มณี สิริวรสาร
คุณหญิงมณี สิริวรสาร หรือเดิมคือ หม่อมมณี ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา มีชื่อแต่แรกเกิดว่า มณี บุนนาค หรือ มณี เซเนียร์ บุนนาค (อักษรโรมัน: Mani Xenier Bunnag; เกิด: 22 กันยายน พ.ศ. 2458 — ถึงแก่อนิจกรรม: 27 กันยายน พ.ศ. 2542) อาจารย์และนักสังคมสงเคราะห์ชาวไทย อดีตพระสุณิสาของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ด้วยท่านเคยสมรสกับพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาต พระราชโอรสบุญธรรมของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
คุณหญิง มณี สิริวรสาร ต.จ. | |
---|---|
เกิด | มณี เซเนียร์ บุนนาค 22 กันยายน พ.ศ. 2458 ลอนดอน ประเทศอังกฤษ |
เสียชีวิต | 27 กันยายน พ.ศ. 2542 (84 ปี) ประเทศไทย |
อาชีพ | อาจารย์, นักสังคมสงเคราะห์ |
คู่สมรส |
|
บุตร |
|
บิดามารดา | พระยาราชานุประพันธ์ (เปีย บุนนาค) คุณหญิงดอรีส วินดั้ม ราชานุประพันธ์ |
และเธอเป็นผู้เขียนหนังสือ ชีวิตเหมือนฝัน ซึ่งเป็นหนังสือที่บรรยายเหตุการณ์ช่วงปลายพระชนม์ชีพของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ไว้ค่อนข้างละเอียด
ประวัติ
ชีวิตตอนต้นและการศึกษา
คุณหญิงมณีมีชื่อแต่แรกเกิดว่ามณี เซเนียร์ บุนนาค เกิดที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นธิดาของพระยาราชานุประพันธ์ (เปีย บุนนาค) ราชทูตไทยประจำราชสำนักเซนต์เจมส์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เกิดแต่ภรรยาชื่อ ดอรีส วินดั้ม สตรีชาวอังกฤษ คุณหญิงมณีเป็นหลานปู่ของเจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุนนาค) มีพี่ชายร่วมบิดามารดาเพียงคนเดียว คือ อุทัย ภานุวงศ์ และมีพี่ชายและพี่สาวต่างมารดา 10 คน
พ.ศ. 2460 เมื่อพระยาราชานุพันธ์ (เปีย บุนนาค) พาครอบครัวกลับประเทศไทย ได้พักอาศัยอยู่ที่บ้านที่ได้รับพระราชทานที่ถนนสี่พระยา ซอยแพรกบ้านใน หลังวัดมหาพฤฒาราม (วัดตะเคียน) คุณหญิงมณีได้เข้าเรียนที่โรงเรียนอัสสัมชัญ เรียนชั้นประถมได้ 3 ปี บิดาให้ลาออกมาเรียนภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสที่บ้านกับมารดา
หลังจากบิดาถึงแก่กรรมได้เข้าเรียนต่อเป็นนักเรียนประจำที่โรงเรียนเซนต์แมรีส์ เอส.พี.จี. ซึ่งเป็นโรงเรียนมิชชันนารีนิกายโปรเตสแตนต์ มีอาจารย์ใหญ่เป็นชาวอังกฤษ เมื่อเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาแล้ว ได้สอบเข้าคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรียนได้เพียง 2 ปี พ.ศ. 2478 สอบชิงทุนของ ก.พ. (คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน) ในแผนกอักษรศาสตร์ ได้ไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ และสอบเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด
สมรสครั้งแรก
มณีพบรักกับพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาต หรือนามที่ทรงแนะนำตัวแก่มณีว่า "เจรี่" ที่ศึกษาอยู่ในสหราชอาณาจักรเหมือนกัน ความสัมพันธ์ของทั้งสองจึงนำไปสู่การหมั้นเมื่อวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2481 และมีพิธีมงคลสมรสจัดขึ้นที่สถานทูตไทยในกรุงลอนดอน โดยมีพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีทรงเป็นองค์ประธาน เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2481 ด้วยเหตุนี้มณีจึงได้ลาออกจากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดหลังจากร่ำเรียนมาได้สองปี พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงเซ็นเช็กจ่ายเงินค่าทุนการศึกษาของหม่อมมณีแก่รัฐบาลไทย เพราะหม่อมมณียังไม่ใช้ทุนคืน
