พระเจ้าอาฟงซูที่ 6 แห่งโปรตุเกส
พระเจ้าอาฟงซูที่ 6 (โปรตุเกส: Afonso VI; 21 สิงหาคม พ.ศ. 2186 - 12 กันยายน พ.ศ. 2226) เป็นพระมหากษัตริย์โปรตุเกสและอัลเกรฟลำดับที่ 22 และเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 2 แห่งราชวงศ์บรากังซา พระองค์ทรงได้พระสมัญญานามว่า "ผู้ชนะ" (o Vitorioso)
พระเจ้าอาฟงซูที่ 6 แห่งโปรตุเกส | |
---|---|
พระปรมาภิไธย | อาฟงซู ดึ บรากังซา |
พระอิสริยยศ | เจ้าชายแห่งโปรตุเกส ดยุกแห่งบรากังซา เจ้าชายแห่งบราซิล พระมหากษัตริย์โปรตุเกสและอัลเกรฟ |
ราชวงศ์ | บรากังซา |
ครองราชย์ | 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2199 - 12 กันยายน พ.ศ. 2226 |
รัชกาล | 26 ปี 310 วัน |
รัชกาลก่อน | พระเจ้าฌูเอาที่ 4 แห่งโปรตุเกส |
รัชกาลถัดไป | พระเจ้าเปดรูที่ 2 แห่งโปรตุเกส |
ข้อมูลส่วนพระองค์ | |
พระราชสมภพ | 21 สิงหาคม พ.ศ. 2186 ณ พระราชวังริเบย์รา ลิสบอน ประเทศโปรตุเกส |
สวรรคต | 12 กันยายน พ.ศ. 2226 ณ พระราชวังหลวงซินทรา ซินทรา ประเทศโปรตุเกส (พระชนมายุ 40 พรรษา) |
พระราชบิดา | พระเจ้าฌูเอาที่ 4 แห่งโปรตุเกส |
พระราชมารดา | ลุยซา เดอ กุสแมน |
พระมเหสี | เจ้าหญิงมารี ฟรานซัวส์แห่งเนมัวส์ |
ช่วงต้นพระชนม์ชีพ
พระเจ้าอาฟงซูที่ 6 เสด็จพระราชสมภพในวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2186 ณ พระราชวังริเบย์รา ลิสบอน ประเทศโปรตุเกส เป็นพระโอรสในพระเจ้าฌูเอาที่ 4 แห่งโปรตุเกสกับลุยซาแห่งเมดินา-ซิโดเนีย เมื่อมีพระชนมายุได้ 3 พรรษา พระองค์ทรงพระประชวรหนักจนเกือนสิ้นพระชนม์ ส่งผลให้พระวรกายซีกขวาคล้ายจะเป็นอัมพาต ต่อมาพระราชบิดาได้สถาปนาเจ้าชายอาฟงซูเป็น "ดยุคแห่งบรากังซา"
หลังจากเจ้าชายเทโอโอซิโอแห่งบราซิล ผู้เป็นพระเชษฐาได้สิ้นพระชนม์ลงในปีพ.ศ. 2196 ขณะมีพระชนมายุเพียง 19 พรรษา ทำให้เจ้าชายอาฟงซูได้ดำรงตำแหน่งรัชทายาทโปรตุเกสและทรงได้รับการสถาปนาเป็น "เจ้าชายแห่งบราซิล"
ครองราชย์
เจ้าชายอาฟงซูได้ขึ้นครองราชสมบัติสืบต่อจากพระราชบิดาซึ่งเสด็จสวรรคตในปีพ.ศ. 2199 ขณะนั้นพระองค์มีพระชนมายุ 13 พรรษา พระนางลุยซา พระราชชนนีต้องเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์จากพินัยกรรมของพระราชบิดา เนื่องมาจากพระอาการที่เกือบจะเป็นอัมพาตทำให้พระองค์ไม่สนพระทัยด้านการเมืองการปกครอง พระองค์ทรงมอบหมายให้พระราชมารดาออกว่าราชการแผ่นดินแทนพระองค์เป็นเวลา 6 ปี จนกระทั่งปีพ.ศ. 2205 ในรัชสมัยนี้กองทัพโปรตุเกสได้รบชนะสเปนในการสู้รบที่อเมซิอัล ในวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2206 และรบชนะในยุทธการที่มอนเตส คาร์ลอส ในวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2208 ผลจากการสู้รบทำให้สเปนยอมรับการเป็นเอกราชของโปรตุเกสภายใต้ราชวงศ์บรากังซาอย่างเป็นทางการในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2211 จากสนธิสัญญาลิสบอนพ.