบบบาปวน, งอย, ในอำเภอพ, มาย, งหว, ดนครราชส, มา, ประกอบด, วยปราสาทห, นในสม, ยอาณาจ, กรขอมท, ใหญ, โตและงดงาม, สร, างข, นในสม, ยพระเจ, าส, ยวรม, นท, ราวพ, ทธศตวรรษท, เพ, อใช, เป, นเทวสถานของศาสนาพราหมณ, และเปล, ยนเ. xuthyanprawtisastrphimay epnprasathhinthrngkhxmobranaebbbapwn tngxyuinxaephxphimay cnghwdnkhrrachsima prakxbdwyprasathhininsmyxanackrkhxmthiihyotaelangdngam srangkhuninsmyphraecasuriywrmnthi 1 rawphuththstwrrsthi 16 ephuxichepnethwsthankhxngsasnaphrahmn aelaepliynepnphuththsasnanikaymhayan inewlatxmaxuthyanprawtisastrphimayPhimai Historical Parkchalathangedinaelaxngkhprathankhxmulthwippraephthprasathhinsthaptykrrmkhxmaebbbapwn yukhaerk khxmaebbnkhrwd yukhtxetim emuxngxaephxphimay cnghwdnkhrrachsimapraethspraethsithyerimsrangrawphuththstwrrsthi 16prbprungrawphuththstwrrsthi 17prasathhinphimay srangkhuntamkhwamechuxekiywkbswrrkh aelaolkmnusy lksnaphngkhxngprasathhinphimaynnsrangkhunkhlayekhaphrasuemru mixngkhprasathprathan sungxyuicklangkhxngethwsthan epnesmuxnthangechuxmrahwangolkkbswrrkh 2 prasathhinphimay epnprasathhinthimikhnadihythisudinpraethsithy epnhnunginsthanthithxngethiywsakhythisudaehnghnunginxaephxphimay aelacnghwdnkhrrachsima 3 enuxha 1 prawti 2 thitng 3 singkxsrangphayinxuthyanprawtisastrphimay 3 1 phlbphla 3 2 saphannakhrach 3 3 sumpratuaelakaaephngaekw 3 4 chalathangedin 3 5 sumpratuaelaraebiyngkhd 3 6 prasathprathan 3 7 prangkhhinaedng 3 8 hxphrahmn 3 9 prangkhphrhmtht 3 10 brrnaly 4 aehlngkhxmulxun 5 xangxingprawti aekikh phngxuthyanprawtisastrphimay emuxngphimayepnemuxngthisrangtamaebbaephnkhxngsilpaekhmr milksnaepnewiyngsiehliym chux phimay nacamacakkhawa wimay hrux wimaypura thipraktincarukphasaekhmrbnaephnhintrngkrxbpraturaebiyngkhddanhnakhxngprasath cakhlkthansilacarukaelasilpasrangbngbxkwa prasathhinphimaykhngerimsrangkhunsmyphraecasuriywrmnthi 1 rawphuththstwrrsthi 16 inthanaethwsthankhxngsasnaphrahmn rupaebbkhxngsilpaepnaebbbapwnphsmphsankbsilpaaebbnkhrwd sunghmaythungprasathniidthukddaeplngmaepnsthanthithangsasnaphuththinsmyphraecachywrmnthi 7 4 emuxxiththiphlkhxngwthnthrrmkhxmerimesuxmlnghlngrchsmykhxngphraecachywrmnthi 7 aelamikarsthapnaxanackrsuokhthyinewlatxma emuxngphimaykhngcahmdkhwamsakhylng aelahayipinthisud enuxngimprakthlkthanekiywkbemuxngphimayelyinsmysuokhthythitng aekikhtwxuthyantngxyufakthistawnxxkkhxngaemnamul aelaxyuincnghwd nkhrrachsima x phimay bnphunthi 115 ir wangaephnepnrupsiehliymphunpha kwang 565 emtr yaw 1 030 emtr lksnaphiesskhxngprasathhinphimay khux prasathhinaehngnisranghnhnaipthangthisit tangcakprasathhinxun thimkhnipthangthistawnxxk snnisthanwaephuxihhnrbkbesnthangtdmacakemuxng phrankhr emuxnghlwnginsmynnkhxngxanackrkhaaemr sungekhamasuemuxngphimaythangthisit 5 singkxsrangphayinxuthyanprawtisastrphimay aekikhphlbphla aekikh tngxyubriewndanhnakaaephngchnnxk