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาตและหม่อมมณี มีพระโอรสด้วยกัน 2 คน ซึ่งผู้สืบสันดานได้รับพระราชทานนามสกุล ศักดิเดชน์ ภาณุพันธ์ ณ อยุธยา คือ
- หม่อมราชวงศ์เดชนศักดิ์ ศักดิเดชน์ ภาณุพันธุ์ หรือ คุณชายเดชน์ (พ.ศ. 2482) สมรสกับสมคิด ศักดิเดชน์ ภาณุพันธ์ ณ อยุธยา มีบุตรหนึ่งคน
- หม่อมราชวงศ์ทินศักดิ์ ศักดิเดชน์ ภาณุพันธุ์ หรือ คุณชายทิน (พ.ศ. 2485) สมรสครั้งที่สองกับศิริกาญจน์ ศักดิเดชน์ ภาณุพันธ์ ณ อยุธยา (สกุลเดิม: ศรีกาญจนา) มีบุตรสองคน และบุตรบุญธรรมหนึ่งคน
ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาต ทำงานกับบริษัท A.T.A. ทำหน้าที่ขับเครื่องบิน และเป็นเสรีไทยในประเทศอังกฤษอีกด้วย จนทำให้พระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาตสิ้นพระชนม์เนื่องจากทรงขับเครื่องบิน และเครื่องตกที่ประเทศสก๊อตแลนด์ในระหว่างที่ทรงปฏิบัติหน้าที่
สมรสครั้งที่สอง
หลังการสิ้นพระชนม์ของพระภัสดาคนแรก หม่อมมณีได้เข้าเสกสมรสครั้งที่สองกับพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภัสสรวงศ์ ซึ่งเป็นพระเชษฐาของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาต มีพระธิดาเพียงคนเดียว คือ
- หม่อมราชวงศ์อรมณี ภาณุพันธุ์ หรือ คุณหญิงออร่า สมรสครั้งแรกกับ พันตำรวจโท จุมพล นิลวัฒนานนท์ และครั้งที่สองกับวัฒนา นิเวศน์มรินทร์ มีบุตรจากการสมรสครั้งแรกสองคน และครั้งที่สองหนึ่งคน
และในปี พ.ศ. 2490 พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภัสสรวงศ์ได้พาครอบครัวกลับประเทศไทย เมื่อหม่อมมณีกลับมาอยู่ประเทศไทย ได้ไปทำงานในตำแหน่งอาจารย์พิเศษสอนภาษาอังกฤษที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตามคำเชิญชวนของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตรซึ่งเป็นอาจารย์หัวหน้าภาควิชาในขณะนั้น หลังจากหย่ากับพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภัสสรวงศ์แล้ว จึงลาออกจากอาจารย์พิเศษที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้มาสร้างบ้านหลังใหม่อยู่ที่ถนนเพลินจิต รับงานแปลบทความภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษให้กับสำนักงานข่าวสารอเมริกัน
สมรสครั้งที่สามและบั้นปลาย
ต่อมาหม่อมมณีได้กลับไปพักที่ประเทศอังกฤษเพื่อเยี่ยมมารดาและบุตรที่ศึกษาอยู่ที่นั่น ได้ทำงานในตำแหน่งหัวหน้าแผนกส่งวิทยุกระจายเสียงภาคภาษาไทยให้สถานีวิทยุบีบีซีอยู่ประมาณ 1 ปี จึงกลับเมืองไทย พ.ศ. 2503 ได้เข้าพิธีสมรสใหม่กับพลตรี นายแพทย์ ปชา สิริวรสาร และใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันถึง 23 ปี มีบุตรบุญธรรมด้วยกันสองคนคือ ภาณุพล และภาณินี สิริวรสาร ซึ่งเป็นบุตรของหม่อมราชวงศ์อรมณีที่เกิดกับสามีคนแรก จนนายแพทย์ ปชาถึงแก่กรรม เมื่อ พ.ศ. 2526
คุณหญิงมณี สิริวรสาร ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อ พ.ศ. 2542 สิริอายุ 85 ปี
ชีวิตส่วนตัว
คุณหญิงมณีเมื่อครั้งเรียนที่โรงเรียนอัสสัมชัญ เคยมีใจโอนอ่อนที่จะเข้ารีตไปนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก แต่ถูกพระยาราชานุประพันธ์ผู้บิดาทัดทานอย่างแข็งขันและบังคับให้ลาออกจากโรงเรียนเดิมเสีย หลังการมรณกรรมของบิดา คุณหญิงมณีได้เข้าเรียนที่โรงเรียนเซนต์แมรีส์ เอส.พี.จี. คุณหญิงมณีได้ตัดสินใจเข้ารีตนิกายโปรเตสแตนต์ ตามที่ครูผู้สอนให้คำแนะนำให้กอปรกับความศรัทธาในพระเยซูของเธอ แต่ต่อมาภายหลังคุณหญิงมณีเห็นว่าความคิดเดิมของตนนั้นงมงาย จึงเปลี่ยนกลับมานับถือศาสนาพุทธตามเดิม และปฏิบัติตนตามคำสอนทางพุทธศาสนาเรื่อยมา
งานสาธารณประโยชน์