ศ. 2211 ต่อมาได้เกิดปัญหาด้านอาณานิคมขิ้นโดยชาวดัตช์ได้เข้ายึดอาณานิคมแห่งสุดท้ายของโปรตุเกสในศรีลังกาซึ่งก็คือ แคว้นจาฟนา และโปรตุเกสได้มอบเมืองบอมเบย์และทานเจียร์แก่อังกฤษในวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2204 เพื่อเป็นสินสมรสในการอภิเษกสมรสของเจ้าหญิงแคทเธอรีนแห่งบรากังซา ผู้เป็นพระเชษฐภคินี โดยทรงอภิเษกสมรสกับพระเจ้าชาลส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ ในปีพ.ศ. 2204 อังกฤษได้เป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างเนเธอร์แลนด์และโปรตุเกส โดยยอมรับว่า โปรตุเกสปกครองบราซิล ส่วนเนเธอร์แลนด์ปกครองศรีลังกา
ในปีพ.ศ. 2205 ลูอิส เดอ วาสคอนเซลอส เคานท์ที่ 3 แห่งคาสเตโล เมลฮอร์พยายามที่จะกุมอำนาจทั้งหมดโดยเป็นคนโปรดของพระเจ้าอาฟงซู เขาได้ทูลยุยงให้พระเจ้าอาฟงซูหลงเชื่อว่า พระนางลุยซาพยายามยึดราชบัลลังก์แล้วเป็นใหญ่เสียเองและจะเนรเทศพระองค์ออกจากโปรตุเกส พระเจ้าอาฟงซูทรงเชื่อ พระองค์ได้ยึดพระราชอำนาจมาจากพระราชมารดาและเนรเทศพระนางไปยังคอนเวนต์
อภิเษกสมรส การสูญเสียพระราชอำนาจและสวรรคต
ในวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2209 พระเจ้าอาฟงซูอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงมาเรีย ฟรานซิสกาแห่งเนมัวส์ พระราชธิดาในดยุคแห่งซาวอย หลังการอภิเษกสมรส พระเจ้าอาฟงซูไม่เสด็จไปพบพระนางเลย พระเจ้าอัลฟองโซแทบไม่เคยย่างพระบาทไปพบพระมเหสีเลยสักครั้ง ขณะที่เจ้าชายเปโดร พระอนุชาเสด็จมาไต่ถามสุขทุกข์หลายครั้ง พระนางมาเรีย ฟรานซิสกาจึงหันมาสนิทสนมกับพระอนุชาของพระสวามีแทน และบางคนกล่าวว่าทรงสนิทสนมมากเกินไป
แต่เนื่องจากพระเจ้าอาฟงซูและพระมเหสียังไม่ทรงมีบุตร ทำให้หลายคนต่างถกเถียงเรื่องนี้ ทำให้พระเจ้าอาฟงซูจำต้องแก้ไขเหตุการณ์นี้ มีรายงานว่าพระองค์จะให้ข้าราชบริพารคนสนิทในที่ประทับของพระองค์มีเพศสัมพันธ์กับพระราชินีแทนพระองค์เอง และถ้าพระนางทรงพระครรภ์ก็จะสามารถกำจัดพระราชอำนาจของพระอนุชาได้ ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2210 พระเจ้าอัลฟองโซทรงเชื้อเชิญพระนางมาเรีย ฟรานซิสกามาเยือนที่พระตำหนักในกลางดึก โดยมีข้าราชบริพารคนสนิทสองคนอยู่ด้วย ซึ่งผิดหลักธรรมเนียมโบราณที่ว่า เมื่อพระเจ้าแผ่นดินมีพระราชประสงค์ที่จะหลับนอนกับพระมเหสี พระองค์จะต้องเป็นฝ่ายไปประทับที่ตำหนักของพระมเหสี โดยมีเหล่านางสนองพระโอษฐ์อยู่ใกล้ๆ แต่แผนการของพระองค์ต้องล้มเหลวเพราะพระราชินีสงสัยว่าพระสวามีมีแผนการบางอย่างในพระทัย พระนางจึงปฏิเสธที่จะเสด็จไปยังที่ประทับของพระสวามี เป็นเหตุให้พระเจ้าอัลฟองโซทรงกุมดาบ พร้อมพระพักตร์แดงก่ำด้วยความโกรธ พระองค์สาบานว่า หากพระราชินีไม่เสด็จมาด้วยความสมัครใจภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง พระองค์จะเสด็จไปลากพระราชินีมาที่แท่นบรรทมด้วยพระองค์เองหรือไม่ก็มีรับสั่งให้มหาดเล็ก 4 คนไปกุมตัวพระนางมายังที่ประทับ