dansaymuxkhxngthangedinekhasutwprasath epnxakharrupsiehliymphunpha edimeriykknwa khlngengin caktaaehnngthitngsnnisthanwakhngepnthiphketriymphraxngkhsahrbkstriy hruxecanaychnsungthiesdcmaprakxbphithikrrmthangsasna rwmthngepnsthanthiphkcdkhbwnsingkhxngthwaytang cakkarkhudaetngbriewnniemuxpi ph s 2511 idphbobranwtthucanwnmak mithngrupekharph ekhruxngpradb aelaehriyysarid epnehtuiheriykknwa khlngengin saphannakhrach aekikh saphannakhrach prasathhinphimay tngxyubriewndanhnathangekhaokhpuradanthisitsrangdwyhinthray miphngepnrupkakbath kwang 4 m yaw 31 70 m ykphunsung rawsaphanthaepntwnakh thiplayrawsaphanthaepnrupnakhrachchukhxaephphngphanepnrupnakh 7 esiyr saphannithuxepncuderimtninkaredinthangekhasusasnsthanxnskdisiththitamkhtikhwamechuxeruxngckrwal echuxwaepnesnthangechuxmrahwangolkmnusykbolkswrrkh khtinithuxsubknmainsasnahinduaelaphuththsasnanikaymhayan sumpratuaelakaaephngaekw aekikh briewnchalathangedinekhasuprasathprathanphayin sumpratuhruxokhpura tngxyukungklangkhxngaenwkaaephngaekw xyuinaenwtrngknhmdthng 4 dan khux thisehnux it xyutrngkungklangkhxngkaaephng thistawnxxk tawntkkhxnipthangehnuxelknxy phngodyrxbkhxngsumpratucamilksnaepnrupkakbath cakkaaephngaekwekhamadaninechuxknwaepndinaednkhxngolkswrrkh xnepnthixyukhxngethpheca chalathangedin aekikh kxsrangdwyhinthray echuxmtxrahwangsumpratudanthisitkhxngraebiyngkhdthilxmrxbprasathprathan odythathangedinykphunsungpraman 1 emtr aebngepn 3 chxngthangedin phngthaepnrupkakbath cakkarburnaphbesskraebuxngmunghlngkhaaelabralidinephacanwnmak snnisthanwaedimkhngepnraebiyngoprng hlngkhamungkraebuxng rxngrbdwyesaimkhrb sumpratuaelaraebiyngkhd aekikh epnxakharkxdwyhinthrayykphunsung xyulxmrxbprasathprathan raebiyngkhdmilksnakhlaykaaephngaekwthng 4 dan odymitaaehnngthitngtrngkbaenwkhxngpratuemuxng aelapratuthangekhaprasathprathan prakthlkthansakhythisumpratudanthisit briewnkrxbpratuphbcarukphasaekhmr xksrkhxmobran rabuskrachtrngkb ph s 1651 1655 klawthungkarsrangrupekharph karsrangemuxng tlxdcnpraktphranamkhxngkhunnangchnsung aelaphranammhakstriykhux phraecathrninthrwrmnthi1 prasathprathan aekikh prangkhprathan epnswnsakhythisudkhxngprasathhinphimay epnprasathxngkhihy srangkhunrawphuththsrrtwrrsthi 16 17 kxsrangdwysilathraysikhawhnhnaipthangthisit sungaetktangcaksasnsthanaebbkhxminthixun sungmkcahnhnaipthangthistawnxxk prasathprathanprakxbdwyswnsakhy 2 swnkhux mnthp aela eruxnthatu mikarcahlklwdlaypradbtamswntang echn hnabn thbhlng mkcahlkepnphaphelaeruxngramekiyrtiaelaeruxngrawthangphuththsasna ykewnthangdanthisit cahlkepnphaphsiwnatrach phayineruxnthatuepnswnsakhythisuderiykwa hxngkhrrphkhvha epnthipradisthanrupekharphsakhy phunhxngtrngmumdanthistawnxxkechiyngehnuxmirxngnamnttxlxdphanphunhxngxxkipthangdannxk eriykwa thxosmsutr prangkhhinaedng aekikh