คุณหญิงมณีและพลตรีนายแพทย์ ปชา สิริวรสารได้บริจาคทรัพย์สร้างตึกผู้ป่วยด้วย โรคหู คอ จมูก เป็นอาคาร 4 ชั้น มีห้องผ่าตัดทันสมัย มอบให้แก่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ชื่อตึกว่า "ตึกศักดิเดชน์" ทั้งยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เสด็จฯ มาทรงทำพิธีเปิดตึกนี้ เมื่อ พ.ศ. 2514 ต่อมาได้บริจาคทรัพย์ส่วนหนึ่งร่วมสร้างโรงพยาบาลสมเด็จพระปกเกล้าฯ ที่จังหวัดจันทบุรี และมอบเงินให้แก่กรมแพทย์ทหารบก จำนวน 1 ล้านบาทเป็นทุนจัดตั้งมูลนิธิ "ศักดิเดชน์" เพื่อจัดหาเครื่องมือแพทย์และใช้ในการดูแลบำรุงรักษาอาคารด้วย จัดตั้งมูลนิธิถวายไว้ที่วัดราชบพิธ เพื่อใช้ดอกผลเป็นปัจจัย 4 ถวายพระสงฆ์โดยสมทบทุนทุกปี ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
นอกจากนี้คุณหญิงมณียังได้ช่วยงานด้านสังคมสงเคราะห์ตามสมาคมสตรีต่าง ๆ และเป็นกรรมการอยู่หลายสมาคม ทั้งยังช่วยหาเงินปลูกสร้างอาคารให้กับมูลนิธิสตรีอุดมศึกษาจนเป็นผลสำเร็จและยังใช้เป็นอาคารที่ทำงานของมูลนิธิฯ และสมาคมสตรีอุดมศึกษาแห่งประเทศไทยอยู่จนถึงปัจจุบันนี้
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. 2532 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นตติยจุลจอมเกล้า (ฝ่ายใน) ต.จ.
อ้างอิง
- ↑ "Search birth records". findmypast.co.uk. สืบค้นเมื่อ 16 September 2012.
BUNNAG Mani X Kensington London 1915
- ชีวิตเหมือนฝัน - Near Thai
- ↑ 56 ชมรมสายสกุลบุนนาค
- "History". The Bunnag Lineage Club. สืบค้นเมื่อ 21 พฤศจิกายน 2557. Check date values in:
|accessdate=
(help) (อังกฤษ) - ↑ เอกชัย โควาวิสารัช ผศ.นพ.. ประวัติศาสตร์วิเคราะห์ "กรณีสวรรคตพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว". ใน ศิลปวัฒนธรรม. ปีที่ 33 ฉบับที่ 7 พฤษภาคม 2555 กรุงเทพ:มติชน, หน้า 109
- พระยาราชานุประพันธ์ (เปีย บุนนาค)
- มณี สิริวรสาร, คุณหญิง. ชีวิตเหมือนฝัน ตอนที่ 1 และ ตอนที่ 2. กรุงเทพฯ : ชวนพิมพ์, มมป. หน้า 332
- มณี สิริวรสาร, คุณหญิง. ชีวิตเหมือนฝัน ตอนที่ 1 และ ตอนที่ 2. กรุงเทพฯ : ชวนพิมพ์, มมป. หน้า 365
- มณี สิริวรสาร, คุณหญิง. ชีวิตเหมือนฝัน ตอนที่ 1 และ ตอนที่ 2. กรุงเทพฯ : ชวนพิมพ์, มมป. หน้า 367
- มณี สิริวรสาร, คุณหญิง. ชีวิตเหมือนฝัน ตอนที่ 1 และ ตอนที่ 2. กรุงเทพฯ : ชวนพิมพ์, มมป. หน้า 364
- พฤทธิสาณ ชุมพล, รองศาสตราจารย์ หม่อมราชวงศ์ (กรกฎาคม 2559). รายงานการวิจัย การสังเคราะห์ประวัติศาสตร์บอกเล่าในสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 (PDF). พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว สถาบันพระปกเกล้า. p. 171. Check date values in:
|year=
(help) - มณี สิริวรสาร, คุณหญิง. ชีวิตเหมือนฝัน ตอนที่ 3. กรุงเทพฯ : ชวนพิมพ์, มมป. หน้า 456
- "ถามปอ" (Press release). ไทยรัฐ. 13 มิถุนายน 2554. สืบค้นเมื่อ 29 กรกฎาคม 2555. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - นิตยสาร WhO? - ศีกัญญา ศักดิเดชน์ ภาณุพันธ์ พี่สาวที่แสนดีและสีสันบ้านหรรษา
- มณี สิริวรสาร, คุณหญิง. ชีวิตเหมือนฝัน ตอนที่ 3. กรุงเทพฯ : ชวนพิมพ์, มมป. หน้า 53
- "คุณหญิง มณีได้ผู้ร่วมทุนใหม่ สานต่อโครงการยักษ์ของตระกูล" (Press release). นิตยสารผู้จัดการ. พฤษภาคม 2542. สืบค้นเมื่อ 11 สิงหาคม 2555. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - มณี สิริวรสาร, คุณหญิง. ชีวิตเหมือนฝัน ตอนที่ 1 และ ตอนที่ 2. กรุงเทพฯ : ชวนพิมพ์, มมป. หน้า 91-102
- ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม 106, ตอนที่ 73, ฉบับพิเศษหน้า 6, 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2532