ในที่สุดพระนางมาเรีย ฟรานซิสกาก็สิ้นความอดทน วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2210 พระนางจึงเสด็จไปประทับที่คอนแวนต์แห่งหนึ่ง และส่งข่าวไปทูลพระเจ้าอาฟงซูทราบว่าพระนางถือว่าการอภิเษกสมรสถือเป็นโมฆะ เนื่องจากไม่มีความสัมพันธ์ทางเพศเกินขึ้นหลังจากการอภิเษกสมรสผ่านไป 16 เดือน ทันทีที่พระเจ้าอัลฟองโซทรงได้รับหนังสือฉบับนั้น พระองค์ก็เสด็จไปคอนแวนต์เพื่อจับกุมพระราชินี แต่เจ้าชายเปโดรพร้อมด้วยทหารได้เสด็จมาและทรงปฏิญาณว่าจะปกป้องพระราชินีทุกวิถีทาง ทำให้พระเจ้าอาฟงซูจำต้องเสด็จกลับไป ขณะถึงพระราชวังพระองค์ได้ถูกจับกุมเป็นนักโทษและยอมรับในการไต่สวนว่าพระองค์ไร้สมรรถภาพ บิชอปแห่งลิสบอนจึงประกาศให้การอภิเษกสมรสถือเป็นโมฆะ
เมื่อพระราชินีทรงมีหนังสือถึงสภานิติบัญญัติ โดยทรงขอเสด็จกลับภูมิลำเนาพร้อมสินเดิมก่อนอภิเษกสมรส สมาชิกสภาทุกคนได้เดินทางมาแลละขอร้องไม่ให้พระนางจากแผ่นดินนี้ พวกเขาขอร้องให้พระนางอภิเษกสมรสกับเจ้าชายเปโดรและประทับอยู่ในฐานะพระราชินีของตน ซึ่งทุกคนต่างชื่นชมในความสามารถของพระนางที่กระทำการรัฐประหารด้วยสติปัญญา จากนั้นสมาชิกสภาได้ไปขอร้องให้เจ้าชายเปโดรอภิเษกสมรสกับพระราชินี ซึ่งพระองค์ก็ยินดีแต่ทรงปฏิเสธที่จะครองราชย์ตราบใดที่พระเชษฐายังมีพระชนม์ชีพอยู่ พระองค์จะทรงดำรงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เท่านั้น พระนางมาเรีย ฟรานซิสกาและเจ้าชายเปโดรได้ก่อรัฐประหารรัฐบาลของลูอิส เดอ วาสคอนเซลอส เคานท์ที่ 3 แห่งคาสเตโล เมลฮอร์ นายกรัฐมนตรีคนสนิทของพระเจ้าอัลฟองโซ
พระเจ้าอาฟงซูที่ 6 ทรงถูกกักกันอย่างสมพระเกียรติ พอพระองค์ทราบว่าการอภิเษกสมรสถือเป็นโมฆะและพระมเหสีอภิเษกสมรสใหม่กับเจ้าชายเปโดร พระองค์ตรัสว่า "อา...ดีแล้ว! ไม่มีอะไรให้สงสัยเลยว่า อีกไม่ช้าน้องชายที่น่าสงสารของข้าจะต้องเสียใจเหมือนกับข้า ที่เกลือกกลั้วกับนังผู้หญิงฝรั่งเศสน่าเบื่อคนนี้"
เจ้าชายเปโดรได้ดำรงเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินและได้อภิเษกสมรสกับพระราชินีมาเรีย ฟรานซิสกา และได้เนรเทศพระเจ้าอัลฟองโซไปยังเกาะเตอเชราในหมู่เกาะอะโซเรสเป็นเวลา 7 ปี และต่อมาได้เสด็จกลับมายังแผ่นดินใหญ่ เจ้าชายเปโดรทรงให้พระเชษฐาเสวยสุราอย่างหนัก ดัวยหวังว่าพระเชษฐาจะสวรรคตจากการดื่มสุรา อย่างไรก็ดี วันหนึ่งพระเจ้าอัลฟองโซได้ปฏิญาณว่าจะไม่ทรงแตะต้องเครื่องดื่มมึนเมาอีก สร้างความขุ่นเคืองแก่คณะรัฐบาลมาก เอกอัครราชทูตแห่งซาวอยเขียนเล่าว่า ผู้ตวบคุมพระเจ้าอาฟงซูที่นับถือบาทหลวงคณะเยสุอิต พูดถึงการฟื้นฟูสุขภาพของพระเจ้าอาฟงซูว่า "เป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างเห็นได้ชัด"
ทว่าสุดท้ายพระเจ้าอาฟงซูกลับสวรรคตด้วยพระกระยาหารมิใช่สุรา พระองค์มีพระวรกายใหญ่มากขึ้น พระองค์แทบจะเสด็จออกจากพระแท่นไม่ไหว จากรายงานบางฉบับบอกว่า การเสด็จดำเนินกลายเป็นเรื่องทุกข์ทรมาน หลังจากทรงถูกจองจำเป็นเวลา 15 ปี พระองค์ก็สิ้นพระชนม์เดือนกันยายน ปีพ.ศ. 2226 เนื่องจากเส้นพระโลหิตในสมองแตก ขณะมีพระชนมายุ 40 พรรษา ณ พระราชวังหลวงซินทรา ซินทรา ประเทศโปรตุเกส