srangkhunrawplayphuththstwrrsthi 17 tngxyuthangdankhwakhxngprangkhprathan mimukhyunxxkipthng 4 this ehnuxkrxbpratuthangekhadanthisehnux mithbhlnghinthraycahlkphaphelaeruxngmhakaphymhapharta txnxrchunlahmupa swnkrxbpratudanxunkhngehluxrxngrxyechphaaesapradbkrxbpratusilpaaebbekhmrpradbxyu hxphrahmn aekikh epnxakharkxdwyhinthrayaelasilaaelng tngxyubnthanediywknkbbprangkhhinaedng inpi ph s 2493 idkhnphbsiwlungkh slkdwyhinthraycanwn 7 chinxyuphayinhxphrahmn echuxknwaxakharhlngnikhngepnsthanthiprakxbphithithangsasnaphrahmn aetcakrupaebbaelataaehnngthitngedimkhngepnthitngkhxngbrrnalymakkwa prangkhphrhmtht aekikh lksnakhxngprangkhxngkhni srangdwysilaaelngtngxyudanhnakhxngprasathprathanthangdanthistawnxxkechiyngit thanepnrupsiehliymcturs pratuthaepnmukhyunxxkipthng 4 this phayinxngkhprangkhphbpratimakrrmsakhy 2 chin khux pratimakrrmrupbukhkhlkhnadihyxyuinthanngkhdsmathi slkdwyhinthray snnisthanwaepnrupcalxngkhxngphraecachywrmnthi 7 chawbaneriykwa thawphrhmtht swnxikrupepnrupstrinngkhukekhaslkdwyhinthray swnsirsaaelaaekhnhkhayip echuxknwaepnrupkhxngphranangchyrakhethwimehsi chawbaneriyktamniyayphunbanwa nangxrphim pccubnpratimakrrmthng 2 chinnicdaesdngxyuinphiphithphnthsthanaehngchatiphimay brrnaly aekikh tngxyubriewnlanchnnxk rahwangkaaephngaekwaelasumpraturaebiyngkhd danthistawntkepnxakhar 2 hlngkhnadediywkn phngxakharepnrupsiehliymphunphaykphunsung kxdwyhinthrayknepnhxngyawtlxdaenw phbrxngrxyhlumesarupsiehliymcturs edimkhngepnhlngkhaekhruxngimmungkraebuxng echuxknwabrrnalykhuxsthanthiekbrksakhmphirxnskdisiththithangsasna thsniyphaphprasathphimayaehlngkhxmulxun aekikhkrmsilpakr Archived 2007 09 28 thi ewyaebkaemchchin hxmrdkithy lingkesiy phimayxarythrrmkhxmobran Archived 2009 07 18 thi ewyaebkaemchchin chumchnphimay Archived 2012 02 16 thi ewyaebkaemchchin khxmulaelaphaphthayxuthyanprawtisastrphimay ethsbaltablphimayxangxing aekikh http www phanomrungpuri co th th node 25 VUXa646qqko khrxbkhrwkhaw 3 phaethiyw xuthyanprawtisastrphimay hrux prasathhinphimay phuththsthaninnikaymhayanthimikhnadihythisudinpraethsithy tngxyuthi x phimay c nkhrrachsima Archived 2019 08 10 thi ewyaebkaemchchin website http news ch3thailand com Archived 2020 06 27 thi ewyaebkaemchchin subkhnemux 10 08 2562 cdetm aesng si esiyng thiprasathhinihythisudinemuxngithy inngan ethiywphimay nkhrrachsima website https mgronline com subkhnemux 10 08 2562 saenathiekbthawr khlngkhxmuleka ekbcak aehlngedim emux 2019 01 13 subkhnemux 2021 10 04 saenathiekbthawr khlngkhxmuleka ekbcak aehlngedim emux 2016 03 04 subkhnemux 2015 05 03 phikdphumisastr 15 12 5 N 102 30 27 E 15 20139 N 102 50750 E 15 20139 102 50750ekhathungcak https th wikipedia org w index php title xuthyanprawtisastrphimay amp oldid 9676084, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม