มารีแห่งบูร์กอญ
มารีแห่งบูร์กอญ (ฝรั่งเศส: Marie de Bourgogne) หรือ มารีผู้มั่งคั่ง (อังกฤษ: Mary the Rich) เป็นบุตรีของชาร์ล ดยุกแห่งบูร์กอญ และอิซาเบลลาแห่งบูร์บง และมีบรรดาศักดิ์เป็นดัชเชสแห่งแห่งบูร์กอญ ระหว่างปี ค.ศ. 1477 จนกระทั่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 27 มีนาคม ค.ศ. 1482 มารีเป็นธิดาคนเดียวของชาร์ลผู้อาจหาญซึ่งทำให้มีสิทธิเป็นทายาทของดินแดนบูร์กอญอันใหญ่โตในฝรั่งเศสและในกลุ่มประเทศแผ่นดินต่ำเมื่อบิดาเสียชีวิตในยุทธการนองซี (Battle of Nancy) เมื่อวันที่ 5 มกราคม ค.ศ. 1477 แม่ของมารีเสียชีวิตก่อนหน้านั้นในปี ค.ศ. 1465 แต่มารีมีความสัมพันธ์อันดีกับแม่เลี้ยงมาร์กาเร็ตแห่งยอร์คผู้ที่ชาร์ลผู้อาจหาญสมรสด้วยในปี ค.ศ. 1468
มารีแห่งบูร์กอญ | |
---|---|
ดัชเชสแห่งแห่งบูร์กอญ | |
เกิด | 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1457, บรัสเซลส์ ดัชชีบราบันต์ |
เสียชีวิต | 27 มีนาคม ค.ศ. 1482, Castle of Wijnendale ฟลานเดอร์ส |
บิดา | ชาร์ล ดยุกแห่งบูร์กอญ |
มารดา | อิซาเบลลาแห่งบูร์บง |
สามี | มัคซีมีลีอานที่ 1 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ |
บุตร/ธิดา | พระเจ้าเฟลิเปที่ 1 แห่งคาสตีล มาร์กาเร็ตดัชเชสแห่งซาวอย |
ขุนนางฝรั่งเศส - กษัตริย์ฝรั่งเศส - ประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส |
ประวัติ
ทายาทแห่งบูร์กอญ
มารีแห่งบูร์กอญเกิดในปราสาทดยุกแห่งคูดองแบร์กที่บรัสเซลส์ นักบันทึกประวัติศาสตร์ฌอร์ฌ ชาสเตลแลงบันทึกว่าการกำเนิดของมารีตามด้วยเสียงฟ้าผ่าสามครั้งทั้งที่ท้องฟ้าปรอดโปร่ง พ่อทูลหัวของมารีคือโดแฟงหลุยส์แห่งฝรั่งเศสผู้ขณะนั้นเสด็จมาลี้ภัยอยู่ในบูร์กอญ พระองค์พระราชทานนามตามชื่อของพระชนนีของพระองค์--มารีแห่งอองชู ปฏิกิริยาต่อการกำเนิดของมารีทั้งดีและไม่ดี ฟิลิปที่ 3 ดยุกแห่งบูร์กอญญผู้เป็นปู่ไม่ยินดียินร้ายเท่าใดนักและไม่เข้าร่วมในพิธีรับศีลจุ่มเพราะเป็นเพียงพิธีสำหรับเด็กผู้หญิง แต่ภรรยา อิสซาเบลลาแห่งบูร์กอญดีใจที่ได้หลาน
เพราะเป็นบุตรีคนเดียวของชาร์ล ดยุกแห่งบูร์กอญ มารีจึงเป็นทายาทของดินแดนอันมหาศาลและมั่งคั่งที่ปประกอบด้วยดัชชีแห่งบูร์กอญ, อาณาจักรเคานท์แห่งบูร์กอญ และส่วนใหญ่ของบริเวณกลุ่มประเทศแผ่นดินต่ำ ซึ่งทำให้กลายเป็นที่หมายปองจากเจ้าผู้ครองนครหลายคน คำเสนอครั้งแรกที่ชาร์ลผู้อาจหาญได้รับเมื่อมารียังคงมีอายุได้เพียงห้าขวบ เพื่อสมรสกับผู้ที่ต่อมาเป็นพระเจ้าเฟรนานโดที่ 2 แห่งอารากอน ที่ตามมาก็มีพระอนุชาองค์รองของพระเจ้าหลุยส์ที่ 11 แห่งฝรั่งเศส ชาร์ลส์แห่งวาลัวส์ ดยุกแห่งแบร์รีผู้ทรงพยายามแม้ว่าจะไม่ที่พึงพอใจต่อพระเชษฐาผู้ที่ทรงพยายามยับยั้งการออกประกาศของพระสันตะปาปาเพราะจะเป็นการเสกสมรสระหว่างญาติพี่น้องที่ใกล้ชิดกัน
ทันทีที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 11 มีพระราชโอรสผู้ต่อมาเป็นพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 8 พระองค์ก็มีพระราชประสงค์ที่จัดให้เสกสมรสกับมารี แม้ว่าชาร์ลส์จะมีพระชันษาอ่อนกว่ามารีถึงสิบสามปี นิโคลาส์ที่ 1 ดยุกแห่งลอร์แรนผู้มีอายุแก่กว่ามารีสองสามปีมีดินแดนที่มีพรมแดนติดกันกับดินแดนบูร์กอญ แต่แผนที่จะรวมสองอาณาจักรมาสิ้นสุดลงเมื่อนิโคลาส์มาเสียชีวิตในยุทธการในปี ค.ศ. 1473
เมื่อชาร์ล ดยุกแห่งบูร์กอญเสียชีวิตในสนามรบในการล้อมนองซีเมื่อวันที่ 5 มกราคม ค.ศ. 1477 มารีเพิ่งมีอายุได้สิบเก้าปี พระเจ้าหลุยส์ที่ 11 ทรงฉวยโอกาสจากการเสียชีวิตของคู่แข่งในการพยายามยึดครองแคว้นบูร์กอญ และฟร็องช์-กงเต, พิคาร์ดี และ อาร์ทัวส์ พระเจ้าหลุยส์ทรงวิตกกังวลที่จะผูกมัดมารีกับโดแฟงชาร์ลส์ เพื่อที่จะได้ดินแดนในกลุ่มประเทศแผ่นดินต่ำมาเป็นของฝรั่งเศส แม้ว่าอาจจะต้องมีการบังคับกัน มารีด้วยคำแนะนำของมาร์กาเร็ตมีความไม่ไว้วางใจพระเจ้าหลุยส์จึงปฏิเสธคำขอจากฝรั่งเศส และหันไปพึ่งเนเธอร์แลนด์ให้ช่วย
มหาอภิสิทธิ์
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1477 มารีเดินทางไปยังเกนต์เพื่อทำการเข้าเมืองอย่างเป็นทางการ (Joyous Entry) เนื่องในโอกาสรับรองฐานะในการเป็นทายาทของชาร์ลโดยการลงนามในกฎบัตรอภิสิทธิ์ (charter of rights) ที่เรียกว่า “มหาอภิสิทธิ์” (Great Privilege) ภายใต้ข้อตกลงนี้จังหวัดและเมืองต่างๆ ของฟลานเดอร์, บราบองต์, เอโนต์ และ ฮอลแลนด์ได้รับสิทธิต่างๆ คืนมาหลังจากที่ถูกยุบเลิกไปตามประกาศของดยุกแห่งบูร์กอญในการพยายามที่จะสร้างรัฐร่วมรัฐเดียวที่ปกครองจากศูนย์กลางตามแบบฝรั่งเศสจากรัฐเดิมหลายรัฐที่เป็นอิสระต่อกันในบริเวณกลุ่มประเทศแผ่นดินต่ำ โดยเฉพาะรัฐสภาแห่งเมเชเลนที่ก่อตั้งโดยชาร์ลผู้อาจหาญในปี ค.ศ. 1470 ถูกยุบเลิกและแทนที่ด้วยรัฐสภาแห่งปารีสที่มีอยู่เดิม ซึ่งเป็นการสร้างดุลยภาพของการปกครองจากศูนย์กลางที่คืบเข้ามาโดยทั้งชาร์ลและฟิลิปที่ 3 มารีต้องตกลงที่จะไม่ประกาศสงคราม, สร้างสันติ หรือขึ้นภาษีโดยไม่ได้รับการยินยอมจากรัฐต่างๆ และต้องจ้างเฉพาะผู้อยู่ในท้องถิ่นในการทำราชการเท่านั้น
การปกครองโดยคณะรัฐบาลเดิมเป็นที่ชิงชังของประชาชนเป็นอันมาก จนองคมนตรีผู้มีอิทธิพลสองคนของชาร์ล ดยุกแห่งบูร์กอญ องคมนตรีอูโกเนต์ และ อุมแบร์ตคูร์ตถูกประหารชีวิตที่เกนต์เมื่อพบว่าทำการเขียนจดหมายติดต่อกับกษัตริย์ฝรั่งเศส
การสมรส
มารีเลือกอาร์ชดยุกมัคซีมีลีอานแห่งออสเตรีย (หลังจากการเสียชีวิตของมารีมัคซีมีลีอานที่ 1 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์) จากบรรดาผู้หมายปองเป็นสามี การสมรสจัดขึ้นที่เกนต์เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ. 1477 ซึ่งทำให้มารีได้รับบรรดาศักดิ์เป็นอาร์ชดัชเชสแห่งออสเตรีย และทำให้กลุ่มประเทศแผ่นดินต่ำกลายเป็นของฮับส์บวร์ก ซึ่งทำให้เป็นการเริ่มสร้างความขัดแย้งระหว่างฝรั่งเศสและฮับส์บวร์กที่ดำเนินต่อมาอีกสองร้อยปี ที่ต่อมาขยายตัวไปยังสเปน จนกระทั่งในที่สุดก็เป็นชนวนที่ก่อให้เกิดสงครามสืบราชบัลลังก์สเปน ระหว่าง ค.ศ. 1701 ถึง ค.ศ. 1714.
แต่ในขณะนั้นในเนเธอร์แลนด์สถานการณ์ก็ดูจะราบรื่นอยู่ระยะหนึ่ง ความก้าวร้าวของฝรั่งเศสก็ดูจะยุติลง และสถานการณ์ภายในโดยทั่วไปก็ฟื้นตัวเป็นส่วนใหญ่
การเสียชีวิต
ห้าปีต่อมามารีผู้มีอายุได้เพียง 25 ปีก็มาเสียชีวิตจากการตกจากหลังม้าเมื่อวันที่ 27 มีนาคม ค.ศ. 1482 มารีเป็นผู้ที่ชอบขี่ม้าและออกไปล่าสัตว์ด้วยเหยี่ยวกับอาร์ชดยุกมัคซีมีลีอาน ขณะที่ขี่อยู่ม้าก็สะดุดและโยนตัวมารีลงจากหลังและล้มตัวลงมาทับมารีจนคอหัก มารีก็เสียชีวิตสองสามวันหลังจากนั้นหลังจากที่ได้ทำพินัยกรรมอย่างละเอียดแล้ว ร่างของมารีได้รับการบรรจุไว้ที่บรูจส์
ทันทีที่มารีเสียชีวิตพระเจ้าหลุยส์ก็เริ่มขยายอิทธิพลและบังคับให้อาร์ชดยุกมัคซีมีลีอานลงพระนามใน Louis was swift to re-engage, and forced Maximilian to agree to the สนธิสัญญาอาร์ราส (ค.ศ. 1482) ที่ระบุให้ฟรองช์-กงเต และ อาร์ทัวส์กลับมาตกอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสชั่วคราว ก่อนที่จะทำการแลกเปลี่ยนเป็นบูร์กอญและพิคาร์ดีต่อมาในปีต่อมาในสนธิสัญญาซองลีส์ ซึ่งเป็นผลให้เกิดความสงบสุขขึ้นในบริเวณกลุ่มประเทศแผ่นดินต่ำ
ในปี ค.ศ. 1493 อาร์ชดยุกมัคซีมีลีอานเสกสมรสเป็นครั้งที่สองกับบิอังคา มาเรีย สฟอร์ซา (5 เมษายน ค.ศ. 1472- 31 ธันวาคม ค.ศ. 1510) บุตรีของยาน กาลีอัซโซ สฟอร์ซาดยุกแห่งมิลาน และ โบนาแห่งซาวอยแต่ไม่มีลูกด้วยกัน
ครอบครัว
มารีและอาร์ชดยุกมัคซีมีลีอานมีบุตรธิดาด้วยกันสามคน บุตรชายคนโตฟิลิปเป็นทายาทในดินแดนต่างๆ ของมารีภาพใต้การดูแลของอาร์ชดยุกมัคซีมีลีอาน บุตรธิดาของมารีก็ได้แก่:
- ฟิลิปผู้ทรงโฉม (22 กรกฎาคม ค.ศ. 1478 – 25 กันยายน ค.ศ. 1506) ผู้สือบครองบูร์กอญต่อจากมารีเป็น “ฟิลิปที่ 4 แห่งบูร์กอญ” และต่อมาเป็น พระเจ้าฟิลิปที่ 1 แห่งคาสตีลโดยการเสกสมรสกับโจแอนนาแห่งคาสตีล
- มาร์กาเร็ตแห่งออสเตรีย (10 มกราคม ค.ศ. 1480 – 1 ธันวาคม ค.ศ. 1530) สมรสกับครั้งแรกกับเจ้าชายจอห์นแห่งอัสทูเรีย พระราชโอรสในพระเจ้าเฟรนานโดที่ 2 แห่งอารากอนและสมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลลาที่ 1 แห่งคาสตีล) และต่อมากับฟิลิแบร์ตที่ 2 ดยุกแห่งซาวอย
- ฟรันซ์ เกิดและเสียชีวิต ค.ศ. 1481
บรรพบุรุษ
มารีแห่งบูร์กอญ | บิดา: ชาร์ลผู้อาจหาญ | ปู่ทางพ่อ: ฟิลิปที่ 3 ดยุกแห่งบูร์กอญ | ทวดทางพ่อ: ฌ็องที่ 1 ดยุกแห่งบูร์กอญ |
ทวดทางพ่อ: มาร์กาเร็ตแห่งบาวาเรีย | |||
ย่าทางพ่อ: อิสซาเบลลาแห่งโปรตุเกส | ทวดทางพ่อ: จอห์นที่ 1 แห่งโปรตุเกส | ||
ทวดทางพ่อ: ฟิลิปปาแห่งแลงคาสเตอร์ | |||
แม่: อิซาเบลลาแห่งบูร์บง | ปู่ทางแม่: ชาร์ลส์ที่ 1 ดยุกแห่งบูร์บง | ทวดทางแม่: จอห์นที่ 1 ดยุกแห่งบูร์บง | |
ทวดทางแม่: มารี ดัชเชสแห่งโอแวญน์ | |||
ย่าทางแม่: แอ็กเนสแห่งบูร์กอญ | ทวดทางแม่: ฌ็องที่ 1 ดยุกแห่งบูร์กอญ | ||
ทวดทางแม่: มาร์กาเร็ตแห่งบาวาเรีย |
ผู้สืบเชื้อสายจากมารี
บุตรีของมารีมาร์กาเร็ตแห่งออสเตรียเสียชีวิตโดยไม่มีบุตรธิดา แต่ฟิลิปทรงเป็นบรรพบุรุษของกษัตริย์หลายพระองค์ และจากหลานสมเด็จพระจักรพรรดิคาร์ลที่ 5 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์มารีก็เป็นบรรพบุรุษของกษัตริย์สเปนหลายพระองค์เช่นพระเจ้าเฟลีเปที่ 2 แห่งสเปน และ พระเจ้าเฟลีเปที่ 3 แห่งสเปน เหลนสาวโจแอนนา อาร์ชดัชเชสแห่งออสเตรียเป็นแม่ของเอเลโนรา เดอ เมดิชิ และ มารี เดอ เมดิชิ เอเลโนราเป็นแม่ของฟรานเชสโคที่ 4 กอนซากา ส่วนมารีเป็นสมเด็จพระราชินีนาถแห่งฝรั่งเศส พระราชโอรสของมารีคือพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 แห่งฝรั่งเศส มารีจีงเป็นบรรพบุรุษของพระมหากษัตริย์ฝรั่งเศส ทางสายพระราชธิดาของมารีเฮนเรียตตา มาเรียผู้เสกสมรสกับสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 แห่งอังกฤษและมีพระราชโอรสสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 และ สมเด็จพระเจ้าเจมส์ที่ 2) มารีจีงเป็นบรรพบุรุษของพระมหากษัตริย์อังกฤษด้วย
บรรดาศักดิ์
- 5 มกราคม ค.ศ. 1477-27 มีนาคม ค.ศ. 1482: ดัชเชสแห่งบูร์กอญ ในนามว่า "มารีที่ 1"
- 5 มกราคม ค.ศ. 1477-27 มีนาคม ค.ศ. 1482: ดัชเชสแห่งบราบองต์ ในนามว่า "มารีที่ 1"
- 5 มกราคม ค.ศ. 1477-27 มีนาคม ค.ศ. 1482: ดัชเชสแห่งเกลเดอร์ส ในนามว่า "มารีที่ 1"
- 5 มกราคม ค.ศ. 1477-27 มีนาคม ค.ศ. 1482: ดัชเชสแห่งลิมบวร์ก ในนามว่า "มารีที่ 1"
- 5 มกราคม ค.ศ. 1477-27 มีนาคม ค.ศ. 1482: ดัชเชสแห่งโลเธียร์ ในนามว่า "มารีที่ 1"
- 5 มกราคม ค.ศ. 1477-27 มีนาคม ค.ศ. 1482: ดัชเชสแห่งแห่งลักเซมเบิร์ก ในนามว่า "มารีที่ 1"
- 5 มกราคม ค.ศ. 1477-27 มีนาคม ค.ศ. 1482: มากราวีนแห่งนาเมอร์ ในนามว่า "มารีที่ 1"
- 5 มกราคม ค.ศ. 1477-27 มีนาคม ค.ศ. 1482: เคานเทสพาลาไทน์แห่งบูร์กอญ ในนามว่า "มารีที่ 1"
- 5 มกราคม ค.ศ. 1477-27 มีนาคม ค.ศ. 1482: เคานเทสแห่งอาร์ทัวส์ ในนามว่า "มารีที่ 1"
- 5 มกราคม ค.ศ. 1477-27 มีนาคม ค.ศ. 1482: เคานเทสแห่งชาโรเลส์ ในนามว่า "มารีที่ 1"
- 5 มกราคม ค.ศ. 1477-27 มีนาคม ค.ศ. 1482: เคานเทสแห่งฟลานเดอร์ส ในนามว่า "มารีที่ 1"
- 5 มกราคม ค.ศ. 1477-27 มีนาคม ค.ศ. 1482: เคานเทสแห่งเอโนต์ ในนามว่า "มารีที่ 1"
- 5 มกราคม ค.ศ. 1477-27 มีนาคม ค.ศ. 1482: เคานเทสแห่งฮอลแลนด์ ในนามว่า "มารีที่ 1"
- 5 มกราคม ค.ศ. 1477-27 มีนาคม ค.ศ. 1482: เคานเทสแห่งเซแลนด์ ในนามว่า "มารีที่ 1"
- 5 มกราคม ค.ศ. 1477-ค.ศ. 1492: เคานเทสแห่งซุทเฟน ในนามว่า "มารีที่ 1"
บรรพบุรุษ
มารีแห่งบูร์กอญ | บิดา: ชาร์ลผู้อาจหาญ | ปู่ทางพ่อ: ฟิลิปที่ 3 ดยุกแห่งบูร์กอญ | ทวดทางพ่อ: ฌ็องที่ 1 ดยุกแห่งบูร์กอญ |
ทวดทางพ่อ: มาร์กาเร็ตแห่งบาวาเรีย | |||
ย่าทางพ่อ: อิสซาเบลลาแห่งโปรตุเกส | ทวดทางพ่อ: จอห์นที่ 1 แห่งโปรตุเกส | ||
ทวดทางพ่อ: ฟิลิปปาแห่งแลงคาสเตอร์ | |||
แม่: อิซาเบลลาแห่งบูร์บง | ปู่ทางแม่: ชาร์ลส์ที่ 1 ดยุกแห่งบูร์บง | ทวดทางแม่: จอห์นที่ 1 ดยุกแห่งบูร์บง | |
ทวดทางแม่: มารี ดัชเชสแห่งโอแวญน์ | |||
ย่าทางแม่: แอ็กเนสแห่งบูร์กอญ | ทวดทางแม่: ฌ็องที่ 1 ดยุกแห่งบูร์กอญ | ||
ทวดทางแม่: มาร์กาเร็ตแห่งบาวาเรีย |
อ้างอิง
- Taylor, Aline, Isabel of Burgundy
- บทความนี้เรียบเรียงจาก สารานุกรมบริตานิคา, ฉบับ ค.ศ. 1911 ซึ่งในปัจจุบันเป็นสาธารณสมบัติ