พระราชตระกูล
16. เทโอโดซิโอที่ 1 ดยุคที่ 5 แห่งบรากังซา | ||||||||||||||||
8. จอห์นที่ 1 ดยุคที่ 6 แห่งบรากังซา | ||||||||||||||||
17. อิซาเบล เดอ แลนคัสเตอร์ | ||||||||||||||||
4. เทโอโดซิโอที่ 2 ดยุคที่ 7 แห่งบรากังซา | ||||||||||||||||
18. เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด ดยุคที่ 4 แห่งกุยมาเรส | ||||||||||||||||
9. เจ้าหญิงแคทเทอรีน ดัสเชสแห่งบรากังซา | ||||||||||||||||
19. เจ้าหญิงอิซาเบลลาแห่งบรากังซา | ||||||||||||||||
2. พระเจ้าฌูเอาที่ 4 แห่งโปรตุเกส | ||||||||||||||||
20. อินิโก เฟอร์นันเดส เดอ เวเลสโก ดยุคที่ 4 แห่งฟรีแอส | ||||||||||||||||
10. ฮวน เฟอร์นันเดส เดอ เวเลสโก ดยุคที่ 5 แห่งฟรีแอส | ||||||||||||||||
21. มาเรีย แองเจลา เดอ อารากอน ยี กุสแมน | ||||||||||||||||
5. อนา เดอ เวเลสโก ยี กีโรน | ||||||||||||||||
22. เปโดร แตเรส-กีโรน ดยุคที่ 1 แห่งโอซูนา | ||||||||||||||||
11. มาเรีย แตเรส-กีโรน | ||||||||||||||||
23. เลโอนอร์ อนา เดอ กุสแมน ยี อารากอน | ||||||||||||||||
1. พระเจ้าอาฟงซูที่ 6 แห่งโปรตุเกส | ||||||||||||||||
24. ฮวน คาร์ลอส เปเรส เดอ กุสแมน เคานท์ที่ 9 แห่งไนเบีย | ||||||||||||||||
12. อลอนโซ เปเรซ เดอ กุสแมน ดยุคที่ 7 แห่งเมดินา ซิโดเนีย | ||||||||||||||||
25. เลโอนอร์ แมนริเคว เดอ ซูนิกา โซโตมายอร์ | ||||||||||||||||
6. ฮวน มานูเอล เปเรซ เดอ กุสแมน ดยุคที่ 8 แห่งเมดินา ซิโดเนีย | ||||||||||||||||
26. ลุย โกเมซ เดอ ซิลวา เจ้าชายที่ 1 แห่งอีโบลี | ||||||||||||||||
13. อนา เดอ ซิลวา ยี เมนโดซา | ||||||||||||||||
27. อนา เดอ เมนโดซา เจ้าหญิงแห่งอีโบลี | ||||||||||||||||
3. ลุยซา เดอ กุสแมน | ||||||||||||||||
28. ฟรานซิสโก โกเมซ เดอ ซัลโดวัล มาควิสที่ 4 แห่งเดเนีย | ||||||||||||||||
14. ฟรานซิสโก โกเมซ เดอ ซัลโดวัล ดยุคที่ 1 แห่งเลอร์มา | ||||||||||||||||
29. อิซาเบล เดอ บอร์ยา | ||||||||||||||||
7. ฮวนนา ลอเรนซา โกเมซ เดอ ซัลโดวัล ยี ลา เซอดา | ||||||||||||||||
30. ฮวน เดอ ลา เซอดา ดยุคที่ 4 แห่งเมดินาเซลี | ||||||||||||||||
15. คาทาลีนา เดอ ลา เซอดา | ||||||||||||||||
31. ฮวนนา เดอ โบรอนฮา | ||||||||||||||||
อ้างอิง
- Gribble,Poltugal, p 66
- Gribble,Poltugal, p 68
- http://en.wikipedia.org/wiki/Afonso_VI_of_Portugal
- บทความนี้เรียบเรียงจาก สารานุกรมบริตานิคา, ฉบับ ค.ศ. 1911 ซึ่งในปัจจุบันเป็นสาธารณสมบัติ
ก่อนหน้า | พระเจ้าอาฟงซูที่ 6 แห่งโปรตุเกส | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พระเจ้าฌูเอาที่ 4 | พระมหากษัตริย์แห่งโปรตุเกสและอัลเกรฟ (6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2199 - 12 กันยายน พ.ศ. 2226) | พระเจ้าเปโดรที่ 2 |